วันเสาร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2551

รอยจำผาด่าง December 20, 2008

December 20, 2008 เสื้อหนาว


ก่อนลากันน้องบีกับเพื่อนส่งเงินให้เราเป็นเงินสด12,200 บาทถ้วน กล่าวเบาๆว่าให้พี่กุ้งจัดจ่ายสิ่งที่เห็นสมควร วันต่อมาเราตัดสินใจนำเงินนั้นดับความหนาวเย็นของคนแก่ เงินของน้องๆยอมสละเวลาและของใช้มาให้คนยาก คนไร้โอกาส คนแก่ที่มีกองฟืนเป็นผ้าห่ม สังกะสีหันลอนสู่ฟ้า สีน้ำตาลสนิมด่างเกรอะกระด่าง มีรูนิดๆพอมองออกไปยามกลางวันจะเหมือนดาวคอยกระพริบนิดๆเป็นหลังคา และในยามฝนเยือน น้ำฝนจะไหลหยดก่อนไหลริน

เรื่องนี้เป็นของขวัญสำหรับคนทุกคนที่เป็นผู้รับและเป็นผู้ให้ แม้แต่ตัวคนเขียนไม่ใช่ทั้งสองประการแต่เป็นเพียงคนนำสารแห่งความทุกข์ยากส่งให้ผู้ที่มีจิตใจรอนแรมเสาะแสวงหาเพื่อมอบบางอย่าง ช่วยเหลือตามกำลังและมุมมองที่เข้าใจได้

December 24, 2008 นุชกับงานปักผ้า
บนระเบียงภูสีหมอก เรากับนุชนั่งกันบนพื้นระเบียง เสียงนกกระเต็นน้อยธรรมดาร้องข้ามฝั่งทางเกาะต้นก้านธูป เราไม่เคยสนใจมองหาเจ้าเลย เราเสียใจแต่ไม่หลงลืมเจ้า เสียงร้องบอกว่าเรายังมีเจ้าอยู่ใกล้ๆเหมือนเคย เราขอบใจเจ้านะกับเสียงไพเราะยามนี้

ได้เสื้อกี่ตัว ตัวนี้ปักสวยจัง แล้วอีกหลายตัวไหม ที่ค้างปักไม่เสร็จ ก่อนเน้นสำทับถึงงานด่วน ห้ามพลาด ต้องได้พรุ่งนี้นะจ๊ะ นอกนั้นปีหน้าก็ได้

….เราถามนุชว่า เมื่ออาทิตย์ที่แล้วไปแจกผ้าเช็ดตัวที่บ้านไม่เจอนุช แต่ฝากไว้ให้ด้วย ได้รับหรือเปล่า นุชบอกว่าได้แล้วขอบใจเรามาก เรากล่าวต่อไปว่า เพื่อนๆน้องบีให้เงินมา เราแบ่งเอาไปซื้อเสื้อหนาวไว้แจกคนแก่ ที่บ้านมียายๆ ตาๆ กี่คน นุชบอกว่ามีสองคน แต่แม่มีเสื้อแล้ว แต่แม่ผัวยังไม่มี ตกลงพรุ่งนี้ตอนเย็นเราจะไปหาที่บ้านนะ เอาเสื้อหนาวไปให้






แต่ต้องถ่ายรูปส่งไปให้คุณอ้วน น้องโป๊ดๆ และเพื่อนๆของน้องโป๊ด เป็นของขวัญปีใหม่ เอาไปตอนนี้ไม่ได้ จ้างชาวบ้านซักแล้วแต่ยังไม่แห้ง ถ้าไปมืดหน่อยจะได้ไหม นุชที่บ้านก่อกองฟืนทุกคืนไหม นุชบอกว่าก่อทุกวันหละ อากาศหนาวคนแก่ต้องออกมา ผิงไฟกันทุกวัน ไม่ก่อไม่ได้หรอก เราบอกว่าเยี่ยมเลย เวลาถ่ายรูปส่งไปให้น้องบีจะได้มีสีสัน สร้างภาพ นะ เข้าใจไหมจ๊ะ….. นุชหัวเราะ ยิ้มแก้มพองพร้อมมือปิด แอบฟันหน้าหลอ



December 25, 2008 เสื้อและหมวกไหมพรมซักแล้วและตากแดดบนราวลวดเป็นแถว เราเดินเข้าไปจับเสื้อหนาวมือสองของนอก ทุกตัวหนา และเบา ทุกตัวแห้งและสะอาด ได้กลิ่นแดดอีกด้วย สภาพของเสื้อหลากสี เรามั่นใจว่าจะช่วยคนแก่ได้มากทีเดียว เรามองหมวกไหมพรม อยู่อีกราวถัดไป เมื่อเข้าไปจับแห้งแล้วเช่นกัน โอกาสต่อไป สำหรับเราคือจัดหาถุงนอน มั่นใจว่าดีกว่าผ้าห่มมาก ทนทานกว่า สำคัญเป็นการหุ้มห่มตัวและไม่หนีม้วนลีบยามหลับกลับพลิกตัว เหมาะสมกับพื้นที่ป่าหนาวเย็นอย่างนี้ เรารอว่าเมื่อไหร่จะเย็นเสียที ชาวบ้านจะได้กลับบ้านหลังจากไปทำไร่ หรือไปรับจ้างทำงานเป็นรายได้วันต่อวัน


ดวงตะวันสีส้มตามหน้าที่ต้องลับไปฝากฝั่งตะวันตก ทุกคนเตรียมพร้อม เสื้อกับหมวกอยู่ในถุง มีชื่อเขียนไว้ชัดเจน และเมื่อลำแสงไฟจากรถมอเตอร์ไซด์สาดส่องวิ่งไปตามถนน ไม่นานก็หายไปทั้งสองคัน กับคน 4 คน รถกับคนวิ่งสู่ความมืดมัวของถนน มีเรายืนมองอยู่หน้าผาด่าง



เวลาของการกลับมา ที่เดิมมีเรายืนอยู่ตรงนั้น…รอด้วยใจ ถุงเสื้อใบโตพอง กลายแฟบลงเหมือนถุงเปล่า ไอ้ยุงยิ้มแก้มปริ ยิ้มไม่ยอมหยุด แจกหมดแล้วเหรอ เหลืออีก2บ้าน แต่ต้องวิ่งไปทางพุอ้อ เกรงใจพี่กุ้งจะเข้ากรุงเทพดึก พรุ่งนี้จะเข้าไปให้แต่เช้าพี่กุ้งไม่ต้องห่วง มีแม่ของเจ้าเอ็ม คนเย็บใบหญ้าคาเลี้ยงชีพ แล้วอีกคนบอกชื่อมาแต่เราจำชื่อไม่ได้แล้ว

เรามองหน้าทุกหน้า เล่าให้ฟังหน่อยเป็นยังไงกันบ้าง มองหน้าไล่เรียงตั้งแต่ยอดผู้จัดการผาด่าง ยุงแม่บ้าน คนสวน แม่ครัว ทุกตำแหน่ง และม่อนหนุ่มยาวแห่งผาด่าง สุดท้ายที่หลานชายหนุ่มยาวคราวเดียวกันกับม่อน จ๊อบรีบบอกว่า ภาพถ่ายครั้งนี้ไม่ค่อยสวยเพราะชาวบ้านไม่ค่อยยอมเปิดไฟ

