วันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

ทุ่งใหญ่นเรศวร







ใบไม้ตกที่ทิคอง 21/2/51

เส้นทางเริ่มเปลี่ยนไป เมื่อเราลืมตาขึ้นในรถที่พาเราเดินทาง ภูเขาหินปูนเรียงยาวเป็นกำแพงยาวกั้นปิดบางอย่างไว้ด้านหลัง ไอหมอกหนาและบางลอยคลุมกำแพงเขาที่อยู่ข้างหน้าเป็นการบอกว่า เรามาถึงทองผาภูมิแล้วจริงๆ

ถนนทางลูกรังและฝุ่นสีแดง ฟุ้งตามล้อหลังและสะบัดจนกระจาย ผ่านหมู่บ้านทุ่งเสือโทน ป่าที่เราจากไปเสียนานจะปรากฏ ให้เห็นกันอีกครั้ง







ป่าข้างทางใบไม้สีเขียวเข้มตลอด สองข้างทาง สลับป่าที่เต็งรังเต็มไปด้วยกิ่งก้านแต่ไร้ใบ และเมื่อมาถึงป้ายทุ่งใหญ่ ป้ายอันใหม่และใหญ่มาก ป้ายหนังสือตัวโตนอนแนวสูงขวางถนนให้รถเราลอดผ่าน





นกป่าแห่งทินวยส่งเสียงคุยกันสนั่น หลายตัววนเวียนลงมาเกาะใกล้ๆมองเรา และบินเลียดต่ำๆ จากไปลงดินข้างหน้า หลอกเราให้หลงเดินเข้าไปหา เพื่อบินจากครั้งสุดท้ายไปไกลสูงสุดยอดไม้ นกปรอดดำ ปากแดง ขาแดงแจ๊ดแจ๋ นกปรอดสีเขม่าก้นแดงไม่เหมือนผาด่างบ้านเราที่เจ้านกชนิดนี้ก้นจะเป็นสีเหลือง





ลำธารทิคองเป็นสายน้ำไหลเล็กๆ ที่ชอบร้องเพลง นกนกเด้าลมหลังเทาลงเกาะหินเปียกและเย็นตรงหน้า ใกล้ๆ งดงามกับผีเสื้อสวยกลุ่มใหญ่ แสงแดดเองยังชอบแวะเวียนลงมาแตะฟังลำธารร้องเพลงด้วยเหมือนกัน

ความทรงจำในอดีต มีภาพนกกางเขนน้ำร้องเสียงเคาะแก้ว และวิ่งตัดหน้าเรา คราวนี้ไม่มีภาพและเสียงเรียกอย่างเดิม แต่เราไม่เคยเลิกหวัง แม้แต่เมื่อรถหมุน ล้อเลื่อนออกจากทิคองแล้วก็ตาม







นกอะไร ย้ายจากต้นงิ้วสูงลิ่วย้อนแสง ลงมาให้เห็นพวกเจ้าใกล้ๆ บนกิ่งไม้ไร้ใบที่เตี้ยกว่า มีแต่ดอกไม้ดอกเล็กๆสีทองเป็นแค่ช่อบางๆ ตัวนกสีเขียวใบไม้สดเท้าเกาะเกี่ยวห้อยหัว ปากโค้งงุ้มสีแดงสด ชื่อนกหกเล็ก นกกินปลีอกสีเพลิง นกแว่นตาขาว




นกขมิ้นหัวดำ ทิคองพาเจ้านกสวยสีเหลืองพิลาศตัวนี้ลงใกล้ตัวเราเพื่อจับหนอนอ้วนตัวนั้น และเราก็เหมือนจะเอื้อมจับเธอได้

และพาเราเดินตามจนพบรังรักของพวกเธอกับลูกนกตัวน้อยๆ



22/2/51 เช้าแล้ว บนเทลเดินป่าเขื่อนน้ำโจน เก้งลงกินโป่ง และตระหนกเตลิดเข้าป่าไป เรารอจนเจ้ากลับมาอีกครั้ง แต่เราต้องมีความสุภาพต่อเจ้ามากขึ้นกว่าเดิม

