วันเสาร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2552

Grandmother of mine

นึกถึงยาย


จำได้แต่ว่า หน้าที่เป็นคนพับผ้าถุง พับเสื้อผ้า เสื้อไม่เน้นเท่าไหร่ แต่ผ้าถุงเน้นเป็นพิเศษ พับเป็น10 หน กว่าจะถูกใจ

ตำหมาก กรีดใบหมาก ปาดปูนแดง ตำห้ามมีเสียง ถูบ้าน และให้ถูซ้ำ ถอยหลังถูทีละแผ่น

ทำขนมไทย เวลาเข้าพรรษา ออกพรรษาข้าวต้มลูกโยนแล้วมัดด้วยตอก นิ้วมือแตกเลือดซิบ

กำหนดเวลากลับบ้าน ห้ามเกินตะวันตกดิน แม้ในช่วงมหาลัยปีสุดท้าย ยังต้องเอาตารางเรียนมาแปะไว้ตรงเชี่ยนหมากเพื่อเช็คเวลากลับ

แต่เวลาก่อนนอนยายไหว้พระเสียงดังมาก ข้างๆบ้านพี่กุ้งไม่ต้องดูทีวีค่ะ เพราะยายพี่กุ้งหูตึงจะตะโกนไหว้พระช่วงประมาณ3 ทุ่มทุกวัน และไหว้นานเป็นชั่วโมงๆ

สวดมนต์เสร็จ ก็เป็นเรื่องขอพรทันที ให้นางชื่อ.....เป็นลูกหรือหลานคนที่...... มีสามีชื่อ...... มีลูกกี่คนชื่อ..... ให้ประสพความสำเร็จในหน้าที่การงาน ......ถ้ายังเรียนอยู่ขอให้เรียนดี....... ถ้ายังไม่มีงานทำขอให้ได้งาน ......ถ้าไม่มีแฟนหรือเนื้อคู่.... ขอให้เจอและเป็น.....คนดีคนรวย จนครบหมดญาติทุกคนในตระกูล


ข้างและรอบบ้านรู้หมดค่ะว่า บ้านนี้มีลูกหลานเท่าไหร่ ใครเป็นอย่างไรบ้าง
อิทธิฤทธ์ยายของมีเป็นร้อย เดี่ยวไมโรโฟนได้ค่ะ















หวย.... หวย..... หวย....หวย กับสาวต้นห้องชื่อ เรือง จากบ้านคำข่า สกลนคร


เรืองอายุ 22 เล่นหวยไม่เป็นค่ะ เงินเดือนได้มาเท่าไหร่ ส่งให้ทางบ้าน พ่อของเรืองตายตั้งแต่เรืองอายุ10 กว่าปี มีน้องอีก 3 คน อาชีพทำนาและรับจ้างทั่วไป




ยายของพี่กุ้งพบกับเรืองตอนอายุ 85 ปี เรือง 22 ปี ค่ะ เรืองจะเรียกยายของพี่กุ้งว่าคุณยายทวด ยายของพี่กุ้งชอบเล่นหวยเอามากๆ ซื้อหนังสือให้เลขทุกสัปดาห์หรือรายปักษ์ พี่กุ้งรู้แต่ไม่สนใจ

ทราบทีละหลังว่าสาวเรืองเจ้า มีหน้าที่คอยซื้อหนังสือหวยให้
เรืองชอบไปซื้อให้ค่ะ สาเหตุ เพราะจะได้แต่งตัวสวยๆ ทาปาก ทาตา ทาเล็บ นั่งรถสองแถวในหมู่บ้าน ออกไปซื้อเสื้อผ้าของแต่งตัว มาพร้อมกับหนังสือหวยของคุณยายทวด พร้อมพวงมาลัยไหว้พระและขนมที่ยายทวดสั่งซื้อค่ะ






ได้หนังสือมายายของพี่กุ้ง เอากระดาษปากกา มาบวกเลข จนเต็มหน้ากระดาษ มีหนังสือทำนานฝันประกอบไปด้วย และซื้อเป็นหวยใต้ดิน ซื้อกับคนข้างบ้าน




ถ้าถูกหวยก็จะให้เงินทิปพิเศษกับเรืองค่ะ

บ่อยครั้ง เรืองของพี่กุ้งก็จะสอนคุณยายทวด มันไม่ดีนะค่ะ
ยายพี่กุ้งผู้หญิงแก่โบราณ เจ้าระเบียบ ก็สวนเสียงดังฟ้าผ่าดังไปสามบ้านแปดบ้าน ทันทีว่า หนอยแน่....อีขี้ข้าอย่ามาเสือก เรื่องของกู เดี๋ยวกูจะให้ลูกหลานไล่มึงออก





แต่หญิงเรืองของพี่กุ้งบอกว่า ก็หนูเห็นว่ามันไม่ดี หนูก็บอกไป คุณยายทวดไม่เชื่อหนู ก็ไม่ว่าหรอกค่ะ แล้วใครจะมาทนยายทวดได้ หนูก็ไม่อยากอยู่หรอก แต่มันเวรกรรมอะไรของหนู ต้องมาดูแลคนแก่ ปากจัด เจ้าอารมณ์ ตบอกตัวเองเบาๆ ประกอบความในใจด้วย



ใจหนูอยากไปเป็น นักร้องคาเฟ่ แต่งตัววับๆแวม ไม่ใช่มามีชีวิตอย่างนี้พูดๆๆๆจน แล้วก็กระหนุง กระหนิงทะเลาะกันเรืองอื่นต่อไป



พี่กุ้งกับลูกหลานทุกคนตั้งแต่เกิด ไม่มีใครในบ้านกล้าพูดอย่างนี้กับยายของตัวเองหรอกค่ะ






พี่กุ้งรู้สึกว่ายายของพี่กุ้งมีความสุขกับการสนทนากับเจ้าเรือง ก็เลยปล่อยๆไป และทำไมจำได้ก็ไม่รู้














พี่กุ้งมีคนทำงานบ้านมาใหม่ อายุ21ปี คนนี้พิเศษมาก ทำไมต้องเดินทางจากกรุงเทพไปรับเองก็ไม่รู้

รับมาจากบ้านป่าคำข่า พรรณนานิคม จังหวัดสกลนคร นั่งมาในรถก็บ่นมาตลอดทาง พูดๆไม่หยุดปาก
เห็นหน้าข้อยอย่างนี้ ข้อยไม่ใช่ลาวนะ ข้อยเป็นชาวภูไท ไม่ใช่ลาว เน้นอีกห้ามเรียกข้อยว่าลาว และอย่ามาคาดหวังนะว่าข้อยจะอยู่ทำงานนานนะ

