วันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2550

รอยจำผาด่าง 8

18/12/50 ข่าวคราวเรื่องนกแก๊กหลงบ้าน อาศัยข้าวสุกอยู่ในบ้านชาวผาด่าง และถูกนกแก๊กที่อาศัยตามธรรมชาติในบริเวณราวป่าผาด่างเข้าจิกโจมตี

ชาวผาด่างคุยกันว่ามันหลงมาเกือบ1 สัปดาห์แล้ว ตากับยายคอยหาข้าวและผลไม้ให้มันกิน และหลบอยู่แต่ในบ้านไม้กล้าออกนอกบ้าน กลัวอาดัมกับอีฟราชาและราชินีแห่งผาด่างไล่รุมตีอีก

บ้างก็ว่านกแก๊กตัวนี้เป็นนกเลี้ยงของคนกรุงเทพที่มีบ้านไม่ไกลจากผาด่าง แต่หลุดบ้านหลุดกรงหลงป่ามา เราถามชาวผาด่างคนเลี้ยงนกตัวนี้ ว่า หากเจ้าของมาขอคืนจะคืนไหม ชาวผาด่างคนนั้นบอกว่า หากว่าเลี้ยงด้วยความเอาใจใส่จริง มันคงไม่ตกระกำลำบาก มีชีวิตเป็นอย่างนี้ เรายังไม่ได้คำตอบ
คำถามที่เกิดกับตัวเอง เรามีป่าเป็นฝาเรือน ให้ท้องฟ้าเป็นหลังคา สัตว์ป่าเป็นเพื่อนบ้าน เกิดอะไรขึ้นกับเหตุผลของคนบางคนที่มีการศึกษา มีความรู้เป็นพื้นฐานทางความคิด เลือกมาอาศัยอยู่รอบๆราวป่าแห่งนี้ร่วมกับชาวบ้านป่าเหมือนๆกับเรา
หากแต่ชื่นชอบกับการซื้อหานกป่ามาเลี้ยง เมื่อมีการซื้อ การล่าจะจบสิ้นลงที่วันไหน พร้อมทั้งเตรียมหาเหตุผลไว้ตอบความชอบธรรมให้ตัวเอง สงสารหากไม่ช่วยซื้อหรือรับเลี้ยง มันหากินเองไม่เป็นอดตาย บ้างก็ว่าคนอื่นฝากเลี้ยงมา
นกที่ไม่อาจช่วยเหลือตัวเองให้ดำรงชีวิตตามธรรมชาติ ไม่ต่างกับนกพิการทั้งร่างกาย และสมอง
มนุษย์ไม่ควรกล้าคาดเดาเอาเองว่าจะสามารถสอนการดำรงชีพในธรรมชาติให้กับนกตัวใดหรือสัตว์ตัวใดได้
ไม่ควรกล้ากล่าวอ้างใช้วาจาเรียกร้องความอยากได้ครอบครอง ทุกสรรพชีวิตคนและสัตว์ ต่างมีค่าเป็นเพียงหนึ่งชีวิต ในการดำรงชีวิตอย่างอิสระเสรีภาพตามวิถีป่าไพร เป็นสิทธิ์ที่ธรรมชาติให้มาอย่างเท่าเทียมกัน


19/12/50 เราเตรียมก้าวเท้าขึ้นรถ พาเด็กป่านักเรียนด่านโงเข้าป่าใหญ่ยอดเขาพะเนินทุ่ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2


เจ้าฟลุ๊คป4. ชาวผาด่างน้อย ขอเข้าป่าด้วยอีกครั้ง เรื่องยินดีอย่างนี้เราตอบรับเสมอ




ก่อนขึ้นรถ แม่ของเด็กน้อยเรียกลูกเข้าไปหา ดูแผลที่หมอทำไว้แต่หลุดรุ่งริ่ง ใช้พลาสเตอร์รุ่นสก๊อตเทปปะย้ำ อย่างเทห์ให้ลูกชาย ก่อนบอกว่าเสร็จแล้วไปได้


20/12/50 ผมเคยเลี้ยงค่าง





แต่ไม่นานเกือบ2ปีก็ตาย เป็นอะไรตายก็ไม่รู้ อยู่ดีๆก็ตาย เราถามแค่ว่า เสียใจมากรึเเหล่า ตอนเค้าตายไป ม่อนเงยหน้ามองเงาร่มใบมะม่วงที่แผ่คลุมเป็นเงา



คงย้อนนึกถึงความทรงจำเก่าๆ มันน่ารักมากเลย ตาแป้วแป๋ว เลี้ยงง่ายครับไม่ดื้อ แต่ซนบ้างเหมือนกัน เหมือนเป็นเพื่อน เป็นน้องคนหนึ่งในบ้าน ตอนที่เลี้ยงมดน้องสาวยังไม่เกิด พ่อผมก็ยังไม่ตาย นึกๆแล้วก็เสียดาย แต่ถ้าให้เลี้ยงอีก ไม่เอาแล้ว สงสารมัน เสียงหนุ่มชื่อไผ่นั่งข้างๆ เล่าบ้างว่า เลี้ยงนกเหยี่ยวไว้ที่บ้าน แต่ตอนนั้นน้องๆยังเล็ก แล้วเหยี่ยวเล็บคมมาก เลี้ยงได้ไม่นาน ก็ต้องเลิกเลี้ยงไป

ตามเวลานัดหมาย บ่ายโมงตรง ในห้องเรียนด่านโง เด็กๆที่เราพาไปเที่ยวป่าแก่งกระจานเมื่อพุธที่แล้ว และนำเรื่องของพวกเค้าไปลงที่เวปไซด์ pantip.com (ห้องดูนก) หน้าตาทุกคนเริงร่า ยิ้มกว้างเมื่อเห็นภาพต่างอิริยะบทธรรมชาติของตัวเอง















และเห็นความสุขกระจายทั่งห้องเรียน ต่างตั้งใจฟังเพื่อนสลับกันอ่านเรียงความ ที่พวกเค้าเขียนจากความรู้สึกและความคิดของเค้าเองกลางลำธารป่าแก่งกระจาน






และเมื่ออ่านมาถึงข้อความที่มีผู้อ่านส่งข้อความยินดีที่เด็กเหล่านี้ถ่ายทอดผ่านตัวหนังสือและภาพ ความสุขความยินดีภูมิใจเกิดในตัวเอง







เป็นพลังที่เรารับได้อย่างชัดเจนและเปลี่ยนเป็นความสุขที่สามารถเป็นตัวกลางคนเมืองคนดีๆที่ช่วยกันเข้ามาสร้างรอยทรงจำดีๆฝังลึกลงในวัยเยาว์ของเด็กน้อยบ้านป่าเหล่านี้ได้



เรากลับมาถึงผาด่างเกือบโมงเย็น สาวชื่อแก้มกำลังเก็บหมอนที่เอาออกตากแดด ทุกอาทิตย์ชาวผาด่างเอาหมอนผ้าห่ม,ที่นอนออกอาบแดด เพื่อไล่กลิ่นอับชื้น




เราชอบหอมกลิ่นแดดกับหมอน


ไม่รู้ว่ามีใครชอบเหมือนเรารึเปล่า หอมหมอนและกอดกดจมูกตัวเองจนหน้าจมไปกับหมอนสูดกลิ่นแดดของวัน ที่ยังติดค้างหลังตากแดดใหม่มาทั้งวัน

เดือนธันวาคม แดดแรงจัดจ้าตั้งแต่อาทิตย์เยือนฟ้าพร้อมกับใบไม้สีน้ำตาลยอมให้ลมพัดพาปลิวร่วงเกลื่อนพื้นดินในผาด่าง สวยน่ามองประทับใจกับป่าราษีธนู































วันพฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2550

นาฬิกา

แก้มสาวหนุ่มไผ่

ชีวิตคู่ที่เลือกร่วมเดินทางไปด้วยกันและมีความยากจนเป็นเพื่อน บางวันรายได้ที่ได้รับมาจากการรับจ้างทำงานในผาด่าง เสียงของแก้มโหวกเหวก บอกความเป็นคนตรงไปตรงมา ส่วนหนุ่มไผ่ คนซื่อ คล่องแคล่ว แข็งแรง แต่ทิศทางของชีวิตหนุ่มคนนี้ ขาดผู้ชี้แนะและเพราะความอดอยากทำให้เส้นทางของชีวิตบิดเบี้ยว แต่โดยเนื้อแท้คือความเป็นคนดีอยู่บ้าง บางอย่างในชีวิตได้หมุนกลับ กลายเป็นชายหนุ่มที่มุ่งมั่นทำแต่งานเพื่อสร้างครอบครัว


วันนี้หน้าร้านค้าผาด่าง ทั้งคู่มากันอีกแล้ว หน้ารถเครื่องมีถุงข้าวห่อเต็มหน้ารถ เราเอิ้นถามจะไปแรงแล้วหรือ(หมายความว่า รับจ้างทำงานรายวัน )ทั้งคู่หันมายิ้มกว้างเป็นพิเศษ หนุ่มไผ่เดินเข้าไปหยิบนาฬิกาไม้ตั้งโต๊ะสูง12นิ้ว ที่ตั้งในครัวผาด่าง อุ้มแนบอกแล้วเอาเสื้อแจ๊กเก็ตกันลมปิดทับ หันมายิ้มอีกที

ก่อนขึ้นรถเครื่อง ขับรถด้วยมือเดียว อีกมือประคองนาฬิกาเรือนโตนั้นไว้อย่างกลัวหล่น มุ่งออกไปทางทิศสู่ไร่สับปะรด มีสาวชื่อแก้ม เกาะบ่าหนุ่มนั่งซ้อนท้าย ก่อนทิ้งฝุ่นให้เราและความสงสัย เอานาฬิกาไม้ในผาด่างไปทำไม


ค่ำคืนนี้ ใต้แสงเทียน พวกเราดื่มด่ำกับบรรยากาศที่เอาฟ้าเป็นหลังคา เสียงพูดคุยเฮฮา สลับเสียงหัวเราะ ชาวผาด่างช่วยกันสรุปแผนงาน ที่ผ่านมา และจุดที่ต้องแก้ไขเพื่อพัฒนาการบริการในผาด่าง

เรื่องที่เราคาใจ มาเอานาฬิกาไม้เรือนโตเอาไปทำไม ไปไหนอย่างไร หนุ่มไผ่เริ่มเมาแล้ว บอกกับพวกเราว่า ไปรับจ้าง แต่คิดเป็นชั่วโมง ไม่มีนาฬิกาข้อมือ ในไร่สับปะรดก็ไม่มีใครอื่นนอกจากไอ้แก้ม

นาฬิกาเรือนโตบอกเวลาและบอกได้ว่าจะได้เงินกี่บาทในวันนี้ เงินที่จะได้รับในวันนั้นเป็นค่าข้าวค่าอาหารในแต่ละมื้อ ขอมีกินแค่วันนี้ (พรุ่งนี้ยังมาไม่ถึง เป็นบางอย่างที่เราคำนึงต่อท้าย)




กลางแดดมีตะวันสาดแสงร้อนอาบไร่สับปะรดมีเพียงสองคน กับเวลาที่กะประมาณพอได้

นี่เป็นความซื่อ หรือความโง่ หรือความบื้อ

ในใจเท่านั้น ที่เห็นความซื่อสัตย์ในตัวตนของคนคู่นี้ กลางโต๊ะกินข้าวชาวผาด่าง ทุกคนต่างเก็บความชื่นชมนี้ไว้ในใจ ก่อนช่วยกันเก็บโต๊ะทำความสะอาดและแยกย้ายกันกลับไปนอน

วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2550

ดูนกแก่งกระจานกับครอบครัวMr.Hoast

เมื่อมาถึงผาด่าง ป่าแก่งกระจานก็เป็นเวลาตี1 เราก้าวเท้าลงรถอย่างงัวเงีย และรีบเดินเข้าบ้านเพื่อให้ตัวเองได้หลับยาวหลังกลับจากป่าเขาใหญ่ ขอนอนให้นานๆหลับยาวๆเถอะ แต่ใจก็รู้ดีว่ามีงานที่สำคัญรอเราอยู่ในตอนเช้า 2 เรื่อง และเป็นเรื่องแสนดี


16/7/50 เรารีบลุกจากที่นอนทันทีที่เริ่มรู้สึกตัว เมื่อเดินมาหน้าร้านผาด่าง เก๋แม่ครัวผาด่างต้มกาแฟไว้แล้ว จ๊อบกล่าวสวัสดียามเช้าตามนิสัยน่ารัก เก๋เล่าว่าฝนตกทุกวันเพิ่งมีวันนี้ที่ฟ้าใสไม่มัวซัว ไม่นานพี่หน่อยก็เข้ามาทักทายว่าเมื่อคืนมาถึงกี่โมง โปรแกรมที่เราต้องทำวันนี้ พี่หน่อยเข้าใจว่าเราคงต้องเตรียมเสบียงอาหารหลายๆอย่าง พี่หน่อยจะพาครอบครัว Flotow ไปเที่ยวที่อื่นก่อน แล้วพรุ่งนี้จึงจะเริ่มเดินทางไปบ้านกร่างและเขาพะเนินทุ่ง

เราทักทายครอบครัว Flotow หลังจากไม่ได้พบกันเกือบ 2 ปี ลุกสาวคนเล็กสูงกว่าเดิมมาก ยิ้มง่ายและไม่งอแงเหมือนเมื่อก่อน หลังจากทานอาหารเช้าและส่งครอบครัว Flotow ขึ้นรถไปเที่ยว คุณอ้วนและสามีก็เดินมาจากบ้านพัก เพื่อเตรียมกลับเข้ากรุงเทพ ฝากเราเรื่องธุระของลูกชายด้วย เกือบ9โมงเช้า คุณโบ๊ทลูกชายคุณอ้วนก็พร้อมเดินทางไปโรงเรียนด่านโง หนุ่มคนนี้อายุเพียง 19 ปี เรียนอยู่ออสเตรเลีย ช่วงนี้ปิดเทอม หนุ่มหล่อมากคนนี้ อยากใช้เวลาว่างพักผ่อนเงียบๆท่ามกลางธรรมชาติ แต่อยากมีกิจกรรมเล็กๆเพื่อสังคม ขอเสนอตัวไปสอนหนังสือเด็กบ้านป่า เราพากันไปที่โรงเรียนด่านโง ห่างจาผาด่างแค่2 กิโล แนะนำให้หนุ่มโบ๊ท รู้จักกับอาจารย์สมชาย ทันทีที่เราจากมาคุณโบ๊ท ก็เข้าสอนวิชาแรกเลยทันที


เราคาดหวังว่าคงพอจะมีเวลาบ้างเพื่อเขียนบันทึกนับนกที่เขาใหญ่ แต่ไม่นานเราพบว่าชายชาวฝรั่งเศษที่เข้ามาถามทางเราตอนเช้าก็เลี้ยวรถเข้ามาจอดหน้าผาด่างอีกครั้ง เราออกไปต้อนรับและชวนพูดคุยถึงความต้องการ แต่ชายคนนี้เก่งภาษาอังกฤษพอสมควรแต่สำนวนฟังยากมาก ตัวเราอ่อนภาษาอังกฤษเอามั๊กๆ กว่าจะรู้จุดประสงค์ว่าต้องการเช่ารถoff road เพราะเส้นทางไม่ดี บวกกับไม่มี guide พาดูนก เราเสนอตัวว่าเราเป็นเพื่อนพาดูได้แต่ไม่เก่งและไม่เสียค่าใช้จ่ายเพียงแต่จ่ายค่าเช่ารถก็พอแล้ว


ก่อนบ่ายเราและพี่เปี๊ยกขับรถไปกับชาวต่างชาติคนนี้เดินทางสู่บ้านกร่าง จากด่านสามยอด-บ้านกร่างเส้นทางเต็มไปด้วยต้นไม้และกิ่งไม้ที่ล้มกีดขวางทางไปตลอด บางช่วงไม้ใหญ่ที่ล้มต้องถอยรถถึง 2-3 ครั้ง คืนนั้นกว่าเราจะได้say good bye ก็เกือบ 5 ทุ่มแล้ว เรามองตามหลังแสงไฟท้ายรถที่วิ่งฝ่าความมืด และแหงนหน้าชมฟ้า เห็นดาวลอยเกลื่อนและหนึ่งในหมู่ดาวดวงน้อย กระพริบนิดๆเหมือนกล่าวราตรีสวัสดิ์