ที่บ้านพี่นุช บ้านหลังแรก จัดฉากอย่างที่อากุ้งบอกไว้ แต่มีฮาด้วย อะไรเหรอลูก เรารีบถามกลับไป ไม่ก่อกองไฟอย่างเดียวแต่เผาข้าวหลามโชว์อีกด้วย แต่คุณยายซิ วันนี้อากาศมันไม่หนาว พอยายเค้าใส่เสื้อหนาวกับหมวกไหมพรม แล้วให้มายืนข้างกองไฟ ยายบอกว่า ไม่เวอร์เหรอไอ้หนุ่มด้วยสำเนียงป่าเหน่อสุดๆ

เรามองภาพที่ไล่ไปเรื่อยๆ ภาพป้าใจกับเสื้อหนาวของน้องบี พิม และน้องปลาย กับทีท่าเขินหน้ากล้อง รูปคุณตาคุณยายที่น้องพิม น้องบีห่วงมาก คู่สร้างคู่สม อายุเลย 90 ปีแล้วทั้งคู่ ทั้งคู่นั่งใกล้ชิดติดกัน แม้อากาศไม่หนาวมาก แต่คุณตาถุงเท้ายาวถึงเข่า อ้าวแล้ววันนี้ตายายไม่นอนก่อไฟนอกบ้านหรือ วันนี้ไม่ค่อยหนาวหรอกพี่กุ้ง นอนในบ้านได้ มีบรรยากาศในบ้านมาแทน นิสัยชาวบ้านประหยัดไฟ ไม่ค่อยเปิดไฟมากดวง



เมื่อมาถึงรูปนี้ เราถามอีกว่า ดูแล้วก็พอมีฐานะอยู่บ้าง ทำไมถึงเลือกให้เสื้อหนาว ไอ้ยุงรีบเล่ากลัวเราตำหนิว่าป้าแกน่าสงสาร เป็นอัมพาตตั้งแต่ สะโพกลงไปเดินไม่ได้มาหลายปีแล้ว

คุณยายคนนี้ เราจำได้ พูดเพราะยิ้มสวย เลี้ยงลูกชายขาขาดพิการต้องนั่งรถเข็น อยู่กันสองคนแม่ลูกเปิดร้านคาราโอเกะ แต่ร้านนี้มีแปลกอย่างหนึ่ง คือทางร้านไม่มีทุนจำหน่ายเหล้าขาย ไม่มีอาหารขาย ลูกค้าต้องคอยวิ่งซื้อเหล้าเบียร์และกับแกล้มมาเอง มีแต่ตู้หยอดให้ร้องเพลง กฎชุมชน ไม่ให้เสียงดังเกิน และเวลาปิดเปิดของการลงมติชุมชนบ้านป่าด่านโง



มาถึงเกือบรูปสุดท้าย ไม่เห็นมีอะไรเลย มีแต่ภาพมืดๆ มีการชิงกันเล่าเรื่องของบ้านนี้ แย่งกันเล่าอย่างสนุกกันทุกคน โดยเฉพาะหลานจ๊อบ ตอนไปถึงบ้านปิดไฟหมดเลย ตะโกนเรียกป้า ๆ อยู่หรือเปล่า เสียงคนแก่ตอบสวนความมืดออกมา .ใคร…. มาทำไม ม่อนเองลูกยายม๊วย ยายเลี้ยงผมตอนผมเล็กๆนะ จำได้หรือเปล่า แล้วไฟในบ้านก็สว่างแวมๆ ก่อนประตูสังกะสีจะเปิดแง้ม จ๊อบเล่าว่าผมกลัวมากเลย นึกถึงหนังผีตอนเด็กๆ กับตอนอากุ้งทำเหมือนผีหลอกผม

ยายคนนี้อยู่คนเดียว อายุเกือบ 70 ปีแล้ว ลูกชายคนเดียวตายไปนานแล้ว หากินตัวคนเดียว รับจ้างทำงานตามแต่ใครจะจ้างไป ปลูกหน่อสับปะรด ได้วันละ 20บาท 30 บาท แล้วแต่จะให้ (เมื่อวันที่ 20 ที่ผ่านมา บ้านเก่าๆผุๆ แต่มีกุญแจคล้องไว้ เราชื่อกุญแจ แต่เจ้าของเราให้เราคอยบอกคนที่มาหาว่า ยายไม่อยู่บ้าน ข้างบ้านมีผ้าถุงลายดอกซีดๆตากอยู่บนราว กับผ้าสีมอๆ มองไม่ออกว่าเป็นเสื้อหรือเปล่า ผ้าพวกนั้นไหวลมนิดๆ บอกถึงฐานะเจ้าของผืนดินแห่งนี้ เสียงของน้องพิมกับน้องบี ในรถเก๋งฮอนด้ารุ่นใหม่ป้ายแดง โอ้….บ้านนี้หลังคาและฝา เป็นสังกะสี กลางคืนไม่หนาวแย่หรือ จะนอนหลับยังไง )



ทุกคนจากไปจากภาพหน้าจอหลังจากเล่าเรื่อง หน้าที่ของตัวเองเสร็จ แต่เรายังมองดูภาพวนเวียนไปมาว่าจะส่งรูปภาพใด ไปให้คุณอ้วนน้องปลาย น้องบี น้องพิม แต่ละรูป กุ้งเห็นสายตาขอบคุณตื้นตันใจผ่านสายตาฝ้าฟาง และชื่นใจที่สุดคงเป็นภาพของไอ้ยุง,เจ้ายอด, ม่อน ชาวบ้านป่าเหล่านี้อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ก่อเกิดหมู่บ้านด่านโง

เห็นคนแก่เหล่านี้ตั้งแต่ตัวเองยังอายุน้อยๆ เวลาผ่านไป ความแก่ ความเจ็บป่วย ความตาย ความพลัดพราก บ้างลูกหลานทำงานในเมืองไม่มีปัญญาเหลียวแล หรือความทุกข์ยากลำบากเป็นของคู่กับหมู่บ้านนี้มาช้านาน



ยุง ยอด ม่อน จ๊อบ เป็นผู้นำของไปแจกตามคำฝากขอร้อง แต่ทุกคนเลือกบุคคลด้วยการประชุมตามประสาชาวผาด่าง ใช้ความสำคัญของความทุกข์ยากเป็นตัวชี้นำตัดสิน พี่กุ้งเห็นความสุขสวยงามในแววตาของผู้ให้ ไอ้ยุงใส่เสื้อให้ยาย ยอดกราบไหว้ด้วยความเคารพ อ่อนน้อม ม่อนหนุ่มผู้ร่าเริงเติมความสุขมีโอกาสแสนพิเศษทำหน้าที่ตอบแทนผู้หญิงที่เคยเลี้ยงมาตอนแบเบาะ วันนี้แม้ตัวเองวันนี้ยังทุกข์ยาก พ่อตายจากไปตั้งแต่อายุ12 ปี จากพี่ชายกลายเป็นพ่อของน้องทันที อีกสองคน


สุดท้ายผู้อยู่ข้างหลังกล้อง จ๊อบหลานชาย งานสารพัดเราทุ่มภาระให้ เราจะตอบแทนอย่างไร จึงจะรู้จบ คำขอบคุณใช้ไม่ได้เสียแล้ว ยิ่งนานวันคำนี้มีค่าน้อยเหลือเกินและห่างออกไปทุกที…ทุกที