ระยะทาง สกลนคร สู่กรุงเทพ 900 กว่ากิโล บนรถ มี4 คน สาวชื่อเรืองแทนตัวเองว่า ข้อย หมายถึงตัวเอง ข้อยเคยเข้ากรุงเทพแล้ว อยู่แค่ 2-3 เดือน ไปอยู่ร้านอาหาร


ข้อยเบื่องานก็กลับบ้าน เป็นอย่างนี้ 3 ครั้งแล้ว และข้อยไม่คิดหรอกว่าชีวิตข้อยจะต้องเป็นคนใช้ คนงานในบ้าน ครั้งนี้ก็เหมือนกัน อย่าหวังนะ ข้อยจะอยู่นาน และพูด…….คุยไม่หยุด พูดวนไปมา จนพี่กุ้งฟังภาษาภูไทรู้เรื่องขึ้นมาบ้าง

อีกช่วงบนรถ กับชีวิตพี่กุ้งและสาวเรืองวันแรกในชีวิต พร่ำเพ้อออกมาว่า

ตอนข้อยอยู่ ประถม 3 ครูถามเพื่อนค่อยในห้องว่า หากโตขึ้น ใครจะเป็นอะไร
เพื่อนๆในห้องค่อยยกมือตอบ กันทีละคน บางคนบอกว่าเป็นทหาร เป็นตำรวจ เป็นคุณครู พยาบาลเยอะมาก พอมาถึงค่อย ข้อยตอบครูว่า อยากเป็นคุณนายค่ะ


ทำไม ชีวิตของข้อย….ข้อยต้องมาเป็นคนงานคนใช้
เพื่อนข้อยมันก็ทำนาทำไร่ ไม่เห็นมีใครเป็นทหาร เป็นนางพยาบาล ตำรวจ เห็นเป็นแต่ยามกันหมด
ปากบ่นอย่างอื่นและวนมาอย่างนี้อีก


ตลอดทาง ตาก็มองเสาไฟที่ผ่านไปทีละต้น แล้วถามว่า นี่ถ้าข้อยเดินตามเสาและสายไฟฟ้า จะกลับถึงบ้านข้อยไหมเนี่ย
ตอนนี้ก็ผ่านมา15 ปีแล้วค่ะ
สาวภูไทคนนี้ชื่อเรืองกลายเป็นที่มาของสาวต้นห้องยายของพี่กุ้งค่ะ
คนงานคนนี้พิศดาลมาก เราขับคันนี้ไปรับมาจากบ้านป่าค่ะ งงๆ อยู่เหมือนกัน ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเราและเค้า






แต่ดีใจค่ะ เค้าไม่สนใจเรื่องรถ ไม่เกร็ง ประหม่า เป็นตัวของตัวเองเสมอ แต่ตัวเองคิดว่า เกินหรือขาด

ให้ไปซื้อน้ำเขียว ก็ได้กินสไปร์ท แทน บอกว่า เห็นขวดมันสีเขียวนะพี่

วันก่อนวิ่งมาถามว่าพี่ส่าวให้มาตามไปกินทุเรียน เราบอกว่า ไม่กินลดความอ้วน

ถ้าพี่ไม่กินหนูจะได้กินแทน ยิ้มอย่างดีใจหันหลังเดินลิ่วกลับบ้านใหญ่

เรานึกขึ้นได้ เฮ้ย!เรืองทานทุเรียนไม่เป็นไม่ใช่หรือ

โอ้ย!.....เดี๋ยวนี้หนูกินเป็นแล้ว....






คุณ นาย ภาค 2





ครอบครัวพี่กุ้งจะมี 3 หลังติดกัน บ้านพี่สาวสามีชื่อพี่แป๊ะ มีพ่อ แม่ กับยายของพี่กุ้ง ลูก2คนของพี่สาว และยายพี่กุ้ง


บ้านพี่กุ้งมีแค่ 2คนกับแฟน เพราะพี่กุ้งจะไม่อยู่บ้าน จะมีบ้านที่ต่างจังหวัด ไปๆมาค่ะ
อีกหลังเป็นบ้านให้คนทำงานอยู่ร่วมกัน แต่ทุกหลังอยู่ติดกัน อบอุ่นมาก

พี่กุ้งจะสอนเรืองสอยผ้า ปักผ้า เย็บกะดุม เรืองคุยเก่ง ชอบร้องเพลงลูกทุ่ง หมอลำจะชอบเป็นพิเศษ มีเต้นเหมือนสาวโคโยตี้ สาวโคโยตี้กับยายแก่เจ้าระเบียบ ทำให้บ้านของเรามีแต่เสียงหัวเราะ


บ่นเรื่องอยากกลับป่าคำข่าทุกวัน สลับบ่นเรื่องงาน แต่เรืองทำงานสวยพอใช้ได้ค่ะ
ชอบเปิดหนังสือแฟชั่นเมืองนอกของพี่กุ้ง และออกแบบเอง เย็บเอง มีกางเกงอยู่แบบหนึ่ง พี่กุ้งเอาแบบของเรืองมาทำขาย เกือบ 7 ปีแล้วยังขายมาจนปัจจุบันคะ


เรืองของพี่กุ้งชอบไปคุยกับคุณยายของพี่กุ้งเพราะคุยเก่งทั้งคู่ คุยกันได้ทีนานๆ

ตอนนั้นคุณยายพี่กุ้งอายุ อายุ 85 ปี เดินได้ ชอบทำกับข้าว ดูแลหลานทวดสุดรักสองคน หูก็ไม่ตึง ตาไม่บอดค่ะ ขยัน พี่กุ้งเห็นว่าเรืองชอบคุยกับคุณยาย พี่กุ้งเพิ่มเงินและให้งานพิเศษ คอยดูแลงานบ้านพี่สาวและ


คุณยายค่ะ กับคุณแม่ซึ่งขณะนั้นเริ่มเป็นอัลไซเมอร์แล้ว เพื่อเพิ่มเป็นรายได้เพิ่มขึ้นให้อีก
ตอนหลังเค้าจะแทนตัวเองว่าหนู เรืองบอกว่ายายทวดสอนค่ะ ส่วนพี่กุ้งจะเรียกคุณยาย คำว่าข้อย เรืองจะใช้พูดกับเพื่อนๆค่ะ


คุณยายพี่กุ้งพอรู้ว่าเรืองมีหน้าที่เพิ่มให้มาทำงานบ้าน ก็สอนเรืองใหม่ทันทีค่ะ แต่ตอนนั้นทั้งคู่สนิทกันแล้วนะค่ะ