ในป่าที่สวยงามเรากลับเป็นฝ่ายจากมามีเจ้าเพลิดเพลินกินอาหารเช้าไว้เบื้องหลัง





นกแก๊กบินข้ามฟ้าให้พวกเราเหลียวคอมองหา ดอกไม้ป่าร่วงลงพื้น และมีบ้างสวยจนเราก้มลงเก็บจากพื้น และเดินตามเก็บอีกดอก และอีกดอกที่ล่วงเลยหน้าเราไป ผ่านมาไม่กี่ก้าว ดอกไม้ป่าอีกสีก็กลาดเกลื่อน มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ดอกเล็กขาวนวลๆ เกลื่อนบนทางเดินลูกรัง และเกลื่อนข้างทางในพงหญ้าแห้ง




เราแหงนหน้ามองต้นแม่ เห็นไม้ป่าเต็งรังหลายต้นหลายชนิดยืนปนในหมู่กลุ่มใกล้กัน ต่างมีสีที่แตกต่างแต่เป็นสีออกคลุมโทนส้ม น้ำตาล เหลือง และสีทอง งดงามเกินจะจากเดินไปเฉยๆ

ก่อนจะจากเทลห้วยน้ำโจน นก common hoopoe 2-3 ตัวกระโดดแตะกิ่งไม้ย้ายตัว ขยับรวมกลุ่มไปมาใกล้ๆกัน นกเองมองมาที่มนุษย์อย่างเรา เห็นภาพคนยืนและเดินย้ายตามตัวกัน เพื่อหามุมมองใกล้ๆนกกลุ่มนี้ ทั้งคนและนกต่างทำอย่างเดียวกันในป่าทุ่งใหญ่นี้

ป่าไผ่ ที่ซ้งไท้

ซ้งไท้ถูกเลือกเป็นคืนสุดท้ายเพื่อระลึกซ้อนเก็บเป็นความทรงจำ เตือนครั้งนี้เรานอนที่ไหนบ้างในป่าทุ่งใหญ่


ลำธารตรงหน้าเรา มองทางขวา น้ำวิ่งเลี้ยวไหลละเลียดมาจากโค้งซ้าย และไหลผ่านข้อเท้าเราไป เพียงชะโงกหน้ามองตามน้ำใสที่เลยผ่านไป เห็นลำน้ำลิ่ววิ่งเข้าโค้งซ้ายมือ เราตามใจอีกแล้วเดินตามสายน้ำที่ชักชวนเราด้วยเงาน้ำสีขาวราวกระจก เมื่อก้าวมาถึงเพื่อหยุด พบอีกโค้งของลำธารสวยก็ยั่วเราอีกแล้ว จะมีอะไรรอเราอยู่และจะสวยงามเหมือนที่เพิ่งก้าวย่ำมาหรือเปล่า





เราก้าวตามหาโค้งน้ำสวยระยิบระยับลึกเกินข้อเท้า เลิกขากางเกงม้วนขึ้นก้าวย่ำวางเท้าบนก้อนหินละเอียด จิกปลายเท้าในหมู่หินลื่นใต้น้ำ จนมั่นใจจึงก้าวขยับไปอย่างช้าๆ บางจุดมีกิ่งไม้ป่าที่ละเลียดผิวน้ำ มีบางกิ่งให้เราเกาะเหนี่ยว สายตาเรามองสายน้ำที่เดินทาง บางช่วงสายน้ำก็หัวเราะกับก้อนหินก้อนโต








อะไรบางอย่างขยับยืนแช่ในลำธารไม่ไกล และเราสบตากัน กวางสีดำเทาตัวใหญ่ ทั้งคู่ต่างนิ่งไม่กล้าขยับตัว กวางมองเรา เรามองกวาง ความพิเศษซึมซับลงตรงหัวใจ เรากับกวางป่า แค่สองชีวิตได้ยืนอยู่ด้วยกัน และทำได้แค่มองกันและกัน






ยามเย็นเราเดินชมป่าซ้งไท้ มีนกป่า white- bellied woodpecker ,white - rumped woodpecker ให้เราชมสลับชมไม้ป่าแห่งราศีกุม อาทิตย์ที่ส่องแสงให้ฟ้าฝั่งเดียวกันเป็นสีส้มใกล้จะลับป่าไผ่แล้ว เส้นทางของลำห้วยแห้งข้างหน้า คงเป็นที่สายน้ำเคยเดินทางผ่านมาทางนี้