กุ้งขอให้คุณอ้วน คุณพ่อ คุณแม่ และลูกคุณอ้วนทุกคน และครอบครัวญาติพี่น้องและเพื่อนๆน้องบี น้องพิมและน้องปลาย เป็นนางฟ้าแสนงามสถิตย์ในใจของเด็กๆและชาวบ้านป่าด่านโงตลอดไปนานแสนนานค่ะ












วันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ดื่มด่ำ เครื่องดื่มกับเรือนภูสีหมอก


ภูสีหมอก เรือนระเบียงลดหลั่นไปตามขอบเขา และโค้งน้ำเบื้องล่าง จะเป็นอะไรในความหมายของผาด่าง บ้านพักหรือ มุมทานอาหาร มื้อเย็นใต้แสงเทียน

ยามกลางวันเล่า หากมีเวลาบ้าง มาที่เรือนภูสีหมอก ปลีกตัวเองออกจากบ้านพักเพื่อชมทิวธรรมชาติ ที่ชาวผาด่างเตรียมไว้ให้อีกมุม และมีมุมใหม่ๆให้เสมอ





ทุกมุมเพื่อคนชื่นชมธรรมชาติ สายตามองไกลไปสู่ภูเขาป่าใหญ่ข้างหน้า หรือจะเป็นคุ้งน้ำ มีต้นธูปขึ้นบังเป็นเกาะให้แปลกใจว่าธรรมชาติเบื้องหลังเกาะต้นธูปเป็นอย่างไร


ภูสีหมอกมีเตียงเหล็กโบราณให้บางคนได้นอนหลับยามบ่ายและมีหนังสือเล่มโปรดวางอยู่แผ่บนอก แว่นตากลายเป็นที่คาดผม
ใกล้เตียงมีหนังสืออีกหลายเล่มที่ยังไม่ได้อ่าน แต่หนังสือเปิดไปมาเองเบาๆ เพราะเจ้าลมแวะเวียนมา



โต๊ะเหล็กไม้มะค่า ตรงด้านตรงข้ามผาด่างมีเถาวัลย์ห้อยย้อยเป็นวงใหญ่ สายลมพัดผ่านสายน้ำเข้าหามุมนี้ตลอดบ่าย กลุ่มใบไม้ใบใหญ่ของตะวันตกก็ใจดีบังแดดของตะวันดวงโต เราชอบทานน้ำผึ้งผสมมะนาวกับโต๊ะตัวนี้ แก้วโตใสอ้วนมีก้านสูงกับน้ำแข็งและน้ำมะนาวรสเปรี้ยวจัดคนให้เข้ากันกับน้ำผึ้งป่า






กาแฟร้อนตอนเช้า กับน้ำผลไม้ กับโต๊ะนั่งกว้าง….ได้เพียง2คน หากนั่งตรงนี้แน่นอน สายหมอกยามเช้าจะปรากฎเลื้อยเป็นสายจากพื้นน้ำ แล้วส่ายเต้นระบำกับสายลม
เรากับพี่เปี๊ยกเตรียมซื้อชุดกาน้ำร้อนใหม่ เตรียมแก้วกาแฟ แก้วชา และตู้เย็นหลังใหม่เพื่อน้ำผลไม้สด เมื่อวานเราเห็น ดอกกระเจี๊ยบกำลังออกดอกสีแดง อีกไม่นานเราจะมีน้ำกระเจี๊ยบสดให้ลูกค้าได้ดื่มทานกัน


เบียร์ในตู้เย็นจะมีกี่ยี่ห้อนะ เรากินเบียร์ไม่เป็นคิดไม่ออก แก้วเบียร์ต้องเป็นแบบไหนจึงจะเข้ากับบรรยากาศภูสีหมอก


หนังสือ เราเตรียมไว้แล้ว ส่วนมากเป็นหนังสือเกี่ยวกับธรรมชาติ คงไม่จำเป็นต้องมีหนังสือแฟชั่นในป่าหรอก

ข้าวโพดอบเนย ของโปรดทานกับเบียร์ของพี่เปี๊ยก เราต้องสอนวิธีการคั่วข้าวโพดกะทะร้อนแบบโบราณให้พี่เปี๊ยก จะได้ทำไว้บริการลูกค้าผาด่าง



ห้องน้ำ ของเรือนภูสีหมอก ใครมาเห็นต่างเอ่ยปากชมว่าสวยมากกกก…. เราเองกับชาวผาด่างคิดได้อย่างเดียวกันกับผู้เข้าไปใช้บริการ

ประตูบานเล็กๆ ใกล้อ่างน้ำ หากเราเงียบเหมือนเช่นธรรมชาติ นกตัวสวยๆ และตัวเล็กตัวน้อยจะสลับกันมาเกาะที่บานประตู แล้วสลับกันลงเล่นน้ำ ในอ่างตื้นดินเผา มีเราคอยเติมน้ำ บ่อยๆ แต่ไม่มากจนเกินไป



ถาดใส่อาหารนก หรือผลไม้เก่า เราห้อยถาดไว้ใกล้โต๊ะคู่ บนเก้าอี้ใกล้ถาดนั้น มีแก้วน้ำดื่มกับกล้วยไม้ข้างๆ และตั้งใจรอ….รอเจ้านกกางเขน หรือนกกระรางสร้อยคอใหญ่ หรือแม้แต่กระรอก ก็ค่อยๆแอบลงมากินผลไม้จากถาดที่ ชาวผาด่างเตรียมไว้ให้เสมอ


มุมระเบียงนี้ เราโปรดปรานนัก เพราะจะได้รับแดดจากทิศตะวันตกเต็มที่ ไม่ได้มาเพื่อนั่งผ่อนคลาย แต่เป็นที่เราจะขนเอาหมอนทุกใบ ที่นอน ถุงนอน เสื้อกันหนาว หมอนอิงและอื่นๆได้ตากแดด ยามตะวันคล้อยหมดแดด เราจะเก็บทุกชิ้นไปพร้อมกับ เอาจมูกกดกับหมอนหรือเสื้อหอมแดดอุ่นๆด้วย


ก่อนปีใหม่นี้ พี่เปี๊ยกและเรากับชาวผาด่าง เรือนภูสีหมอกคงเป็นสถานที่แห่งใหม่ที่ชาวผาด่างร่วมกันสร้างไว้….รอให้นักท่องธรรมชาติ มีของขวัญปีใหม่กับระเบียงความทรงจำ ณ สถานที่แห่งนี้ ทั้งเพิ่งสร้างเสร็จใหม่ล่าสุดของป่าแก่งกระจานผาด่าง





วันศุกร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2551

รอยจำผาด่าง 4,2008,Dec


ก่อนเย็นวันที่ 4 ธันวาคม มีรถกระบะ และรถเก๋งหลายคันมาจอดนิ่งหน้าผาด่าง สอบถามถึงลานกางเตนท์ และค่าใช้จ่ายและรายละเอียดของการปรุงอาหาร พี่หวัดเป็นผู้นำพาลูกค้าเข้าบ้านพัก แต่ละหลัง และตามเตนท์ที่ลูกค้าจองไว้ แต่ลูกค้าที่นำเตนท์มาเอง มีอยู่กลุ่มหนึ่ง พี่หวัดได้ทำตามหน้าที่พาไปจัดหามุมกางเตนท์ ก่อนกลับมาเล่าเรื่องตื่นเต้นให้ชาวผาด่างฟัง