วันหนึ่งยายพี่กุ้งเรียกหญิงเรืองมา สอนวิธีการพูดจาเรียกคนในบ้าน จากเคยเรียกอย่างไรเปลี่ยนใหม่หมด
เอ็งต้องเรียกข้าว่า คุณยายทวด เรียกยายทวดอย่างเดิมไม่ได้แล้ว เพราะเอ็งมาเป็นคนใช้บ้านข้า เอ็งต้องเรียกอย่างนี้


ต้องเรียกแม่ของพี่กุ้งว่า คุณยาย ต้องเรียกพี่แป๊ะหลานเขยข้าว่า คุณนายผู้ชาย เรียกพี่ไก่พี่สาวพี่กุ้ง คุณนายผู้หญิง และ…..เวลาข้าเรียกเอ็ง เอ็งต้องขานรับว่า ขา คำว่า ค่ะ ไม่ใช่พยักหน้าหรือเออไม่ได้


ถ้าข้าเรียก เดินมาพอใกล้ข้า ต้องคุกเข่าลงแล้วคลานมาหา ทำได้ไหม เรืองของพี่กุ้งเอาแต่หัวเราะเป็นม้าเลยค่ะ แล้วก็ลองเรียก คุณยายทวด แล้วบอกว่า จะเอาอย่านี้จริงเหรอ
ยายพี่กุ้งโบกมือ.....ไม่ได้...ไม่ได้ เอ็งต้องมีคำว่าค่ะด้วย


วันนั้นทั้งวัน ท่องเสียงซ้ำไปมา คุณยายทวดค่ะ คุณยายทวดค่ะ คุณยายทวดค่ะ ท่องซ้ำไปมาเวลาเย็บผ้าค่ะ
ตกค่ำวันนั้น เมื่อทุกคนกลับบ้าน หญิงเรืองก็เรียกทันทีค่ะ พี่แป๊ะ(พี่เขย)เดินถือถุงกลับข้าวเข้าบ้าน เรืองไม่รอช้าค่ะ คุณนายผู้ชาย คุณนายผู้หญิง กลับมาแล้วหรือค่ะ หมายถึงพี่เขยกับพี่สาว ต่างหันมาสำรักน้ำที่กำลังเข้าปาก


พี่แป๊ะกับพี่ไก่บอกว่าไม่เอาโว้ย เรืองบอกว่าไม่ได้ คุณยายทวดสอนหนูไว้ ให้เรียกอย่างนี้
พี่แป๊ะยืนยันโวยว่า ห้ามเรียก พร้อมกับยิ้มให้อย่างใจดี เรียกอะไรก็ได้ แต่ห้ามคุณนายผู้ชาย คุณนายผู้หญิง
งั้นหนูเรียกว่าทั่นพี่ขจรก็แล้วกันนะ และเป็นทั่นพี่ขจร ชื่องจริงของพี่แป๊ะจนมาถึงปัจจุบัน








เรืองอายุ 22 ปีผ่านไป 37แล้วค่ะตอนนี้



ในอดีตวันหนึ่ง เรืองเล่าว่าทะเลาะกับยายทวด อะไรหละ คราวนี้ เมื่อวานยายทวดเอาเงินมาให้หนู 20 บาท พอวันนี้หนูทำไม่ถูกใจ บอกว่ากูจะเอาเงินคืน ให้มึงเมื่อวาน กูจะเอาคืน อีเนรคุณ



พอเอาไปคืนให้
เสียงดังฟังชัดลอยมา อีบ้ากูให้มึง 100 บาท มึงโกงกู เสียงเรืองบอกว่า คุณยายทวดให้หนูแค่20บาทจริงๆ มึงโกหก ใครๆก็รู้หลานกูรวย อย่างกูเนี่ยนะเหรอ พกแบงค์ 20 บาท



บางวัน หญิงเรืองชอบแกล้งให้แกด่า อีเรืองกูไล่มึงออก ลูกหลานกูเดี๋ยวเค้าก็หาคนมาดูกูได้ มึงอย่ามายั่วกู รุ่งเช้าเรืองก็บีบจมูกตัวเองเข้าไปหา ทำเหมือนเป็นคนดูแลใหม่ ยายของพี่กุ้งเงียบซึมเหมือนคนละคนค่ะ




วันหนึ่ง ยายอยู่บนเตียง เรียกหลานชายคนโตเข้าไปหาให้นั่งข้างๆที่เตียง เอามือที่มีแต่หนังเหี่ยวๆ แขนลีบเล็กไม่มีแรงๆจับมือหลานชายขึ้นมาลูบไปมา พร้อมกับกระซิบ แต่ความที่หูตึงเสียงดัง เรียกพวกเราไปยืนเกาะขอบประตูฟังทุกคน



เสียงยายสั่งว่า ปรินหลานยายทวด ให้ระวังอีเรืองนะลูก อีนี่มันไว้ใจไม่ได้ อีกหน่อยมันจะแอบเป็นเมียน้อยของพ่อเรา มันชอบแต่งตัวยั่ว ชอบเรียกทั่นพี่ขจร มันร้ายมาก ให้ระวังเอาไว้นะลูก ทวดเป็นห่วง อีกหน่อยยายทวดไม่ได้อยู่แล้ว เพราะขอไว้กับเสด็จพ่อว่าขออายุ 100 ปี พวกเราพร้อมเรืองและปรินหันหน้ามาพยักหน้าเบาๆ เฮมากๆค่ะ










หมู่บ้านใหม่

เกิดขึ้นติดบ้านพี่กุ้ง พี่กับพี่สาวเห็นพร้อมกันว่า ลูกพี่สาวก็โตเป็นหนุ่มสาว แม่พี่กุ้งเหมือนเด็ก 3 เดือน
หญิงเรืองนอนข้างๆ คอยดูแลเวลาค่ำคืน ทั้งแม่และยายของพี่กุ้งค่ะ ทำให้เราพี่กับน้อง คิดซื้อบ้านให้ใหญ่กว่าเดิม และเราตกลงทุบรั้วบ้านทั้งหมดทะลุเดินได้2 หมู่บ้าน 4หลังคาเรือนค่ะ


พ.ศ. 2549 ช่วงที่เราเตรียมย้ายบ้าน ยายพี่กุ้งอายุ 99 ปีแล้วค่ะ พี่กุ้งบอกกับทุกคน การย้ายบ้านครั้งนี้ ของๆใครจัดของใส่กล่องเขียนชื่อ ย้ายกันเอาเองตามสะดวก แต่ของใหญ่ เช่นตู้ ทีวี ของใหญ่ เรานัดกันวันที่เท่านั้นเท่านี้

หญิงเรืองเก็บเสื้อผ้ายายทวดใส่กล่อง บอกว่าจะย้ายบ้าน ยายพี่กุ้งตวาดว่า อีโกหก หลานกูจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อบ้านใหม่ เรืองชี้แจงบอกอย่างไร ใครพูดก็ไม่เชื่อ สุดท้าย เจ้าเรืองแกล้งพูด จากเรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่