วันนี้เมื่อการเดินทางของสายน้ำจบลง พร้อมกับการสิ้นสุดของฤดูวสันต์ ลำธารของสายน้ำกลายเป็นลำธารของใบไผ่ สายลมช่วยละบัดหมู่ใบไผ่ที่รอร่วงจากต้นและคว้างปลิวตามแต่ลมจะพัดพาลงและไหลนอนกองทับถมจนไม่เห็นผิวดิน ลำธารใบไผ่ข้างหน้าเราเป็นสีน้ำตาลทองอ่อนๆ เมื่อเราเดินเหยียบย่ำก้าวแต่ละก้าว ใบไผ่ใต้เท้าก็ส่งเสียง เสียงนั้นคล้ายกระดาษที่ถูกบิดให้เราฟัง





23/2/51 นกป่ามากมายพากันบินให้เราได้พบกันตั้งแต่เราก้าวเท้าเข้ามา และเกือบสุดท้ายของแสงตะวันของวันนี้ นกไต่ไม้ เจ้าคือผู้มาล่ำลา เราอยู่เพียงดิน เจ้าเกาะเดินข้างไม้เต็งสูง และโผไปหาอีกต้นหายลับไปในพุ่มใบหนา

เมื่อเกือบสุดท้ายของแสงเรืองๆ เหมือนบอกว่า หากตะวันหมดแสงลง การจากกันจะมาแทนที่การมองหาเพื่อนนกทุกตัวแล้ว





ยามเย็นมาถึงแล้ว เราละเลียดในป่าทุ่งใหญ่อีกไม่ได้แล้ว ไม่มีเหตุผลที่เราจะอ้างได้ เจ้าแห่งเวลาพาพวกเรากลับมาถึงปลายปากทาง ส่งเราหันหลังออกจากป่าแห่งนี้อีกครั้งนี้




…. ไม่มีความจำเป็นที่จะมองย้อนหันหลังกลับไปมอง เราให้เหตุผลได้ว่า เมื่อมาถึงประตูแห่งทุ่งใหญ่นเรศวร เราเฝ้าจมตัวเองฝังร่างเข้าป่าทุ่งใหญ่ ตั้งแต่วินาทีที่เห็นป้ายเข้าเขตทุ่งใหญ่ เราสูดกลิ่นใบไม้ทุกใบ เรามองต้นไม้ทุกตันที่มองเห็น มองหากล้วยไม้ป่าสีใดช่อไหนจะเป็นช่อแรกของการพบเห็น และสัญญาว่าจะมองทุกช่อเพื่อจดจำช่อใดจะเป็นช่อสุดท้ายให้กล่าวลา


กาลเวลากำหนดตัวเราเพื่อกลับมาอยู่กับป่าทุ่งใหญ่อีกครั้ง แต่มีความแตกต่างออกไป เราสามารถมีตัวหนังสือเป็นเพื่อนเชื่อมร้อยเรียงเรื่องของป่าทุ่งใหญ่กับตัวเรา เพื่อนตัวหนังสือสามารถทวนความรักของเราได้ไม่รู้จบ










































































































































































































































รอยจำผาด่าง14


รอยจำผาด่าง14

27/2/51 แผ่นปูนก่อนก้าวขึ้นบันไดบ้านริมน้ำ เสียงก๊อบแก๊บของกิ่งไม้แห้งกระทบกัน และเงาไหว อะไรบางอย่างเคลื่อนไหว มีทั้งขยับย้าย กับ กระจายตัว มีนกอะไรให้เราหยุดนิ่งเพื่อจ้องหาแต่เช้า และมีเพียงหนึ่งร้องไม่ยอมหยุด อีกตัวขยับเข้าไปหาคอยยืนอยู่ใกล้ๆ






นกกระรางสร้อยคอใหญ่ป้อนเหยื่อให้ลูกที่คอยแต่อ้อนร้องเรียกพ่อแม่ ในวันนี้ตอนสายหน้าบ้านนกเงือก ในตอนบ่ายต้นมะม่วงลานต้นสน เสียงเจ้าลูกน้อยของกระรางสร้อยคอใหญ่ ทำให้เราได้พบพวกพี่น้องของเจ้าเคลื่อนกายไปมารอบผาด่างตลอดทั้งวัน