พี่หวัดบอกว่าคุณขอหลอดไฟ 1 ชุด เพื่อประกอบอาหารทานกันเอง และเสบียงของคุณเตรียมมาเยอะมาก ที่สำคัญ….เห็นตู้ลำโพงพวกคุณขนใส่ท้ายกระบะมาด้วยหวังเปิดเพลงสนั่นเต็มที่
พี่หวัดเกรงว่าเสียงจากลำโพงนั้นจะทำให้ลูกค้าหลายท่านต้องพบกับความหงุดหงิด แต่เรามั่นใจว่าทุกอย่างจะดำเนินไปตามธรรมชาติที่ผาด่างกำหนดกฎเกณท์ไว้ ไม่มีใครกล้าฝืนละเมิดธรรมชาติที่นี่หรอก


ไม่มีเสียงเพลงจากลำโพงตัวนั้น ลำโพงตัวโตที่ชาวผาด่างหวาดกลัว แต่เมื่อถึงเวลาเข้านอน เราพลิกกลับไปมานอน และเริ่มกระสับกระส่าย พยายามหลับแต่ไม่สามารถหลับลง เสียงแว่วหัวเราะลั่นจากแขกกางเตนท์กลุ่มใหญ่มาเป็นละลอกๆ เสียงนั้นเงียบหายไปในความมืดสนิท แต่ไม่นานมาอีกแล้ว เสียงแผ่วเบาคือการเริ่มต้นอีกครั้ง ก่อนเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะเบา จากคนที่หนึ่งและเป็นคนที่สอง สามตามลำดับ ก่อนจบลงด้วนเสียงหัวเราะสนั่นลั่นเคล้าเสียง
เราสามารถจำแนกได้ว่าคนกลุ่มนี้กำลังเล่นไพ่ แต่เราไม่รู้หรอกว่าไพ่ที่เค้าร่วมกันเล่นเป็นไพ่อะไร


เรื่องที่เราคิดมาก พรุ่งนี้แต่เช้าเราต้องรีบตื่น ดูแลความเรียบร้อย แขกรับประทานอาหารเช้า เราพยายามเร่งตัวเองให้หลับ หลับเจ้าต้องหลับนะ เราคิดถึงยานอนหลับของหมอ ทำไมเราลืมยาไว้ที่กรุงเทพนะ ในความมืดและความพะวงช่วงดึงเราสู่ความหลับใหลได้ในที่สุด

ยามเช้าลูกค้าตื่นเต้นกับอาหารหน้าตาน่าทาน


ขนมปังชุบไข่ทานกับน้ำผึ้งป่า หรือเหยาะซอสถั่งเหลืองลงไปนิดหน่อย ก็จะให้รสชาดที่แปลกออกไป







น้ำผลไม้สับปะรดสด





ข้าวต้มหมูร้อนๆ กาแฟหรือเครื่องดื่มโอวัลติน






บางคน บางกลุ่ม ขยับไปนั่งมุมโน้นมุมนี้สาระวนกับการถ่ายรูปเดี่ยว รูปคู่ รูปหมู่ ทุกมุมในผาด่างกลายเป็นสตูดิโอน้อยๆทั่วไปหมด

รถหลายคันของลูกค้าทยอยออกจากผาด่าง คันแล้วคันเล่า ทุกคนจากไปแล้วหรือ เราเดินไปที่ลานกางเตนท์ เตนท์แต่ละเตนท์ยังคงตั้งอยู่กับพื้นดิน บ้านหลายหลังบางหลังเสียงพูดคุยเบาๆมาก เสียงเหล่านั้นคุยกัน มีแต่สายลมและใบไม้ที่ได้ยินว่าพวกเขากับกำลังพูดถึงอะไร แต่บางหลังมีกุญแจคล้องไว้ พวกเขาเหล่านั้นไปเที่ยวที่ไหนกันนะ






ยามบ่ายแก่หลังจากเราตื่นจากนอนกลางวัน เราเดินหิวเข้าโรงครัว

ผ่านต้นหญ้าดอกเสือหมอบ ทุกกิ่งช่อออกดอกสีขาวกลุ่มเล็กกลุ่มน้อย เป็นความหมายสัญญลักษ์ของลมเหนือ…ลมนี้มีหน้าที่หอบนำความหนาวเย็นมาเยือนป่าตะวันตกผืนนี้ ปีนี้ลมเหนือมาช้าแต่สัญญาคือสัญญา ลมเหนือแห่งเหมันต์จากเทือกเขาทิเบตเดินทางมาถึงผาด่าง แก่งกระจานแล้ว

ก่อนแสงแดงของตะวันดวงโตจะถึงชายขอบป่าตะวันตก ลูกค้าเก่าและใหม่เริ่มทยอยกลับเข้าผาด่าง เสียงทักทายบอกเล่าชาวผาด่างว่าไปเที่ยวกันมาบ้าง บางกลุ่มบอกว่าไปเที่ยวน้ำตกผาน้ำหยด บางกลุ่มพี่หวัดพาไปเที่ยวเดินป่าใกล้ กับผาด่าง

และบางกลุ่มลงไปเที่ยงล่องเรือยางที่ท่าเรือ และอีกมากมายต่างมีใบหน้าเปื้อนความสุขที่ยังไม่จางหาย

อาหารมื้อเย็น บางโต๊ะใต้แสงเทียน อบอุ่นกับคู่ของตัวเอง เสียงคุยสลับเสียงจิ้งหรีดกรีดปีก บทเพลงของผาด่างเป็นเพลงของการพัก ผ่อนคลาย มีเพียงแสงเทียน และแสงไฟ แวมๆไม่เจิดจ้า ทุกโต๊ะทานข้าวแค่มองจากโต๊ะออกไปไม่เกินสามเมตร ความมืดสนิทจะอยู่ตรงนั้น โอบล้อมทุกคนในห้องอาหารเอาไว้ เราลอบมองเห็นแขกรับประทานอาหารด้วยความละเมียดละไมกับเครื่องดื่มนานแสนนาน สิ้นสุดลงด้วยการแยกย้ายกลับบ้านพักของตัวเอง เราสำรวจตัวเองทุกอย่างในห้องครัวและกลับที่พักเช่นกัน เพื่อเตรียมรับวันพรุ่งนี้ซ้ำอีกครั้ง




เราหวั่นปัญหาเดิมจะรบกวนเราอีก ตัดสินใจแต่ตอนเย็นเรามียาแก้แพ้อยู่ในกระเป๋ากางเกง เพื่อทานก่อนนอน และยานี้ได้ผล ไม่นานเราก็หลับสนิทลงได้ เสียงอะไรอีกเล่าปลุกเราขึ้นมากลางดึก เราหลับไปนานแค่ไหน ทำไมต้องตื่นเพื่อฟังเสียงหัวเราะอีกเล่า เสียงนั้นทำให้เราโกรธ และความโกรธก็กำลังเพื่มขึ้น เสียงหัวเราะดังขึ้นเท่าไหร เรายิ่งโกรธและโมโห เราพร้อมที่จะลุกขึ้นไปบอกให้เงียบเสียง




เราเป็นเจ้าของสถานที่แห่งนี้ ความโมโห และความลำพองอยู่กับเราแล้ว แต่ความสุภาพ และผลที่จะเกิดขึ้นภายหลังดึงให้เราคิดก่อนทำ เราจะบอกอย่างไรให้คุณเงียบเบาเสียงลง ความสุภาพของน้ำเสียงและภาษาต้องระดับแค่ไหนกัน พวกคุณจึงจะพอใจ เวลาผ่านไปนานมากกับการนอนตาค้าง มีความโกรธความหงุดหงิดคอยกระตุ้น