วันย้ายบ้าน

พวกเราอุ้มยายกันแต่เช้า พาคนแก่เข้าบ้านก่อนเอาฤกษ์ดี แต่อุ้มไม่ได้แกจะดิ้นและร้องไห้กลัวหลุดมือ ร้องไห้ร้องห่ม กูไม่ไป กูไม่ไป สุดท้ายตกลงย้ายของก่อน คนย้ายทีหลัง

เสียงของยายร้องไห้ เกาะที่นอนไว้แน่น ต้องแกะเอามือเหนียวหนึบออกจากที่นอน ติดหมอนข้างหมอนหนุนหลายใบมาก ช่วยกันแกะ อุ้มยายวางไว้บนพื้น ยกเตียง ยายร้องไห้ท่ามกลางตาบอด กูไม่ไป กูจะอยู่กับลูกหลานกูที่นี่


เสียงลากโต๊ะ สารพัดเสียง พวกเราวานชายหนุ่มกันมาหลายคน เสียงอึบ เฮ บอกให้ยก ตะโกนบอกระวังหัว ระวังขวา แล้วค่อยเอนไปซ้าย มาถึงรายการสุดท้าย
เวลาค่อน บ่ายแล้ว คือรายการสุดท้าย ยายของพี่กุ้ง จะพูดจะบอกอย่างไรแกก็ไม่เชื่อ ปลอบก็แล้ว สาบานก็ได้ วันนั้นจากแผนการง่ายๆ อุ้มเดิน ผ่านกำแพงที่เราทุบออกทำเป็นประตู กลายเป็นต้องช่วยอุ้มใส่รถ ใช้วิธีขับรถวิ่งอ้อมหมู่บ้าน

ยายของพี่กุ้ง ตะโกนจนชาวบ้านออกมาดูกัน เรากลัวแกจะพลาดตกจากมือค่ะ


หมู่บ้านใหม่


ยามหมู่บ้านตกใจ วอวิทยุกันมาดูเกิดอะไรขึ้น กับบ้านใหม่หลังนี้ ตกใจบ้านนี้ย้ายบ้านแปลกๆ มากันทางหลังบ้าน และสุดท้ายมาทางหน้าบ้านกับเสียงคนแก่ร้องไห้โวยวาย ไม่ยอมออกจากรถ ผู้ชายหลายคนเหงื่อตกค่ะ อุ้มคนแก่คนเดียว ออกจากรถ

พอวางคุณยายเบาๆบนที่นอน ที่คุ้นเคย ส่งหมอนใส่มือให้แกดม จับทีละใบ เอามือวางให้ลูบเตียง ยายตาบอดน้ำตาไหลอาบแก้มเหี่ยว





ลูกหลานเข้าไปนั่งข้างหน้า ปลอบประโลมแกให้หยุดร้องไห้ นึกถึงตอนที่พวกเราเข้าไปบอกว่า เชื่อหรือยังว่าอยู่กันทุกคน ไม่หนีไปไหนเลย จับมือดูสิ นี่กุ้ง นี่พี่แป๊ะ พี่ไก่ ปรินก็บอกว่าปรินก็อยู่ ไม่หนียายทวดหรอก หลานสาวก็เข้ามาโอ๋ เข้ามาปลอบ ปาดเช็ดน้ำตาให้ ลูกๆหลานๆ นั่งตาแดงๆ รวมทั้งเจ้าเรืองของบ้านเราด้วย

เดี่ยวนี้ พี่แป๊ะบอกว่า หญิงเรืองเป็นคนใช้ จริงๆ เดี๋ยวนี้โทรศัพท์ไปที่ทำงาน บอกใช้ให้ซื้อนั่นซื้อนี่เข้าบ้าน

เป็นคุณนายตื่นสาย ยายทวดไม่ตื่น หญิงเรืองก็ไม่ตื่นค่ะ เค้าต้องตื่นพร้อมกัน แต่เราเข้าใจค่ะ ดึกดื่น บางคืนยายทวดร้องจะถ่าย จะฉี่ ให้ใส่แพมเพิดก็ไม่ยอม ดูแลคนแก่ทีเดียว 2 คน



คุณยายของพี่กุ้งเสียตอนอายุ 100 ปีกับ 10 วันค่ะ ยายของพี่กุ้งชอบพูดบ่อยๆ ว่า ขอกับเสด็จพ่อ ไว้ 100 ปี
คุณยายเกิดเดือนพฤษภาคมค่ะ พอเดือนมีนาคมปีนั้น หญิงเรืองกระซิบกับพี่กุ้งว่า เราจะเริ่มcount down กันหรือยัง ในบ้านก็ลุ้นค่ะ ว่าที่คุณยายเคยบอกไว้จะเป็นความจริงกันหรือเปล่า




ปัจจุบันนี้ หญิงเรืองของพี่กุ้งติดหวยเอามากๆ

แต่ก็ถูกบ่อยนะค่ะ คงเป็นผลบุญ คอยดูแลคนแก่


สาเหตุจากการติดหวยมาจาก คุณยายพี่กุ้งเริ่มตาบอด เดินไม่ได้ หนังสือหวยที่ซื้อมา ต้องให้หญิงเรืองเป็นคนบวกค่ะ และความหูตึง เสียงบอกตัวเลข ให้บวกอย่างนี้ ซื้อบนกี่บาท ซื้อล่าง ซื้อโต๊ด
พี่กุ้งบอกว่าเบาหน่อยได้ไหม เสียงบอกซื้อหวยได้ยินไปถึงโรงพักแล้ว




คนไปซื้อหวยให้คุณยายก็หญิงเรืองค่ะ คงทราบแล้วนะว่าทำไมหญิงเรืองเปลี๋ยนไป๋
คุณยายทวด ถ้าตายไปอย่าลืมมาบอกเลขหนูนะค่ะ อีเรืองกูไม่บอกมึงหรอก ถ้าบอกกูจะบอกให้มึงเจ๊ง แต่เรืองก็ถูกบ่อยๆค่ะ