ทางเดินเข้าบ้านนกเงือก เกือบสามทุ่มแล้ว จ๊อบเรียกเราเบาๆ เสียงแบบนี้ต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับสัตว์ชนิดใดชนิดหนึ่งแน่นอน ในความมืดแสงจากไฟฉายบางๆ นกตัวนี้เกาะอยู่บนกิ่งไม้ไม่สูงมาก collared scrop owl หมุนคอไปมา360 องศาบางช่วงก็เหมือนกับจ้องเขม็งมาทางเรา มนุษย์สองคน

นกร้อง บู้วววว และเงียบไปสักพักนานกว่าอึดใจ และซ้ำเสียงเดิม บู้วววว นกตัวนี้เราเดินตามหาในผาด่างมาเกือบเดือนแล้ว หลายครั้งเมื่อส่องไฟตามหาเธอก็โผหายไปในความมืด แต่ยามราตรี เสียงนี้มักร้องขับขาน รอบๆผาด่าง บางครั้งแว่วจากที่ไกล แต่บางครั้งก็แค่ข้างหัวนอน





ดอกไม้ดอกนี้ต้นเล็กๆแต่คอยออกดอกสีขาวระย้าอวดให้เราได้มองอย่งชื่นใจเสมอ เราเลือกมาหนึ่งช่อเสียบแจกัน และเด็ดดอกเล็กๆ สีขาววางไว้ในจานให้ลูกค้าคณะ royal & sun ที่เข้ามาดูสถานที่จัดค่ายเยาวชนในผาด่าง คุณเอ่ยปากชมธรรมชาติที่นี่และพวกเราที่นำเอกลักษ์ความสวยงามของผาด่างออกมาให้เห็นและจัดวางอย่างลงตัว






28/2/51 จ๊อบเล่าให้ฟังว่าเห็นชาวบ้าน2คน ขับรถเครื่องผ่านไป เห็นมีกรงนกต่อ ถืออยู่ในมือคนซ้อนท้ายด้วย จ๊อบให้ความเห็นว่า คงไปต่อนกแน่ๆ เรารับฟังเรื่องหนักใจนี้ด้วยความเงียบ






บ่าย 2โมง ในห้องอาหาร ลูกค้าเข้ามาสั่งต้มจืดข้างรั้ว เราส่งไผ่ไปช่วยเก็บใบตำลึงที่แตกยอดอ่อน ข้างบ่อแห้ง ไผ่เดินไปสวนกับลูกค้าชาวบ้านเข้ามาขอโทรศัพท์ และยืนพูดคุยหน้าร้านผาด่าง เป็นเรื่องค้านกป่า เรื่องที่ลือกันในหมู่ชาวบ้าน วันนี้เรื่องนี้เป็นความจริงที่เราได้สดับรับรู้ เราจะช่วยนกป่าเหล่านั้นได้อย่างไร































วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

เยือนอินทนนท์ กับbcst กุมภาพันธ์ 2551







เยือนอินทนนท์ กับbcst

บนรถตู้ที่มุ่งหน้าสู่ดอยอินทนนท์ คือเวลาของการเริ่มต้นเดินทางไปหานกเหนือ มีคุณกวิน ชุติมา นายกสมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย และคุณ วิชา นรังสี เป็นbird leader




นกที่ด่านสองคือจุดแรก ของการเริ่มร้อยโซ่มิตรภาพให้เกิดขึ้นระหว่างพวกเรา ทุกคนต่างต้องเดินตามคนข้างหน้า สอดสายตามองหานกอะไรก็ได้ ตัวใหญ่ หรือตัวน้อยๆ เรือนยอดไม้สูง


แค่ให้เห็นใบไม้ไหว ก็คาดไว้เจ้านกน้อยสีสวยตัวใดทำใบไม้แกว่งไกว หรือเหนือยอดหญ้าพุ่มเตี้ยรกเลียดดินต่อหน้าต่อตาเรา นกกระโดดออกมาให้เห็นเพียงวินาทีแสนสั้น

กว่าจะทันได้บอกเพื่อนข้างๆ เจ้านกน่ารักแกล้งกระโดดหลบหายไป เจ้าตัวใหม่ออกมาล่อให้พวกเราตื่นเต้น จ้องตามเจ้าขนปุยๆตาแป๋ว



ตรงหลังครัวเก่าศูนย์บริการ นักท่องเที่ยว คุณวิชาส่งภาษามือ ให้พวกเรา ผมเห็น blue wistering thrush รอกันตรงนี้นะ





