วันพฤหัสบดีที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2551

ค่ายเด็กด่านโงครั้งที่ 4

ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว เด็กป่าจากโรงเรียนด่านโง ตามสัญญาให้เด็กน้อยทุกคนได้เข้าป่าแก่งกระจาน ขึ้นเขาพะเนินทุ่งชมทะเลหมอก ตามหาความหมายพบความยิ่งใหญ่ของผืนป่าแก่งกระจาน ป่าคือบ้านที่แท้จริงของพวกเขาทั้งหมดแล้ว นี่ไม่ใช้ครั้งสุดท้าย เสียงร่ำร้องอยากขอกลับมาบ้านแห่งนี้อีกหน จากปากของเด็กป่าตัวน้อยๆ







วันนี้ วันที่30 มกราคม 2551 เราได้มาที่เขาพะเนินทุ่ง เพื่อเรียนรู้บ้านใหญ่ของเรา เราได้พบสิ่งใหม่ๆ คือ นกเงือก นกแมลงปีกดำ เหยี่ยวรุ้ง นกเงือกมีปากใหญ่ มีโหนกแข็งที่โขนปาก ขนตายาวเป็นแผง บินเสียงดัง ร้องเสียงดัง




เรื่องบ้านของเราที่ป่าใหญ่

เราได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์ มากมายเลยค่ะ เช่นนกพญาไฟสีแดง นกคัดคูมรกต นกแก้ว เมื่อตอนเช้าหนูได้เห็นทะเลหมอก เป็นส่วนหนึ่งของเรา ถ้าเราไปทำลายมัน มันก็จะไม่ให้เราเห็นอีกเลย



ด.ช. กริชน ทองทับ

เขาก็พาไปดูนก ผมได้เห็นนกที่สวยคือนกเขียวก้านตอง เป็นนกขนาดเล็ก หรือปานกลาง สีออกเขียว ขนฟูนุ่มปากสั้นมีใต้ลำคอสีดำ กินลูกไม้และน้ำหวานจากดอกไม้


ข้าพเจ้าเด็กหญิง สุพัตตรา ผ่องแก้ว มีความยินดีมากที่ได้มาเขาพะเนินทุ่ง ข้าพเจ้าเคยได้ยินแต่ชื่อ ไม่เคยได้มา วันนี้มีโอกาสที่ได้มาก็ต้องขอขอบคุณแม่พี่โป๊ด และพ่อพี่โป๊ดที่ให้โอกาสพวกเรา นักเรียนด่านโง ได้รู้จกเฟริน เกาะไม้ นกคัดคูมรกตตัวเมีย และพญาไฟสีแดงตัวผู้ และนกโพระดกคอสีฟ้า

สรุป วันนี้ข้าพเจ้ามีความสุขมาก และถ้ามีโอกาสข้าพเจ้าจะมาเยี่ยมบ้านของเราใหม่นะค่ะ


เรื่องบ้านของเรา

ระหว่างทางได้เจอค่างแว่น ที่เกาะอยู่บนต้นไม้ ข้างทาง และเมื่อขับรถมาเรื่อยๆ ก็ได้เจอต้นผึ้ง และต้นเฟรินที่เกาะอยู่บนต้นไม้ และกล้วยไม้ป่าอีกหลายชนิด และขึ้นไปดูทะเลหมอก และดูนก พบนกหกเล็ก นกโพระดกคอสีฟ้า นกแว่นสีเทา เหยี่ยวรุ้ง

ด.ญ. เบญจรัตน์ หล่ำค้าขาย




เรื่องบ้านของฉันในป่าใหญ่



ด.ญ.กชมน ขำทอง

หนูไม่เคยได้เห็นอย่างนี้มาก่อน หนูดีใจมากที่ได้มาเที่ยว หนูได้เห็นนกเงือก มันตัวใหญ่มาก หนูได้เห็นปลาในลำธาร ตอนเช้าหนูได้เห็นทะเลหมอกด้วย หนูจะกลับไปบอกแม่ว่า วันนี้หนูได้ดูนกมากมายหลายชนิดค่ะ

