วันศุกร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2551

นกแต้วแล้วท้องดำที่น่าสงสาร แห่งป่าเขานอผู้อ่อนแอ




21/3/51 เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประบางคราม

gurney’s pitta มีใครกันบ้างดั้นด้นเดินตามหานกอย่างฉัน….ในป่าสีดำสลัวมัว อย่างเบาและเงียบ ฉันกระโดดออกมาจากหลังต้นไม้ใหญ่ มองที่พื้นใบไม้แห้งซิ เราทั้งคู่ยืนขุดคุ้ยหาหนอน แมลงเล็ก สีขนทุกเส้นเนรมิตเงาสะท้อนแสงแวววับสะกดสายตาจดจ้องของพวกเธอ ฉันรู้แน่ว่าเธอชอบสีน้ำเงินสดเจิดจ้าบนกระหม่อมหน้าผากของฉันมาก ฉันคือตัวผู้รูปหล่อ ตัวผู้เท่านั้นที่มีหน้าผากสีที่เธอโปรดปราน ลองมองที่ปลายหางจะเปลี่ยนเป็นฟ้าใส และสีเหลืองข้างท้องและอก พวกเธอทำไมต้องพบฉัน


ได้และใช่…คำตอบทั้งหมดหรือไม่ ฉันคือความสวยงาม หรือเพราะพวกเรามีน้อยคู่ที่เหลือดำรงเผ่าพันธุ์ ยิ่งกว่านั้นสิ่งที่พวกเธอต้องรู้ พวกเราเหลืออาศัยเพียงที่ป่าเขานอแห่งนี้เท่านั้น พวกเธอสรุปว่า พวกเราคือนกแต้วแล้วท้องดำที่น่าสงสาร แห่งป่าเขานอผู้อ่อนแอ เธอพึงพอใจแล้วและพร้อมจากไปแล้วหรือ ใจเราร้องถามนกแต้วแล้วท้องดำ ป่าเขาบางประครามอ่อนแอ ทำไมเธอเชื่อเช่นนั้น เป็นไปได้อย่างไร ในสิ่งที่เราพบ มีแต่ต้นไม้ใหญ่ๆทั้งป่า ป่าจะอ่อนแอ อย่างไรกัน แต่นกไม่มีคำตอบให้เรา เวลาพาเราเดินจากนกแต้วแล้วคู่นั้นมา




Sky is green.
พวกเราเดินย่ำป่าบนดินสีแดงเข้มเพราะเปียกความชื้น มีใบไม้สีน้ำตาลหงิก ขาดทั้งเปื่อยใบใหญ่ร่วงทับถม ข้างทางเป็นเหล่าต้นไม้สูงยืนระเกระกะหนารก เมื่อแหงนคอตั้งสูง พบแต่พุ่มไม้ทึบเขียวเข้มคือท้องฟ้า ความเงียบตามเรามาอีกแล้ว นกป่าที่นี่คงไม่ชอบร้องเพลง ใบไม้แต่ละใบนิ่งสนิทไม่แกว่งไกว มีเพียงความหวังที่พาเรามองไล่หาทุกกิ่งไม้ และเถาวัลย์เกี่ยวห้อยระเลื้อย ระย้า บ้างเป็นเกลียวพันรอบพาตัวเองหาท้องฟ้าสีเขียวเบื้องบนยอดสูง นกจับแมลงปากสีเข้ม fulvous- chested flycatcher เธอบินโฉบไปมา ย้อนลงมาเกาะตรงขอนไม้ที่นอนอยู่ข้างทาง นานจนเรากลับไปตามเพื่อนๆ เมื่อกลับมาเธอเลือกจากไป







กลางป่า
นก gould’s frogmouth ตามเสียงของ birdleaderท้องถิ่น มีสองชีวิตบนกิ่งไม้ ชีวิตที่ให้กำเนิดนั่งทับซ่อนปกปิดอีกชีวิตซุกตัวเองโผล่เพียงปลายหาง สองชีวิตต่างวัยใช้ลายสีกิ่งไม้แห้งของตัวเองประกอบกับใช้ความนิ่งเงียบปกป้องตัวเองและลูกน้อยวัยเดียงสา