ยิ่งอยู่กันนาน ทำให้ทราบว่า หญิงเรืองเป็นคนตระหนี่มาก เงินเดือน ทุกบาท และถ้าถูกหวยหลายพันจะส่งให้ทางบ้านทั้งหมดค่ะ พี่กุ้งแกล้งขู่เรือง ต้องเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวเรือให้พี่นะ
หญิงเรืองทำเฉย พี่แกล้งทวงทุกวัน จนวันหนึ่ง เรืองทนไม่ได้ มากระซิบที่ข้างหูพี่กุ้งว่า หนูนะงก งกจริงๆ อย่าให้หนูเลี้ยงเลย แต่หนูก็รักพี่นะ ไม่งั้น ไม่อยู่มาตั้ง
15 ปีหรอก อดจริงๆค่ะ ก๋วยเตี๋ยวเรือ





tws & padangcamp 4


คำถามท้ายบทเพื่อประกอบแนวคิด
1. คุณอยากให้ลูกหลาน พูดถึงคุณอย่างไร เมื่อคุณอยู่ในวัยชรา ?
2. หากคุณนำคนในอดีตกลับมาได้ 10 นาที
- คุณจะพูดอะไรกับ กาลิเลโอ ที่ตาบอดเพราะอยากพิสูจน์ความจริง ?
- คุณจะพูดอะไรกับ แวนโก๊ะ คนที่ต่ำต้อยยิ่งเมื่อยังหายใจ แต่กลายเป็น ศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ หลังร่างกายเป็นผุยผง ?
3. ระหว่างคำว่า ขอบคุณ กับ ขอโทษ.. คุณจะพูดอะไรก่อน กับ ทั้งสอง (กาลิเลโอ + แวนโก๊ะ) ????



เสียงย่อมเดินทางช้ากว่าแสงเสมอ


ความเจ็บปวด ยากจนทุกข์ทรมาณ ยากแสนยากลำบาก ไร้ที่พึ่ง ไร้คนชื่นชม ไร้การยอมรับ

ความร้าวลึกสุดลึก ไม่มีใครมีสิทธ์เอ่ยได้ว่า แค่ไหนกัน
ซ่อนปมปัญหา คือสีสันความอาดูร สงสาร ความเศร้าสะเทือนใจชีวิตของท่าน


แต่สิ่งเหล่านั้น มนุษย์ให้ความหมายใหม่ อัฉริยะ ปาฐิหารย์ มหัศจรรย์


มิติแห่งเกรียติทรงคุณค่าเก็บบันทึกต่อร้อยนิรันดร


หากย้อนเวลาได้ คิดว่าท่านทั้งสองจะบอกพวกเราว่า


ไม่ต้องขอโทษ หรือเสียใจ
เพราะท่านทั้งสองจะทำเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแม้มีโอกาส เพราะสิ่งที่ท่านสละ


เรื่องรันทดของคนในอดีตถูกปิดเก็บซ่อนอย่างยาวนาน เจ้าแห่งกาลเวลาเป็นผู้เก็บถนอมรอให้บางอย่างพร้อมหรือ


กาลเวลาสร้างคุณค่าประวัติศาสตร์และบอกเล่าเนื้อเรื่องเมื่อถึงเวลาใช่ไหม


เรื่องราวเหล่านั้นช่างสวยงาม มาจากความสงสารเกาะกินหัวใจหรือ
ความทุกข์ อดอยาก ลำบาก คืออำนาจล้นเหลือมีพลังต่อคนรุ่งหลัง

เพื่อการเสพดื่มด่ำกับชีวิตอับเจ็บร้าวของท่าน


กาลเวลาบอกถึงหน้าที่ของบุคคลทั้งสองชัดเจนแล้ว


กำหนด....หน้าที่ของท่านทั้งสองมิใช่ปัจจุบัน แต่คือประวัติศาสตร์โลก

มนุษย์ไม่ทุกคนจะเรียนรู้เรื่องของท่านทั้งคู่ บางคนยอมทำเรื่องอย่างนี้ให้เกิดแก่ทุกสังคมมนุษย์ชาติของโลก

โดยมีเรื่องของประวัติศาษตร์เป็นตัวอย่าง


แต่ความลับสำคัญคือเสียสละ จงเชื่อในความตั้งใจมันคือรากแก้วของความอดทน


tws & padangcamp 3


สัตว์ป่า ธรรมชาติ ศิลป สัญญาสุดท้าย


สัตว์ป่า โซ่ตรวนที่มองไม่เห็น ผูกคอ... ล่ามไว้กับ…..สติสัญญาต่อสัตว์ป่า สรรพชีวิตต้นไม้ ทั้งสูญพันธุ์ บางอย่างปรากฎเป็นภาพสุดทรมาน แสดงอำนาจให้รู้จริง จงใจทรมานคนอนุรักษ์

ธรรมชาติ กำลังบอกใคร หรือ คนของธรรมชาติในห้องนี้ เผ่าพันธุ์ของสัตว์ พืช หลายชนิด กำลังเดินถึงดินแดนแห่งกาลสูญพันธุ์ หายไปจากดินแดนเกิด เ ห ลื อ ชื่ อ หมู่บ้านหุบเสือ เรื่องอดีตเป็นเงาลางหรือเรื่องแค่เล่าบอกต่อ เท่านั้นหรือ

ศิลป ตัวคนเขียน หากวาดภาพเป็น หยดสีที่ปาดป้าย…..คือน้ำตาไหลรินต้องคอยปาดเช็ดให้ตัวเอง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

สัญญาสุดท้าย แต่คนเขียน ตัวหนังสือทุกตัว เพื่อบอกว่า เราจะมีกันและกันแม้ถูกเน้นคือเรื่องเศร้า หน้าที่ต้องเปลี่ยนเป็นเข้มแข็งยอมรับเพื่อทำงาน ไม่มีเหตุผลว่าสำเร็จหรือไม่ เวลาจบของงานจะมาเมื่อไร ใครจะเป็นผู้ร่วมทาง

tws & padangcamp 2


ไม่เคยมีพวกเราคนใดเคยเห็นสมัน กวางงามของโลก
ที่เคยมีอยู่เฉพาะดินแดนสยามบนท้องที่ราบลุ่มภาคกลางอันเคยเป็นพรุน้ำจืด

ดงหญ้ากว้างใหญ่ไพศาลเป็นแหล่งนิเวศของสมัน


ราวศตวรรษที่ผ่านมางานพัฒนาเกษตรกรรมพลิกแผ่นดินของสมันกลายเป็นนาข้าว
นำมาสู่ผลผลิตข้าวจำนวนมหาศาลเพื่อการส่งออก แล้วสมันก็หมดไปเหลือไว้เพียงเศษซากและความทรงจำ

ชวนให้ตระหนักถึงผลได้เสียของงานอนุรักษ์และการพัฒนา


งานศิลปกรรมอาจเป็นพยานยืนยันว่าครั้งหนึ่งไทยเราเคยมีกวางงามที่สุดในโลกแต่วันนี้ไม่มีวันมีอีกแล้ว
ใครจะรู้บ้างว่าการสูญเสียนี้มีผลต่อเราอย่างไร


The extinction of the wilds...nowsaday, they 're all around us .