สรุปว่า ถ้าเรามาเที่ยวป่า เราควรใส่ชุดที่เราควรไปเที่ยวป่า




บ้านของฉันชื่อป่าใหญ่

วันนี้เราได้ไปที่บ้านป่าใหญ่ อยู่ที่เขาพะเนินทุ่ง มาเพื่อดูสัตว์เช่นนกเงือก นกเหยี่ยว ค่างแว่น นกขุนแผน มักเกาะนิ่งเป็นเวลานานๆ ในระดับกลางต้น ขี้อาย นกเขียวก้านตอง

เรียงความเรื่องบ้านของฉัน การดูนกคือต้องไม่ส่งเสียงดัง ได้เห็นนกกำลังทำรัง เห็นนกหัวขวานแคระ อกเทาขนาดเล็ก หางสั้น ลำตัวสีเทาเข้มเกือบดำ

ด.ช. รุ่ง ป6 บรรเจิด วันเสือ


บ้านของเราที่ป่าใหญ่

เรามาที่เขาพะเนินทุ่งเพื่อมารู้จักบ้านของเรา....นกคัดคูมรกต มีลายเป็นขีดใต้ท้อง ไม่ทำรังเอง แต่วางไข่ไว้ในรังนกชนิดอื่น เพื่อให้เลี้ยงลูกแทน

ด.ญ. เสาวรส พันธ์ดี


เรียงความ เรื่อง บ้านของฉัน

การที่ธรรมชาติงดงามได้ เกิดจาการรักถิ่นฐานของตนเอง คือการดูแลรักษาป่า ป่าเปรียบเหมือนบ้านหลังที่สองของเรา

คำว่าเรานั้นก็คือมนุษย์ซึ่งถ้าตนเองไม่รักไม่ดูแลบ้านของเราแล้ว ใครจะดูแล ถ้าเกิดการตัดไม้ทำลายป่าธรรมชาติก็จะไม่งอกงาม

นักเรียนโรงเรียนบ้านด่านโงขอขอบคุณคุณอมรที่ทำให้เราได้รักธรรมชาติที่งดงาม




รอยจำผาด่าง11

หนองน้ำดำ ห้วยไผ่ เวิ้งน้ำสีเข้มดำกว้างสุดสายตา แผ่นผืนน้ำโอบล้อมอ้อมขุนเขา มองคะเนหาความลึก พบแต่ความมืดมิดปกปิดซ่อนความลึกล้ำของหนองน้ำ เพียงชื่อเท่านั้นที่บอกเล่าเรื่องราวผืนป่าและหนองน้ำเท่านั้นเอง
ลานดอกจอกลอยแน่นเต็มข้างชายท่าฝั่งตรงข้าม เห็นวิตสีน้ำตาลเคลื่อนไหวนิดๆ ยกกล้องมองตาม นกbronze-winged jakana เดินเกลื่อนไปทั่วดอกจอกสีเขียวตุ่นๆ ขาที่เหมือนงุ่มง่ามเก้งก้างสีเขียวกลมกลืนกับหญ้าน้ำที่เหยียบย่ำ ทำหน้าที่ช่วย ให้ท่าทางก้มๆเงยๆหากิน น่าจดจำ น่าเอ็นดู และมีบางตัวเริ่มโต สีที่คอเริ่มเป็นสีส้มเข้มๆ จากสีน้ำตาลอ่อนเปรียบเทียบกับอีกตัวที่อ่อนวัยยืนข้างๆ และตัวพ่อสีสันหล่อเข้ม ปีกมันเลื่อมสะท้อนแสงเป็นสีทองแดงวาวเงาคอยเดินระวังภัยใกล้ๆไม่ห่างกันและกัน


common moorhen ตัวสีเกือบดำเข้ม แต่ปากแต่งแต้มด้วยสีแดงสด เดินปนเปร่วมกันกับพวกเจ้าbronze-wing jakana มีขาสีเขียวนิ้วยาวเก้งก้าวเดินหากินเงียบๆไกลจากที่เรายืนเฝ้ามองกับ แอลลี่ และมิสเตอร์แพ