ยามค่ำที่น้ำตกร้อน
เสียงดังแห่งนก javan frogmouth กลางคืนคือมืดมิด เสียงร้องดังกลบป่าที่เงียบสงัด และสลับตำแหน่งร้องเคลื่อนไหว เสียงดังย้ายไปทางไหน ลำแสงจากหลอดไฟก็หมุนตามทางนั้น แสงไฟจากสปอต์ไลท์ พุ่งตรงสะกดไปที่นกสีใบไม้แห้งแตกลาย นกเกาะบนกิ่งไม้สูง เธอทำตาโตตลอดเวลา เด่นมากกับปากแบนกว้าง ขนนกที่หัวบางๆเป็นเส้นขาวนวลยามต้องแสงไฟ นกมีหน้าตาตลกให้เรามอง การส่องกล้องมองนกชนิดนี้ เราต้องยิ้มกว้างๆด้วย ทั้งตัวเราและนก ณ ตอนนี้ ที่แห่งนี้ ปากกว้างเหมือนๆกัน







22/3/51 เช้าแล้วล่องเรือดูนกที่ป่าโกงกางปากแม่น้ำกระบี่
ตอนเรือประมงออกจากท่า เพื่อตามหานกชายเลน อาจารย์อมรบอกเราว่า เราจะตามหานก ชื่อภาษาอังกฤษ nordmann’s greenshank







วันนี้มีเรื่องแปลกในชีวิตเราเกิดขึ้น การดูนกชายเลน ไม่เหมือนแต่ละครั้งที่ผ่านมา นกยืนบนชายหาดทรายแปลงน้อย พวกเรายืนแช่น้ำทะเลครึ่งแข้ง เสียงของอาจารย์อมรให้มองนกตัวนี้ตัวนั้น ทั้งบอกลักษณะเด่นที่ขา หรือปากแหลมยาวแอ่นขึ้น หรือโค้งลงนิดๆ ไม่นานชายหาดหดเล็กลง น้ำทะเลเข้ามาครอบครองชายหาดที่ๆนกยืนและเดินขุดขุ้ยหากิน black-tailed godwit ,bar-tail godwit, eurasian curlew, whimbrel, ruddy turnston

พวกเราลงจากเรือไม่นาน เพื่อกลับขึ้นเรืออีกครั้ง คนขับทำหน้าที่ตามหาชายเลน เหล่านกตามหาชายเลนเหมือนกัน เมื่อนกพบหาดทราย และโผลงพื้นเลน เรือหยุดลงแต่ต้องไม่ใกล้ตัวนกเกินไป นกไม่ชอบเรือ ไม่ชอบให้คนเข้าใกล้ เราและนกต่างรู้ดี และยอมรับกติกาที่นกกำหนดให้

ทั้งนกและคนต่างยอมแพ้ นี่คือเวลาของน้ำทะเลขึ้น ไม่นาน ชายเลนเริ่มเล็กลงอีกแล้ว นกเกือบไม่มีชายเลนให้ยืน นกชุดสุดท้ายยืนบนทรายที่เหลือเป็นหย่อมเดียว คลื่นน้ำทะเลมาอีกแล้วเข้ายึดชายหาด สีน้ำตาลเข้ม เหล่านกในห้องเรียนของพวกเราก็พากันบินหายกลืนไปกับท้องฟ้าสีเปลวแดด













หนีตะวันสีเพลิงเข้าป่าโกงกาง
เรือผ่านเลี้ยวลดคดเคี้ยวไปตามป่าไม้ชายเลน มีเงาของพุ่มไม้ ใบโกงกางพาดทับมาบนเรือทั้งฝั่งซ้ายและขวา สายลมปากทะเลกระบี่คอยดูแลพัดพาความเย็นสบายให้พวกเรา เราลอบมองหน้าเพื่อนๆบนเรือ มีใบหน้าของความสุข สบายใจและใช้เรื่องนี้ สร้างความชุ่มชื่นใจต่อความหวังให้กับตัวเองมองหานกสักตัวที่เกาะกิ่ง เมื่อพบเงาบินผ่านทาบเรือ ก็ชะเง้อ ร้องรำพัน เกาะเถอะ และอีกครั้งภาวนา อีกสักตัว ขอนกใดก็ได้ ปรากฎอีกสักตัว






brown-winged kingfisher , ruddy kingfisher ยืนนิ่งตอนเรือวิ่งผ่าน พอเราขอเราจดจ้อง กลับถลาสะบัดปีกบินหนีอ้อมวกไปมาตามต้นโกงกางทิ้งไว้แต่เสียงร้องสนั่นพื้นน้ำ ป่าโกงกางเจ้าแห่งพืชแช่น้ำซ่อนพวกเจ้าอีกแล้ว