ไม่นานนัก..หลังการสิ้นสุดสายพันธุ์ของสมัน กวางงามแห่งลุ่มเจ้าพระยาโคไพร ก็หายหน้าหายตาไปจากพลาญหินของขุนเขา..พนมดงรักและยังไม่เคยมีใครพบเห็นอีกเลย

บางทีไม่มีใครคิดว่าเขาปลายพู่คู่งามที่แขวนประดับอาคารนั้น จะกลายเป็นสัตว์ล้ำค่าตัวสุดท้าย.............ที่เหลือเพียงซากแห่งความทรงจำ.............

แรดขนยาวโบราณสองนอขนาดเล็กที่สุดในห้าชนิดของแรดที่มีในโลก เคยท่องนิเวศอยู่บนสันแนวสะพานแผ่นดิน ตนา ว ศรี ยันถิ่นสุมาตรา

น้ำท่วมโลกครั้งใดหนอมาแบ่งแผ่นดินเป็นเขตแดน กะสู้ หรือ กระซู่ เคยย่ำเหยียบดินโคลนกลางป่าฝนทรกำลำบาก สู้ฝ่าพงดงทากกัดกอระกำ เตย หวาย ไม่ว่าป่าสูง เขาชัน หรือหุบเหว

สู้อดทนกระทำภารกิจยากลำบากหาใครทดแทนได้ยากยิ่ง

ป่าลุ่มต่ำ ชนเชื่อมไหล่ทวีปกันแนวชายเลน พื้นที่เป็นหนองบึง พรุน้ำจืดพรรณไม้หนามแดง ลุมพี กุ่มน้ำ กระทุ่ม

มีอยู่ทั่วไปง่ายต่อการรุกพื้นที่พัฒนาอารยธรรมของมนุษย์ป่าลุ่มต่ำ

ในธรรมชาติหมดไปอย่างรวดเร็วการส่งออกนอระมาด

มีหลักฐานอยู่ในเอกสารการค้านับแต่กรุงศรีอยุธยา..ปีละหนึ่งพันนอจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เหลือเพียงจำนวนไม่กี่สิบนอ

จดหมายเหตุจีนบันทึกถึงการใช้หนังระมาดหุ้มเกราะให้รถศึกในการสงครามฮ่องเต้

มีจอกสุราสลักเกลากลึงจากนอระนาดการล่าทำลายระมาด

เพราะค่าเชิงเศรษฐศาสตร์ธุรกิจ..ทำกำไรมหาศาลเทียบน้ำหนักชิ้นส่วนระมาดเท่ากับราคาทองคำมีซากระมาดแสดงอยู่ที่ Natural History Museumในหลายประเทศตัวที่ยังมีชีวิต...เหลืออยู่เพียงพื้นที่เล็กๆแห่งหนึ่งในอินโดนิเซีย udjong kulon

ระมาด หายไปจากแผ่นดินสยามราวศตวรรษที่ผ่านมาแต่สัญญาสุดท้ายยังคงเหลือไว้เป็นชื่อสถานที่บางแห่งในปัจจุบันเช่น บ้านปลักแรด บ้านหนองแรด" เธอพึงเที่ยวไปอย่างแรดนอเดียว "พุทธวจนะ..กล่าวสอนสาวกให้วางครรลองชีวิตแบบ..ระมาด

ป่าร้าง..ผู้คนในเมืองใหญ่ที่กำลังพัฒนาไปสู่ความป็นมหานคร

มีความใกล้ชิดกับสัตว์ป่าในสองสถานะ..ตามวงจรมลทินที่ไหลเวียนไม่รู้จบ

เป็นสามเศร้า....ผู้ล่า...ผู้ค้า...ผู้ซื้อ....บางคนมีรสนิยมชอบรับประทานอาหารป่า....โดยมิได้หวังพึ่งพาในรสชาดว่าจะเป็นเก้งหลอก..หรือกวางปลอมก็ตาม

... นก..หนู...งูเห่า..เป็นเพียงกระดูกโครงไก่สับ กับเครื่องเทศอันร้อนแรง...


บางท่านชอบพาครอบครัวตัวเล็กไปเที่ยวชมสวนสัตว์บ่อยๆชี้ชวนกันชมแววตาที่เศร้าหมองของสัตว์ป่าในกรงขัง.. ด้วยความร่าเริงใจไม่สนใจจำว่าสัตว์ป่าที่เห็นนั้น

ใช่ตัวเดิมที่เคยมาชมครั้งก่อนหรือไม่



minus zero # 1 แมวลายหินอ่อน ..Felis marmorata
การเก็บตัวอย่างนกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธรจำนวนไม่มากนักในครั้งนั้น


ไม่มีใครเฉลียวใจเลยว่า...นกเจ้าฟ้าฯ จะกลายสถานภาพเป็น สูญพันธุ์
จนบัดนี้ก็ยังไม่เคยมีรายงานการพบอีกเลยนับแต่นั้นเหลือเพียงซากยัดสำลีอยู่ตามพิพิธพัณฑ์ต่างๆไม่กี่แห่งในโลก


แมวลายหินอ่อน..ก็เช่นกันเป็นเป้าหมายหลักของพวก hard core ที่มีธุรกรรมเกี่ยวกับสัตว์ป่าเพียงเพราะสถานภาพหายากที่สุดและตกอยู่ในอันตรายใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่งที่ร้ายก็คือ..

ความปรารถนาที่จะหาตัวเป็นๆจากป่ามาเพาะพันธุ์ขายในราคาสูงลิบลิ่วเป็นสัตว์เลี้ยงไฮโซ..ราคาแพงเช่นที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับแมวป่าแสนสวยหลายชนิดในโลกเช่น..ocelot ...jaguarandi จากอเมริกาใต้...margay จากอาฟริกา..เสือดาวหิมะ จากหิมาลัย ฯลฯ


วันนี้ถึงคิวของ....แมวลายหินอ่อนและแมวดาว..ของป่าบ้านเราเราไม่เคยรู้สถานภาพที่แท้จริงของแมวลายหินอ่อนในป่าไทยแทบจะไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่า



มันยังมีชีวิตหลงเหลืออยู่หรือไม่จนกระทั่งมีภาพถ่าย camera trap จับภาพได้เป็นครั้งแรกอย่างน่าชื่นชมและขอบคุณสถานีวิจัยสัตว์ป่าเขานางรำ แหล่งมรดกโลกห้วยขาแข้งทำให้รู้ได้ว่าแมวลายหินอ่อนแสนสวยและหายากยิ่งนั้น..มีอยู่จริง