ในวันนี้ไม่ว่าจะหมุนกล้องไปทางไหนของหนองน้ำดำก็พบแต่พวกเจ้ายืน และย่ำตีนเก้งก้างเดินไปทั่วหาดดอกจอก และมีเจ้า little grebe ว่ายออกมาและอวดวิธีหากินให้เราชม ท่าที่ก้มจมหัวตัวเองหาปลาเหลือแต่ตัวกลมๆเหมือนลูกบอลลูกเล็กๆ ลอยกระเพื่อมตามคลื่นน้ำ ทำให้เราหัวเราะขำเจ้าเป็ดผีเล็กตัวนี้


เหนือน้ำตอไม้แห้งผุ ยืนแช่น้ำตาย นกตัวใหม่ของเรา มิสเตอร์แพชี้ให้เราดู และบอกว่ามีนกเกาะ2ตัวมองไปคล้ายๆนกเอี้ยง เมื่อยกกล้องดู หัวและอกสีนวลเหลืองอ่อนๆปนม่วงอมเทา เรารีบจำลักษณะเด่นที่ชัดตาและจดจำ ข้างปีกด้านล่างแลบขาวเล็กน้อย
ไม่นานพอที่ประทับใจ เจ้าทั้งคู่ก็พากันบินไปในทิศที่เจ้าหันหน้าหาฟากฟ้าที่เปิดกว้าง ในหนังสือมีรูปและชื่อให้เราเรียกขาน vinous-breasted staring


มือยกกล้องคอยมองหา กระเต็นน้อยธรรมดา นกกระเต็นหัวดำ กระเต็นอกขาว นกยางgreat eget ในพุ่มกอกกตรงโคนต้น ยืนนิ่งสนิท เราบอกต่อเพื่อนๆว่าเห็นนกตัวหนึ่ง
ในมุมที่เจ้าเลือกยืนและมีความนิ่งเป็นการพรางกาย ให้กอกกที่คอยไหวเอนเป็นบังไพร ทำให้การหาเจ้าลำบากในช่วงแรก
ความโชคดียังอยู่ เจ้าไม่ย้ายตัว ยืนนิ่งนานจนทุกคน ค้นพบนกตัวสีเหลืองยืนกางขาใช้เท้าเกี่ยวต้นกกไว้ขาข้างละต้น
ภาพนกยางยืนกางขาเล่นกายกรรมในหนองบึงแห่งนี้ กับดวงอาทิตย์สีส้มกลมๆยามเย็น พวกเรา4คนกลายเป็นส่วนหนึ่งของสถานที่แห่งนี้ มีความสบายใจ ผ่อนคลายโอบล้อมพร้อมกับสายลม ชื่อที่ให้เราจดจำ yellow bittern

วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2551

รอยจำผาด่าง 10




22/1/51 เรามองออกนอกหน้าต่างรถ ฝนที่จากป่าไปนานมากแล้ว ป่าข้างทางเปลี่ยนตัวเองเป็นสีน้ำตาลกันหมด ดอกหญ้าแห้งข้างทางโบกลู่ปลิวโอนเอน แสงแดดจัดจ้านเริ่มเบาบางตาพอให้เรากล้ามองไปไกลๆ




เสียงจ๊อบเอ่ยขึ้นว่ามีควันไฟป่า อยู่ไม่ไกล และน่าจะมาจากทางผาด่าง คำพูดมาพร้อมกับผาด่างด้านหลังเริ่มปรากฎ เมื่อรถของเราวิ่งเข้าไปใกล้




แสงตะวันของวันนี้กำลังหมดไป ควันไฟเรามองไม่เห็นมากนัก แต่กลับได้เห็นสีส้มแดงฉานของเปลวไฟที่ลุกลามเลียเผาป่าลุกโชนสูงขึ้นเป็นบางครั้ง และแต่ละครั้งก็ส่งเสียงเคี้ยวกลืนทุกอย่าง




เสียงใบไม้ที่ยอมแพ้ เสียงไฟป่าเดินหน้าเผาสลายทุกอย่างและมีเจ้าแห่งลมนำพาไป จากตรงที่เรายืนและมองอยู่ เราไม่ได้รับรู้ความร้อนของเปลวไฟเลย แต่เรากลับยำเกรงและประหวั่นลึกๆ