เราละเลยการฝืนหลับเพราะทราบแก่ใจว่าเป็นไปไม่ได้ ยาแก้แพ้อีกสองเม็ด ถูกกินซ้ำเข้าไป ตามด้วยน้ำ แก้วใหญ่ ตาไม่ปิด สมองไม่หลับหูคอยฟังเสียงคนเล่นไพ่ (กินเหล้าด้วยมั้งหรือไม่ใช่ ) แต่แน่นอนที่สุด ไม่มีเสียงของผู้หญิงเลย เรานอนคิดไปมา กับการเดินออกไปบอกความจริงแก่คนกลุ่มนั้น แต่ความเป็นเจ้าของสถานที่กลับดึงเราไว้

ความคิดเราเตลิดไกลออกไป เสียงหัวเราะสนั่นไปทั้งหุบเขา สลับกับความเงียบเป็นพักๆ ถ้ามีแขกพักบ้านใกล้ เป็นเหมือนเรา ตื่นตาค้างหงุดหงิด แขกในบ้านปีกไม้ หรือบ้านฟ้าสด หรือ…หลังโน้น หลังนี้

โอ… นี่เองคำตอบหน้าที่ของเรา ไม่ใช่ตัวเราเองต้องปกป้อง แต่เพื่อแขกท่านอื่นๆ ที่กำลังตกอยู่ในภาวะเช่นเรา เรามีคำตอบและงานด่วนแล้ว….ลุกจากที่นอน เดินผ่านสนามหญ้าอันมืดมิด ใช้เพียงแสงไฟฉาย นำทางพาเรามุ่งสู่ลานแสงไฟจากกองฟืนข้างหน้า เงียบมากแต่ไม่นานเสียงหัวเราะก็บอกเราว่า เรามาถูกทางแล้ว ใกล้ เข้า….ใกล้เข้าไป เราดับไฟฉายในมือตัวเอง



ภาพข้างหน้า เรามองเห็นแล้วอย่างชัดเจน ภาพลานกางเต๊นท์กลุ่มใหญ่ เตนท์ทุกขนาดถูกกางเป็นวงกลม ห่างๆกัน และเตนท์ที่อยู่ใกล้เราที่สุด มีเสียงคนนอนกรนเป็นระยะๆ ตำแหน่งที่เรายืนเห็นทุกอย่าง และเป็นไปอย่างเงียบๆนั้น เรายืนอยู่นอกรัสมีแสงไฟจากกองฟืนที่กำลังลุกโชน ใกล้จุดศูนย์กลางของลานวงกลม มีกองฟืน ท่อนไม้โตๆเป็นท่อนสั้นๆ ท่อนไม้นี้เมื่อเย็นยังเป็นขาเก้าอี้ ตรงลานซุ้มเห็ด ซากขาไม้กลายเป็นท่อนฟืน ไฟกำลังเลียกินไม้ท่อนนั้น

ท่อนฟืนกำลังให้แสงไฟนุ่มนวล ที่มากกว่านั้นเรามองเห็นกองฟืนในระยะคือไออุ่น
คนกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งเล่นไพ่ ทุกดวงตาจดจ่อกับกระดาษตัวเลข และสัญญลักษ์สีแดง หรือดำในมือ
บางคนตาจ้องแป๋วมองเพื่อนข้างๆ แต่ละคนมุ่งมั่น สงบนิ่ง สมาธิจดจ่อ จ้องไปที่กระดาษในมือ
เสียงพูดเบาๆ เริ่มจากหนึ่งเป็นสอง ตามด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ เพิ่มเป็นเสียงเฮของผู้แพ้ร่วมชะตา
เงาลางของแสงฟืนสลับไปที่หน้าของแต่ละคน ผลัดกันแล้วแต่เงากับสายลมจะพัดเปลวสว่าง
แสงก็จะกระทบใบหน้าของคนนั้น
ที่ตรงนั้น ความสุข ผ่อนคลายและกองฟืนเป็นหนึ่งเดียวกัน


แสงฟืนเจ้าแห่งความสว่าง นำเราเข้ามา
เพื่อให้เห็นกลุ่มคนเล็กๆกำลังมีความสุขกับดินแดงแห่งนี้ไม่ใช่หรือ
นี่คือ...ใช่หรือ... ภาพที่ปรากฎ คือความปราถนา เป็นแก่นเนื้อแท้ของธรรมชาติผาด่าง
เพื่อ สำหรับทุกคนที่มาเยือนสถานที่แห่งนี้ หลงลืมภาระหน้าที่การงานให้หมดสิ้น
ดาวเดือนเกลื่อนฟ้า แสงฟืนคอยปะทุเบาๆสร้างเงาบนใบหน้า....แค่บางเสี้ยว
เราผู้มีหน้าที่หยุดความสุขนี้
อีกสักนิดนะ ยืนมองไปเรื่อยๆ อีกสักครั้งเถอะ ปล่อยพวกเขานั่งล้อมวง หัวเราะร่วน
แม้พระจันทร์ยังได้ยิน ดวงดาวมองลงมาและร่วมสร้างแบ่งปันความสุขทรงจำร่วมกันและกัน
ต้นไม้ใหญ่ข้างกายยืนนิ่งให้เราพิงมองภาพนั้นนานมากๆ ก่อนตัดสินใจเดินเข้าไปอย่างเงียบๆและสุภาพ
ขอโทษนะค่ะ ช่วยกรุณาลดเสียงให้ด้วยค่ะ ทุกคนในวงตกใจสะดุ้ง หันหาตามเสียง
ผู้หญิงตัวเล็ก โผล่เงียบๆกลางป่า
เมื่อทุกคนหายตกใจและรู้ตัว ต่างช่วยกันส่งเสียง ครับๆ… อีกคน…ได้ครับ
และต่อด้วยอีกคน…. ดังไปหรือครับ …ขอโทษครับ
เมื่อเรากลับเข้าหาถุงนอน ยังคงได้ยินเสียงหัวเราะนั้นแต่เริ่มแผ่วเบาลงเรื่อยๆ และไม่นาน
ความเงียบก็เป็นเจ้าของยามค่ำคืนที่เหลือ

วันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2551

แด่เดินดงหัวส้มผู้จากไป พร้อมกับจาบคาเคราน้ำเงินนกป่าตายทั้งเป็นในรังดินป่าแก่งกระจาน



November.27 ,2008 เช้านี้จิตใจเราแจ่มใส ดีใจที่จะได้กลับเข้าไปหา….บ้านกร่างเพื่อนรักของเราอีกครั้ง เราถามตัวเองว่าจะมีวันไหน ที่เราจะเบื่อบ้านกร่าง เราภาวนาขอคำตอบจริงใจของตัวเอง ความรักของเรากับบ้านกร่างยังคงเท่าเดิม ยังไม่เปลี่ยนแปลงและเรากลับละโมบเกิดขึ้นในใจ ขอภาวนา ให้เรายังเป็นอย่างนี้อยู่ซ้ำๆไป
ถนนลูกรังถูกทำใหม่ให้กว้างออกไป มีรอยล้อของรถเกลี่ยทางของทางหลวงเข้ามาขยายถนน ผนังกองดินใหม่สูงไม่มากเริ่มจับตัวแข็งและใกล้แห้งแล้ว และต้นไม้สดล้มตะแคงนอนตายตลอดสองข้างทางป่าแห่งนี้ ไม่ว่ามองไปข้างหน้า ไม่ว่ามองย้อนไปข้างหลัง เพื่อให้นักท่องเที่ยวสะดวกขึ้น กว้างขวางปลอดภัย รถเก็งวิ่งได้เร็วขึ้น ง่ายขึ้น รถกระบะวิ่งได้เร็วขึ้นกว่าเดิมมาก ฝนสุดท้ายยังคงทิ้งความชื้นในดินให้เรารู้ ด้วยแอ่งหลุมแห้งหมาด แต่ยังไม่แตกลาย