17/7/50 ต้นไทรลูกสุกเหลืองเต็มต้น ลูกเล็กๆร่วงจากใบบนสู่ใบล่างดังเปาะแปะๆยามนกน้อยปากจิกผลไทรกลืนกิน ลูกสาวและภรรยาแม้ไม่ชอบดูนกเหมือนคุณพ่อ แต่ก็อดตื่นเต้นไปกับสีสันลีลาท่าทางน่ารัก น่ามองตาม ของนกป่าแก่งกระจานไม่ได้ คุณพ่อแสนน่ารักก็จัดตั้งกล้องให้ลูกสาวได้ชื่นชม และต้องตื่นเต้นครอบครัวนกเงือก wreathed hornbill บินผ่านศีรษะกลุ่มของเราไป เสียงลมหนักแหวกปีก เสียงแห่งมนต์เสนห์ ตอกย้ำว่านี่คือเสียงแห่งป่าใหญ่ ต้นไม้ที่ยืนค้ำฟ้า พวกเขาเหล่านี้คือผู้ปลูกที่แท้จริง ป่านี้คือบ้าน เป็นรังแห่งความรัก ที่สร้างครอบครัว ให้กำเนิดชีวิตของลูกหลาน เราเป็นแค่ผู้มาเยี่ยมเยือนเท่านั้นเอง หาใช่เจ้าบ้านไม่


ที่บ้านกร่างเราหยุดพักเพื่อทานอาหารกลางวัน คุณ Horst Flotow ขอตัวเดินชมนกคนเดียว ช่วงที่เราจัดอาหารกลางวันและเตรียมชงเครื่องดื่มร้อนๆให้คุณและครอบครัวทาน ไม่ถึง10 นาที คุณ Horst Flotow เดินกลับมา ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มคุณเล่าว่าได้พบ นก eared-pitta คุณ Flotow ข้ามน้ำข้ามทะเลพาเมียจูงลูกมาเพื่อดูนก หรือธรรมชาติส่งมอบของขวัญให้กับคุณ เราถามตัวเองว่าแล้วตัวเราเล่าจึงยังไม่เคยได้พบเจอ แต่คำตอบที่ให้ตัวเอง เรารู้แก่ใจเสมอ


18/7/50 บนยอดเขาพะเนินทุ่ง เช้านี้สว่างจ้า หลังจากฝนพรำทั้งคืน เจ้าหน้าที่บอกว่าฝนอย่างนี้มาเกือบเดือนแล้ว ไม่เจอะเจอตะวันเลย กลุ่มเรามีแสงอาทิตย์สาดส่อง เรารีบจัดอาหารเช้าและเดินทางสู่ ก.ม 27 คุณ Flotow ย้ำความต้องการอีกครั้ง rusty-naped pitta คือเป้าหมาย เราเป็นผู้ช่วยมองหานกตัวที่ว่า ทุกครั้งที่ใบไม้ขยับหรือเสียงดังแม้แผ่วเบา ความหวังเดินไปกับเราทุกย่างก้าว ไม่เคยเลือนหายจากใจ เราตั้งมั่นและทุ่มสุดใจเสมอ แม้จะรู้ว่ายังด้อยประสพการณ์ ใจที่เตรียมรับ ไม่เสียใจหากไม่มีโอกาสชื่นชมเจ้านกป่าที่หมายพบเจอ


ช่วงเวลาที่เราเดินไปกับคุณ Flotow เดินกันไปอย่างเงียบและเงียบ หรือเพราะสื่อภาษาที่ยากเย็น เราตระหนักว่าคุณเดินทางมาไกลเพื่อดูนก ไม่อยากรบกวนเวลาอันมีค่าที่คุณจะเดินคนเดียวมองหานกที่คุณใฝ่ฝันอยากพบและได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่รายล้อมอยู่ทุกฝีก้าว มีบางช่วงที่คุณผิวปากเลียนเสียงนกในธรรมชาติ ทั้งไพเราะและร้องได้เหมือนแทบทุกชนิด สีของนก rusty-naped pitta ในหนังสือเป็นสีสนิมผสมใบไม้แห้ง และเขียวขี้ม้าอมน้ำตาล ทุกครั้งที่เรากวาดตามองหาสิ่งเคลื่อนไหวตามพื้นดินใบไม้ร่วง กลับกลายเป็นใจเราเอง ทุกที่ที่เราพบคือสีของนกrusty-naped pitta ตัวนั้นนั่นเอง


นกหลากหลายชีวิตที่โบยบินออกมาให้เห็นริมทาง ให้เราต้องก้มมองหาตามใต้พุ่มกิ่งไม้เตี้ย และหัวเราะเบาๆเป็นฝูงแกล้งให้ชะเง้อตามกิ่งยอดสูงตั้งชี้ฟ้า บางครั้งพวกเจ้าพากันร้องสนั่นลั่นป่า มีแค่ครั้งหรือสองครั้งเท่านั้นเองที่นก rusty-naped pitta กู่ร้องตอบรับว่าอยู่ตรงนี้จากร้องผิวปากของคุณ Flotow แต่เพียงพอที่ทำให้คุณมีพลังแห่งความหวังยังมีพรุ่งนี้อีกครั้งให้ได้เดินค้นหา และใจเราก็ชอบเดินตามไปกับคุณด้วย


19/7/50 เรามองตามหลังคุณ Flotow ที่เดินไปกม .27 คนเดียว ทิ้งให้เราและชาวผาด่างจัดรื้อเตนท์เตรียมย้ายกลับสู่บ้านกร่าง คุณกลับมาตรงตามเวลาที่นัดหมาย และเล่าเรื่องสมหวังให้เราฟัง นก rusty-naped pitta ออกมาตามเสียงผิวปากที่คุณร้องเรียกและตอบรับออกมาให้ต่างพบสบตากันด้วย ธรรมชาติคัดแยกเราออกมาให้เป็นเพียงผู้รับฟังเรื่องดีใจแค่นั้นอีกครั้งหรือ


20/7/50 เดินผ่านมองดูต้นไม้ในป่าใหญ่ที่บ้านกร่างสองข้างทาง เราชอบสูดไอดินชื้นแฉะ กลิ่นสาบค่างและเสียงครางของ กระรอกดง คราวนี้ที่เห็นยามใบไม้กระเพื่อม เจ้าเริ่มอยู่เป็นคู่อีกครั้งแล้ว บนยอดไม้สูงแหงนคอตั้งบ่าอีกไม่นานลูกเจ้ากระรอกดงตัวเล็กๆคงกำเนิดที่ป่าแห่งนี้อีกครั้ง


ดอกไม้ป่าดอกเล็กๆสีขาวสลับม่วง หล่นร่วงกระจายหอมตลบอบอวล เราเอามือกอบขึ้นมาแล้วสูดดมกลิ่นหอมลึกๆ หอมอยู่อย่างนั้นเป็นนาน ก่อนจะส่งให้หนุ่มจ๊อบลองดมดูบ้าง หลังจากชื่นชมดอกไม้ป่าเสียนาน เราต้องรีบจ้ำเดินตาม คุณ Flotow เสียงร้องของนกพญาปากกว้างที่คุณสอนเราให้หัดฟัง จำแนกเสียงของ banded boardbill และพญาครุฑแห่งใจเรา dusky boardbill เสียงนกกระเต็นหลังลาย banded kingfisher ที่เราพบเห็นในกล้องสองตา แต่คุณ Flotow ได้พบคือได้ยินเสียง และเสียงนกอีกมากมายที่คุณสอนเราว่าเป็นนกอะไร


orange –breasted trogon นกอกสีส้มที่ยืนเกาะกิ่งไม้เอี้ยวตัวชม้ายตาหวาน สบตาผ่านกล้องสองตา สุดแสนพิเศษ คุณ Flotow ร้องผิวปากคุยกับเจ้านกอกส้มแจ๊ด นกน้อยตะเบงเสียงตอบรับจนอกกระเพื่อม แต่แววตากังขา ใครกันส่งเสียงเหมือนเป็นพวกเหล่าเดียวกัน แต่ยิ่งมองยิ่งโก่งคอส่งเสียงตอบรับกลับไม่ใช่เพื่อนพ้องในสกุล


ตลอด4 วันที่เราอยู่และมีหน้าที่คอยดูแลจัดหาที่นอน ทำอาหารให้ครอบครัวคุณทาน ช่างเป็นช่วงเวลาสุดพิเศษมากสำหรับเรา ในนาทีแห่งเวลานี้คุณ Flotow มอบความมหัศจรรย์แห่งธรรมชาติที่เราได้เรียนรู้ ซึมซับ เข้าใจอย่างอ่อนโยน หลากหลายความหมายที่ธรรมชาติซ่อนเร้น แต่เมื่อรู้แล้วกลับไม่ใช่ความฉลาดที่ได้ กลับกลายเป็นความสุขในหัวใจที่ได้เข้าใกล้ใจธรรมชาติมากขึ้น แม้เพียงแค่มุมเล็กๆมุมหนึ่ง หรือธรรมชาติส่งคุณ Flotow ให้เรา หาใช่ นก eared – pitta หรือ นก rusty-naped pitta ที่เราดั้นด้นค้นหา หากแต่เป็นชายคนหนึ่งที่เดินข้างๆ เรา หรือ เดินนำหน้าเรา ให้เราได้เดินตาม


promise มีแต่สายฝนที่กระหน่ำเป็นละลอกตลอดครึ่งวัน หลังจากทานอาหารเที่ยง การมองสายฝนนานแสนนานจนใจเราเหม่อลอยไปที่ไกลแสนไกล โปรแกรมช่วงบ่ายที่กำหนดเดินดูนก บริเวณอาคารนอนเรือนเยาวชนเปลี่ยนไป แต่สีหน้าคุณ Flotow ไม่ได้เหงาซึม ผิดหวังเสียดาย นกที่คุณเดินค้นหาแม้ยังไม่ครบที่คุณตั้งเป้าหมาย แต่คุณคงคิดเหมือนเรา พอใจในสิ่งที่ธรรมชาติกำหนดให้เสมอ

เกือบ4โมงเย็นเราตัดสินใจหันรถกลับสู่ผาด่าง ทิ้งสายฝนที่ยังคงโปรยเป็นน้ำเย็นลงมาอย่างใจยอมแพ้ไว้ที่บ้านกร่าง เมื่อมาถึงโป่งเทียมฝนไม่ได้ตามเรามา เราหันกลับไปมองผืนป่านี้ เมฆที่บ้านกร่างยังสีเทาเข้ม ผืนป่ากว้างใหญ่สีเขียวชุ่ม ค่อยๆห่างเราออกไปทุกทีที่วงล้อหมุน ผืนป่ายืนนิ่งเหมือนรอคอยให้เรากลับไป สัญญาอีกแล้ว เรา…. จะกลับมา


ที่ผาด่าง พยุงชาวผาด่างรีบเล่าให้ฟัง วันนี้คุณอ้วนมารับคุณโบ๊ทกลับกรุงเทพแล้ว รอที่จะพบเราไม่ไหวกลัวถึงกรุงเทพมืดเกินไป มอบเงินไว้ให้ 6,000 บาท เป็นค่าอาหารกลางวันเด็กบ้านด่านโง หรือจัดเป็นทุนการศึกษาก็ได้แล้วแต่พี่กุ้งเห็นสมควร จะโทรหาพี่กุ้งเพื่อพูดคุยเรื่องการช่วยเหลือเด็กบ้านป่าอีกครั้ง เสียงที่เราร้องขออย่างจริงใจและซื่อสัตย์ วันนี้มีเสียงกระซิบตอบรับแล้ว


เยือนดินแดนเมืองแดดทำเกลือปากทะเล เดินย่ำทรายกับ BCSTตามดูนกชายเลน

เยือนดินแดนเมืองแดดทำเกลือปากทะเล เดินย่ำทรายกับ BCST ตามดูนกชายเลน

บนรถที่กำลังมุ่งหน้าสู่ทิศใต้ เสียงของเพื่อนร่วมเดินทางไปดูนกพูดคุยกันเบาๆ ถึงประสบการณ์ การดูนกและความประทับใจในเรื่องราวความหลัง ฟ้าเริ่มสางแล้ว ดวงอาทิตย์โผล่ขอบฟ้าตามหาดวงจันทร์เริ่มขึ้นอีกครั้ง นกเริ่มออกโบยบินบนฟากฟ้าเป็นสัญญาณของวันนี้เราจะพบกันที่เดิม ปากทะเล แหลมผักเบี้ย เพชรบุรี

เมื่อเรามาถึงปากทะเล แดดที่เห็นอ่อนๆใต้เงาตามป่าชายเลน แต่หลังป่าชายเลนแดดจัดจ้ายืนสาดแสง รอพวกเราทุกคน เราพบคุณพินิจ และภรรยาของคุณ แทบไม่มีเวลาแนะนำตัว คุณทั้งสองพาเราเดินผ่าทุ่งน้ำป่าชายเลนสู่ชายหาดทะเลโคลน

ตรงนี้เสียงของคุณพินิจและภาพนกในกล้องสโคป คุณตั้งใจอธิบาย อย่างละเอียด พยายามให้ง่ายต่อการเข้าใจนกชายเลนสีขาวที่บินและถลาลงเกาะพื้นทราย ตอนแรกที่เรามองหา มองไม่เห็นอะไรเลย นอกจากท้องฟ้าเจิดจ้า และหาดโคลนสีมัวๆ คุณยกมือชี้ว่าอยู่ตรงไหน เราถึงกับร้องอ๋อ นกชายเลน sanderling ขนาดตัวและสีกลมกลืนกับแสงแดดที่ส่องตาพร่ามัว นกน้อยถูกกลบหายกลืนหายไปกับชายโคลน

เมื่อเราเข้าใจวิธีการมองหา เรากลับพบว่า อีกตัว และอีกตัวไม่ไกล ข้างๆ เจ้าตัวน้อยที่เดินเด้าะๆ เหมือนจังหวะเต้นรำไปตามหาดโคลน แต่ตัวใหม่ใกล้ๆกลับกลายเป็นอีกชนิด สีที่ใกล้เคียง ขนาดที่ไล่เลี่ย ต่างกันที่คิ้วแตกหรืออะไรแว่วๆ เข้ามา

กลางแดดหาดสีโคลน เรามองคุณพินิจและเลยมองตามปลายนิ้ว ที่คุณชี้ และอีกมือของคุณที่ยกป้องแดด หันหน้าไปทางทิศที่ตะวันยืนสาดแสงจ้าแยงตา ตรงนั้นนกชายเลนหลายฝูงและมากมายหลายชนิด นกเกือบทั้งหมดเดินอยู่ตรงขอบหาดทรายที่เป็นคลื่นพับตื้นๆและทะยอยซัดหาชายฝั่งอย่างเงียบๆ ตอนนี้ พวกเราต้องรอ เพียงแค่รอน้ำขึ้น ประมาณตอนเที่ยงวันไว้ เราตื่นเต้นกับความหวัง นกเป็นร้อยๆที่ห่างไกลริบๆ จะมาใกล้ตา


เสียงของคุณพินิจ ยังคงดังแจ่มใส บนฟ้ามีเหยี่ยว เสียงใครขัดจังหวะ คุณพินิจมองตามและพูดถึงเหยี่ยวแดง2-3 ตัวที่กำลังบินกางปีกกว้าง เสียงบอกเล่าว่าที่เห็นมีทั้งเหยี่ยววัยอ่อน เต็มวัย อพยพ เรายกกล้องส่องไปบนฟ้า หูฟังได้ยินคำว่า window และ window เสียงนั้นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นให้ความรู้เพื่อเข้าใจชีวิตที่มีฟ้าเป็นเพื่อน


แสงแดดไม่เพียงเผาตัวเราแต่คอยคุเผาความอดทนให้มอดลง เมื่อเรามองหน้าคุณพินิจ คุณยืนกลางแดดสีแดง ย้ำๆ กับคำความหมาย การจำแนกนกชายเลนไม่ยากเลย และสนุกอีกด้วยแต่ต้องมีความตั้งใจ ให้สังเกตความสูงของขานก ความยาวของปาก ความสูงของลำตัว และเช่นกันให้ดูที่ความยาวของลำตัวก็จะสามารถแยกชนิดอีกเหมือนกัน และในตระกูลใกล้เคียงกัน ให้เราจับคู่เหมือนหรือจับคู่คล้ายแต่ให้จำแนกหรือแยกจดจำเพียงหนึ่งเดียวของนกชายเลนชนิดนั้น และเมื่อใดที่เราพบหนึ่งในคู่เหมือนเราก็จะทราบทันที ว่าเราพบตัวใด ไม่ยากเลยนะครับ