คงออกมาเพราะมีเศษอาหาร ไม่นานเกินรอ blue whistling thrush ตัวนั้นก็กระโดดออกมาและใกล้เข้ามา นกสีน้ำเงินเข้มลายดำพรางในตัว เจ้าสามสี่ตัวนี้ black-throated laughingthrush ก็เริงร่าตามออกมา



เดินหากินไปทางขวา เดินเข้าใกล้เราอีกนิดและเขยิบออกซ้ายไปอีกหน่อย วนเวียนอยู่ข้างหน้าต่อหน้าต่อใจ เวลาของความเพลิดเพลินเนิ่นนานจบสิ้นลง




เมื่อนกอิ่มและค่อยๆกระโดดย้องแย้งออกไปไกล ทีละนิด ทีละนิด เข้าไปในป่าที่มีความมืดสลัวรออยู่และห่มพรางพวกเจ้าไว้ทุกตัว





ทางลงบันไดปูนไม่กี่ก้าว ข้างๆเท้าที่ก้าวเดิน หลายตัวกระโดดให้ก้มจดจ้องชิดติดใกล้ ในใจเราตะโกนถามเจ้านกสวยและหล่อ ไม่กลัวเราเหรอ หรือว่าเรากลัวเจ้าไปเอง อีกหลายๆตัวยั่วยวนว่าตรงนี้







ตรงนี้เราอยู่ตรงนี้ จะมองสีสวยปีกวาวของเราไหม นกสองวงษ์ สามวงษ์ สีน้ำตาลคอลาย หรือ สีสดสว่างเจิดจ้า ห้อยตัวกินแมลงจากใยแมงมุม และก้มหัวผลุบโผล่จุ่มหัวกินน้ำหวานจากดอกแดงโตอาบน้ำค้างฉ่ำชื้น




สะพานไม้ท่อน กว้างไม่มาก ถูกสร้างต่อเรียงยาวผ่าป่าดึกดำบรรพ์ นกตัวเล็กๆคิ้วสีขาวหลังน้ำเงินอมเทากระโดดออกมากับชีวิตคู่ที่ต่างสีกันออกไป พวกเรายืนข้างบนราวสะพานไม้ บางคนก้มหน้าข้ามระเบียง บางคนนั่งลงและยื่นหัวออกนอกราวระเบียง เพื่อหาอะไร ตามเสียงคุณวิชา นกsnowy-browed flycatcher นกคู่ตัวน้อยนิดน่ารักอยู่ข้างล่าง

แสงแดดตรงนี้เป็นสีเทาดำสลัวคลุมผืนดินฟองน้ำ สีของเจ้าตัวเล็กช่างกลมกลืนกับแสงแดดคล้ำและผืนดินเซิบน้ำให้ทุกอย่างข้างหน้าเราเป็นสีเดียวกัน




ไม่ยากที่จะมองหา หากต้องมีใจเพียงเท่านั้นที่พาให้พบเจ้าเกาะอยู่หลังกอพุ่มไม้บางเตี้ย ตรงแสงแดดบางๆลอดผ่านลงมา และเหมือนหายไปเมื่อลมแรงพัดเงาไม้ใหญ่เรือนยอดไหวโยก ปิดสีของเจ้าจนกลืนกับความสลัว เห็นอีกครั้งคือคิ้วขาวจิ๋วยามเจ้าขยับเอี้ยวคอนิดๆ




น้ำตกห้วยทรายเหลือง อีกจุดของบ้านพักอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์




บ้านพักยามเย็น ทะเบียนทุกคันรถเป็นชาวเชียงใหม่ แขกกลุ่มใหญ่กลุ่มนี้รวมผองเพื่อนพี่น้องลูกหลาน จัดสังสรรค์กันกลางป่าใหญ่ ลำโพงถูก ตั้งเรียง ไมค์โครโฟนถูกทดลองเสียง กลิ่นปิ้งย่างของอาหารทะเล บรรยากาศถูกจัดแต่งเหมือนบ่งบอกอภิสิทธิ์เหนือกฎอุทยาน เจ้าหน้าที่อุทยานใครคือผู้อนุญาติให้ละเมิดสิทธิ์ของผู้อื่น ย่ำยีกฎระเบียบอุทยาน
ให้มนุษย์กลุ่มนี้เข้ายึดใช้ธรรมชาติอินทนนท์ร้องคาราโอเกะออกไมค์ ทำลายความเงียบสงบของป่าไพร แม้ยามหลับนอน รบกวนนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ เพื่อความเพลิดเพลิน เมาสุรา อาหารกลิ่นปิ้งย่าง กลุ่มเรา และนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นคือผู้พลัดหลงแปลกปลอมของสถานที่นี้หรือ คุณวิชาสำทับเจ้าหน้าที่อุทยานที่เข้าเวรในเรื่องนี้ ทั้งรอบเย็น และต้องย้ำเตือนอีกครั้งในรอบดึก จนเจ้าหน้าที่ต้องใช้ความกล้านำกฎระเบียบของอุทยานไปแจ้งกลุ่มนี้ ให้ระงับการใช้เครื่องเสียง