วงจันทร์กำลังมา อีกไม่นาน ไม่ไกลจากเปลวไฟที่รออยู่ตรงตีนผาด่าง น้ำในอ่างน้ำผาด่างกับทิศตะวันออกของขอบน้ำ ทำให้ดวงจันทร์ที่นี่เกิดเป็น 2 ดวง


เมื่อเรายืนรอตรงนี้ ดวงจันทร์ก็จะมาตรงนี้ทุกๆวัน เราเริ่มมองเห็นดวงจันทร์ดวงเดิม แต่วันนี้เรารู้ว่า จะมีความแตกต่างกับทุกวันในผาด่าง


ดวงจันทร์เริ่มทอแสงเปล่งประกายสีแดงส้มแสดสด ช่างเป็นสีเดียวกับเปลวไฟป่า ดวงจันทร์ไม่ได้ช่วยให้ไฟป่าหยุดลงหรือช่วยซ้ำกระหน่ำเหมือนสายลม เพียงแต่ยืนมองอยู่ข้างๆ

เมื่อไฟป่าเริ่มเดินไต่เขาสูงขึ้นไปดวงจันทร์ก็ทำเหมือนกัน กำลังลอยเลื่อนสูงขึ้นจากท้องน้ำ เข้าหาท้องฟ้า เมื่อเราเข้านอน เสียงของไฟเบาอ่อนแรงแล้ว กลายเป็นเสียงกระซิบไกลๆและแผ่วเบา เจ้าพระจันทร์แสงงามประดับฟ้าได้ลอยอยู่เหนือหลังคาบ้านแล้ว












































วันเสาร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2551

wild child

ความหมายของวันนี้คืออะไร บางอย่างที่แตกต่างออกไปไม่เหมือนทุกครั้งที่เคยเข้ามา บนรถกะบะ2 คันปุเรงๆ บรรทุกเด็กป่าตัวน้อยๆเข้าป่ามาด้วย






เป็นเด็กชาญหญิงเกิดรายรอบชายขอบป่าแห่งนี้ ทุกคน มีพ่อเป็นชาวบ้านทำไร่ แต่พ่อบางคนเป็นพรานล่าสัตว์ ลุงเป็นคนตัดไม้ มีน้ามีอาเป็นคนมีอิทธิพล



เด็กป่ากับป่าของพวกเขา ยามวิ่งเล่น กินนอนบนต้นไม้ วิ่งเข้าป่าตามพ่อ อาหารได้จากป่า ดินดีเกิดจากป่า เสาบ้านฝาบ้าน พื้นกระดานลากออกมาจากป่า และบางทีรื้อฝาเรือนออกขายเพื่อเข้าไปตัดชักลากออกมาใหม่เวียนวนอย่างนี้ พ่อยิงสัตว์ใหญ่แลกเป็นเงินตรา ลูกยิงสัตว์เล็กเพื่อเดินตามรอยเท้าของพ่อ



ป่าคือสิ่งสำคัญในหนังสือเรียนบอกไว้ คุณครูสอนไว้อย่างนั้นเหมือนกัน เด็กที่เกิดจากป่าแต่รักป่าจากหนังสือ

จะทำอย่างไรให้เด็กรู้ว่า ป่านั่นเองยืนรอพวกเขาอยู่ ตั้งแต่วันที่พวกเขาเกิดมา และป่ารักพวกเขาทุกคน ต้นไม้ทุกต้นใบทุกใบ เกิดมาเพื่อให้ไม่เปลี่ยนแปลง แค่ขอเพียงพยายามเข้าใจหน้าที่ของป่าเท่านั้นเอง



คำสัญญาที่เรามีให้เด็กน้อย คราวหน้าเมื่อเราพบกัน เราจะพากันเข้าไปชมภาพของพวกเขาและอ่านเรียงความที่เขียนกันกลางป่าแห่งนี้ จากอินเตอร์เนทเหมือนกับคนในเมือง ดวงตาของเด็กป่าต่างตื่นเต้น ดีใจที่จะมีเรื่องราวของเค้าในอินเตอร์เนท