บนกิ่งไม้ใหญ่ยืนตาย เจ้า oriental hobby กินเหยื่อและมองพวกเราเฝ้าชมการฉีก ทึ้ง ลากไส้ จิกกินจนเสร็จสิ้นลง oriental hobby เป็นฝ่ายจากไปก่อน เราส่องกล้องบนกิ่งไม้ฉากมรณะ ไม่พบร่องรอยไม่มีสิ่งไรลงเหลือเป็นภาพให้เห็นหลักฐาน เปลวแดดสูบเลือดนกเหือดแห้ง ท่อนไม้ดื่มเลือดนกตัวนั้น ขนนกสีขาวอมเทา soothy-headed bulbul ปลิวฟุ้งลอยจากฟ้าแตะผิวน้ำเกลื่อน มีเรารอเอามือวักน้ำให้ขนนกเข้าสู่อุ้งมือ แต่สายลมกลับพาขนนกไร้ร่างลอยจากไป….ไปสู่ฝั่งตรงข้ามกับมือของเรา

Angle calls me.
เสียงนก mangrove pitta จำได้เสียงนี้คล้ายเสียงร้อง blue-winged pitta แห่งผาด่าง คนขับเรือพาเรือขับเลี้ยวคดโค้งทุกคุ้งน้ำตามหาตามเสียง นกใจดีสีสายรุ้งคอยร้องบอกที่เจ้ายืนอยู่ด้วย มีอีกตัวส่งเสียงตอบรับแกล้งให้สับสน เจ้าล้อเล่นแกล้งโฉบใกล้ๆก่อนหายไป กลางแสงตะวันลอดสาดอาบต้นไม้และพื้นน้ำ เจ้ายืนอวดความงามทุกเฉดสี กลางป่ากิ่งเตี้ยเสมอเรือ เวลาเฝ้าชมกลับจบลงอย่างสั้น ต่างจากช่วงเวลาตามหา เราต้องจากไปแล้ว เสียงของเราร้องกล่าวกับนกสวยสายรุ้ง มีเสียงหนึ่งแว่วมา เธอจะกลับมาอีกหรือเปล่า นกถามเราหรือเราถามตัวเองกันเล่า


Rufous-callared kingfisher ตรงไหนค่ะ เสียงนกร้องชัดมาก และไม่ยอมหยุด เรายกกล้องตามเสียงที่คอยบอก ตรงกิ่งไม้แนวนอน กลางป่าเขานอ นกคอสีส้มปากสีแดงส้ม ร้องเพลงเก่ง คอโป่งแล้วโป่งอีก หมุนคอไปซ้าย หมุนคอไปทางขวาอีกแล้ว ร้องเสียงดังไม่ยอมหยุด หาเจ้าง่ายจัง แค่มองตามเสียงใสร้องลั่นป่า







เสียงบางคน ผมเห็นนกเขียวปากงุ้ม Green broadbill เราละจากเจ้า Rufous-callared kingfisher ยกกล้องสู่ยอดไม้สูงบ้าง บนเกือบยอด เธอมาเป็นคู่ ใจร้องตะโกนบอก ดีใจมากนะ เราตามพบเจ้าแล้ว นี่คือครั้งแรกของเรากับเธอ เสียงนกตอบร้องลั่นในใจเรา เราทั้งคู่แค่ผ่านมา พรุ่งนี้เราจะเจอกันใหม่ ก่อนพลางตัวหายเข้าไปในป่าแห่งไม้ใบ

Wait…wait…
พวกเรานั่งนิ่ง มองสายน้ำเล็กๆด้วยความสุภาพ เรียบร้อย มีความสลัวเป็นผู้ส่องแสงกลางป่า ตาจดจ้องเถาวัลย์สีคลื้ม และกิ่งไม้ดำผุเล็กๆหัก นอนแช่น้ำ ตื้นๆ ขังเป็นหย่อมมืด ตรงข้ามเป็นพุ่มไม้รกๆ ในเงาแห่งความสงบมีเพียง ใบไม้พูดกับดินยามร่วงลงแตะพื้น สายลมพาเสียงนกร้องคุยกันมาแต่ไกลและดังใกล้เข้ามา