เราพบตัวเองหนีไปนั่งหลบแดด โดยมีแสลนซีดๆ มอๆ เก่าเปื่อยเป็นรูโตๆ ของชาวประมงเป็นฉากกั้นแดดไฟ เกือบทุกคน มองหาเงากันและกันเพื่อหลบหนีจากความร้อน แต่คุณพินิจยังยืนอย่างร่าเริงและส่งเสียงให้ความรู้ และเอาใจใส่ปรับแสลนเปื่อยผืนนั้นให้ทำงานได้มากกว่าเดิม


เสียงสดใสอย่างดีใจของคุณพินิจที่กล้องพบนกมีห่วงขา และวนเวียนให้พวกเราได้เห็นวงแหวนสีเขียววงนั้น ห่วงสีเขียวอยู่ตรงขอบขาล่างสุด คุณเล่าถึงความจำเป็นที่ต้องทำงานใส่ห่วงขานก วิธีการให้ความระมัดระวัง ห่วงสีคือคำตอบ นกบินไปไหนมาบ้าง และสามารถรอดบินกลับมาที่เดิม ตามตารางเวลาและบอกได้ถึงเส้นทางที่บินได้อีกด้วย และอายุปีของนก ค้นพบความมหัศจรรย์ว่า นกบางตัวอายุของนกมากถึง40 ปี


เมื่อใกล้เที่ยงชายขอบน้ำทะเลยังห่างไกลเสียเหลือเกิน ชาวประมงเดินผ่านไป เสียงถามตามหลังชายประมงคนนั้นว่า ลุง วันนี้น้ำทะเลจะขึ้นมาประมาณกี่โมงครับ ชายประมงเงยหน้าบอกว่า วันนี้ น่าจะประมาณบ่าย2โมงหรือเกือบบ่าย3 โมง แน่นอน คุณพินิจปรึกษากับอาจารย์อมร และพาพวกเราเดินกลับไปที่จอดรถตู้ แต่เรารู้อย่างหนึ่งในใจ ว่านักดูนกทุกคนไม่เคยยอมแพ้ถ้าตะวันไม่จากฟ้า



หลังจากมื้อเที่ยงผ่านไป ข้างหน้าเรือประมงจอดเรียงรายกัน เรือแทบทุกลำเป็นสีฟ้าสดเกือบเหมือนกันหมด แต่งแต้มกับสีส้ม หรือแดง จนดูเหมือนคู่แฝดไปทั่วสะพานปลา เจ้าของเรือแค่ต้องจดจำของตัวเองเพียงลำเดียว หรือเหมือนนกชายเลน เหมือนๆ กันแต่ไม่เหมือน


ท่าลงเรือเมื่อเรือเริ่มเลื่อนออกจากท่า สายลมสดชื่น วิ่งสวนผ่านปะทะหน้าเราไป ต้นโกงกางยืนเป็นป่าเข้าแถวรอเรือวิ่งผ่าน เหมือนถามว่า พวกคุณจะไปไหนกัน และนกยาง Chinese egret ยืนนิ่งสง่างามบนกิ่งโกงกางข้างหน้าไม่แม้มองชำเลืองมองพวกเรา สะพานคนเดินที่ทอดยาวอย่างโดดเดี่ยวเหมือนไม่มีที่สิ้นสุดตามแนวป่าชายเลน นกเหยี่ยวแดงกางปีก brahminy kite ล่อนวนจากไกลมาใกล้ เสียงเราบอกว่า นั่นไง เราเห็น windowแล้ว ไม่นานนักหาดทรายก็อยู่ในสายตา และเมื่อใกล้เข้าหาดทรายนั้นก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ


พวกเราเดินตามเงาและรอยทรายกันและกันเป็นแถว มีกำแพงหินเตี้ยๆนอนทอดตัวยาว หินคมแปลกปลอมแต่ละก้อนไม่ใช่หินของทะเล คงเป็นผลงานคิดค้นควบคุมธรรมชาติอีกอย่างของมนุษย์ บนโขดหินมีนก ชายเลนเดินอยู่หลายตัว


บทเรียนเริ่มอีกครั้ง นกคัวนี้ ในกล้องสโคป นกชายเลนสีขาวคุณให้สังเกตที่ เธอยืนจับคู่ของเธอ และไม่นานนกยางดำ pacific leef egret ก็โผล่ออกจากซอกหินยืนรับลมรอเมฆก้อนสีเข้มที่มุ่งเข้าหาทุกชีวิตบนหาดทรายผืนน้อย ละอองฝนเย็นๆไหลซึมลงใต้พื้นเม็ดทราย สุดท้ายเมื่อฝนเดินทางจากไป ฟ้าสีใสๆกลับเข้ามาแทนที่พร้อมกับนกชายเลน


ฝูงนกน้อยน้อยชายเลน rufous –necked stint เริงร่า บินเป็นฝูงขนาดใหญ่ บินวนตีโค้งลงหาชายหาด และทิ้งตัวลงเกาะพื้น แต่แล้วที่เราเห็น นกทั้งหมดแต่ไม่ทั้งหมด เพียงบางส่วนที่ลงโฉบหาพื้นทราย ส่วนใหญ่กลับโผบินขึ้นฟ้า บินล่อนเป็นวงแหวนเหิรบินวนรอบฟ้า ก่อนถลาลงหาด เพียงส่งเพื่อนๆลงพื้นดิน แค่บางส่วน ที่เหลือทำอย่างเดิมอีก2-3ครั้ง


เราเริ่มมองอย่างสนใจว่าครั้งไหน จึงจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เจ้าตัวน้อยๆพวกนี้จะได้ลงพื้นกันครบหมดทุกตัว เมื่อสิ้นสุดการเฝ้าหาคำตอบ บางตัวเดินหาอาหารแต่จะไม่ยอมห่างไกล จากฝูงมากนัก บ้างยืนแต่งตัวไซร้ขน นานและนาน บางตัวนั่งฝังตัวกับพื้น แทบจะจมหายไปกับเม็ดทราย ที่สังเกตเห็นคือขนบางๆสีขาวปลิวเล่นกับสายลม


เสียงของคุณพินิจ ดูที่โคนปากนะครับเป็นสีชมพู common redshank เปิดหน้า..หนังสือประกอบด้วยครับ และอีกตัวปากจะโค้งลงเล็กน้อยเห็นกันหรือเปล่าครับ spotted redshank มาดูที่สโคปตัวนี้ก็ได้ครับหมุนปรับเล็กน้อยถ้ามองเห็นไม่ชัด หมุนตรงนี้นะครับ


แหลมผักเบี้ย บ่ายมากแล้ว ตะวันเริ่มอ่อนแสง รถตู้ที่พาพวกเรามาค่อยๆจอดลง และคุณพินิจเน้นบอกพวกเราว่าให้เดินตามเกาะกลุ่มและย้ำว่าอย่าแตกออกจากกลุ่ม เพราะนกจะตื่นและบินหนีไป ที่นี่มีนกยืนนิ่งรอพวกเราอยู่หลายตัวมากมายหลายชนิดและเป็นนกขนาดใหญ่ บางตัวรอเราอยู่ตามตอไม้ในบ่อโครงการ และบางตัวยืนนิ่งขาเดียวอยู่ที่ขอบน้ำเรียงระเบียบเป็นแถว


คุณพินิจสอนการสังเกตชนิดของกาน้ำ Indian comorant ตาสีฟ้าและมีจุดขาวรอบๆวงตา เสียงที่ย้ำกับภาพที่เห็น ชัดเจนในใจเรา เมื่อถอยเท้าเดินจากกล้องเพื่อให้เพื่อนคนอื่นๆได้เห็นดวงตาสวยสีเขียวเข้มอมฟ้า วงตามีจุดขาวนั้นบ้าง


คุณพินิจกล่าวว่าเวลาอย่างนี้ เหมาะกับการพาชมนกชายเลนอีกสักครั้ง และรีบพาต้อนพวกเรามาที่ชายเลนอีกครั้งก่อนตะวันจะลับฟ้า ชายหาดโคลนข้างหน้าเรา มีนกชายเลนกำลังเดินหากิน


เสียงคุณพินิจคอยบอกแนะย้ำถึงคุณค่าวิถีชีวิตน้อยๆ ที่มีความสำคัญกับดรรชนีของโลกเรา และฝากความห่วงใยนกทุกตัวกับพวกเราว่า หากมีใคร อยากย้อนกลับมาดูนก ขอให้เคารพกติกา ชาวนาเกลือ เพราะหลายๆครั้ง ชาวนาเกลือค่อนข้างไม่พอใจ คนดูนกที่ขาดความเข้าใจวิถีชีวิตคนทำเกลือก้าวล้ำเส้นมารยาท และผลร้ายกลับตกอยู่ที่นก ชาวบ้านไล่ยิงนกเพื่อหยุดการเข้ามาเฝ้าชมนกของชาวดูนก


เมื่อ พระอาทิตย์เจียรจากฟากฟ้าเป็นเวลาที่พวกเราทุกคนยกมือไหว้สวัสดี ขอลาก่อน และขอบคุณคุณพินิจและภรรยา เสียงคุณพินิจยังดังเวียนวนคล้ายเหยี่ยวแดงปรากฏตัวบินวนบนฟ้ากว้าง เสียงที่ชัดเจนไม่เคยสนใจคลื่นความร้อน ใจไม่รับรู้ไอลมอ้าวละอุเต็มใจมอบสอนคุณค่าชีวิตนกชายเลน เต็มที่ส่งความหมายความสำคัญของชีวิตนกชายเลน แดดที่คอยจ้องแผดเผาทำได้แค่เผาตัวเอง



วันนี้ธรรมชาติส่งนกทุกตัวปรากฏตัวเกาะตอไม้นิ่งรอคุณ และยืนเด่นชัดให้คุณเห็นแทบทุกหาดที่คุณย่ำทรายก้าวไป และกำลังใจที่คอยโบยบินร่อนเล่นลมเพื่อมอบให้คุณตั้งแต่อรุณเบิกฟ้าจนแสงตะวันสุดท้ายลับลา


สมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย ขอขอบคุณ วิทยากรนำดูนก คุณพินิจ แสงแก้ว คุณอมร ลิ่วกีรติยุตกุล และน้องๆอาสาสมัครที่ช่วยเหลืองานทางสมาคมฯ มาด้วยดีตลอดมา ขาดไม่ได้ในครั้งนี้คือสมาชิกทุกท่านที่ให้การสนับสนุนกิจกรรมดูนกของสมาคม มาตลอด เจอกันทริปหน้าครับ ปูเสฉวน รายงาน28 กันยายน 50



บันทึกเล่าความหลังจากแลนก....เพชรบุรี

4/3/50 บันทึกเล่าความหลังจากแลนก….เมืองเพชร

ใกล้ฟ้าสาง รถกำลังพาเรามุ่งหน้าไปจังหวัดเพชรบุรี แสงไฟของรถ2ข้างทาง สาดจ้าเข้าตา ต้องผ่อนคลายด้วยการหลับตาไปพลางๆ ได้ยินเพลงที่เปิดขับกล่อม I love you ,lean on me เดินทางคราวนี้ ได้พบคุณอร เพื่อนดูนกที่เคยย่ำเท้าเคียงข้างเคยส่งเสียงหัวเราะ ร่วมกันเวลาพบนกสวยตัวถูกใจ


I wouldn’t let you go แล้วเนื้อเพลงประโยคนี้แว่วมาเบาๆ จะเป็นนกตัวไหนหนอที่เราจะร้องขอ หรือจะไม่มี ครั้งนี้เราวาดภาพความสุขกลางวิมาน พอประมาณ ดูนกครั้งนี้คงไม่พบนกสวยงามสีสวยให้ชมหรอก เพราะเคยเปิดในเวบไซด์ นกชายน้ำสีจืด รูปร่างสีเหมือนกันไปหมดแยกชนิดยาก แล้วเราจะมีความสุขอะไรมากเล่า แต่การตัดสินใจมาคงเพระอยากเข้าใจอยากรู้จัก นกชายเลนบ้าง เขียนมาแล้วก็บอกตัวเองได้ว่าเหตุผลยังไม่พอ ยังไม่พอ


เมื่อมาถึงเขาย้อย แยกจากถนนใหญ่มาตามทางลูกรัง ทุ่งนากว้างยามเช้าแสงอาทิตย์เรื่อๆ ขณะลงรถ ภาพที่ทำให้เราตื่นตา จนหัวใจพองโต นกกระยางฝูงใหญ่บินข้ามหัวไป ในระยะใกล้ตาไม่สูงมากจนเห็นแข้งนกและเล็บเท้าสีดำสลับเหลืองสดชัดเจน ฝูงแล้วฝูงเล่า บินเป็นระลอก ๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เรากับนกกระยางออกบินและออกเดินบนเส้นทางเดียวกัน มอบเช้าที่สดชื่นมอบให้เรา ความลับของนกกระยาง ไม่มาตัวเดียว ไม่นอนตัวเดียว มากับเพื่อนๆพี่น้องของเธอ



เสียงคุณวัชระ เจ้าหน้าที่ของสมาคมส่งเสียงชี้ชวนให้ดูนกเหยี่ยวฝูงใหญ่ ในชีวิตเกิดมาก็ไม่เคยได้รู้ว่าเหยี่ยวอยู่รวมกันหรือเห็นเหยี่ยว เป็นฝูงมากมายขนาดนี้ เกาะตามต้นตาลยอดสูงจนใบตาลหักลู่ ทิ้งคลาบมูลขาวไว้ทั่วใบทั่วต้น เราถามคุณวัชระทำไมเหยี่ยวพวกนี้ยังไม่บินออกหากินเหมือนนก ที่หากินแต่เช้า มัวแต่เกาะตามต้นไม้ไม่หิวหรือไร เหยี่ยวดำ เป็นเหยี่ยวขนาดใหญ่ จึงต้องอาศัยลมร้อนช่วยในการบินล่อนวนหาเหยื่อและลมร้อน มักเกิดตอนสายๆ (และต้องให้เหยื่ออิ่มอาหารเช้าก่อนจะได้อ้วนพลี) ก่อนวงเล็บเปิดเป็นคำตอบของคุณวัชระแต่ในวงเล็บเป็นของเราเอง



หลังจากลาทุ่งเขาย้อยเดินทางสู่วัดเขาตะเครา อากาศเริ่มร้อนและแดดแรง บางช่วง ถนนเป็นลูกรังหรือเป็นหลุมเป็นบ่อ เจ้าของรถเริ่มขับแบบถนอม สองข้างทางพบเห็นร่องรอยอดีตของป่าชายเลนกระจัดกระจายทั่วเป็นพื้นที่กว้างสุดตา ซากตอไม้สีขาวเตี้ยๆผุๆ ยืนแช่น้ำทักทายสายตาเรา ป่าโกงกางที่เหลือเป็นแค่หย่อมเล็กๆยืนกางขากางกิ่งก้าน


ทำไมธรรมชาติจึงกำหนดให้มีแต่มนุษย์คอยย่ำยีเข่นฆ่าธรรมชาติ… หรือเพื่อเป็นบทเรียนให้ลูกหลานเข้าใจความทรมานความสูญเสียเมื่อเพื่อนธรรมชาติที่ดีที่สุดตายจากไป



เสียงตัวเองที่ร้องขอโปรดจอดรถ ด้วยนกกาน้ำ นกในฝันบินผ่าน นำสายตาให้ได้พบอีกตัวและอีกหลายๆตัว นกสีดำขนาดใหญ่เท่าเป็ดเทศยืนตั้งฉากเกาะตามตอไม้ผุเตี้ยๆ กางปีก บางตัวยืนหุบปีกกลางแดดจ้า แทบทุกตอในแอ่งน้ำตื้นๆเจ้ากาน้ำเกาะจับจองยืนอวดตัว ตาดำสนิทมองเราและบินผละไปเมื่อเราใกล้เกินกว่าจะไว้ใจ และโผลงเกาะตอไม้ห่างออกไปไกลจากเรา เพื่อสอนว่าอย่ามาใกล้เกินไป