ทำไมเราต้องทำเรื่องอย่างนี้ให้เกิดขึ้น โลกของอินเตอร์เนทมีประโยชน์มหาศาล เรารู้ดี และเราขอใช้ประโยชน์จากอินเตอร์เนท ขออนุญาตใช้ห้องนี้เป็นทางลัด โลกคนเมืองเชื่อมกับโลกของคนบ้านป่า

ให้คนเมืองช่วยกันอ่านและทำเรื่องธรรมดานี้เป็นเรื่องพิเศษต่อเติมความหมายดี ๆ เมื่อเด็กน้อยชายหญิงได้อ่านทุกตัวอักษร พบสารที่ส่งมอบจากคนเมือง ในหัวใจเด็กเหล่านั้น คงเข้าใจ และพบเห็นตัวเองมีหน้าที่ กางแขนโอบปกป้องดูแลป่าของพวกเขาด้วยจิตรักป่าด้วยตัวเอง



















wild child

เรื่อง ดีใจ จากด.ญ.เจนจิรา สุขภัดดี ป5


ความดีใจมีหลายอย่างมีทั้งดีใจเพราะมีความสุขและดีใจเพราะตื่นเต้น คนเราในโลกนี้ มีใครบ้างที่ไม่เคยดีใจ ทุกคนต้องดีใจหมด แล้วแต่ใครคนไหนจะดีใจด้วยเหตุผลใด วันนี้ฉันดีใจมากที่ได้ไปในที่ๆฉันไม่เคยไปมาก่อน ซึ่งนั่นก็คือโรงเรียนเจริญศรีมณีผล

เมื่อฉันไปถึง เขาก็มีถุงผ้าแจกให้ใบหนึ่ง ข้างในมีข้าวของเครื่องใช้หลายอย่าง และให้เล่นเกมหลายชนิด ฉันรู้สึกดีใจมากที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับนกต่างๆ นานาพันธุ์




ตอนเที่ยงมีอาหารหลายอย่างให้ริ่มรสแต่อย่างไร ฉันก็รู้สึกอิ่ม และเมื่อฉันอิ่มเขาให้ฉันพักผ่อน ประมาณ 20 นาที เขาก็ให้ฉันขึ้นรถ



เพื่อจะไปปล่อยนกอินทรีที่มีชื่อว่า ปุก ซึ่งเป็นนกอินทรีเพศหญิง เมื่อไปถึงเขาก็เอานกอินทรีไปปล่อย นกอินทรีทำท่าตกใจกลัว แต่มันก็บินไปได้ด้วยดี
มันบินเกาะต้นมะขามเทศและเด็กก็ตามไปดู เมื่อมันบินเตี้ยลงมาที่น้ำ ทำให้เป็ดกลัว เมื่อตอนรถออก นกอินทรีตามมา และบินเกาะต้
นไม้
และเมื่อเรากลับบ้าน ป้ากุ้งให้เราไปเล่นน้ำทะเล เมื่อถึงเวลากินอาหารบางคนกินสองชาม และดีใจที่ได้กลับบ้าน
ขอขอบคุณป้ากุ้งและครอบครัวของป้าอ้วนมากค่ะ
จาก ดญ เจนจิรา สุขภักดี

common tailorbird




14/1/51 ฟ้าเริ่มสลัวมัวตา เสียงของหลานชาย มีนกกระจิบธรรมดา เกาะตรงกิ่งสาบเสือ เกาะนิ่งนานมาก ผิดกับนิสัยของเค้า เราถามต่ออยู่ตรงไหน อามองไม่เห็น จ๊อบชี้มือจากระเบียง ลงไปหน้าใต้ถุนเรือน จากสายตาไม่เกิน 2 เมตร




นกระจิบธรรมดา เห็นแต่ด้านหลังสีเขียวอมเหลืองตุ่นๆ กับหางยาว ยืนนิ่งสนิทนานและนาน ผิดวิสัยที่กระโดดไปมากินแมลงเรื่อยไป อะไรอีกเล่าก่อนวินาทีแสงตะวันลับลา อีกตัวก็บินเข้ามายืนแนบชิด ม้วนตัวซุกใต้ปีก กลมกลืนดั่งแค่ใบไม้เพียงช่อเท่านั้น ทั้งคู่หลับสนิทในทันทีที่ตะวันลับฟ้า