สิ่งมหัศจรรย์แห่งเขานอกำลังเริ่มขึ้น นกมากับคู่ชีวิต มากับครอบครัว นกมากับเพื่อนๆร่วมสกุล และต่างสกุล สลับกันลงบ่อนั้นบ้าง บ่อนี้บ้าง ตอนแรก นกสนใจพวกเรา แต่แล้วก็เลิกสนใจ นกสนใจกันเองและพะวงกับการอาบน้ำคลายร้อน มีบ้างที่ตกใจยกเลิกการเล่นน้ำ บินจากไป แต่พบว่าพวกนกใต้ต่างเปลี่ยนใจย้อนลงเล่นน้ำอีกครั้ง นกปรอดตาสีแดง นกกินแมลง …

Time’s of wonder
asian paradise flycatcher เราครางเบาๆบอกเพื่อน นกแซวสวรรค์ตัวเมียค่ะ มหากาพย์ความตราตรึง เริ่มต้นอีกครั้ง ทั้งสามเฟส ตัวเมียหางสั้นคือตัวแรกที่ทำให้ผู้เฝ้าชมตื่นตะลึง ก่อนจะเป็นตัวผู้หางยาวสีน้ำตาลส้ม เราเองถูกสะกดให้จ้องตามทุกเงาไม้ที่กระเพื่อมไหว อาจารย์อมรร้องเบากว่ากระซิบ พบเจ้าเฟสขาว เสียงของชาวขอบบ่อ ก็ได้แต่ร้องถาม ตรงไหน กิ่งไหน ที่เตือนกันไว้ให้มีความเงียบแทบจะสลายไป





นกเฟสขาวตัวผู้เริ่มลงเล่นน้ำ พาพวกเราหลุดเข้าไปในห้วงเวลามหัศจรรย์ จมตัวเองสอดส่องมองหาเพียงแต่เจ้า ทุกครั้งที่นกแซวสวรรค์หางยาวสายริบบิ้นสีขาวโบกพริ้ว กระโดดจากกิ่งลงน้ำ และรีบถลาขึ้นเกาะกิ่งมุมเงามืด แกล้งชม้ายชำเลืองขอบตาโตยาวรีสีฟ้าสดมาทางพวกเรา บางครั้งเอี้ยวตัวหันหลังให้ ย้ำท่าสะบัดปีทั้งคู่ ก่อนจะกรีดปีก รีดน้ำทีละข้างยั่วยวนสายตาของพวกเรา






Green broadbill นกเขียวปากงุ้มอยู่บนกิ่งไม้สูง กว่าพวกเราจะพบนกตัวนี้ก็ต้องช่วยอธิบายกันนาน เพราะนกคู่สีใบไม้ตัวเล็กแสนน่ารักธรรมชาติแต่งแต้มให้ กลมกลืนกับสีเขียวของใบทุกใบ เค้าหายไปแล้ว ก่อนความเสียดายจะจืดจาง เสียงของนก green broadbill ใกล้ลำธารน้ำ เธอลดมุมสูงไกลเพื่อบินมาใกล้พวกเรา นกเขียวปากงุ้มจะลงเล่นน้ำ พวกเราทุกคนรวบรวมสร้างความเงียบกลางป่าสีมัวอีกครั้ง เธอกับคู่รัก ลงเล่นน้ำสลับกันชายและหญิง ความเพลิดเพลินกำลังมาถึงตอนจบแล้ว แสงเงาเริ่มมืดลงกว่าเดิม เตือนเราและนกป่าแห่งเขาบางประครามต้องอำลาจากแอ่งน้ำสวรรค์ของคนและนกร่วมกัน

นกปากสีฟ้า asian paradise flycatcher นกตัวสีเขียว green broadbill และเหล่านกใต้แห่งป่าเขาบางประคราม abbot’s babbler, striped tit-babbler,cream-vented bulbul, buff-vented bulbul hairy-backed bulbul, red-eyed bulbul. พวกเจ้ารู้ว่าพวกเราอยู่ตรงนั้น แต่ยอมสร้างเรื่องทรงจำสวยงามแห่งธรรมชาติให้แก่พวกเราทุกคน เหล่านกแสนดีทำเรื่องอย่างนี้ทำไม ฉันยังคงหาคำตอบแห่งความสุขนี้ ทุกก่อนหลับและตื่น