ตื่นเต้นตื่นตาครั้งใหญ่กับนกกระสานวล ที่ตัวโตสูงสีเทาอ่อนๆเดินเก้งๆก้างๆ และต้องเดินไขว้ขาเพื่อทรงตัวลดแรงลมพัด อีกครั้งกับอีกตัวที่ทำให้สายลมร้อนคลายลง นกกุลาทำให้ทั้งรถสะเทือนจากการขยับตัวเฮไปรวมทางทิศที่นกยืนอยู่ ตาที่หลี่ปลือจากความง่วงนอน กลับเป็นประกายสดใส ทั้งรถมีแต่เสียง ตรงไหนค่ะ ตรงไหนครับ อื้อฮือ สวยจัง เท่จัง ชอบจัง
นกกุลายืนหากินในน้ำแฉะท่ามกลางนกกระยางแต่ลักษณะเด่นปากยาวดำโค้งลง คอยาวๆก็เป็นสีดำแต่ลำตัวเป็นสีขาวสะอาดไม่มีเปื้อนขี้เลนแม้ย่ำโคลนมาทั้งชีวิต



แหลมผักเบี้ยชื่อนี้คุ้นหูบ่อยมากเป็นที่ๆกล่าวขานกันในความพิเศษ เมื่อมาถึง เราแอบตื่นเต้นนิดๆ มองลอดหน้าต่างรถออกไป เห็นรถที่เข้ามาดูนก2-3 คัน แล้วคนไปไหนไม่เห็นคนดูนกเลยแล้วความเข้าใจก็ตามมาทีหลังเสมอ ดูนกที่แหลมผักเบี้ยควรต้องอยู่แต่ภายในรถ ขับรถไปช้าๆเนิบๆตามถนนแคบ วนไปวนมาเรื่อยๆ ส่องกล้องดูนกไปพลาง นกหลากหลายชนิดเดินหากินแบบสบายผ่อนคลายไม่มีอาการ ตื่นกลัวไม่มีทีท่าสนใจรถหรือเสียงเครื่งยนต์ที่เข้าใกล้ แต่จะตื่นบินหนีไปทันทีหากเห็นคนยืนหรือแอบย่องเบาๆเข้าไป
กลับถึงบ้าน


ภาพทุ่งนากับนกเหยี่ยวดำฝูงใหญ่บินผ่านอาทิตย์สีส้มแดง ดวงโตที่เริ่มโผล่พ้นขอบฟ้า และยามเย็นทุ่งนาเกลือทะเลสีโคลนกว้างสุดสายตามีเรายืน หันหลังให้พระอาทิตย์กำลังลาลับท้องฟ้า หลากหลายภาพที่ซ้อนเรียงกันเข้ามาในความทรงจำ สมาคมพาเราเดินตามไปบนรอยทรายเดียวกันกับนกน้อยชายเลน ฝูงนกชายเลนตัวสีขาวสลับน้ำตาลย่ำเท้าไปบนหาดทราย อีกฝูงลอยตัวหมุนๆวนๆ ในน้ำทะเล บางตัวหากินเดี่ยวปากคุ้ยหาอาหาร และมีบ้างยืนเอียงๆน้อยมองด้วยหางตาระแวงภัย พบนกวันนี้ คงไม่ทำให้หัวใจเรายิ้มเท่าพบคนรักษ์นกที่บ้านปากทะเล กลุ่มคนรักษ์นกกลุ่มเล็กๆมักส่งภาพนกชายเลนลงในเวบไซด์เสมอ และเรามักมองภาพนั้นด้วย……ความไม่เข้าใจ



กลุ่มคนรักษ์นกตั้งกล้องในระยะที่ฝูงนกยืน มองดูด้วยความห่างอย่างมั่นใจว่าปลอดภัย กล้องถ่ายภาพตัวโตราคาแพงเป็นแสน แต่ง่ายที่จะบอบช้ำจากพื้นที่ที่แสนจะเค็มอย่างนี้ ทั้งผู้ชายผู้หญิงต่างทาครีมกันแดดจนหน้าขาว ยืนใต้เพิงสังกะสีเก่าผุเอียงๆจับกลุ่มเงียบๆ เพื่อหลบรังษีลมแดดร้อน


นาเกลือที่บ้านปากทะเลในวันที่เรามาหลังจาก ที่เห็นแค่ในภาพถ่าย สายลมแรงที่พัดพาทรายเข้าตาเข้าตัวตลอดเวลา และไม่นานความชื้นจากทรายเม็ดน้อยกลาย เป็นความเหนียวตัว ไม่มีน้ำทะเลสีฟ้าสวย ไม่มีชายหาดสีขาว ไม่มีเงาไม้ให้พักพิงและที่ทำให้หัวใจท้อแท้คง เป็นเปลวแดดที่ร้อนแสบผิวจาก ดวงอาทิตย์ที่แผดเผาน้ำทะเลเหือดแห้งเป็นเม็ดเกลือ


หรือธรรมชาติป้องกันตัวเองด้วยการสร้างนักอนุรักษ์ ที่มีหัวใจใคร่รู้ มอบเพื่อนคือความนับถือ และ สุดท้ายยิ่งใหญ่ในความหมายคือรักธรรมชาติเป็น



บนเส้นทางที่เราเดินค้นหาวิถีแห่งธรรมชาติกับสมาคม เส้นทางที่ค้นหากลับไม่ใช่เท้าเราที่ก้าวเดินแต่เป็นหัวใจที่ซึมซับเรียนรู้ความเรียบง่ายอ่อนโยนของ ธรรมชาติที่ร้อยเรียงผูกเงื่อนแห่งการพึ่งพาของ สรรพชีวิตสรรพสิ่งในห้วงจักรวาลไว้อย่างแยบยลตราตรึงประทับใจ


ทางสมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย ขอขอบคุณสมาชิกทุกท่านที่ร่วมเดินทางมาในครั้ง นี้แล้วเจอกันในทริปหน้ากับการดูนกทุ่ง ที่อ่างเก็บน้ำบางพระ พบกับคุณวิชา นรังศรี




อ่างเก็บน้ำบางพระ

เล่าเรื่องแสนดีจากความทรงจำกับดูนก ที่อ่างเก็บน้ำบางพระ และป่าชายเลน

กิจกรรมดูนก One Day Trip จ.ชลบุรี วันอาทิตย์ที่ 22 เม.ย. 50

จุดนัดพบที่เดิม มากมายกว่าครั้งก่อนกับเพื่อนดูนกที่ร่วมเดินทาง ต่างทยอยมาถึง ไม่คาดฝันเมื่อพบอาจารย์อมร ใจก็สว่างวาบเหมือนพบนกตัวโปรด อดไม่ได้ที่จะแสดงความดีใจแบบเด็กๆ ความสุขมาแล้วตั้งแต่ยังไม่เดินทาง เหมือนเดิมฟ้ายังมืดกับเวลาที่รถเริ่มเคลื่อนตัว ช่วงแรกของการเดินทาง เรานั่งกันไปเงียบๆเพื่อจินตนาการ วาดนกที่อยากเจอ…ชีวิตนกกระเต็นหลายสี แสงไฟข้างถนนดับลงพร้อมกับแสงตะวัน เริ่มฉายแสงที่ขอบฟ้าในทิศที่รถมุ่งไป มีความมหัศจรรย์แห่งธรรมชาติที่ส่งมอบให้ ได้เกิดขึ้นในบ่ายวันนี้ และรอพวกเราอยู่ที่ป่าชายเลน


เมื่อถึงที่หมายประตูรถเปิด เสียงนกนานาชนิดตะโกนก้องขับร้องเหมือนทักทาย เรารีบยกกล้องส่องนก เพื่อสบตากลมโตว่า สวัสดี ดีใจเหลือเกินที่ได้พบกันอีกแล้ว ดั่งคำสัญญาว่า ไม่ว่าจะบินไปกิ่งก้านต้นไหน เราจะยังลุ่มหลงเดินตาม แหงนคอมองหา ตามกิ่งใบน้อยใหญ่ หรือ แอบซ่อนส่งแต่เสียง อวดเพลงเพราะให้ฟัง


เสียงแห่งการชี้ชวนเพื่อนดูนกบอกกันและกันว่าอยู่ตรงนั้นตรงนี้ ที่นกเกาะกิ่ง ได้ยินเสียงแห่งความสุขพบรอยยิ้มของเพื่อนใหม่และเก่า พร้อมเสียงนกร้องปะปนเคล้าคลอ ความสุขบทที่สองเริ่มแล้ว


ที่ริมอ่างเก็บน้ำ วิวน้ำเวิ้งว้างไกลสุดตา ชาวบ้านออกหาปลากับภาพยามเช้าที่นกน้ำเดินย่ำเลนและ บินอวดปีกกว้างสีขาวโฉบจับปลาเป็นอาหาร คุณภูไท ไพรวัลย์รอพวกเราอยู่ที่นี่ พร้อมรอยยิ้มแจ่มใส สัมผัสง่ายกับความจริงใจ คุณเป็น Birdleaderนำดูนกอีกคนหนึ่ง เคยเห็นชื่อของคุณในเวปไซด์ แรกเห็นตัวจริงต้องตื่นเต้น ต้องตื่นเต้น คุณไม่ยอมเสียเวลาพาเดินชมนกทันทีหลังจากยิ้มแรกจบลง


ทุ่งหญ้ากับชีวิตนกทุ่งนกพงตัวแล้วตัวเล่า บางตัวกระโดดตามยอดพุ่มหญ้าสูง ธรรมชาติสร้างสีให้คล้ายใบไม้แห้งรูปร่าง ขนาดกลมกลืนกับกิ่งก้านหรือดอกหญ้าที่นกชอบ บินวนหาอาหารหรือหลบซ่อนภัย แต่ที่ใจชื่นชอบ คลื่นนกกาน้ำที่แยกกลุ่มทะยอยบินข้ามอ่างน้ำกว้างไปยืนหลบแดดอีกฟากฝั่ง ร่มเงาไม้ใหญ่การเคลื่อนมาทีละตัวเกาะที่ละกิ่งทำให้ไม่ชุลมุนแย่งชนกิ่งเกาะกันเอง นกกาน้ำเกาะนิ่งหันหน้าไปทิศเดียวกันเห็นเป็นต้นสีดำขนาดใหญ่


หลังจากอิ่มภาพความฉลาดนกกาน้ำ คุณพาเรามองตาม เสียงนกโวยวายและบินวนเวียนรอบๆกลุ่มที่เข้าไปดูไข่ตามดินที่แม่นกวางไว้ และนกที่แต่งตัวเท่มากเหมือนชาวอินเดียนแดง นกกระรางหัวขวานที่พบค่อนข้างยากในถิ่นอื่นแต่ที่นี่กลับง่ายที่จะพบตัว เห็นกี่ครั้งต้องส่องมองให้เต็มตาจนบินลาจากกล้องไป


ก่อนเที่ยงได้ไปเยี่ยมบ้านหลังน้อยก็โชคดีผสมโชคร้ายเจ้าของบ้านอยู่แต่ไม่พร้อมออกมาต้อนรับ เป็นบ้านนกเค้าตัวลายๆน้ำตาลสลับเหลืองตุ่นๆเจือขาวนวล เป็นนกนอนกลางวัน หากินกลางคืนแอบนอนอยู่ในรูมะพร้าวต้นสูง ท่านั่งหลับพริ้มน่ารักน่าชังมากกว่าตุ๊กตาหมีนั่งในกล่องของขวัญ เรายืนยิ้มอยู่ใต้ถุนบ้านต้นมะพร้าวหันไปมาไม่ใช่เราคนเดียว แต่ทุกคนที่ได้เห็นต่างฝากยิ้มไว้กับสายลม



ฝั่งตรงข้ามของบ้านนกเค้า มีเสียงร้องและภาพกักขังนกขนาดใหญ่ในกรงมากมายหลายกรง เขียนมาถึงตรงนี้เราต้องพยายามเรียบเรียงกรองอารมณ์ที่เริ่มสะเทือน เพื่อให้ตัวเองเจ็บปวดน้อยลง ไม้บรรทัดที่เกิดขึ้นเมื่อเลือกเดินไปกับธรรมชาติ กรงไม่ใช่บ้านไม่ใช่ป่าไม่ใช่ที่ที่จะสร้างครอบครัวไม่ใช่รังรัก เป็นแค่คุกที่กักขังวิญญาณจิตใจ เสียงร้องเข้มคั้นด้วยความปวดร้าวร้องจากใจเศร้า โหยหาในสิ่งที่ธรรมชาติกำหนดสรรสร้าง แล้วทำไมธรรมชาติจึงสอนมนุษย์ให้กักขังชีวิตผู้อื่น คำตอบอยู่ที่ใด ในดวงตาหลังตะข่ายยักษ์ แต่พบตัวเองอ่อนแอไม่กล้ามองเข้าไป มีบางตัวเราสบตานิ่งและนาน ก่อนตัดสินใจก้าวถอยออกมาให้ตัวเองกับทุกอย่างที่นี่จบลง



ยามบ่ายป่าชายเลนที่มีไม้ท่อนถูกตอกเรียงทอดตัวเข้าไปในป่าโค้งยาวเหยียดสุดตา กิ่งไม้ใหญ่ที่เอนลู่ตามลมอ่อนๆกลายเป็นเงาขนาดใหญ่พาดบนสะพานไม้ ร่มรื่นเย็นๆเย้าอารมณ์ ให้เดินอ้อยอิ่งช้าๆ เราเดินคำนึงเหงาๆ นกไม่ร้องทักทาย เงาบินทาบพื้นดินก็ไม่มี เงียบจนใจทำใจแล้ว บ่ายวันเวลานี้คงมีแต่ต้นไม้ชายเลนกับดินโคลนสีน้ำตาล ปลาตีนหัวโตตากลมแอบเมียงมองเวลาเราเดินเข้าใกล้ เจ้าปูเดินเอียงๆไปตามแอ่งน้ำตื้นแฉะฉ่ำ


เสียงอาจารย์อมร ตะโกนถามคุณจ๊อบเบาๆ ว่าพบนกอะไร เรื่องมหัศจรรย์เริ่มขึ้นแล้ว เสียงเล่าขนาดและสีรวมทั้งรูปร่าง การยืนยันของเพื่อน2-3 คนที่เห็นนกตัวนี้ อาจารย์อมรเพิ่มเติมข้อมูลสำคัญรายละเอียดว่านกตัวนี้ไม่มีการรายงานว่าพบมา25 ปีแล้ว และเราก็ได้ยินประโยคนี้


ถ้าอย่างนั้นเราต้องรอแล้ว ใครจะรอกับผมบ้าง อาจารย์อมรพูดไม่ดังแต่เพียงพอที่จะสะกิดหัวใจทันที การรอเริ่มขึ้นแต่กลับอยู่ไม่นาน ไม่ทราบว่าเพราะอะไร การเดินตามกันและกันเริ่มขึ้นและกลุ่มคนไม่รอก็ห่างออกไปทุกที จนเราต้องก้าวเท้าเดินตามไป แต่เมื่อหันกลับมาภาพอาจารย์อมรยืนกับความหวังแต่ไร้คนรอเป็นเพื่อน เราเป็นกลุ่มย่อยแค่ 5 คน


บนเส้นทางที่เป็นวงกลมไม่ไกล แต่ใจยอมย้อนเดินกลับมามองหาความหมายของปีกน้อยตัวนั้น ยิ่งเมื่อใกล้จุดเดิมที่พบนก เท้าที่ก้าวเริ่มช้า จนเกือบหยุด สมาธิสายตาคอยมองหากิ่ง เงาไหวหรือใบไม้ขยับ พูดกันเป็นแค่กระซิบ และอีกครั้งเมื่อเห็นเงาของนกหางดำยาวพริ้วๆ ก็ทำให้หัวใจสะท้าน ตากลมใสสีฟ้าบริสุทธิ์เหมือนได้จ้องสบตากันและกัน ทุกดวงใจพาสายตาส่องกล้องเพียงให้ได้เจอ แม้บินไปซ้าย หลบลึกไปทางขวา นกน้อยแกล้งโฉบไปมาไม่นิ่ง บินโปรยความสุขและสอนให้แบ่งปันความประทับใจไป เสียงของ