อีกไม่นานและไม่เกินเดือนหน้า เมื่อรถเดินทางมา บนถนนเส้นนี้ ท้ายรถของทุกคันจะมีตัวฝุ่นม้วนตัวก้อนยาวและฟุ้งโตใหญ่วิ่งตามท้ายรถทุกคัน ในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวเดือนธันวาแน่นอน ฝุ่นจะหมุนม้วนก่อนฟุ้งแยกกระจายตามรถทุกคันไม่ว่าวิ่งเข้าหรืวิ่งอออกอุทยาน ลิงเสนลงพื้นหนีไปแต่ให้เราเห็นและเราต้องวิ่งตาม ลิงไม่ชอบฝุ่น แต่ใจเราได้ยินว่า สัตว์ทุกตัวในป่านี้ ไม่ปราถนา ผลจากความคิดอย่างนี้นะ ป่าถามเรา เจ้าชอบไหม เราเงียบไม่ตอบ เราผลักความเศร้าออกไป

ชื่อไหมชา ผู้หญิงชาวฮ่องกง เป็นเพื่อนข้างกาย และหลานชายจ๊อบ กับพี่เปี๊ยก เบิรด์ไกด์ พวกเรามุ่งหน้าเข้าป่าแก่งกระจาน สำหรับพวกเรา คือการตามหา นกป่าแห่งบ้านกร่างและ….ทุกๆอย่างแล้วแต่ธรรมชาติกำหนดส่งมาให้มองหรือให้จับ ได้เหยียบย่ำเป็นรอยตื้นบางๆ








นกสีฟ้าอกส้ม ห้องเรียนที่เราต้องแยกแยะ hill blue fc , tickell blue fc , chainese blue fc , hainanblue fc เป็นนกที่ช่วยเราได้มากเหมือนกันกับการจดจำ และที่วนเวียนให้เราพบบ่อยๆกับgrey headed fc พวกเจ้ามักปรากฎพร้อมกับ strip tit babbler chesnut-headed babbler Asian paradise fc ทั้งตัวเมียและตัวผู้ เวลากำหนดการพบมีทั้งตอนช่วงสาย และช่วงบ่ายของวันรุ่งขึ้น





พวกเราสี่คน ใช้เวลาที่มีอย่างทะนุถนอม กินอาหารกลางวันและพักสั้นๆ เพื่อเส้นทางเดินสายใหม่ กับความปราถนา ใบไม้ที่พลิกไหวนิดๆ หรือจะเป็นนก เสียงร้องใกล้ไกล คืออำนาจสะกดพวกเราเดินอย่างเงียบเข้าไปตามเสียง…กับ….ความหวัง ทุกปลายนิ้วชี้ ของพวกเราสลับกันบอกดังแค่กระซิบ เกรงใจเกินเกรงใจ


ปากสีฟ้าของพญาปากกว้างbanded boardbill หลังลายเหลืองสดสลับแดงและดำ แสงแดดที่ส่องลงมาเพื่อให้เราถ่ายภาพของพวกเจ้าได้แค่สวยงาม แต่ไม่ใช่คำตอบคือสวยที่สุด ใจของเรากล่าวขอบคุณนกทุกตัวที่หันหลังแต่เอี้ยวบิดหัวหันมาหาเรา เจ้ามองเราและแกล้งขยับไปอีกกิ่ง เพื่อเผชิญหน้ากับเราอย่างกล้าหาญหรือ



ใบไม้สีแดงอมม่วงเข้ม นอนร่วงกระจายเกลื่อนตามก้าวเดินของเรา เราหยุดแหงนมองต้นไม้เหนือหัว ต้นไหนคือเจ้าของใบไม้สีม่วงแสนสวย แต่ต้นที่เรามองกลับไม่ใช่เจ้าของใบสวย เราเริ่มมองสูงขึ้นและไกลขึ้น เพื่อตามหาต้นที่มีใบไม้สีม่วงเข้มและไม่ไกลเสียทีเดียว ใบไม้หลายใบร่วมกันปลิว ค่อยๆร่วงและลมน้อยช่วยพัดใบมาที่เรายืน จะมาถึงเราหรือเปล่า
เจ้าลอยร่วงจากที่สูงและปลิวเป็นแนวเอนเฉียงมาทิศที่เรายืน ตาเราจดจ้อง มาซิ เราร้องเบาๆ มาใกล้ๆ มาให้ถึงนะ เราหยุดไม่ได้ ตัดสินใจ ก้าวเขยิบออกไปก้าวหนึ่งรับใบไม้สีสวยใบนั้น ในมือใบสีม่วงเข้มและด่าง หงิกบางมุม ใบไม้ส่งความเย็นเนียนมือ นานมากและเราเลือกทำ ขยำขยี้ใบไม้สวยด้วยปลายนิ้วโป้งกับนิ้วชี้นานๆ ขณะที่ก้าวเท้าเดินหานกป่าไปด้วย นานจนเราแน่ใจว่าสิ่งที่เราสัมผัสในมือไม่ใช่ใบไม้แล้ว แต่เป็นเศษผงเปียกชื้นเล็กยุ่ย เรายกนิ้วชี้กับนิ้วโป้งขึ้นดู นิ้วสีม่วงทั้งสองนิ้ว เราอยากรู้อีกว่า สีม่วงของเจ้าจะติดอยู่กับนิ้วนานแค่ไหน








เสียงของใครขอพบ black and red boardbill และไม่นาน เกินคำร้องขอจะจางไป ทุกคนเดินไปมาใต้ต้นไม้ มีพวกเจ้าอยู่ข้างบนและช่างขยันขยับไปมา ไม่นานพวกเจ้าบินสั้นๆย้ายไปอีกต้นใกล้ๆ เพื่อบังคับให้เราเดินตามอย่างว่าง่าย และสุดท้ายเมื่อเราพอใจ พวกเจ้ายังอยู่ที่เดิม พวกเราเป็นฝ่ายจากมา บทเรียนที่ได้รับ พี่เปี๊ยกบอกว่า หลายปีมาแล้ว นกคู่นี้ไม่ได้ลูก เราถามทำไม คำตอบที่ได้ เราต้องถามต่อไปว่า แล้วพี่เปี๊ยกบอกนักดูนกคนอื่นหรือเปล่าค่ะ ทุกคนที่มีโอกาสพูดคุย ผมจะบอกอย่างสุภาพเสมอ