ขอช่วยกันอธิษฐานด้วยเถิดว่า..เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุกแห่งในเมืองไทยคือ..สัญญาสุดท้ายที่จะเป็นบรมโพธิสมภารของสัตว์ป่าสมกับคำว่า...wildlife sanctuaryและถนอมรักษาพันธุ์แมวลายหินอ่อนไว้ให้ได้ก่อนที่จะสูญสิ้นไป

ตอบ

ตั้งแต่มูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพันธุ์พืชแห่งประเทศไทยถึงเวลาแตกสลาย
การอนุรักษ์ในประเทศไทย ถูกปกคลุมเข้าสู่ยุคมืด อย่างยาวนาน


นักอนุรักษ์ต่างดิ้นไปลำพังตามทางลางๆที่มองเห็น
บางคนระหกระเหิน รอนแรมหลงเดินเข้าห้องนี้ และห้องโน้น
ค้นหา ค้นพบ คนรักและเข้าใจธรรมชาติในแต่ละห้อง


ทุกคนในห้องมืดเล็กๆนั้นต่างพยายาม รักษาธรรมชาติที่แหลกเหลว
หลายเวที พยายามรวบรวม ตั้นต้นคิด....เสวนา

ตั้นต้นคิด....เสวนา เริ่มจากกลุ่มเล็กๆพากันสู่ฝันให้ตัวเองตั้งใจไปถึง
แม้เมื่อหันหลังมาแล้ว เหลือเราเพียงคนเดียว หรือเพื่อนไม่มากคน


แต่รู้ว่าใช่แล้ว เราเริ่มแล้ว คือ ผู้เริ่ม อยู่ เป็น เราเอง
อย่าหวังจะภูมิใจ ให้รางวัลกับตัวเอง ความภูมิใจคือบันไดของงานข้างหน้าที่สูงยิ่ง หรือคืออุปสรรคธรรมดาเอง

จงอย่ารอเพื่อนร่วมอุดมการณ์ เพราะบรรพบุรุษเราคือชนกลุ่มน้อย

อยากแบกรับความอาลัยของอาจารย์ปันยา ไชยคำ ไว้บ้าง





tws & padangcamp


สัตว์ป่า ธรรมชาติ ศิลป สัญญาสุดท้าย


ในความจำได้หมายรู้ครั้งวัยเยาว์สัตว์ป่ามากมายถูกทำให้หายไปในทุกช่วงเวลา
ความรัก หวงแหนห่วงหาอาทร รฤกถึงด้วยเสียดาย ถูกบ่มเพาะใว้ในดวงใจ

ประกายดวงตาของสัตว์ป่าทุกตัวเศร้าหมองน่าสงสาร

เคยเรียนถามท่านนายแพทย์บุญส่ง เลขะกุลที่มีผู้กล่าวหาว่าท่านล่าสัตว์ป่ามามาก


ท่านตอบว่า "เมื่อครั้งที่เรายังร่ำรวย มีเงินทอง เราจะใช้อย่างไรก็ได้ แต่บัดนี้
เรายากจน จำเป็นต้องถนอมรักษาทรัพยากรเอาไว้ให้ได้อย่างดีที่สุด "
นี่คือคำสุดท้ายที่ได้ยินจากบิดาแห่งงานอนุรักษ์ธรรมชาติในประเทศไทย

ผู้มีชื่อเสียงไปในระดับสากล ท่านเป็นนักสำรวจ วิจัย ค้นคว้า สรรสร้างบทความวิชาการ
หนังสือ ตำรา ออกเผยแพร่ เป็นคุณูปการจวบจนปัจจุบัน เช่น ธรรมชาตินานาสัตว์

ชีวิตฉันลูกกระทิง คู่มือดูนกในเมืองไทย และmammals of Thailand
สำคัญที่สุดท่านได้เริ่มต้นเรียนรู้ที่จะวาดภาพสัตว์ป่าด้วยตัวเอง และดำเนินไปได้ด้วยดี
การวาดภาพสัตว์ป่าเป็นเรื่องที่ทุกคนสามารถทำได้ ไม่ยากเกินไป
เพียงเริ่มต้นด้วยศรัทธา เรียนรู้ และปฎิบัติ


ตอบ


หน้าที่ของผมคือสอนให้คนรักธรรมชาติ นก สัตว์ป่าทุกวัน.....งานของผมไม่มีวันหยุด
วันนี้อาจารย์ยังทำงานนี้อยู่ ไม่มีวันหยุดจริงๆดั่งคำพูด

ไม่ว่ากุ้งโทรไปขอความช่วยเหลือ กี่ครั้ง
ถ้าเพื่อธรรมชาติ อาจารย์ยินดีให้เสมอ

ลูกศิตย์ใหม่เพิ่มขึ้นตามกาลเวลา

แต่เจ้าแห่งกาลเวลากำหนดเรื่องนี้แล้ว


อาจารย์จะไม่ได้หยุดพักและไม่จำเป็นต้องร้องขอ ordinary miracle
คำสอนเพียงแผ่วเบา ทุกคำจำง่ายและหลงรักเข้าใจธรรมชาติไปกับวลีสวยงาม
ธรรมชาติกับอาจารย์เป็นหนึ่งแล้ว ใครเป็นผู้บอกสอน อาจารย์ หรืธรรมชาติ
กุ้งคิดเองอย่างเข้าข้างตัวเองจริงๆ (แต่ถ้ากุ้งคิดใหม่ได้ดีถูกต้องกว่านี้ กุ้งจะเข้ามาเพื่อแก้ไขค่ะ)

วาทะและศิลปธรรมชาติของอาจารย์ทำให้ลูกศิตย์คิดและตระหนักได้เอง
ต้องทำงานด่วนคืนให้ธรรมชาติ
คิดและเป็นอย่างคนรู้ค่าธรรมชาติ เคารพในธรรมชาติที่แสนจะปราณีมนุษย์อย่างเรา
แต่กุ้งยังก้าวขาได้ช้า เล็กๆ เดินตามหลังอาจารย์ค่ะ

เสือ รอยจำบ้านป่าสัก

ปีที่ผ่านมา มีข่าวเรื่องสัตว์ป่าถูก ฆาตกรรม อย่างป่าเถื่อน โดยเฉพาะเจ้าป่าอย่าง เสือลายพาดกลอน
เป็นเป้าหมายหลักในการถูกลักลอบส่งซากไปต่างประเทศ




เห็นข่าวแล้วปวดใจสำหรับคนรักเสือ อย่างผม ...........