23/3/51 บนรถเส้นทางกลับกรงเทพ

เสียงพูดคุยกันค่อนข้างดัง เป็นเรื่องความสุขที่ผ่านไป และทุกเรื่องเป็นเรื่องราวของนกทุกตัวในทริปนี้กับbcst อาจารย์อมรขอให้ช่วยคิดเพิ่มเติมชนิดของนกชุดสุดท้ายที่พบก่อนขึ้นรถ และรวมกับยอดนกที่เช็คลิสต์ล่าสุด พวกเราช่วยกันย้อนคิดและได้ตัวเลข ทั้งหมด 93 ชนิด
อีกครั้งกับเสียงอาจารย์อมร ให้บอกนกที่ประทับใจที่สุดของแต่ละคน เสียงเซ็งแซ่ของความสุขกระจายอบอวลไปทั่วรถ ต่างชิงเล่าเรื่องนก และสาเหตุของความประทับใจ

มีแต่เราที่นั่งฟังด้วยรอยยิ้ม แต่ใจของเราทบทวนเกี่ยวกับป่าอ่อนแอ…ป่าที่ไม่มีความสูงของภูเขาเป็นเครื่องปกป้องตัวเอง ถูกเรียกขานคือป่าต่ำ ทุกอย่างง่ายเหลือเกินแก่การหักร้างถางพงเข้ายึดป่าเปลี่ยนเป็นพื้นที่ทำกิน บ้านของนกแต้วแล้วต้องจากหายสาบสูญ ไม่มีพื้นดินให้ซุกอาศัย ออกลูกออกหลาน ตรงกันข้าม บ้านผู้คนถากถางกลับมีเพิ่มขึ้น เสียง….นกแต้วแล้วท้องดำบอกเล่าเริ่มอีกครั้งในใจเรา
























วันพุธที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2551

รอยจำผาด่าง 16


March 13, 2008

เครื่องตัดหญ้า แว่วมาจากลานกางเตนท์ เราเดินตามเสียง พบยอด ผู้จัดการผาด่าง กำลังขะมักเขม้น ก้มหน้าตัดหญ้า เราเดินเข้าไปใกล้จนพอระยะปลอดภัย หาหินก้อนเล็กๆ ทอยโยนให้โดนชายหนุ่มพอรู้สึกตัว และทำสัญญาณมือให้เบาเครื่องตัดหญ้าที่ส่งเสียงดังคำราม เมื่อเครื่องเงียบแล้ว เราบอกว่าถ้าตัดหญ้า ให้เหลือกลุ่มดอกหญ้าสีขาวไว้บ้าง เวลาสายลมพัดมา เราชอบมองดอกหญ้ากอเล็กๆเอนไปเอนมาน่ารักดีๆและต้องกลางลานหญ้าโล่งๆ



ใต้ต้นตะขบ ม่อนขับรถเครื่องเข้ามาจอด มีหนุ่มไผ่นั่งซ้อนท้ายอุ้มกอดลูกมะพร้าวแห้งมาด้วย4-5 ลูก เราถามว่าไปเอาที่ไหนมา เสียงม่อนตอบว่า ไปขอซื้อจากชาวบ้านในด่านมา ของเราทางนี้มีไม่พอ พูดยังไม่ทันจบ ยอดก็ขับรถมาจอดข้างๆ มีถุงพริกขี้หนูถุงใหญ่อยู่ในตะแกรงหน้ารถ มองไปทางซ้ายมือ มีพี่หวัดกับลูกชายกำลังจัดแต่งสวนอาหาร เพื่อต้อนรับและเป็นที่รับประทานอาหาร ของสมาคมอนุรักษ์นกที่จัดนับนกแก่งกระจานในวันที่15-16


March 14, 2008

จากที่ยืนเรามองไปทางบ้านฟ้าสดฟ้าใส เห็นหมอน ที่นอน ถูกนำมาตากแดดวางบนสะพานไม้ แดดแรงของตะวันตอนเที่ยง หมอนทุกใบคงอาบแดดไล่กลิ่นอับชื้น เราเดินไปหาหมอนร้อนๆ และจับตบๆทุกใบ