อาจารย์ดังเบาๆอีกครั้ง เราได้เห็นกันหมดทุกคนแล้ว ต้องไปตามคนอื่นให้ได้ดูบ้าง เราได้ยิน…ได้ยินชัดเจนและเหมือนไม่นาน เมื่อเรายกกล้องลง อาจารย์ยืนข้างตัวเรา หน้าตาและตัวมีเหงื่อไหลเป็นทาง ….อาจารย์วิ่งไปตามอีกเกือบ20 ชีวิต ให้มีโอกาสได้ชื่นชมความงามอย่างทั่วกันและตั้งกล้องscope ครั้งแล้วครั้งเล่าที่นกขยับตัวซ่อนไปตามกิ่งไม้ เพื่อทุกคนได้ใกล้ชิดชีวิตนกสวยซึ้งตัวนี้


คนบางคนเลือกธรรมชาติไว้ในหัวใจ แต่วันนี้อาจารย์อมรถูกเลือกไว้ในหัวใจธรรมชาติแล้ว กลอุบายวิถีธรรมชาติส่งแซวสวรรค์หางดำ เป็นเงื่อนซ่อนแต่ผูกปมเด่นให้เห็นหัวใจ ของคนที่ธรรมชาติรักและเลือกให้ทำงานอีกครั้ง



ดูนกคราวนี้ ภาพแห่งการลาคงเป็นภาพตะวันลาฟ้าที่ขอบน้ำกว้าง กับต้นไม้พุ่มหนาใหญ่มีเสียงนกกระทาทุ่ง ไม่เห็นแต่ใกล้ชิดตัว ร้องคร่ำครวญ เนิ่นนานเหมือน ล่ำลา คล้ายขอสัญญาว่าอย่าลืมท้องทุ่งหญ้าเดือนเมษายนที่บางพระ



ขอขอบคุณธรรมชาติและนกทุกตัวที่มาทักทายมอบความหมายของวันหนึ่ง พร้อมร่วมสร้างบันทึกเรื่องราวของอาจารย์อมร ท่ามกลางความดีที่แจ่มชัดเจน ห้วงเวลานี้กลายเป็นความมหัศจรรย์ความทรงจำแสนรัก และรอที่จะเดินร่วมชมธรรมชาติกับสมาคมอีกครั้งที่กรุงชิงในเดือนหน้า



ปูเสฉวน รายงาน26 เมษายน 50


เราพบนกมากถึง 88 ชนิด เรียงตาม หนังสือ A guide to the Birds of Thailand
5.นกกาน้ำเล็ก 16.นกกระสาแดง 17.นกยางกรอกพันธุ์จีน 18.นกยางกรอกพันธุ์ชวา 19.นกยางควาย 20.นกยางทะเล 22.นกยางโทนใหญ่ 24.นกยางเปีย 25.นกยางเขียว 27.นกแขวก 27.นกยางไฟหัวดำ 31.นกยางไฟธรรมดา 33.นกกาบบัว 69.เหยี่ยวขาว 71.เหยี่ยวแดง 78.เหยี่ยวนกเขาชิครา 137.นกกระทาทุ่ง 143.นกคุ่มอกลาย 154.นกกวัก 155.นกอีลุ้ม 156.นกอีล้ำ 157.นกอีโก้ง 161.นกพริก 164.นกกระแตแต้แว๊ด 167.นกหัวโตหลังจุดสีทอง 176.นกอีก๋อยเล็ก 213.นกแอ่นทุ่งใหญ่ 215.นกตีนเทียน 241.นกนางนวลแกลบเคราขาว 250.นกเขาเปล้าธรรมดา
270.นกเขาใหญ่,นกเขาหลวง 271.นกเขาชวา 297.นกกาเหว่า 300.นกบั้งรอกใหญ่ 305.นกกระปูดใหญ่ 306.นกกระปูดเล็ก 316.นกเค้าโมง,นกเค้าแมว 353.นกกะเต็นอกขาว 354.นกกะเต็นหัวดำ 355.นกกินเxxxยว 359.นกจาบคาเล็ก 363.นกตะขาบทุ่ง 365.นกกะรางหัวขวาน 379.นกโพระดกธรรมดา 389.นกตีทอง 402.นกหัวขวานเขียวป่าไผ่ 451.นกแอ่นตาล 455.นกแอ่นบ้าน 474.นกจาบฝนปีกแดง 477.นกเด้าดินทุ่งใหญ่ 482.นกเด้าลมเหลือง 521.นกปรอดหัวสีเขม่า 525.นกปรอดหน้านวล 527.นกปรอดสวน 546.นกแซงแซวหางปลา 552.นกแซงแซวหางบ่วงใหญ่ 554.นกขมิ้นท้ายทอยดำ 565.นกกะลิงเขียด 567.นกกาแวน 569.อีกา
620.นกกินแมลงตาเหลือง 621.นกกะรางหัวหงอก 659.นกกระจ้อยป่าโกงกาง 671.นกกระจิ๊ดขั้วโลกเหนือ 672.นกกระจิ๊ดเขียวปีกสองแถบ 683.นกพงปากหนา 694.นกยอดข้าวหางแพนหัวแดง 695.นกกระจิบหญ้าอกเทา 697.นกกระจิบหญ้าท้องเหลือง 698.นกกระจิบหญ้าสีเรียบ 729.นกกางเขนบ้าน 745.นกยอดหญ้าหัวดำ 772.นกจับแมลงสีน้ำตาล 773.นกจับแมลงสีน้ำตาลท้องลาย 801.นกจับแมลงคอสีน้ำเงินเข้ม 808.นกอีแพรดแถบอกดำ 812.นกแซวสวรรค์หางดำ ******** 815.นกอีเสือสีน้ำตาล 819.นกอีเสือหัวดำ 829.นกเอี้ยงด่าง 832.นกเอี้ยงสาริกา 834.นกเอี้ยงหงอน 844.นกกินปลีอกเหลือง 867.นกสีชมพูสวน 871.นกแว่นตาขาวสีทอง 873.นกกระจอกบ้าน 877.นกกระจาบธรรมดา 879.นกกระจาบทอง 885.นกกระติ๊ดขี้หมู

อนาคิน ปีกคู่นี้ไม่มีบ้านให้บินถึง

อนาคิน ปีกคู่นี้ไม่มีบ้านให้บินถึง


อายุแค่ขวบปี แรกหัดบินกางปีกวัยอ่อนบินตามรอยธรรมชาติ ข้ามฟ้าสุดหล้าข้ามน้ำทะเลเวิ้งว้าง จากวันและคืน ลมร้ายรุนแรงพัดพรากชีวิตน้อยหลุดหลงระหกระเหิน กลางฟ้าเดียวดายไม่มีพ่อแม่ พี่น้อง เพื่อนร่วมฝูง มองหายอดไม้หยุดเกาะพักเหนื่อย แผ่นดินอยู่ไหน ปีกเหนื่อยไม่ยอมบิน สองปีกอ่อนหล้าหมดแรง ไม่ไหวแล้ว เหนื่อยเหลือเกิน ร้องครวญกับพี่ท้องฟ้า ขอยอมแพ้ล่วงลงสู่พื้นทะเล

ความตายยังไม่มา ชีวิตแร้งเด็กน้อยถูกเก็บได้ จากมือชาวบ้านเป็นเรื่องราวสู่ บ้านอุปถัมภ์ โอบอุ้มฟูมฟัก ทะนุถนอม ไม่นานแค่วันตามด้วยเดือนและเดือนเลื่อนตามเวลา ธรรมชาติให้มนุษย์เป็นพ่อแม่ สอนลูกน้อยกำพร้าหัดบินอีกครั้ง ตั้งชื่อลูกหลงตัวนี้ อนาคิน

บนหน้าผาดอยลางป่าเหนือ สองมือของพ่อบุญธรรมจับอนาคินกางปีกปากสอนรำพัน อย่ากลัวท้องฟ้า อย่ากลัวหาแผ่นดินไม่เจอ บินไปให้ถึงบ้านนะลูก ดวงตาแสนเศร้าของลูกนก ใจพ่อกลับยิ่งอ่อนแอ สุดท้ายหลับตา จับโยนดวงใจผลักใสความรัก ให้อนาคินบินสู่ฟ้าสีน้ำเงิน ใจร้องตะโกนก้องฝากความหวังกับสายลม ช่วยพัดพาให้ลูกนกตัวน้อย ตามหาครอบครัว โผบินถึงถิ่นเกิดด้วย

เจ้าแร้งเด็กน้อย แจ้งข่าวของตัวเองด้วยสัญญาณติดปีก อนาคินอยู่ตรงนี้ อนาคินบินไปตรงโน้น กำลังกลับบ้าน ไม่เที่ยวเหลวไหล ยังจำคำพ่อสอน แต่ชะตาชีวิตของแร้งเด็กน้อย ปีกคู่นี้ไม่มีบ้านให้บินถึง แร้งอนาคินไม่อาจฝืนลิขิตที่กำหนดได้ สัญญาณหายไป บางข่าวบอกว่าตายแล้ว ชีวิตที่คลุมเคลือหลายปัจจัยยอมจบลงไม่ได้ด้วยเหตุผลหรือรับไม่ได้ด้วยความเศร้าโศก

ลูกนกตัวนี้ อนาคินขอขอบคุณมนุษย์ทุกคนที่เมตตา รักอนาคินด้วยหัวใจ เยียวยารักษาตอนเจ็บป่วย หาอาหารสดทิ้งให้เน่าเหม็น เป็นอาหารจานโปรดของอนาคิน เพื่อพาอนาคินกลับบ้าน หากไม่ตายทุกปีตามรอยเส้นทางของฟากฟ้า อนาคินต้องบินกลับมาตามสัญชาตญาณธรรมชาติ แต่หากสวรรค์รับอนาคินไปอยู่แล้ว อนาคินรู้ว่าครอบครัวมนุษย์ จะไม่ทอดทิ้งเผ่าพันธุ์แร้งของอนาคิน ยังต้องมีพี่น้องแร้งตัวอื่นที่ต้องประสพเคราะห์กรรมเป็นอย่าง
อนาคิน

ฝากบอกพ่อโทรกอนด้วยว่า อนาคินมีพ่อเป็นมนุษย์และเก็บเค้าไว้ที่หัวใจในแววตาของอนาคิน








ป่าฝนแห่งกรุงชิง

เพลง Touching Heart เสียงเปียโนหวานอ่อนโยน ภาพ …กรุงชิง…ค่อยๆเรียงเข้ามาและชัดเจนขึ้น เช้ามืดแล้วแต่ตาไม่ยอมลืม ความเร็วของรถช้าลงแต่เปลี่ยนเป็นเลี้ยวไปเลี้ยวมาแทน บางช่วงก็กระแทกขึ้นลง คงใกล้ถึงจุดหมายแล้วซิ ลืมตาเสียที ยายคนขี้เกียจ น้องเจี๊ยบคนนั่งข้างๆ ก็เริ่มขยับตัว
สุดท้ายเมื่อลืมตา มองผ่านกระจกออกไป ป่าแห่งเทพนิยายดึกดำบรรพ์ยืนตระหง่าน ความงามข้างหน้ายากจะอธิบาย หรือนี่คือสวรรค์ ที่ฝันไว้ไม่สวยอย่างนี้ ไม่สวยเท่านี้ เทือกเขาป่าผืนใหญ่ไม่ว่าภูเขาจะสูงหรือไกลสุดสายตาแค่ไหน สายหมอกสวยนุ่มปกคลุมคืบคลานกลืนกินผืนป่าเบื้องหน้า

Wishes เริ่มการบันทึกนกใหม่ ตั้งแต่ก้าวลงรถ ตัวนี้ไม่เคยเห็น ตัวนี้อยากเห็นมานานแล้ว ตัวนี้ก็ตัวใหม่ จับใจน่ารักน่ามอง อย่าพึ่งไป จะโดดไปไหน อย่าบินไปเลย
White-rumped shama นกกางเขนดงตัวผู้เป็นเจ้าหน้าที่อุทยานบินไปเกาะตรงไม้กระดกด่านแรกพร้อมเสียงแรกแห่งอรุณ ไม่มีใครมองเพราะเหล่าโพระดกสีสันเจิดจ้าตัวโตบินว่อนล่อนไปมา Gold –whiskered Barbetโพระดกเคราเหลือง Red- throated Barbet โพระดกคางแดง เสน่ห์สีเหลืองหรือพลังแห่งแดง ความสับสนในห้วงเวลานี้มากมาย จะมองตัวไหนจะชอบตัวใด โพระดกบินกลับไปและบินกลับมาอีกครั้งและอีกหลายๆครั้ง Brown Barbetเจ้านกจอกป่าหัวโต พี่น้องในสายโพระดกก็เข้ามาและเล่นบทบาทเดียวกัน นกปรอดหลากหลายScaly-breasted Bulbul ตัวนี้ในหนังสือเหมือนจะขี้เหล่แต่ตัวจริง
น่าฮามากๆ
Crimson Sunbird นกกินปลีคอแดงจุดเด่นสีแดงจ้าปากโค้งยาวเซาะน้ำหวานแมลงตามกลีบดอกไม้ป่าRaffles’Malkoha,Chestnut –bellied Malkoha หรือนี่เป็นสัญญาณบอกว่า มาถึงกรุงชิงแล้ว เมื่อถึงเวลาเข้าบ้านพัก เจ้าหน้าที่อุทยานตัวนี้ก็บินมาใกล้ๆ มาส่งเกือบถึงหน้าบ้านก่อนบินไป

สายแล้วเมื่อกลุ่มพร้อมเดินตาม BIRDLEADERคุณจาละเม็ดดำและอาจารย์เต่า ปากทางก้าวแรกมีป้าย กรุงชิง เบื้องหลังเป็นป่าใหญ่สีดำยืนทะมึน เดินพ้นคำว่า กรุงชิง เสียงนกร้องจากป่าที่มืดคลื้มหรือว่า ป่าเปิดแล้ว ต้อนรับเราผู้มาเยือน ใบไม้เขียวเปียกชื้นต้นไม้ใหญ่ขึ้นหนาแน่น นานนานครั้งสายลมพัดไหวจึงจะเห็นแสงแดดรำไรบนเบื้องสูง ทางเดินปูนเล็กแต่มีใบไม้สีน้ำตาลหลากสีหลายลีลาหล่นทับซ้อนกันตามกาลเวลาบ้างขาด และเปื่อยลุ่ย
บางช่วงที่เดินผ่านดอกไม้ป่าร่วงเกลื่อนเป็นดาวกระจายเหมือนเป็นฟ้าเพียงดิน บนหญ้าแห้งสลัวข้างทาง Grey –headed Babbler นกกินแมลงคอเทา ตัวสีน้ำตาลแดงตัวเล็กๆหากินขุ้ยเขี่ยหาแมลงใต้เศษซากเงียบๆตามดินชื้นไม่นานก็หายไปในความมืดมัว

มองหานก แต่สมาธิเราก็ขาดอยู่ร่ำไป กลิ่นดอกไม้ป่าฟุ้งหอมและออกดอกยั่วให้เรามองตาม ใบเฟรินสีเขียวมีฟ้าอ่อนซ้อนทับและแสงแดดที่คอยหาช่องเล็ดลอดลงมาส่องให้ใบไม้บางมุมมีประกายแสงวาว เสียงกบเขียดร้องสลับกับเสียงนกร้อง ป่าไม่เคยเหงา ใจเราเป็นพยาน
Maroon Woodpecker นกหัวขวานแดงบินผ่านไป กล้องสองตากับใจเราทำงานด้วยกันอีกครั้ง มากับคู่ชีวิต สีน้ำตาลอมแดงหรือแดงอมน้ำตาล เกาะแล้วจาก กิ่งนี้โผไปอีกกิ่ง เดินกระดกเคาะๆไปตามลำต้นแนวสูงแล้วหายไปด้านหลังของต้น สักพักโผล่มาอีกด้าน สุดท้ายส่งสียงลาก่อนบินหายไป เถาวัลย์ใหญ่เล็กมากมายเลี้ยวเกาะเกี่ยวเป็นสายลงมาจากฟ้า หากมีนกสักตัวมาเกาะ แกว่งโล้ชิงช้า เราฝันกลางวันกลางป่าเสมอ