คุณกวินและคุณวิชา พูดคุยเรื่องกลุ่มคาราโอเกะเมื่อคืน ที่ยอมสงบลง และกล่าวชื่นชมพวกนั้น ที่ เก็บขยะ ทำความสะอาดลานกางเต๊นท์ได้ดีมาก





สวนท้อ ใต้กลุ่มต้นท้อที่กำลังผลิลูกท้อเต็มต้น มีมากมายล่วงเกลื่อน เราเด็จลูกท้อกัดชิม รสชาดฝาดขมน้อยๆอมเปรี้ยวแต่ไม่นานรสขมก็กลายเป็นหวานนานชุ่มคอเหลือเกิน





คุณวิชาพาพวกเรามาที่นี่ ให้มาพบกับ 2 ตัวนกหลังสีส้มสนิม daurian redstart นาทีที่พวกเราได้รู้จัก ได้ยลโฉมนกน้อยแกล้งอีกแล้ว คอยกระโดดเข้าใกล้แล้วเปลี่ยนใจ








บินหายแว๊บไปหลังต้นท้อหนาใหญ่ จนยากที่ให้หลจะสอดสายตามองหา แต่ไม่นานก็กลับใจ ออกมาให้เราตื่นเต้น คราวนี้เราประหม่ากลัวเจ้านกหล่อ นกสวยจะแกล้งงชะเง้อหาตามกิ่งไม้ว่างเปล่า

สายฟองสีขาวของน้ำตกวชิรธาร คุณวิชาเดินนำหน้าไป ไม่นานก็กลับมาเรียกพวกเรา plumbeous redstart นกเพศเมียตัวนี้ยืนรอพวกเราตรงโขดหิน



กลางลำธารมีกิ่งใบไม้ยื่นไปหาโขดหินบังเจ้านกอกกลมลายๆ เราได้เห็นท่าทีของนกตกใจ แต่ไม่นานหลังคลายความตื่นกลัวก็ยอมให้เราเก็บภาพสาวสวยเป็นที่ระลึก


พวกเรามีแต่รอยยิ้ม กับคำที่พูดออกมา ขอบคุณค่ะ ตอบแทนเธอผู้นี้ เพื่อหันหลังจากมา

และตัวนี้ธรรมชาติส่งนกรูปหล่อแต่งชุดแต่งงานเพื่อคุณวิชา คุณวิชาให้ความละเอียดสาระสำคัญกับนกตัวนี้เป็นพิเศษ จนพวกเราตื่นตูมตาม
จ้องดูนกตามเสียงบอกสอนให้สังเกตุจุดที่คอของนกที่เปลี่ยนเป็นสีดำเข้ม ตามฤดูกาลของการผสมพันธุ์ กล้องในมือ ถูกส่งให้คุณวิชาได้เก็บภาพนกในชุดผสมพันธุ์ ภาพนกกระโดดเล่นฟองฝอยกระเซ็นของน้ำในลำธารและมีคุณวิชาเดินตามเก็บภาพนกตัวนี้ เดินไปอีกมุม และย้อนเดินกลับไปอีกมุม


เสียงบางเสียงยังแว่วในใจเรา คำถามบางคำถาม คุณวิชาเป็นนักถ่ายภาพนก ทำไมมาอินทนนท์คราวนี้ไม่มีกล้องมาด้วย คำตอบธรรมดา ผมมาทำหน้าที่เป็น bird leader หน้าที่ช่างภาพผมเอามาด้วยไม่ได้ คือคำตอบที่เราเรียนรู้บนเส้นทางกลับบ้าน

วันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

นกตีทอง (Coppersmith Barbet )