กล้องพร้อมแล้ว แต่เรากับหลานชายตกลงกันว่า จะยิงแฟลชกระจายรอบพื้นที่ก่อนจากไกลและค่อยใกล้เข้ามา สังเกตุนกไม่สะดุ้ง ตื่นผวา จนแน่ใจแล้วว่าไม่รบกวน เราสัญญากันว่า ไม่ต้องการภาพสวยที่สุด แค่ภาพแห่งการเรียนรู้และความทรงจำ









ก่อนนอนคืนนี้ ภาพติดตา อีกสองชีวิตที่นอนอยู่ใกล้ๆ เจ้ามาเพื่อบอกว่า นี่คือบ้านให้พวกเราอยู่ด้วยกัน



คนถ่ายภาพนก ไม่มีภาพไหนสวยที่สุด ภาพงดงามแห่งใจ คือภาพที่ตัวเองหยุดได้ และถอยเท้าก้าวออกมาอย่างสุภาพ หันหลังคืนชีวิตมีปีกตัวนั้นกลับสู่ธรรมชาติ
จาก คุณปลากระดี่ได้น้ำ














วันพฤหัสบดีที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2551

ต้นกล้า 2 ต้น ป่าแก่งกระจาน



ด.ช อ๊อด เรียงความเรื่อง ธรรมชาติกับสิ่งแวดล้อม

ด.ช. อ๊อด เมื่อวาลวันพุธ ป้ากุ้งพาพวกผมไปเที่ยวผาน้ำหยด และเตรียมเสบียงอย่างละเอียดเช่นน้ำ 4ขวด เลย์ 3 ถุง และข้าว 5ห่อ ผัดซีอิ้ว ข้าวผัดกระเพรา


ด.ช. อ๊อด เวลากินอาหารอย่าทิ้งลงในป่า เพราะมันดูไม่สะอาด และพวกผม ป้ากุ้ง พี่จ๊อบ ออกเดินทางกัน 4โมงเช้า ป้ากุ้งบอกผมว่าให้ผมดูแลเสบียง พอขี่รถไป พี่จ๊อบถ่ายรูปนกเกาะบนเสาไฟ พอขี่ไปได้นาน แล้วก็ถึงบ้านโปร่งกระเพรา และทางนั้นขลุขละ




ด.ช. อ๊อด พอเมื่อนั้นมี 3 แยก ป้ากุ้งไม่รู้ว่าไปทางไหน ป้ากุ้งให้พี่จ๊อบถามทางผู้หญิงแก่ คนหนึ่ง แต่เขาไม่รู้ว่าผาน้ำหยดอยู่ที่ไหน พอสักครู่มีคนขี่รถเครื่องมาพี่จ๊อบก็ถามว่าผาน้ำหยดไปทางไหน และเขาก็บอกว่าไปทางขวา และก็ขี่ไปเรื่อยๆ จนถึงถนนราดยาง และก็เลี้ยวขวา และในที่สุด ก็ถึงป้าย ให้ไปทางขวา
และก็จอดรถ


ด.ช. อ๊อด มีผู้ชาย คนหนึ่งเขามาหาเห็ดและเขาก็บอกว่าเหนื่อยมาก ป้ากุ้งถามเขาว่าขายที่หรือเปล่าเขาบอกว่าไม่ขาย พอคุยไปเรื่อยๆ ซัก20นาที ได้




ด.ช. อ๊อด พอคุยเสร็จแล้วป้ากุ้งก็เดินป่า เขาบอกกับผมว่าให้เงียบๆด้วย ป้ากุ้งจะถ่ายรูปนก พอเดินไปป้ากุ้งบอกว่าให้เดินไปข้างหน้าก่อน ป้ากุ้งปวดเยี่ยว ผมกลับพี่จ๊อบและมอสก็เดินไปพี่จ๊อบบอกว่าพี่จะเยี่ยวก่อนอย่าเดินมาข้างหน้านะ