White- crowned Hornbill เสียงนกเงือกคล้ายนกกก คุณจาละเม็ดดำบอกว่าเป็นนกเงือกหัวหงอก ได้ยินเหมือนอยู่ใกล้ๆ แหงนคอตั้งบ่า เห็นแต่ต้นไม้โตใหญ่ขึ้นตรงเป็นหมู่ยืนบังฟ้า ที่ไหนกันกิ่งไหน นกร้องก้องฝ่าสายลมเพื่อบอกที่นี่คือบ้าน อยู่ที่นี่นะจ๊ะ ไม่เห็นดวงตาไม่ได้พบตัวแต่ได้ยินเจ้าพูดคุย คือเรื่องราวระหว่างเราที่กรุงชิง
คุณจาละเม็ดดำ BIRDLEADER ชายหนุ่มคนนี้ เรามักแอบสังเกตคุณเสมอ คุณมักเดินนำอย่างเงียบๆเบาๆ มองไปรอบๆเพื่อหานกหรือเสียงร้อง คุณสามารถบอกว่า นกตัวที่ร้องเป็นนกอะไรบ้าง บางช่วงคุณหยุดนิ่งและบางครั้งคุณผิวปากเป็นเสียงนกนานาชนิด เมื่อคุณหันมาบอกว่ากรุณาเงียบด้วยและเปิดเทปเสียงนกกระเต็นอกลาย
หลายต่อหลายครั้งมีเสียงร้องตอบรับจากธรรมชาติ ใจเรามีความเชื่อถือ แต่ไม่คาดหวังจะพบนก เพราะเหมือนจะนำภาระความอยากเห็นเพิ่มเป็นความรับผิดชอบแก่ชายหนุ่ม บนยอดไม้ข้างหน้า มีอะไรขยับนิดๆ เราส่องกล้อง มีชีวิตน้อยๆยืนบนกิ่งไม้ เห็นแล้วค่ะ เสียงชายหนุ่มดีใจ กิ่งไหนครับ สีอะไร เราตอบด้วยเสียงแห่งความขอบคุณ และยินดีกับความพยายามของคุณอย่างจริงใจ ท้องสีขาว หลังน้ำตาลลาย คอสีขาวมีจุด และปากใหญ่สีแดงค่ะ Banded Kingfisherนกกระเต็นลายตัวเมีย
เสน่ห์ประทับใจเราของชายหนุ่มคนนี้คืออะไร น่าจะมาจากความสุภาพ อ่อนโยนต่อธรรมชาติอย่างนิ่มนวลหวงแหน และยังจำดวงตาที่ยิ้มได้ยามชายหนุ่มย้อนนึกถึงอดีตนกที่คุณเคยพานพบ
ความรักคืออะไร Black –capped Babbler นกกินแมลงหัวดำ หนึ่งหญิงสองชายกลางป่า ตัวผู้ร้องเสียงสดใสระเริงชื่นบานหรือหงุดหงิดร้อนลุ่มที่มีอีกหนุ่ม ต่างพร้อมใจกันกางปีกอวดขนมันวาวน้ำตาลสนิมแดงส้มและกระพือหมุนตัวไปมา ท่าทางจริงใจหวังเพียงให้เจ้าหญิงที่เกาะอีกต้น…ใกล้ๆให้หันมองบ้าง
ไม่ไกลและสูงจากพื้นเพียง2เมตรจากตัวเรา รังนกน้อยๆห้อยลงมาจากฟ้าถักทอด้วยเถาวัลย์ที่มีมากเหลือเกินในป่าแห่งนี้ Black- naped Monarchนกกินแมลงหัวดำ ตัวเล็กสีม่วงนกหล่อเจ้าเสน่ห์ เฝ้านั่งกกไข่อย่างกล้าหาญด้วยรักและหวงรัง แม้จะสุดกลัวมนุษย์ที่ยืนส่องกล้องจ้องเป็นนาน
และอีกครั้ง คุณจาละเม็ดดำกระซิบเบาๆ Red- bearded Bee-eaterนกจาบคาเคราแดง เรารีบยกกล้องตามมือที่คุณชี้ จริงๆด้วย บนยอดไม้สูง ส่องกล้องลอดใบไม้ออกไป นกน้อยตัวนั้น เกาะนิ่งตามนิสัย ไม่เห็นเคราสีแดง เห็นแต่คอสีกลมกลืนกับสีตัวเขียวออกฟ้าเทา เป็นตัวลูกยังไม่โตเต็มวัย ยืนอย่างเดียงสา และเมื่อมองกิ่งใกล้กัน นกอีกตัว ยืนปกป้องลูกน้อย เคราฟูสีแดงที่มองหาแจ่มชัดเต็มตา
บนถนนสายธรรมชาติ คำตอบของความรัก คือ การเริ่มต้นกำเนิดชีวิตใหม่ และความรักถูกร้อยเป็นบ่วงเชือกให้จับดึงก้าวผ่านความยากลำบาก เพื่อให้ชีวิตน้อยๆที่เกิดมาสามารถบินออกไปสร้างตำนานแห่งรักไม่รู้จบ
เส้นทางเดิม… เดินซ้ำวนเวียนไม่มีความเบื่อ หรืออ่อนล้า บางครั้งมีฝนลง ไม่มีความกังวลต้องหาที่หลบฝน มีแต่เจ้าแห่งเวลาที่เดินมากับเราและเป็นนาย…..พาแสงแห่งวันให้หมดไป ใจยิ่งเร่งรีบพาเท้าให้ก้าวเดิน ค้นหาฟังเสียง และเมื่อพบนกBlack -and -yellow Boardbill นกพญาปากกว้างเล็ก…เรากลับลืมกาลเวลา…เฝ้าดูนกน้อยตาใสแจ๋ว จนเจ้าเวลา…พาให้นกสวยทุกตัวจากสายตาไปตัวแล้วตัวเล่า

มุมมองจากจุดที่ยืน ห่างและสูงออกไป ต้นไม้ใหญ่ต้นตรงเด่น Wallace’s Hawk Eagleนกเหยี่ยวหงอนสีน้ำตาลท้องขาว หลังลายสีเข้มยืนนิ่งสงบสายตามองไปที่แห่งใดแห่งหนึ่งกลางป่า นกขนาดใหญ่ยืนมองชีวิตที่อาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้ คอยทำหน้าที่กำจัดสัตว์ป่าผู้โง่และอ่อนแอ ที่อ่างน้ำLesser Fish -Eagleเหยี่ยวปลาเล็กหัวเทาโฉบลงจับปลาที่ว่ายออกันหน้าฝายน้ำล้น ดวงตาลึกล้ำนิ่งสนิท ยามบินโฉบเต็มไปด้วยพลังของผู้ล่า เพื่อสอนความกลัวให้ทุกชีวิตภายใต้การเป็นเหยื่อ

วันอำลากรุงชิง นกกางเขนดงตัวเดิมบินมาใกล้ๆ เสียงใสหวานมอบให้เรา เขินอายแต่ส่งเสียงล่ำลาเหมือนกัน นกกางเขนน้ำเห็นบินเลียดพื้นลับหายไปในป่าข้างทาง เหล่าพี่น้องตะกูลนกปรอด เหยี่ยวบินล่อนและเกาะยอดไม้ไกล นกโพระดกส่งลูกน้อยมากล่าวลาแทน Barwing Flycatcher Shrikeนกเขนน้อยปีกขาวมาส่งเราทั้งครอบครัว
นกหลากหลายชีวิตถูกมองซ้ำๆเพื่อจดจำ บอกตัวเองว่าจะไม่หยุดมอง ธรรมชาติสอนว่าเราไม่สามารถเลือกพบนกตัวไหนแค่เป็นเพียงผู้มองตามยามธรรมชาติส่งให้พบเจอ บางครั้งนานชั่วแค่สายลมพัด สุดท้ายเมื่อเวลาที่เราหันหลังให้นกน้อยแห่งป่ากรุงชิง ไม่มีคำสัญญาว่าจะกลับมาไหม ไม่มีการร้องขอว่า เราจะพบกันอีก ไม่มีคำพูดใดๆอีกแล้ว มีเพียงความคิดถึง…. Wonderful Friend

นับนกเขาใหญ่ 2007

13/7/50 ทางหลวงแผ่นดิน ปราจีนบุรีถึงเขาใหญ่ ตารางเวลาสิ้นสุดแค่วันที่15/7/50 และวกย้อนลงทิศใต้กลับสู่ป่าตะวันตกแก่งกระจาน จะเริ่มเขียนตรงไหนเวลาที่ผ่านไปยังชัดเจนไม่ได้เลือนหายแต่ยาวนานจนต้องย้อนหวนนึกถึงและจัดเรียงฉากความทรงจำ
ด่านเขาใหญ่ ป้ายฉลองมรดกโลก ผ่านด่านโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เตือนใจเราว่า งานนี้ของฟรีมีในโลกเริ่มขึ้นแล้ว ทางรถวิ่งเรียบนิ่งสบายๆนานๆจึงจะมีรถวิ่งสวนมา เปิดกระจกยื่นหน้าออกนอกรถ ให้ลมวิ่งปะทะหน้าเราไปเรื่อยๆ สูดดมกลิ่นป่าเขาใหญ่ให้สมกับความคิดถึง ชุ่มชื่นใจกับสายลมยามเย็น

ทุ่งหญ้าข้างหน้าและนกที่บินหาย บินโฉบและหายไปอีกครั้งอยู่ข้างหนองน้ำเล็กๆยั่วให้เราเดินตัดทุ่งหญ้าเข้าไปมองหา นกกระเต็น stork-billed kingfisher เรารีบชี้ชวนให้เพื่อนช่วยกันหาเพราะเป็นนกใหม่ของเรา กว่าเราจะรู้ตัวขากางเกงของเราก็เจอกับดักธรรมชาติ ดอกหญ้าแห้งติดขากางเกงแน่นเต็มไปหมด และอาการคันก็ตามมา



ก่อนแสงอาทิตย์จะเลือนหาย ภาพความทรงจำยามเย็น เป็นภาพ 2 หญิง 4 ชายยืนจับกลุ่มคุยกันเบาๆข้างรถสีขาวบนถนนเส้นสีดำยาวตัดกับทุ่งหญ้าสีเขียว มีกวางเดินทอดน่องกินหญ้าไม่มีเมียงมองกลุ่มของเราอย่างหวาดระแวงภัย รอบชายทุ่งที่ไม่ไกลเป็นป่าใหญ่ทึบทะมึนมีเสียงนกแก๊กคุยกันอยู่อีกวงไม่ไกล ภาพที่ตกตะกอนนอนนิ่งคงสวยงามน่ามองแต่การก้มๆเงยของทุกคนกลับขัดตาเพราะไม่มีใครยืนอย่างสบายๆต่างต้องก้มเงย และก้มเงยยกแข้งซ้ายขึ้น ยกขาลง สลับซ้ายขวา มือคอยหยิบดึงทึ้งดอกหญ้าแห้ง ที่ขากางเกง


14/7/50 เช้าแล้วผู้คนมากมาย ที่เข้ามาช่วยงานฉลองมรดกโลกที่เขาใหญ่ ต่างสาขาอาชีพและเจ้าหน้าที่อุทยานต่างทำงานแข่งกับความรับผิดชอบเพื่อให้บรรลุผลงานที่วางไว้ แต่เหมือนธรรมชาติช่างแกล้งพากลุ่มเมฆฝนตั้งเค้าคลุมฟ้าเป็นวงกว้างให้ใจแตกพะวงเป็น 2 ฝ่าย ให้ห่วงทั้งงานที่วางเป็นขั้นเป็นตอน และห่วงกลุ่มฝนที่อยากโปรยความเปียกปอนลงมา กลุ่มของเราน้องเบีย น้องหนึ่ง น้องเจี๊ยบ น้องโย และหลายชายหนุ่มจ๊อบและเรา




เช้านี้ เริ่มพบนกค่อนข้างสาย นกเจ้าแห่งสีสันต่างแอบซ่อนดูบรรยากาศของกลุ่มคนที่แน่นหนา และฝนฟ้าที่ปิดคลื้มเช่นกัน จนเมื่อสายแล้ว ฟ้าจึงยอมเปิดแจ้งให้เราและนกต่างได้พบกันและกัน หยอกยั่วหายๆซ่อนๆ ตามกิ่งไม้ เกาะบิน บินเกาะดอกไม้บนยอดไม้สูง มีบ้างออกมากระโดดโลดเต้นตามกิ่งไม้ให้ใกล้ๆตาและแอบหายไปใต้กลุ่มใบหนา และบางตัวยืนพึ่งปีกเปียกน้ำค้าง ที่มาเป็นคู่ต่างเรียกหาคู่เพื่อบินไปพร้อมกัน
อาหารเที่ยง เป็นเวลาแห่งความสนุกสนาน ของฟรีอร่อยมาก บางอย่างที่หมายตาเหลือแต่ชื่อว่าเคยมี ทุกคนมีแต่ความสุขต่างยิ้มแย้มทักทายกันว่าใครพบนกอะไรบ้างไปไหนกันมาบ้างและตอนบ่ายจะไปทางไหนกัน นายกรัฐมนตรี สุรยุทธิ์ รับประทานทานอาหารอยู่ห้องข้างๆ มีคนบอกว่า ไม่นานท่านจะเดินผ่านมาทางนี้ เราได้พบท่านนายกอย่างใกล้ชิด ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกระโดดจากโต๊ะอาหารวิ่งเข้าไปเพื่อมองท่านใกล้ๆ และ การ์ดของท่านนายกหล่อไม่มากแต่สมารท์เหลือเกิน

จากห้องอาหาร- หนองผักชี ทางเดินเข้าเทลยามบ่ายเป็นเส้นทางเดินมืดคลื้ม ภายใต้กิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่ที่กลายเป็นร่มไม้เดินตามเราเป็นเงาดำตลอดทาง นกออกมาร้องเพลง อวดสีสันของปีกเงาแวววาว red- headed trogon บ้างเด่นชัดยามส่องกล้องพบเจอตัว ดวงตาที่สดใสเป็นประกาย บางตัวตื่นตกใจบินหนีไปทันที แต่บางตัวกลับใจออกมาทักทายอีกครั้งและอีกหลายๆครั้ง

จนเกือบเย็นกลุ่มของเราพึ่งเดินได้แค่ครึ่งทางอีกยาวไกลกว่าจะถึงทางออก กลุ่มของเรามากับผู้ชายเสียมาก คงไร้สาระหากพะวงเวลาและความเสี่ยง และฝนก็กระหน่ำลงมาจนพวกเราต้องหยุดเดินเพราะบางคนไม่มีเสื้อกันฝน



ที่ต้นไม้ใหญ่โตมหึมาข้างเคียง มุมมองที่โปร่งตา นกใหม่อีกแล้ว นกwreathed hornbill ตัวผู้1 ตัว ยืนหลบฝนบนกิ่งไม้ใหญ่ที่ยื่นมาจนเด่นชัด ขอบคุณเจ้าแห่งกาลเวลา พาให้เราได้ยืนหลบฝนกลางป่าเขาใหญ่ด้วยกัน เวลาเกือบ 20 นาทีที่คนและนกตัวนี้ต่างเปียกปอนเย็นฉ่ำจากสายฝน

เราพินิจย้ำลึกกับภาพที่ต้องจดจำนกตัวนี้ให้มากที่สุด เจ้าไซร้ปีก สะบัดปีกยามน้ำฝนซึมเปียกจนขนดำยาวอมน้ำหนักเปียกลู่ เจ้ามองไป สุดสายตาคงมองหาครอบครัวว่ายืนหลบฝนที่ต้นไม้ต้นไหนกันจึงทิ้งให้อยู่ลำพังตัวเดียว กล้องที่จะช่วยเก็บความงดงาม ต้องนอนหลบฝนอยู่ในกระเป๋าข้างตัว แต่ใจเรากลับไม่เสียดายเพราะเข้าใจแล้วว่าคงเป็นความต้องการของธรรมชาติให้มาเท่าที่ควรได


เจ้าแห่งกาลเวลาได้มอบห้วงชีวิตของเราช่วงหนึ่งได้พบและใช้ชีวิตร่วมกันกับนกน้อยแสนงามราชาแห่งป่าไพรเรื่องเช่นนี้มีแต่หัวใจเราที่ซึมซับที่กระหายอยากเล่าอยากเขียนก็เพื่อเก็บไว้ยามคิดถึงยามอยากระลึกถึง เมื่อบินจากไปพร้อมกับสร้างเสียงลมดังกังวาลป่ายามกระพือปีก บินไปทางทิศที่พี่น้องครอบครัวเจ้ารออยู่กลางป่าใหญ่ดงพญาเย็น