เสียงนกกระเต็นน้อยธรรมดาร้องขับขานกับสายน้ำ รับรู้ว่าวันนี้เจ้ายังอยู่ที่ผาด่าง กระต๊อบเอียงเอน บ้านหลังแรกของเรากับผาด่าง ได้นอนหลับกลางวันที่กระต๊อบโย้เย้ ความรู้สึกหวาดหวั่น บ้านหลังคาใบจาก จะล้มลงหรือเปล่า เมื่อล้มตัวลงนอน มองเห็นแสงตะวันรอดลงมาตามรูหลังคาผุและโหว่ ก่อนจะหลับไปเพราะลมคอยพาความเย็นสบายมาให้

ชาวผาด่างเดินตามหลังเข้าบ้านนกร่าเริง และบ้านหลังอื่นๆตามลำดับ บางคนถือกระป๋อง บางคนแบกผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ช่วยกันจัดที่นอน ปูที่นอนใส่ปลอกหมอน เก็บลายละเอียดเล็กๆน้อยเกี่ยวกับดอกไม้ ความใสของแก้วน้ำ หม้อใส่ยากันยุง และผ้าม่าน ลมสบายๆหยอกล้อกับผ้าม่านสีขาวโยกไปมา บางครั้งแรงจนได้ยินเสียงคล้ายว่า สะบัด สะบัด


เกือบเย็นแล้วหน้าห้องครัว เราถามว่ายุงไปไหนเหรอ ไปเอากล้วย กับหัวปลี และใบตองจ๊ะ มีน้องมดไปช่วยกัน
เพราะ หนักมาก เอามาคนเดียวไม่ได้ เสียงแม่ครัวชื่อแก้มบอกให้เราเข้าใจ มองเข้าไปในครัวทุกคนต่างกระตือลือล้น เกี่ยวกับวันพรุ่งนี้

เจ้าหน้าที่สมาคมมาถึงแล้ว มีน้องผึ้ง น้องไก่ น้องโน๊ต และน้องทิพย์ เราทำหน้าที่พาน้องๆเดินชมผาด่างและบ้านที่ชาวผาด่างตระเตรียมไว้ต้อนรับเพื่อนชาวดูนก








พี่วัชระ ขับรถมาจอดหน้าผาด่าง เกือบ 4 ทุ่มแล้ว มากับลูกเกตุ ภรรยา และมีรถอีกคันเข้ามาจอดตามหลัง เป็นคุณพินิจ และภรรยา เราใช้ไฟฉายคอยส่องทางเดินฝ่าความมืด พาคุณทั้งหมดเดินเข้าบ้านริมน้ำ ชื่อบ้านนกเงือก




March 15, 2008

เมื่อเราเดินถึงห้องอาหาร พี่ปัญญา พี่วัชระ พี่หน่อย พี่พินิจ ทุกคนต่างมาเป็นคู่ นั่งทานกาแฟ และพูดคุยกันด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ คุณพินิจมอบกล้องสโคปตัวเก่าให้เรา และย้ำว่ากล้องตัวนี้เป็นกล้องที่นำพี่วัชระมาพบกันด้วยอุบัติเหตุ และให้กล้องสองตากับเราอีกตัว ทั้งสองตัวนี้ คุณให้เราเอาไว้สอนเด็กบ้านป่า กับโครงการที่เราทำอยู่ น้ำใจและความปราณีของคุณพินิจ ทำเอาเราอั้นในอก พูดอะไรไม่ออก ได้แต่กล่าวคำว่าขอบคุณ



เกือบเย็นแล้วกลุ่มแต่ละกลุ่มเริ่มเข้ามาในผาด่าง ชุลมุนนิดๆตรงโต๊ะลงทะเบียน ทุกคนร่วมลงชื่อ แลกเปลี่ยนรอยยิ้มทักทายที่ได้เจอกันอีกครั้ง วันนี้ความดีใจของเราคงเป็นการได้พบอาจารย์อมร ครั้งสุดท้ายที่โทรคุยกัน อาจารย์บอกว่า คงมาไม่ได้เพราะติดธุระ เมื่อไม่คาดหวัง การได้พบจึงกลายเป็นเรื่องแห่งความสุขเสมอ