นกตีทอง (Coppersmith Barbet )นกตีทองมีความยาวจากปลายปากจดปลายหาง 16 ซม. เป็นนกในวงศ์นกโพระดกที่เล็กที่สุด ในจำนวนนกโพระดกทั้งสิ้น 13 ชนิด ที่พบในไทย (ทั่วโลกมี 27 ชนิด ) ลักษณะเด่น ที่จำได้ง่าย ลำตัวค่อนข้างป้อม เทอะทะ แต่แข็งแรง คอสั้นมาก หัวโต จนดูเหมือนนกไม่มีคอ ปากหนา และ แข็งแรง ซึ่งจะกว้างมากตอนโคนปาก และ ปลายปากแหลม สันปากบนโค้งลง เล็ก น้อย รอบโคนปากและคาง มีขนแข็งๆยาวๆ คล้ายหนวด และ รอบโคน ปากก็มี ขน เส้นแข็งๆ ยาว ออกมาจนดูคล้ายหนวด เป็นสาเหตุให้นักปักษีวิทยาชาวฝรั่งเศส ชื่อ บริชชัน ( Brisson ) เรียกมันว่า Barbu ซึ่งในภาษาฝรั่งเศส แปล ว่า "ผู้มีหนวดยาว " ต่อมาก็เพี้ยนเป็น Barbet ในภาษาอังกฤษปัจจุบัน นกในวงศ์นี้ มีปีกสั้น หางสั้น ขาของนกในวงศ์นี้ก็ สั้น แต่เท้าใหญ่ นิ้วเท้ายื่นไป ข้าง หน้า 2 นิ้ว และ ยื่นไปข้าง หลัง 2 นิ้ว เช่นเดียวกับนกหัวขวาน หรือ นกแก้ว , เล็บโค้งแหลม (จากเว็บ zyworld ) จากคุณ : hd2003 (helpdesk2003)

วันจันทร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

รอยจำผาด่าง13





รอยจำผาด่าง13

13/2/51 เสียงคุณกลอฟ์ ผมเห็นแล้วครับ บินหลบบินขยับอยู่ตรงพุ่มไม้ใหญ่ข้างหน้า หลายตัวอยู่นะครับพี่กุ้ง เรากระซิบด้วยสัญญาณมือ ฝูงนกหลายชนิดบินเวียนเข้าออกที่ต้นไทร ชวนหนุ่มส่องกล้องสองตามองฝ่าพุ่มไม้หนาตาตามมือเรา นกป่าบินให้เห็นไหวๆหลังใบไม้สีเขียวพุ่มโต หรือแค่ให้กำลังใจแก่พวกเราจดจ้องมองตาม

แต่อะไรอีกเล่าที่ทำให้เราละสายตาหาเจ้านกป่า ดอกไม้ป่าสีขาวสดใสบอบบางเป็นแส้เส้นบางๆ ควงสว่านหมุนๆ….แล้วก็หมุนๆ….หมุนตั้งฉากดอกบานตรงชี้ฟ้า ไม่เหมือนดอกไม้อื่นคว่ำหน้าหรือตะแคงสู่ดิน ก่อนลงแตะพื้นเบาๆ เจ้าแห่งสายลมคอยแกล้งยั่วเรา จับดอกไม้ป่าอีกดอก หลุดจากขั้ว แล้วจับหมุนๆ…วนๆรอบตัวเอง หมุนกลางฟ้า กลางป่า ใจเรามองตามจนดอกแตะพื้นดิน อีกดอกแล้ว…กลางฟ้า ยั่วยวนให้มองตาม เป็นเช่นนี้อยู่ร่ำไป ดอกไม้สีขาวฝอยๆเจ้าร่วงเพื่อเต้นรำ ระบำ กลางฟ้า จะละสายตาจากดอกไม้ที่คอยอวดดอกฟูฝอย หรือมองหานกดี




นกขุนทองมาเป็นฝูงแล้วจากไป และไม่นานก็พาพวกพี่น้องบินกลับมาให้เราเพลิดเพลินตลอดทางไปและกลับผาด่าง นกโพระดกหูเขียวและโพระดกคอฟ้าแข่งกันสลับร้อง ให้เราแหงนคอมองหาเพื่อจดจำและเรียนรู้ว่าจำได้หรือเปล่า นกแก๊กมาหาเรามากมายแต่ไม่ยอมให้เรามองจนเบื่อตา มีบางตัวเท่านั้นที่ยืนเกาะกิ่งแห้งสูงไร้ใบ มองเราเพียงแว๊บเดียวและหันไปทอดสายตาปล่อยอารมณ์มองฟ้าและป่ากว้าง นกกกหรือกาฮัง greater hornbill บินขยับเข้าหาลูกไทร จากกิ่งนี้ ไปกิ่งโน้น ฤดูแห่งการทำรังได้เริ่มขึ้น วันนี้คู่ชีวิตเจ้าอยู่ในโพรงที่ไหนในป่าแห่งนี้