15/7/50 วันสุดท้ายป่าเขาใหญ่ ปากทางเดินเทล เหวสุวัจ- น้ำตกผากล้วยไม้ เสียงน้ำไหลจากลำธารดังกลบเสียงนกกางเขนดงแต่เราก็ทันเห็นเจ้าโล้ชิงช้าเกาะเถาวัลย์ยืนร้องเพลง และหลบบินหายเมื่อเสียงฝีเท้ากลุ่มของเราเดินตามมาและถามว่าเห็นนกอะไร ตามทางที่เดินลึกเข้าไปเสียงน้ำที่ไหลเลาะโขดหิน ดังซาดซ่าค่อยๆเงียบเบาจนเป็นแค่เสียงน้ำกระซิบกับสายลม จระเข้นอนเงียบนิ่งอยู่อีกฟากฝั่งตรงข้าม ดวงตาที่เปิดนิ่งลืมอยู่ ยิ่งกว่าคือไม่รู้เหมือนกันว่าจระเข้ตัวนี้มองอะไร

น้องเบียก็กระซิบด้วยเสียงตื่นเต้น “นกแต้วแล้ว” เรารีบนั่งลง ยกกล้องส่องหาด้วยสันชาตญาณ นกแต้วแล้ว hooded pitta ยืนนิ่งข้างรากไม้ใหญ่ และกระโดดจากไปไม่ไกล และกระโดดหนีไปไม่ไกลอีกครั้งหลบซ่อนที่โคนไม้มืดมีง่ามไม้เล็กๆบังบางส่วนของลำตัว นกใหม่ของเราอีกแล้ว จ๊อบ หนุ่มคนนี้เดินย่องเข้าไปใกล้นกอย่างทะนุถนอม ประคับคองเวลาห้วงนี้อย่างสำนึกอาจรบกวนและตระหนักถึงขีดความระแวดระวังอันตรายและยิ่งกว่านั้นให้ความเคารพต่ออีกชีวิตที่แม้ด้อยกว่าด้วยขนาดและสมองแต่คือการให้เกรียติกับสัตว์โลกที่หนุ่มคนนี้เรียนรู้จากห้องเรียนธรรมชาติ



นกแต้วแล้ว เรื่องยากสุดหัวใจทำไมพวกเราต้องเดินจากมา เราอยากพบนกตัวนี้มากไม่ใช่หรือ แล้วทำไมต้องเลือกที่จะทิ้งโอกาสที่ได้เฝ้ามองเค้า หรือธรรมชาติกำหนดเส้นทางข้างหน้าอีกยาวไกล ภารกิจรายงานนกที่พบคือก่อนเที่ยง เรายังเดินถามหาคำตอบไปเรื่อยๆ





เสียงเหมือนเคาะแก้วหวานแว่วจากลำธารค่อยปลอบประโลมใจเศร้า นกกางเขนน้ำ slaty-backed forktail จากหาดทรายขาวมีหินนอนเกยเรียงกัน นกกางเขนน้ำบินไปร้องเพลงกระซิบเสียงหวานใส ผ่านตาไป1ชาย1หญิง เดินลงเล่นชายทรายสีขาว และเกาะยืนเต้นรำกระดกหางบนซุงท่อนใหญ่หมุนตัวเหมือนอยู่แดนสวรรค์ ฟ้าใสสว่างลำธารระยิบระยับกับแสงแดดอ่อนๆ นกสวยร้องเพลง งดงามที่หัวใจคนแอบเฝ้ามอง
แล้วนกอะไรอีกบ้างที่เราจะได้พบ เรามาเขาใหญ่ไม่เคยมีเรื่องงานของการนับนกอยู่ในใจเรา มีแต่อยากพบ อยากเจอะเจอนกป่าที่คอยร้องเพลงให้ป่าฟัง อยากสัมผัสไอกลิ่นของป่า อยากจับลูบต้นไม้ใบไม้ อยากย่ำดินนิ่มๆของป่าผืนนี้ ได้กระโดดข้ามลำธาร เดินประคองตัวบนท่อนซุงที่พาดไปอีกฝั่งหรือตอนหยิบจับเหนี่ยวกิ่งไม้เหนียว จิกเท้าลงในดินให้มั่นก่อนไถลลื่นลงเขา หรือเมื่อกลั้นหายใจล้วงมือเข้าไปในกางเกงหยิบตัวทากอ้วนเหนียวแหยะหนึบติดมือออกมาแล้วร้องกรี๊ดๆลั่นป่า

การจากลา ขอลาก่อน ต่างยกมือไหว้ และดีใจที่ได้พบกัน ฝากความหวังวันหนึ่งคงมีโอกาสพบกันอีก กับอาจารย์อมรคนดีที่อยู่ในใจเรา คุณนกร่าเริง สมชื่อสดชื่นเมื่ออยู่ใกล้ คุณวิชาคนที่เรามักแอบมองด้วยความชมชอบเสมอๆ และน้องนัทที่เรารับปากว่าจะไปล่องแก่งหินเพิง และเจ้าหน้าที่สมาคมทุกคนที่มีรอยยิ้มจริงใจให้เราเสมอทุกครั้งที่หันไปพบเจอ คุณปลากระดี่ที่ได้พบตัวจริงเสียที คนนี้ที่เรามักเอาหนังสือของคุณไว้ข้างหมอน แม้ไม่ได้อ่านก็ตาม และคุณBunting ใส่เสื้อของผาด่างและโฆษณาให้อีกด้วย

ที่นี่เวลานี้คงไม่ใช่แค่ความสุขที่ได้กลับมาเยือนป่าเขาใหญ่หรือนกน้อยที่พากันบินให้เราได้พบ แต่เป็นอานุภาพของคนรักษ์นกกลุ่มเล็กๆ ที่ต่างเกาะเกี่ยวทุ่มเทพลังกางปีกปกป้อง ความร้ายกาจของมนุษย์ด้วยที่จ้องฉกฉวยผลประโยชน์จากชีวิตน้อยๆ ในอีกมุมหนึ่งคนกลุ่มนี้ยังช่วยกันสร้างคนรักษ์นกเพื่อทักทอรังนกในธรรมชาติให้ใหญ่ขึ้นมากขึ้น ทุกที่ทั้งในป่าเมือง และในป่าใหญ่














ปูเสฉวนดูนกกับBCST ที่ดอยอินทนนท์



ปูเสฉวนดูนกกับBCST ที่ดอยอินทนนท์


เมื่อตัดสินใจเป็นปูเสฉวนไปดูนกกับBCST ที่ดอยอินทนนท์ การรับปากง่ายๆจะส่งความคิดเห็นการเดินทางไปกับBCSTกลายเป็นพัทนาการที่มัดตัวเองกับความรับผิดชอบ เริ่มตรงไหน วันที่กล้าโทรไปติดต่อ หรือตอนที่ล้อเริ่มหมุน อะไรกับครั้งนี้ มีความตื่นเต้นมาก เพราะเป็นครั้งแรกในชีวิต ทีเดินทางไปดูนกกับBCST

คงมีแต่ความรักนกอย่างเดียวที่ผลักเราออกมา 10ปีที่เดินดูนกคนเดียว นกมากมายที่รอเราค้นพบ แต่เมื่อขาดผู้รู้จริงคอยชี้แนะขาดประสบการณ์และน้อยด้วยความเข้าใจในวิถีของนก ทำให้เวลาในชีวิตเราน้อยลง แต่นกที่ให้พบได้สบตา กลับไม่มากเหมือนเวลาที่จากไป

เช้ามืด เมื่อรถหยุด เสียงเปิดประตูรถ เสียงทักทายเบาๆ พูดคุย เวลาผ่านไปไม่นานเงาผู้คนมากขึ้น กลิ่นกาแฟเตือนท้องเราให้ไปหยิบแทบทุกอย่างที่เป็นของกินเข้าปาก จนสติเตือนว่าอิ่มแล้ว ก็…ฟ้าเริ่มสว่างเห็นคนมากมายหนาตา ชีวิตของคนรักนกมากขนาดนี้เชียวหรือ เราไปอยู่ไหนมากันเล่า และเวลาที่ทุกคนต่างต้องแยกย้ายกันไปเพื่อ นก นก และนก ก็เริ่มขึ้น

นกกลุ่มแรกที่พบอยู่บนต้นงิ้วดอกกลีบโตสีแดงสด ยิ่งมีแสงอ่อนๆจากดวงอาทิตย์นกทุกตัวที่มาเกาะขนนกสะท้อนแสงเป็นกำมะหยี่ สวยเสียจนต้องยิ้มให้กับนกทุกตัวเป็นการขอบคุณ เสียงแว่วของอาจารย์อมรถามแทบทุกคนว่าเห็นนกไม๊ ตรงนั้น ตรงนี้ ยอดของดอกกิ่งซ้าย กลางลำต้นของต้นโน้น และคอยตั้งกล้องสโคปทำให้เห็นนกที่อยู่ไกลแสนไกลได้ใกล้เหมือนชิดตา แม้แต่ไรขนนกอ่อนๆนุ่มฟูปลิวไหวเอนตามลม

เจ้า White–headed Bulbulเป็น นกตัวแรกที่มาเยี่ยมเราที่หน้ากล้อง และตามมาอีกมากมาย เวลาที่พบนกในช่วงวินาทีแสนสั้น สีสันสะดุดตาต่างชนิด ต่างสี แตกต่างกันไม่รู้จบ ท่าทางเดียงสา ดูซื่อ ขี้อาย ให้ความสดชื่น อยากเฝ้ามองไม่วางตา และหากได้มองดวงตานกตัวนั้นๆที่ทำให้จิตใจเราเว้าวอน ขอพบอีกครั้งและอีกสักครั้ง การพบนกแต่ละครั้งที่ก้าวเดินหาจึงมีแต่ตวามตื่นเต้น ประหม่ากลัวจะมองหานกไม่ทันกลายเป็นห้วงเวลาของความประทับใจและแสนเสียดายเมื่อนกบินจากไป

เวลาผ่านไปจากเช้าเป็นสาย เป็นบ่ายและเมื่อเวลาใกล้เย็นมาถึง ไม่สำคัญว่าอยากจะพบนกอะไรเพราะนกที่พบมากมายจนไม่อยากจะขออะไรแล้ว ถ้าจะขอ ขอให้ตะวันไม่จากฟ้า วันแห่งความสุขทำให้คืนนั้นเรานอนหลับสนิทและตั้งใจว่าจะตื่นก่อนตะวัน ไม่มีเรื่องคาดหวังว่าจะเจอนกอะไรอีก BCSTสอนให้เราเข้าใจว่าแท้จริงนกทุกตัวรอเราค้นพบ

การค้นหาเป็นสิ่งที่แสนง่ายดายเพียงแค่รู้จักนกแต่ละชนิดด้วยความเข้าในชีวิต ตามต้นไม้ใหญ่หรือดอกไม้ที่เป็นแหล่งอาหาร ยอดดอกหญ้า บนท้องฟ้าสีฟ้ากว้าง แม้แต่ตามดินที่เป็นขยะ นกน้องก็คอยกินหนอนที่เกิดจากอาหารบูดเน่า ในลำห้วยน้ำไหลรินนกสีสวยก็โชว์ตัวตามโขดหินกระโดดไปมาบนมอสเขียวนุ่ม บางครั้งนกก็ส่งเสียงเรียกให้เราได้เห็นตัว บางทีนกก็โดนเรียกให้ออกมามองกลุ่มเรา

เมื่อเก็บกล้องส่องนกใส่กระเป๋าเรามีคำตอบให้กับตัวเองว่า 2วันที่ได้เดินไปบนถนนสายธรรมชาติที่มีเสียงนกร้องเพลง เดินกันไปเงียบๆกับคนที่แปลกหน้าแต่ใจกลับค้นหาเรื่องเดียวกันในสิ่งที่รักเหมือนกันอย่างอ่อนโยน ยามพูดคุยสบตาก็พบแต่แววตาแห่งความสุขมีความรักทนุถนอมธรรมชาติอย่างจริงใจ หรือ ธรรมชาติหลอกล่อ หล่อหลอมคนกลุ่มเล็กๆให้ปกป้องธรรมชาติได้อย่างอัศจรรย์ยิ่งนัก


นับนกบนดอยอินทนนท์ ไม่ได้อยู่ในหัวใจวันที่เดินทางกลับ แล้วความสุข สุขแล้วสุขอีกหลั่งไหลมาจากไหนกัน คิดแล้ววนเวียนถามซ้ำไปมาหรือเพราะนกนั่นเองที่พาเราเดินทาง ยามค้นหา ใบไม้ทุกใบ แม้กิ่งก้าน ต้นไม้ใหญ่น้อย ตามต้นหญ้าสายตาก็ควานหาเจ้า ลำธารใสให้เราแอบข้างก้อนหินหลบซ่อนหวังเพียงเจอเจ้าเล่นน้ำ

ยามใบไม้ไหวด้วยสายลมหรือแสงแดดจัดจ้าหรืออ่อนบาง และไม่มีที่ความเงียบจะจากไปนานเจ้ายังได้ร้องเพลงให้ฟัง ใบไม้สีเหลืองร่วงลอยปลิวค้างบนฟ้า บ้างสีส้มนอนแช่น้ำเย็นใส ใบแดงสด แดงอมม่วงล่วงหล่นกลาดเกลื่อน ก็เพราะเจ้านกน้อยเหล่านี้พาเดินชม

ในหัวใจวันนี้ นกยังพาเราได้พบเพื่อน (BCST) แสนดีที่สุดแสนรักเจ้า และBCSTได้พาเรามาเดินบนเส้นทางแห่งความสุขที่เราเฝ้าตามหามานาน10ปี แล้วความสุขก็เกลื่อนกลาดเหมือนใบไม้เต็มป่า





วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2550

ซับสะเดา Under the sun at Subsadow.

16/6/50 Under the sun at Subsadow.

เมื่อก้าวบันได3ขั้นลงเรือนตอนเช้า แสงอาทิตย์อ่อนตา สบายๆ สดชื่น เมื่อคืนตอนมาถึงบ้านพักเป็นเวลาตี2ลงรถอย่างงัวเงีย เดินขึ้นบ้านพักเป็นห้องโล่ง เปิดกระเป๋าหยิบที่นอน ถุงนอนไหมจีน หมอนน้อย เมื่อทุกอย่างประกอบเข้ากับตัวเราเรียบร้อยปิดตาลงเปิดภาคนิทราหลับสนิทอีกครั้ง

บ้านพักอุทยานถูกทิ้งห่างอยู่ด้านหลังตอนกลุ่มเราเริ่มเดินดูนกยามเช้า ทางเดินคดเคี้ยวสีแดงลูกรังดูยาวไม่สิ้นสุด ป่าเต็งรังผืนใหญ่เบื้องหน้าซ้ายและขวา มองเห็นแต่ป่ากว้างไม้ป่าขึ้นสูงตรงมองได้ไกลและโปร่งตา ด้านล่างมีหมู่ทุ่งหญ้าสีเขียวสด ใบหญ้ายามแหลมคมบางสูงเกือบแค่เอวปลิวไหวเอน

ต้นปรงกิ่งแข็งแหลมทนทานต้านความโหดแห้งแล้ง ขึ้นแซมในดงหญ้า มีบ้างขึ้นข้างทาง ประปรายอวดสายตาเราตลอดทาง ต้นไม้ใหญ่ลำต้นตรงเปลือกหยาบเป็นเกล็ดล่องลึกใหญ่หยาบสากมือ กิ่งสูงบิดเกลียวเกร็ง เหมือนจะขมวดขดกอดกัน ใบ้ไม้ขึ้นเป็นกลุ่มก้อนกระจุก แต่ละใบไม่มันไม่ลื่นไม่เป็นเงา

เสน่ห์ของป่าเต็งไรคืออะไร เรายังรอคำตอบให้กับตัวเอง แต่ต้นไม้ทุกต้นใบไม้ทุกใบเราหัวเราะและให้รอยยิ้มจากใจของเราเป็นการสวัสดี



ถึงตอนนี้เรากลับนึกไม่ออกว่านกสวยแห่งป่าซับสะเดา ตัวไหนเป็นตัวแรก eurasian jay นกปีกลายสก๊อตที่เราไม่ได้พบเห็นกันมาหลายปี แต่ครั้งนี้ที่ป่าเต็งรังแห่งนี้ 2วัน2ครั้ง ได้พบกันทักทายผ่านกล้อง2ตา กับเวลาที่ให้มาสั้นเกินไป จนเราย้ำการจดจำความสุขนั้นให้ลึกกว่าที่ลึกได้ในความทรงจำ