อีกคนคือคุณป๋องและครอบครัว คุณนำขนมมาฝากเพื่อนๆชาวดูนกมากมายหลายถุง เรื่องดีๆหลายเรื่องที่คุณแนะนำให้เราปรับปรุงผาด่างอย่างตรงไปตรงมา และเมื่อยามค่ำคืนในห้องเสวนา บรรยากาศการประชุมเต็มไปด้วยความราบรื่น เป็นกันเอง แต่เวลาทีมีจำกัด และถูกใช้อย่างขาดทักษะทำให้เวลาของผู้ที่จะคุยเรื่องแก่งกระจานในอดีตกลับต้องถูกลบออกไป



อีกเรื่องที่เป็นประเด็นขัดแย้งระหว่างคนดูนก กับกฎระเบียบของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เริ่มร้อนขึ้น การอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์ร่วมกัน กลายเป็นประเด็นที่ต่างมีเหตุผลคนละด้าน คุณปลากระดี่พยายามนำเหตุผลขึ้นชี้แจง ร่วมกับคุณเรวดีและคุณหมอต้อ



แต่ในเวลา และสถานะการณ์ที่เกือบเหมือนจะตึง เครียด อาจารย์อมรจึงให้ยุติเสียก่อน และจะหาทางออกที่ดีทั้งสองฝ่าย คือกลุ่มคนดูนก และทางกฎระเบียบของอุทยาน เพื่อสรุปแนวการแก้ปัญหาเข้าที่ประชุมของสมาคมในวันที่ 29 มีนาคมนี้



March 16, 2008

ทุกกลุ่ม คนดูนก เริ่มออกเดินทางหานกป่าแห่งแก่งกระจานตั้งแต่แสงจันทร์จับขอบฟ้าทางทิศตะวันตก และอรุณแรกของตะวันกำลังเกิดขึ้นในทิศฝั่งตรงข้ามกับดวงจันทร์ รถแต่ละคันเคลื่อนออกจากผาด่าง มุ่งหน้าหาป่าใหญ่ คันแล้วคันเล่า ทิ้งไฟท้ายให้เรามองตามหลัง ตะวันสว่างแล้ว ชาวผาด่างเริ่มตามปิดไฟทาง เป็นเวลาเดียวกับเราพบคุณปลากระดี่ ดวงตาอิดโรย หน้าตาเศร้าหมอง เรื่องเมื่อคืนหรือ หน้าตาชายหนุ่มบอกเรามากกว่าคำพูด คุณหยุดนิ่งนานอึดใจ ก่อนบอกว่า คุณรับปากเพื่อนในห้องดูนกพันทิพแล้ว ว่าจะนำเรื่องเข้าประชุม แต่กลับทำอะไรได้ คุณกังวลว่าเพื่อนๆในห้องจะไม่เข้าใจ เราแค่เอ่ย ปัญหาของเพื่อนๆ ทำไมต้องเอามาแบกไว้เล่า เราและคนอื่นในห้องเสวนา เห็นทุกอย่างที่คุณกระทำเมื่อคืน คุณมุ่งมั่นสุดกำลังความสามารถแล้ว และมันสมควรต้องจบลงในขณะนั้น เพื่ออะไร



เราเองก็พิจารณาเหตุผลหลายอย่างที่คนดูนกร้องขอกับหัวหน้าอุทยาน หลายเรื่องไม่ใช่เรื่องยากที่จะร่วมกันแก้ไข แต่กลับมีเรื่องเดียวเท่านั้นที่เป็นประเด็นใหญ่และถูกผูกเกี่ยวปนกับเรื่องศักดิ์ศรีในการนำเสนอ เหตุผลกติกาหัวหน้าอุทยานจัดให้ หากคนดูนกไม่ยอมรับกฎระเบียบที่ร้องขอไป คนดูนกกลับพบตัวเองต่างหากเล่าที่เห็นแก่ตัว และหากยอมรับก็เท่ากับเป็นผู้ทำลายธรรมชาติ ทำร้ายย่ำยีธรรมชาติเสียเอง ทุกอย่างถูกผลักกลับมาที่คนดูนก หากยังดึงดันกับเหตุผลที่หัวหน้าอุทยานย้ำ….ปิดทางเดินทางความคิดและการกระทำ ด้วยเหตุผลที่ถูกต้องกว่า แต่เรากลับรู้สึกว่าขาดความยุติธรรม ความยุติธรรมในความหมายของเรา คือความกรุณา ( จอร์จ แมกโดนัลด์ กล่าวไว้ในหนังสือ ยามเมื่อลมพัดหวน)