นกไต่ไม้… velvet fronted nutatch เสียงพี่เปี๊ยกชี้ให้เราดูบนต้นไม้สูงอ้วน และที่นั่นเสียงเราละล่ำละลัก kingggg….ff… fisher เราลืมชื่อเจ้า ทำได้แต่ดีใจเรียกเจ้าผิดๆถูกๆ ในหนังสือเราท่องชื่อเจ้าและหัดเขียนจนจำได้ แต่พอพบเจ้า ปากสีแดง อกส้มๆปนน้ำตาล นกที่เราร้อยรวมไว้ห้องปราถนา แม้ชื่อเจ้าเราก็ลืม แต่พอพูดชื่อเจ้าได้เต็มปาก เจ้าก็เลือกทิ้ง…เรา บินหนีไปเข้าป่าทางซ้ายหายไป เราพบกันอีกแล้ว แต่ไม่เคยนานพอกับความสุขที่ร้องหา หรือนี่ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายของเจ้ากับเรา











November.28 ,2008 ใบไม้สีเหลืองสดเรียงเป็นแถวสองด้านร่วงจากต้น ตรงพื้นดินตรงนั้นบ้าง ตรงนี้บ้าง เราเลือกขึ้นมาเพียงหนึ่ง มือจับรูดให้ใบเรียงเรียวมนร่วงพรูใส่มือเรา และหักบดขยี้อย่างแรงๆ ใบเหลืองเล็กกรอบแตกละเอียดเป็นชิ้นเล็กๆน้อยๆง่ายเหลือเกิน สุดท้ายเรายกมือขึ้น…เป่าให้พวกเค้าเป็นอิสระลอยฟุ้งกระจายและร่วงหล่นนอนเกลื่อนสู่พื้นดินอย่างเก่า

White- browed piculet, เจ้าเคาะไม้เบาๆ และคุณเปี๊ยกเคาะกล้องแต่ออกมาเป็นเสียงเดียวกัน นกตัวนี้คอยหนีเราไปทางซ้าย เราก็ไปทางซ้าย เจ้าทำให้พวกเรานั่งลง ยกกล้องส่องหาลึกหลังใบไผ่ ทุกคนพบตัวเจ้าแล้ว เราพึมพำบอกกันแต่เจ้าคงได้ยิน ว่าเราชมเจ้า น่า
รักมากๆ และส่งยิ้มไปให้ด้วย Great slatty woodpecker, Common fameback มีให้เราพบตัวบ่อยๆ ทั้งเสียงและตัว มีไกลและใกล้






ไหมช่า เดินมาหาเราหลังจากนกป่าละทิ้งพวกเรา การพบเจอไม่มีและเวลาเดินทางกลับ มาคอยเตือนเสมอ การจากป่าแห่งนี้กำลังเข้ามาใกล้แล้ว จิตใจเศร้าจนเหมือนไม่มีความหวัง ไหมชาอยากเลือกที่จะขอพบ banded boardbill , black and red boardbill ขอเป็นที่เก่าให้ความหวานชื่นของเมื่อวานกลับมาอีกครั้งได้ไหม
เมื่อเราใกล้ถึงลำธารสอง เจ้านกblue- breaded bee-eater คุณเปี๊ยกชี้มือสูงให้พวกเราดู นกตัวนี้ยืนหันหลังให้เราและย้อนแสงนิดๆ เรามองเจ้าไม่ชัด และเจ้าไม่สนใจเอี้ยวตัวกลับหยุดนิ่งเฉย เหม่อมองสุดขอบฟ้า ไม่คอยโฉบจับแมลงตามวิถี เจ้ามองไปที่ไหน ฟ้ากว้างหรือย่างไร พี่เปี๊ยกนำสารบอกอีกเรื่อง คู่ของเจ้าตายไปไม่นาน จากการทำถนน ดินสองข้างทางถูกดันขยายทางให้กว้างขึ้น พร้อมกับชี้มือไปตรงจุดข้างถนน กองดินถูกไถปาดออกข้าง เสียงเล่ายังไม่หยุด แม่นกหลุดจากรังที่ขุดเป็นกลวงกับผนังดินกลายเป็นกองเศษดินปนผสมกับใบไม้ต้นไม้ แม่นกตายอยู่ใกล้กองดิน รังโพลงกลายเป็นสุสานฝังเจ้า เรื่องเศร้าอีกแล้วหรือ






ในป่ารกบางอย่างขยับ นกเดินดงอกส้ม พร้อมกับชี้มือให้เรามองตาม หญ้ารกและมืด เราเห็นได้แค่ ใบไม้สีเงาเท่านั้นเอง แต่เรื่องเศร้าอีกแล้ว

เจ้าหน้าที่อุทยานเล่าให้ฟังผ่านมาถึงพี่เปี๊ยก ผู้เล่าเรื่องซ้ำอีกครั้งว่า นกเดินดงตัวที่เราเห็น ปกติจะอยู่เป็นคู่ แต่คู่ของเจ้าเพิ่งตายเมื่อวาน เพราะบินชนกระจกของเรือนนอนเยาวชน เราผลักไสเรื่องเศร้านี้ออกไปสำเร็จ

แต่เมื่อจะต้องเขียน เรากลับต้องทำตรงข้าม เราดึงทุกความเศร้าของความทรงจำ ของเสียงบอกเล่าเรื่องรันทด ใบไม้สลัวๆกิ่งมืดช่วยเจ้าเดินดงหัวสีส้มหลบซ่อน เรารู้ว่าเจ้าไม่เคยหมดหวังตามหาคู่ ทั้งเจ้าและคู่ของเจ้าไม่รู้หรอกว่าความตายคืออะไร



เราตั้งใจพยายามเขียนเรื่องจริงแสนขมขื่นให้เป็นธรรมดาได้หรือ ภาพนกจาบคาเคราน้ำเงินตัวผู้เหม่อสุดปลายฟ้า ภาพนกจาบคาตัวเมียนอนตายข้างรอยดินหยักฟันปลาของล้อตะขาบเหล็กรถเกรด เราแน่ใจว่าบางทีความเศร้าช่วยทำให้เราเขียนถึงเจ้าผู้อยู่อย่างเดียวดาย ความเศร้าของพวกเจ้าทำให้เราตัน และสะอึกสะอื้นในใจอีกแล้ว การตายและการตามรัง….ควาน…เกิดขึ้นจากใคร

เราคือส่วนหนึ่งของสาเหตุนี้ด้วยใช่ไหม บางทีถ้าเราหยุดรักนก รักป่า ไม่ไปหา ไปดู ทิ้งป่า และนก และธรรมชาติไว้เฉยๆ จะดีกว่าใช่ไหม ไม่คิดหาตรรกะหรือ

ทำไมทุกก้าวเดินกับนกป่า ครั้งแรกๆคือรอยยิ้ม ร่าเริง เริงร่ากับการเดินค้นหาหา บอกกับตัวเองอย่างภูมิใจ บอกคนทั้งโลกว่า…รักนก แต่ต้องพบว่าแท้จริง เวลากำหนดพบเจ้านกสีสวยตาแป๋วกับเรามากขึ้น หลากหลายนกต้องชะตากรรมแสนเศร้า ชะตากรรมนั้นพันธนาการมัดเราเข้าบ่วงรอบแล้วรอบเล่า เจ้านกตกหม้ายอาจเสียใจไม่เป็น รักไม่เป็น ร้องโหยไห้กับการจากและสูญเสียไม่เป็น ตีอกฟูมฟายก็ไม่เป็น