ด.ช. อ๊อด สักครู่ป้าก็เดินต่อไปมีน้ำไหลมากๆ และทางที่เดินไปซึ่งที่สูงมาก หินก็คมมากและหญ้าก็รกมาก และผมก็ได้ยิน เสียงน้ำตกกัน ผมก็เดินผมก็เดินในที่สุด ก็ถึงผาน้ำหยด




ด.ช. อ๊อด และพวกผมก็ลงเล่นน้ำ และพี่จ๊อบกลับก็ถ่ายรูปน้ำตก และพี่จ๊อบก็ลงมาเล่นด้วย และพวกผมดำน้ำ น้ำนั้นใสและเย็นมากด้วย ป้ากุ้งก็เล่นน้ำอย่างสนุกสนาน และพวกผมว่ายน้ำไปที่ผาน้ำตก และก็ขึ้นไปและบอกป้ากุ้งให้ถ่ายรูป



ด.ช. อ๊อด อะไรหลายๆอย่างก็เล่นน้ำไปหลาชั่วโมงแล้วให้ขึ้นเขาไปและถ่ายจากหน้าไปถึงข้างล่าง ผมกลับขึ้นเขาไปก่อน ป้า บอกว่าขึ้นไม่ไหว แล้วก็ลงมาส่วนมอสลื่นไหลไปและก็กลับลงไปเล่นน้ำตก




ด.ช. อ๊อด พอเล่นเสร็จก็เปลี่ยนเสื้อผ้ากัน แต่งตัวเสร็จก็ออกเดินทางกลับบ้านกันและก็ถ่ายรูปนกในป่า และไปต่อป้ากุ้งบอกพี่จ๊อบว่า ป่าตรงสีกซ้าย ให้ถ่ายรูปเพราะนกตรงนี้ ค่อนข้างเยาะ





ด.ช. อ๊อด และผมก็เห็นขยะ ป้าบอกให้ผมเก็บจากป่าไม้ พอนั้นก็เดินมาถึงรถก็ขี่ไปกินน้ำที่ร้านอีก และกลับบ้านป้ากุ้งบอกว่าพี่จ๊อบนกตัวนี้หน่อยสิ สักครู่หนึ่งก็กลับบ้านไปจนถึงผาด่างและแยกย้ายกันกลับบ้าน

ด.ช. พงศกร โต๊ะทอง ป.6
บ้านด่านโง ต. ห้วยแม่เพรียง อ. แก่งกระจาน จวัดเพชรบุรี





ด.ช มอส สวัสดีครับ วันนี้ผมกำลังไปเที่ยวที่ผาน้ำหยด วันนี้ผมได้ออกเดินทางเวลา10.00น.

ด.ช. มอส ตอนไปผาน้ำหยดเส้นทางขุขระมาก เส้นทางประมาณ 25 กิโล แล้วพอไปถึงทางเข้าไปที่ผาน้ำหยด แล้วก็เดินเข้าไปในป่าอีก 2 กิโล




ด.ช. มอส พอไปถึงที่น้ำตกผมก็ไปเล่นน้ำ พอผมเล่นน้ำเสร็จ ผมก็ไปกินข้าวแล้ว พอผมกินข้าวอิ่ม



ด.ช. มอส ผมก็ไปปีนเขาแล้ว ป้ากุ้งบอกให้ลงมาแล้วผมก็ไปเล่นน้ำต่อ แล้วผมก็มาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็กลับบ้าน




ด.ช. มอส แล้วป้ากุ้งก็หยุดถ่ายรูปนก แล้วป้ากุ้งไปร้านค้าร้านหนึ่งไปกินขนม แล้วผมได้เห็นสิ่งผิดกฎหมาย เขาได้จับนกมาใส่ในกรง 2 ตัว แล้วผมกลับบ้าน






ด.ช. ธนพัฒน์ คุ้มจินดา ป.4 เลขที่ 4 บ้านด่าโง ต.ห้วยแม่เพรียง อ. แก่งกระจาน จ. เพชรบุรี