คู่ตัวเมียและตัวผู้นกไต่ไม้หน้าผากกำมะหยี่ เดินลัดเลาะ ห้อยหัวเลี้ยวหายไปด้านหลังแล้วแอบวกกลับลงมาไต่ไปตามกิ่งที่ยื่นยาวไปมาไม่ยอมหยุดนิ่ง ไต่ไม้อีกคู่ chestnut bellied nuthatch บินมาเกาะต้นไม้.ใกล้ๆ และบินจากไปเกาะต้นไม้ที่ไม่ไกล พาสายตาเราเดินตามกิ่งไม้เดินขึ้นเดินลง วนเวียนและเวียนหัวจนยอมแพ้ลาจากมา

เสียงนกโพระดก ส่งเสียงร้องกังวานบนยอดไม้ไกลและสลับเสียงนกกระทาทุ่งแว่วมาและเลือนเบาหายไป ไม่นานส่งเสียงซ้ำๆบอกว่าอยู่ตรงนี้ อยู่ตรงนั้นเห็นเกาะอยู่ตอไม้ดำแวบเดียวบินหายไปในกอหญ้าสูงข้างทาง แหงนหน้ามองนกdarter บินข้ามขอบฟ้ากว้างผ่านหัวเราจากทิศเหนือผ่านไปทางทิศใต้ นกใหม่ เสียงเราตะโกนบอกถึงความดีใจ เคยเห็นภาพนกสวยสะคราญตัวนี้แต่ในเว็ปไซด์ คุณบันติ้ง ให้ความหวังว่าเย็นนี้ไม่ห่างจากที่นี่ที่อ่างเก็บน้ำ บนเส้นทางช่วงแห่งความเงียบเหงาเริ่มเกาะอยู่ที่ปลายกิ่งไม้ จนมีเสียงว่าแดดร้อนแล้วกลับไปกินข้าวกันดีกว่า


นึกออกแล้วว่านกปรอดหัวสีเขม่าเป็นนกตัวแรกของวันนี้ที่นี่ พบตัวขนสีเทาฟูเกาะใกล้ชิดติดตาและตั้งแต่นาทีนั้นจนวันสุดท้าย พวกเธอชอบบินตาม บ้างพาลูกน้อยมาอวด ทักทายเสียงดัง ดูแลให้ความหวังยามนกชนิดอื่นหนีหายจากไป นกกระรางหัวขวาน2-3ตัว มักบินโฉบล่อนต่ำๆให้เห็นเป็นระยะๆ และตัวนี้ black hooded oriole เสียงแหบเจ้าเสน่ห์ มองหาบนยอดไม้สูง สีเหลืองสดๆหัวขนสีดำมันสนิท ตาวาวใสเป็นประกายมองจ้องตาผ่านกล้องสร้างรอยยิ้มส่งคืนกลับไปเป็นการขอบคุณ

บ่ายแล้วในป่าใหญ่ซับสะเดาเมฆสีดำเริ่มเกาะเป็นกลุ่มใหญ่ลอยต่ำาตามกลุ่มของเราที่เดินไปที่อ่างเก็บน้ำ ไม่ทุกคนที่มีเสื้อกันฝน ใจเราดื้อดึงสู่ปลายทาง อยู่ใต้ฟ้ากลัวอะไรกับฝน ไม่นานฝนเม็ดแรกก็แตะที่ใบหน้าและอีกไม่นาน ไม่มีเสื้อกันฝน มีแต่เรากับสายฝนชื่นใจ น้ำฝนเย็นเปียกตั้งแต่หัวไหลผ่านหน้าแอบเลียเข้าปากชิมน้ำฝนและไหลผ่านเสื้อผ้า ล่วงสู่พื้นดิน วันนี้กลางป่าเต็งรังกว้างใหญ่ ลมพร้อมสายฝนที่กระหน่ำซัดปะทะหน้าสาดใส่ตัว




มองฝ่าสายฝนเพื่อนๆที่เดินข้างๆ พบสีหน้ากังวล แต่ไม่นานสายฝนช่วยให้ทุกคนผ่อนคลายมีความสุขยามจิตใจยอมรับให้น้ำฝนสัมผัสเย็นฉ่ำชื่นใจ ที่ริมขอบอ่างเก็บน้ำกว้างฝั่งตรงข้ามไกลห่างผู้คน Darterราชาหรือราชินีแห่งนกทุ่งน้ำ ลีลายืนนิ่งเกาะตอไม้ไกลสุดสายตาสยายปีกกว้างลายระย้างดงามผึ่งปีกตากลมท่ามกลางแสงอาทิตย์สบายตาหลังฝนยามเย็น สะสมเก็บภาพงามสร้างรอยทรงจำก่อนหันหลังอำลาจากมา

บนทางเดินกลับน้ำฝนไหลเป็นร่องพาน้ำสีแดงลูกรังเลี้ยวไหลตามร่องยาวข้างทาง แทบทุกกิ่งไม้นกมากมายบินเกาะกลุ่มยอดไม้แห้งยืนหันข้าง หันหลัง บ้างยืนเดี่ยวมุมไกลมองกลุ่มของเรา ที่จับกลุ่มยืนชมความงามความน่ารักและบินล่อนจับแมลงกินหลังฝน นกแก้ว vernal hanging parrot ยืนเกาะกิ่งไม้แห้งโดดเด่น ไม่ไกลและสูง ชีวิตของคน2 คนกับ1 นก ห้วงเวลาพิเศษกับนกใหม่อีกครั้ง และเมื่อบินจากไปยังย้ำชัดด้วยเสียงร้องสูงต่ำชัดก้องไพร

17/6/50 คุณ บุญทิ้งตื่นมาพร้อมความมุ่งมั่นค้นหาเหยี่ยวเล็กตะโพกขาว เช้านี้แจ่มใสแต่ฟ้ายังมีก้อนเมฆกระจายรอรวมตัว เป็นฟ้าที่กลุ่นไปด้วยไอฝน เราชื่นชมความตั้งใจของคุณบุญทิ้ง white rumped facoln แดดเริ่มร้อนและเดินตามเป็นเงาข้างๆเรา บางทีเราต้องเดินหลบหนีไปใต้ร่มไม้ บนแท่นหินกว้างน้ำฝนขังค้างในแอ่งหินตื้นๆ บอกเพื่อนร่วมทาง รอยเท้าไดโนเสา คุณเกรียงเดินตามถามหารอยเท้าที่ว่า เราเพียงกระซิบด้วยความสุขไม่มีหรอกค่ะแต่ตรงนี้มันร่มอยากหลบแดดค่ะ red -breasted parakeet , bloosom-headed parakeet ,grey capped woodpecker ,black-headed woodpecker.และอีกมากที่เป็นนกใหม่มีคุณบันตึ้งเป็นเพื่อนพาดู และเช้านี้เรามีใจตอบแทนใจ เป็นเพื่อนมองหาให้เพื่อน เสียงเศร้าๆบ่นพึมพำเมื่อเวลาที่มีให้ค้นหาเหยี่ยวเริ่มหมดลง




เรากับความตั้งใจมองหาเกือบทุกกิ่งไม้สูง ไม่มีทดท้อหรือเป็นนิสัยของคนรักนก ยามส่งสายตามองหาเต็มไปด้วยแรงอธิฐาน จากต้นนี้ไปต้นหน้า จากกิ่งไปสู่ก้าน ดีใจตื้นตันใจไม่ใช่แค่พบเหยี่ยวแต่ได้ยืนข้างๆเพื่อนช่วยเพื่อนเป็นกำลังใจ จนธรรมชาติยอมแพ้ส่งให้เราได้พบและมอบห้วงเวลาแสนพิเศษเหยี่ยวคู่นี้ให้เพื่อน ใจเราเองที่ค้นพบความสุขร่วมกันของคนรักนกกลางป่าซับสะเดา

พบนกมากมายที่ป่าแห่งนี้ ปีกบอบบางสีสวย สดสะอาดสะดุดใจ ดวงตาใสซื่อหว่านเสนห์ชวนหลงใหลทุกครั้งที่เจอะเจอ Creasted-Treeswift ,white- browed fantail,pied bushat,brown-prinia,grey-breasted prinia, small minivet อีกหลายๆตัวหลายชนิดร่วมบันทึกจดจำ

ครั้งนี้เท่าที่นึกไล่เรียงเขียนเล่า บอกความสุขได้เสมอหากเวลาในห้วงนี้ผ่านพ้นไป บันทึกหน้านี้คงย้อนความสุขในอดีตเมื่ออนาคตเปิดย้อนกลับให้เห็นอักษรร้อยกาลเวลาของวันนี้อีกหน Under the sun at Subsadow.

รอยจำผาด่าง


นอกหน้าต่างในผาด่าง สิ่งที่กว้างใหญ่ สว่างตา สวยงามรออยู่เสมอ

และหมายความว่าเราได้ยอมให้สายลมพัดเข้ามา เป็นเพื่อนยามพักผ่อน

บางทีส่งเสียงครางและหยอกเย้ากับผ้าม่านผืนนั้น

รอยจำผาด่าง 7


ทุกตัวอักษรที่ถักเรียงจับร้อย
เป็นเรื่องราวธรรมชาติที่ทยอยมอบให้
นำเก็บฝากไว้กับกาลเวลา
พบความมหัศจรรย์
ล้วนเกิดจากดินแดนแห่งนี้

ผาด่าง แก่งกระจาน



7/12/50 เมื่อเวลาเย็นมาถึง เราพาคุณแอมและคุณใหญ่เดินมาตรงห้วยก้านเหลือง นก verditer flycatcherบนกิ่งสูงแห้ง และโฉบจับแมลงไปมาไม่หยุดนิ่ง คุณทั้งสองถ่ายรูปกันด้วยความตื่นเต้นดีใจ มีธรรมชาติในผาด่างเป็นเพื่อนทุกย่างก้าวของเวลาที่คุณเพลิดเพลิน ณ ที่แห่งนี้


เมื่อเวลาอาหารค่ำมาถึง ตรงตามเวลา ใต้เงาแสงเทียน คุณเล่าเรื่องการพบนก orieantal pied hornbill ทั้งตัวผู้และตัวเมีย เกาะบนกิ่งไม้ใช้เวลาร่วมกับคุณที่ยืนเฝ้าชื่นชมอยู่ใต้ต้นไม้เดียวกัน ก่อนนกทั้งคู่จากลาคุณแอมเพื่อบินสู่ป่ารังนอนป่าฝั่งตรงข้าม

8/12/50 เรามองท้ายรถที่พาคุณแอมและคุณใหญ่มุ่งสู่บ้านกร่าง และภาวนาให้คุณๆได้พบนกป่าที่คุณเดินทางรอนแรมมาค้นหา


หน้าผาด่างแคมป์ วันนี้ผู้คนเดินทางท่องเที่ยวมากมายวิ่งรถผ่านไปมา บ้างหยุดรถถามทางไปชมทะเลหมอกบนเขาพะเนินทุ่ง และจอดรถจับจ่ายซื้อของยังชีพก่อนเข้าป่าแก่งกระจาน และอีกมากมายเข้ามาทานอาหารเช้า จนสายอาหารเที่ยงชุลมุนวุ่นวาย แต่การจัดเตรียมความพร้อมด้วยการวางแผน และประสพการณ์ที่ชาวผาด่าง(ชาวบ้านป่า) ค่อยๆเรียนรู้ ทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น และสามารถสร้างรอยประทับใจแก่นักท่องเที่ยวได้ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากมาย
เมื่อเราเข้านอนมีนักท่องเที่ยวหลายคนที่กางเตนท์กระจัดกระจาย ทั่วลานผาด่างยังจับกลุ่มคุยกันเบาๆ มีเงาไม้ใหญ่เปลี่ยนเป็นสีดำทะมึนและดวงดาวพากันออกมาส่องแสงดารดาษทั่วผืนฟ้า

เสียงพูดคุยจากบ้านปีกไม้ และบ้านริมน้ำเป็นช่วงๆ โดยมีสายลมพาเสียงสะท้อนนั้นลอยกระทบผืนน้ำผ่านภูเขา เสียงเหล่านั้นเต็มไปด้วยความสุข สงบ เราพบตัวเองพึงพอใจในคืนนี้มีเราและนักท่องเที่ยวเลือกผาด่างเป็นบ้านร่วมกัน ก่อนหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย


9/12/50 ความวุ่นวายในผาด่างยังคงมีต่อเนื่อง ตั้งแต่เช้าจนสาย ในห้องครัวอาหารได้ถูกปรุงและเสริพออกไปตลอดทั้งวัน

ลูกค้าหลายรายเริ่มสลับเดินทางจากผาด่างไปและกลุ่มใหม่เข้าแทนที่ บ้านถูกความสะอาดอีกเป็นระลอกๆ แต่ชาวผาด่างยังคงแจ่มใส สดชื่น แม้บางช่วงจะมีความล้าเข้ามาเกาะแขนขาบ้าง



เย็นนี้คุณวาทินย้ำเรื่องปลาสดทอดจากห้วยก้านเหลืองเป็นมื้อเย็น ยามนี้ตะวันได้จากฟ้า เดือนแรมมืด ดาวทุกดวงพากันฉายแสงแต่งแต้มฟ้า




บนโต๊ะอาหารใต้แสงเทียน น้ำตาเทียนเริ่มไหลพร้อมกับผาด่างฉายภาพยนต์ และทยอยเสริพอาหาร มีเราเป็นผู้เฝ้ามอง เห็นรอยยิ้มที่ลูกค้ามีให้แก่ชาวผาด่างเป็นการขอบคุณตลอดคืน ช่วงเวลาพิเศษที่ชาวผาด่างและแขกผู้มาเยือนต่างสร้างรอยจำร่วมกันณ.ผาด่าง ผืนป่า แก่งกระจาน




10/12/50 เช้าแล้ว เสียงพูดคุย มุมหน้าร้านกาแฟ เล่าถึงความสุขที่มีกันในคืนที่ผ่านมา ลูกค้าเข้ามาร่ำลา และบอกว่าจะมาใหม่ ดีใจที่เลือกพักผาด่าง จะบอกต่อเพื่อนให้มาเที่ยวที่นี่ มีเราและชาวผาด่างโบกมือ ขอให้เดินทางกลับถึงบ้านด้วยความปลอดภัยและขอบคุณสำหรับความจริงใจที่ยื่นให้แก่พวกเรา



กลุ่มคุณแอเมื่อเที่ยงผ่านไปแล้ว คุณแอและเพื่อนๆยังอ้อยอิ่งพักผ่อนอย่างสบายในบ้านนกร่าเริง เราอยากให้พวกคุณลืมงานและทิ้งภาระหน้าที่ในเมืองหลวง ให้ผาด่างเป็นที่ผ่อนคลายความอ่อนล้าจากการวางแผนงานของคนรุ่นใหม่ บ่ายแก่แล้วเมื่อกลุ่มคุณแอมมาบอกลา คุณมีเมตตามอบเงินทริปแก่ชาวผาด่างถึง200บาท และให้พิเศษแก่เด็กชายมอส และเด็กชายฟลุค คนละ20 บาท เด็กบ้านป่าทั้งคู่ยิ้มหน้าบานแก้มป่องพร้อมยกมือไหว้ขอบคุณในความเมตตา

คุณแอลูกค้าเล่าว่า รู้จักผาด่างจาก เวปไซด์ trecking thai แนะนำให้มาผาด่าง ในนามของชาวผาด่างขอขอบคุณเพื่อนๆในห้องtrecking thai ช่วยแนะนำ ลูกค้าแสนดี ให้ผาด่างประคองตัวในอาชีพเส้นทางที่เลือกเดิน



บนลานกางเตนท์ กลุ่มชาวกางเตนท์เดินทางกลับจากไปหมดแล้ว มีแต่ลานหญ้าสีเขียวกับชาวผาด่างช่วยกันเก็บกวาดดูแลพื้นที่ เสียงบอกเล่าของชาวผาด่างบอกต่อกันและกัน


ต่างเอ่ยชื่นชมลูกค้าที่กางเตนท์ ถึงความน่ารัก คุณๆทั้งหลายช่วยเก็บทำความสะอาด ไม่เหลือทิ้งความรกเลอะเทอะ ของเศษกระดาษหรือเศษอาหาร ชาวผาด่างขอกล่าวขอบคุณลูกค้าที่ช่วยกันทนุถนอมดินแดนแห่งนี้ และหวังให้ธรรมชาติที่สวยงามเปิดรอทุกเส้นทางที่ล้อหมุนไป