ทางเดินป่าจากต้นกร่างประมาณ 500 เมตร นกสีน้ำตาลข้างทางเธอทำให้เรายกกล้องมองหา และทำให้หัวใจเรายิ้ม นกอะไร สีน้ำตาลเข้มจนเหมือนเม็ดมะขาม แต่ปากเล็กๆสีส้มแปร๊ด วงรอบตาสีแดง ท้องเป็นลายบาร์ ต้องเป็นนกคัคคูตัวไหน ในหนังสือ violet cuckoo ตัวผู้ แต่ทำไมเราไม่เห็นเป็นสีม่วงตามในหนังสือ เราคงต้องตามหาคำตอบ









ใกล้ป้ายดงเสือดาว ลิงตัวนี้มองสบตากับเราผ่านกล้องสองตา ใช่ลิงๆแน่ๆ แต่เราไม่เคยเห็นลิงในบ้านกร่างมาก่อน เรื่องนี้ค้างคาใจเราอีกแล้ว นกหัวขวาน greater fameback ,grey- headed woodpecker สองคู่สี่ตัวสองชายสองหญิง บนต้นสะเรียงใหญ่ยืนเกาะขยับขึ้นไปกิ่งซ้าย อีกคู่เกาะกิ่งขวาสูงยืนนิ่งนาน ให้เราเรียนรู้แยกเผ่าวงษ์และจากไปเมื่อบทเรียนจบสิ้นลง

นกหลายหลากสกุล คอยขยับตัวโผไปที่ต้นโน้น ต้นนี้ให้ ร้องขับขาน แตกต่างทั้งทำนองและโทนเสียง เราไม่เบื่อ…รอ…เพื่อมองหา ไม่ว่าจะเป็นตัวซ้ำๆ เพียงหวังพบนกตัวใหม่ เจ้ายืนเกาะกิ่งไม้ไม่ไกล ตัวอ้วนสีดำแต่งแดงข้างปีกนิดๆ หันหน้ามาให้มองเห็น…..ปาก สีฟ้าของเทอคอยซ์ หันมาอีกแล้วเพื่อย้ำชัดๆ ให้เราตื่นตะลึงอ้าปากค้าง กับนกตัวดำมืดตัดแดงเข้ม แต่ปากแบนกว้างใหญ่ ของเธอ สีฟ้าใสสว่างไม่เข้ากับสีบนเรือนร่าง เสนห์ของนกตัวนี้คือปากแบนๆสีฟ้าสดนี่เอง เจ้ามาให้เราได้พบกันเป็นครั้งแรก ได้เห็นเต็มตา ไม่ใช่แค่ดูรูปในหนังสืออีกแล้ว เจ้าบินจากไป เพื่อบินกลับมาเกาะกิ่งเดิม ให้เราเป็นฝ่ายเก็บเวลาของเจ้ากับเราไว้ฝ่ายเดียว

ขอขอบคุณนกป่าทุกตัว ที่คอยสร้างความหมายให้กำลังใจ เดินค้นหาตามปีกสวย ป่าแก่งกระจานดินแดนแห่งนกร้องเพลง บนกิ่งข้างร่องห้วยแห้ง blue- breaded bee-eater กิ่งไม้สูงข้างทาง black-tigh falconet ตลอดสองฝากถนนแดงcreasted serpent eagle และเป็นฝูงใหญ่ที่พร้อมใจกันบินส่งเสียงพลังปีก hill myna, thick-billed green pigeon เหล่าพี่น้อง chestnut- bellied malkoha ,green-billed malkoha, และ great slaty woodpecker วงษ์ oriole และสุดสวยตัวนี้มาให้ชื่นชมตอนทานข้าวกลางวันข้างลำห้วย ruby-cheaked sunbird, greater necklace laughing-thrush , lesser- necklace laughing-thrush ,white-rump shama .