คำตอบคือภาพเจ้าเกาะกิ่งบนอีกตัวอยู่กิ่งล่างใกล้เพื่อใกล้ละกัน ยามบินก็ไปหยุดรอเพื่อเพียงอยู่ข้างกัน จากเช้าลืมตาแรกเพื่อสบตากัน ยามสายหลบใต้ร่มเงาไม้ใกล้ลำธารพักคลายร้อน เมื่ออาทิตย์ลาจากไปเพื่อให้ดวงจันทร์คืนมา กิ่งไม้มุมมืดปีกชิดติดใกล้หลับใหล รักไม่เป็นได้อย่างไรกัน…. รักไม่เป็นได้อย่างไรกัน…. รักไม่เป็นได้อย่างไรกัน














วันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

รอยจำผาด่าง 22

November.11 ,2008 นุชมาหาเราแต่เช้า ตามนัดหมาย เรามองงานปักผ้าหลายผืนที่นุชนำมาส่ง ดอกสีชมพูอ่อน สีเหลืองดอกโตบนผ้าไหมลื่นมือ


หลานชายของนุชมาด้วยนั่งห่อตัวด้วยลมหนาวคอยพัดจากทิศเหนือ ข้ามผาด่าง และท้องน้ำกว้างก่อนวิ่งขึ้นระเบียงที่พวกเราคุยกันเรื่องงาน

เราถามนุชว่า ทำไมไม่มีเสื้อหนาว ให้หลานชายหรือ นุชได้แต่หัวเราะเบาๆ จากงานปักเราพากันไปที่บ้านนุชเอาtv เครื่องเก่า และจาน astv ไปติดตั้งให้บ้านนุช









หมู่บ้านด่านโงเป็นโครงการพระราชดำริ ที่ทำกินของชาวบ้านทั้งตำบลนี้ เกิดจากน้ำพระทัยของในหลวง จัดที่ทำกินให้ชาวบ้าน

มาวันนี้ ชาวบ้านป่าหลายคนสับสนว่าเกิดอะไรขึ้นในเมืองไทยที่เคยสงบ ร่ม เย็น








บางครั้งสื่ออีกทางหนึ่งคงทำให้ชาวบ้านเรียนรู้และตัดสินใจเองได้ ว่าจะเลือกเสพข่าวด้านใด จากบ้านนุช เรามี tv และจาน astv กำนันขอให้เรานำไปติดตั้งที่ห้องประชุมชาวบ้าน





หลังจากติดตั้งเสร็จ เป็นเวลาเดียวกับที่ไอ้ยุง และยอด ทำกับข้าวมาส่งโรงเรียนบ้านด่านโง ทุกเรื่องที่เป็นค่าใช้จ่าย ทั้ง tv 2 เครื่อง จาน astv 2 ชุด รวมทั้งอาหารเลี้ยงเด็กบ้านป่า ได้รับความกรุณาจากคุณอ้วน และครอบครัว ลูกชาย และเพื่อนๆลูกชายทั้งในประเทศ และนอกประเทศ


November.12 ,2008 ตื่นเช้าวันนี้ เรามองหาตะวัน ตะวันจ้องมาทางเราอยู่แล้วและมีคำตอบให้เรา แสงแดดมีให้น้อย ปุยเมฆจางกระจายส่งสีมัวซัว ทั่วทั้งฟ้าที่รายรอบไม่เจิดจ้าสว่างแจ้ง


มุมเดิมสายตาของเรามองกว้างสุด ขอบเขาลดหลั่นเรียงเป็นสีหมอก ต้นไม้ก้านเหลือง ออกลูกเหมือนลูกเงาะทยอยร่วงหาท้องน้ำใหญ่รองรับอยู่ด้านล่าง เสียงดังตูมของการกระทบกันของน้ำกับผลโตปุยก้านเหลือง นกตัวใหญ่สะดุ้งบินหนี เสียงดังเพราะตกใจน้ำแตกกระจาย เจ้าบินมาทางเรา ปากนกใหญ่ ด้วยความคุ้นเคยคือ เจ้านกกระเต็น แต่อย่างหนึ่งที่แปลกไปจากที่เราคุ้นเคยในอ่างน้ำผาด่าง เจ้าช่างคล้ายwhite-throated kingfisher แต่…ไม่มีอกสีขาว ตัวโตกว่าอย่างชัดเจน เสียงร้องที่ไม่ใช่ white-throated kingfisher

เจ้าเป็นตัวไหนที่มาเยี่ยมเยือนอ่างน้ำผาด่างหรือ ในหนังสือ bird guide มีคำตอบให้เรา เพียงแค่เราเปิดไปหน้า 192 และเจ้าเป็นลำดับที่ 351 stork-billed kingfisher


กาลเวลาส่งเจ้ามาและเราผู้เฝ้าท้องน้ำแห่งนี้ หน้าที่จำเป็นต้องบันทึกเรื่องของเจ้า เจ้าอาจเคยมาที่แห่งนี้บ่อยแค่ไหน หรือ ซ้ำวนเวียน แต่เมื่อเป็นการพบครั้งแรกของเรากับเจ้า ณ อ่างน้ำผาด่าง จึงช่างสมควรอย่างยิ่งที่เราควรต้องจดบันทึกและระลึกอยู่เสมอว่าชีวิตของเจ้ากับที่แห่งนี้เป็นเรื่องสำคัญไม่ใช่เพียงเพราะเจ้ามีเราและเรามีเจ้า( side by side together )


November.19 ,2008 เราอยู่ที่นี่ กำลังสร้างรังในงาน bird fair ของสมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย พรุ่งนี้จนถึงวันที่ 23 ของเดือนนี้ จะเป็นงาน bird fair อีกครั้ง ทุกปี ในปีหนึ่งจะมีเพียงแค่ครั้งเดียว เพื่อให้เพื่อนๆชาวดูนก ได้มีโอกาสมาร่วมสรรสร้าง…..เล่าเรื่องงานที่พวกเขาเหล่านั้น




ได้มีโอกาสร่วมกันมุ่งมั่นทำงานบางอย่าง ธรรมชาติต่างมอบหมายงานและอุปสรรคยากหลายอย่างให้เขากลุ่มนั้นได้ช่วยกันทำ
หลายเรื่องธรรมชาติตอบรับด้วยความสำเร็จ และให้รางวัลคือความภูมิใจและงานใหม่ที่ท้าทายกว่า






ครั้งนี้ธรรมชาติให้เดือนนี้ เป็นวันของคนรักษ์นก ทุกคนต่างหลั่งไหลมาสร้างรังของตัวเอง บ้างเดินไปเยี่ยม ทักทายกันเพื่อพบปะพูดคุย แลกเปลี่ยน ประสบการณ์ เรื่องที่เล่ากันและกัน ถึงเรื่องที่พบเจอนกน้อยชายเลน นับนกล่าเหยื่อบนฟ้ากว้าง หรือนกป่าจากดินแดนภูดอย หรือป่าต่ำแดนใต้





เรายังอยู่ในรังของเรา และมองดูผู้รักนกต่างเดินไปเยี่ยม ส่งยิ้ม หัวเราะดังลั่นด้วยความเป็นสุข เสียงหัวเราะลอยมา ใจเราได้ยินสม่ำเสมอ มีพิธีการปล่อยนกออกจากรัง แต่เรายังอยู่ในรัง เรานั่งและเดินไปมาในรัง ประตูรังของเราไม่มี…. ทำไมเราไม่บินไปเยี่ยมชมรังของเพื่อนๆบ้างนะ