เมื่อยามเย็นมาถึง หลายกลุ่มเริ่มทยอยส่งผลการนับนก ทุกคนต่างเล่าเรื่องของนกป่าตัวน้อยๆ ที่ออกมาให้ทุกคนได้ขานชื่อ จดบันทึก บางตัวออกมาเพียงวับแวม แต่บางตัวใจดีพากันออกมาให้ชื่นชมหลายๆรอบ มีเรารอที่ผาด่างเป็นผู้รับฟังเรื่องความสุขของแต่ละคน และที่พิเศษที่รับรู้ได้ ความสุขของเพื่อนๆช่างมากมายเสียเหลือเกิน ก่อนที่ตะวันจะจบลง เพื่อนดูนกก็เคลื่อนถอยรถคันสุดท้ายออกไป ผ่านป้ายที่เขียนว่า

ลาก่อน
กลับบ้านปลอดภัย
จากชาวผาด่าง

วันเสาร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2551

รอยจำผาด่าง 15




March 5, 2008 ในห้องกาแฟ ชาวบ้านและชาวผาด่างจับกลุ่มคุยเรื่องเสียงฝูงหมาป่าหอนเมื่อคืน บางคนบอกว่า ฝูงนี้ลงมาจากป่าชุมชน เห็นวิ่งไปมาบนถนนหน้าผาด่างและหอนเห่าเกือบทั้งคืน

เสียงเก้งเห่าตอบรับไกลๆ เป็นสัญญาณเตือนภัย ว่ามีการไล่ล่าเกิดขึ้นด้วย ชาวบ้านต้องระวังสัตว์เลี้ยง และนำเรื่องหมาป่าลงหมู่บ้านเข้าห้องประชุมชาวบ้านในวันนี้ด้วย


ชาวผาด่างก็ประชุมเหมือนกันแต่เป็นการวางแผนเรื่องงานนับนก ที่สมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติจัดนับนกแก่งกระจานขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า


ผาด่างบ้านป่าถูกเลือกเป็นที่พักและรับประทานอาหาร และเป็นที่จัดเสวนาในหัวข้อเกี่ยวกับป่าแก่งกระจานอีกด้วย





ชาวผาด่างถูกแบ่งให้กระจายการรับผิดชอบ บางคนเรื่องลานกางเตนท์ หลายคนรับผิดชอบประจำเรื่องครัว เครื่องดื่ม ประจำห้องขายของที่ระลึก เราประชุมกันหลายรอบ ยิ่งประชุมเราก็พบลายละเอียดของเนื้องานเพิ่มขึ้นแต่นั่นคือสิ่งดีที่เราพอใจอย่างยิ่ง



March 5, 2008 นกต่างๆในผาด่างครั้งนี้กลับเงียบเหงา มีแต่เสียงนก collared scrop owl ส่งเสียงร้องฝ่าความมืดในยามค่ำคืน นกกระเต็นน้อยธรรมดา ไม่ส่งเสียงกระซิบบอกเล่าว่าอยู่ตรงนี้ตรงไหนบ้างเลย หรือว่า….ถึงเวลาที่เราต้องจากกันแล้ว เป็นประจำอย่างนี้ทุกปี


เราพบเบสตอนเย็น บอกกับเบสว่า ตอนนี้เบสมี่เงินที่เพื่อนป้ากุ้งบริจาคไว้ให้ ฝากไว้กับพี่เก๋ เป็นจำนวนเงิน 1,700 บาท และให้เบสมาเบิกเป็นค่าขนมไปกินที่โรงเรียนทุกวันจันทร์นะ





เบสบอกว่าตอนนี้ย่าของเบสบอกว่าอยากย้ายกลับไปอยู่ระยอง เพราะย่าไม่มีเสื้อหนาวใส่ ทนความหนาวตอนกลางคืนไม่ไหว






เรามองเห็นภาพความทุกข์ ความทรมานจากเสื้อหนาวบางเก่าตัวนั้น และบ้านของเบส บ้านที่ไม่มีฝา มีแต่หลังคาจาก