จึงอยากขอความคิดเห็นจากเพื่อน ว่า
....ในสังคมเรา รู้สึกอย่างไรต่อเสือที่กำลังจะหมดไปในช่วงชีวิตของเรา
เสือ มีความใกล้ชิดกับคนไทยมาช้านาน


จนเราคิดไม่ถึง เสือมีความผูกพันเชื่อมโยงกับคนไทย
จนเกิดตำนานเล่าต่อกันมามากมาย เกิดคติความเชื่อต่างๆ
เสือ









ทำให้เกิดสุภาบิต กาพย์ โคลง กลอน แม้กระทั้งการละเล่นพื้นบ้านต่างๆ



หรือแม้แต่ ตอนไปเที่ยวป่า ยังไม่วาย มีข้อห้าม ในการเอ่ยถึงเสือเลยครับ!
ใครมีโคลง กลอน คำพังเพย สุภาษิตต่างๆ ที่เกี่ยวกับเสือ จนกระทั้ง Brand





สินค้าต่างๆ
ช่วยนำเสนอหน่อย อาจเป็นข้อมูลชิ้นสำคัญของเรา ในยามที่พี่เสือ กำลังจะจากเราไป

ช่วยกันเก็บข้อมูล รวบรวมไว้ ตั้งแต่เนิ่นๆ ครับ







ตอบ

เสือตัวแรกในชีวิต กว่าจะเขียนเป็นก็โดนซะหลายที













เราคิดว่ามีเรื่องค่อนข้างสำคัญ สำหรับวันอาทิตย์
ปี 2538 เราปลูกป่าของตัวเอง จากท้องนากลายเป็นป่าต้นกล้า ตามความไฝ่ฝัน

มีคนเฝ้าไร่ชื่อตาสอน ตอนนี้คงอายุ 70 ปี แกบอกว่าเดิมเป็นบ้านป่าคนทับสะแก
ถากถางป่าเป็นบ้านกระต๊อบ ปลูกมะพร้าว และเผาถ่าน
รอบๆบ้านของแกคือป่าแท้ๆ มีเสือโคร่งลงมากินวัวของชาวบ้านบ่อยๆ


ตาสอนจะบอกเน้น ถ้าไปป่าแก่งกระจานเขาพะเนินทุ่ง ให้ถือไม้เรียวไปด้วย เสือโคร่งจะกลัว

เมื่อกลับมาเราก็รีบเล่าให้ฟังถึงความสนุกพร้อมกับเล่าว่าที่ตาสอนสั่งไป เราถือไม้เรียวไว้ตลอดเวลานะ

ตาสอนส่ายหน้า ทำอย่างนั้นเสือไม่กล้วหรอก โธ่....โธ่..... โธ่
ถือไว้เฉยๆเสือไม่กลัวหรอก ต้องฟาดลมฟาดหญ้าไปเรื่อยๆ เสียงไม้เรียว เฟี้ยวๆ เสือได้ยินจะกลัวมาก
และที่เสือมีลายก็เพราะคนฟาดลายไว้ เสือโคร่งจึงมีลายมาจนถึงปัจจุบันนี้



เราก็คงเป็นหนึ่งที่ตีใส่ลายเสือ พอเข้าเรียนอนุบาลก็โดนตีซะ เจ็บค่ะเจ็บ








านเก่า ก่อนย้ายมาอยู่แก่งกระจาน แต่ไม่ห่วงเพราะต้นไม้ที่นี่เค้าแข็งแรง ดูแลตัวเองและลูกหลานที่เกิดใหม่ก็แข็งแรงค่ะ




วันอาทิตย์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2552

December 21, 2008 วันแจกผ้าเช็ดตัว



กองทุนข้าวสารเด็กโรงเรียนด่านโง
ก่อเกิดขึ้นเมื่อต้นเทอมของปีการศึกษานี้ แต่เป็นการติดต่อทางอินเตอร์เนท
วันนี้เป็นครั้งแรกของการพบเจอกัน
น่าเสียดายว่าเป็นวันเสาร์ น้องปลาย พิมและบีพลาดโอกาสที่จะพบกับนักเรียน
มีเพียงครูสมชาย และนักเรียนด่านโงอีก4 คอยต้อนรับและบริการ








หลังจากเดินชมโรงเรียน ทั้งแปลงปลูกผัก สวนครัว
แปลงแก้วมังกรและสับปะรด สอบถามปัญหาต่างๆ ที่โรงเรียนต้องการ
น้องปลายได้สรุปมอบทุนให้อาจารย์สมชายไว้ทำโครงการแรก
โครงการปุ๋ยหมัก จำนวนเงิน 5,000 บาทถ้วน













หญิงแก่กำลังตัดไม้เพื่อเตรียมเป็นท่อนฟืน ใต้เพิงสังกะสี มีคุณตานั่งใส่สูทเก่าๆ ช่วยกัน
ทำไมคุณยายไม่นอนในบ้านค่ะ เสียงใสหวานซื่อสำเนียงกรุงเทพ
ตากับยายนอนไม่ได้หรอก มันหนาวมากต้องออกมานอนตรงนี้แล้วก่อไฟช่วยจึงจะพอช่วยได้
นอนตรงนี้นะหรือค่ะ เสียงดังย้อนถามกลับไปของคนเดิม

















ก่อนเลี้ยวเข้าทางแคบของถนนนี้ ยอดบอกว่า พี่กุ้งพอแค่บ้านหลังนี้นะ
ถ้าเข้าไปลึกกว่านี้ มันมีภาพที่ไม่ดีหรอก เราถามว่าทำไมเหรอ
ข้างในนี้ หลายครอบครัว ชาวบ้านจับนกป่าไว้กรงใหญ่เยอะมาก
มีคนจองรับซื้อ ไปส่งขาย ภาพนกขังกรงทำให้เราปิดปากเงียบ




สุดท้ายที่บ้านนี้ บ้านของอ็อด เด็กชาย(เจ้าของแววแววตาแสนเหงา)
เรียงความที่อ๊อดเขียน สวยเป็นระเบียบ อ่านแล้วอ่านอีกไม่เคยเบื่อ
เมื่อจบ ประถมหก อ๊อดไม่มีเงินเรียต่อ และมีหน้าทีเลี้ยงน้อง
หลายครั้งที่ร้านค้า เราเจออ๊อด เรามักส่งยิ้มให้
หยิบของเด็กเล่นจากตู้ (ที่เพื่อนๆฝากให้บริจาก ) ส่งให้บอกว่าเอาไปฝากน้องนะลูก
อ๊อดส่ายหน้าบอกว่ามีเยอะแล้ว เราเองก็รู้ว่าไม่จริง… ทำไมอ๊อดต้องใช้คำนี้


วันศุกร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2552

January 14, 2009 รอยจำผาด่าง pkkk2714 padangcamp.com




ของขวัญ ของชาวผาด่าง เริ่มกันล่าช้ากว่าของชาวบ้านทั่วๆไป แต่ชาวผาด่างเข้าใจว่าตราบใดที่มีผาด่าง ปีใหม่การฉลองของเราจะช้าเป็นอย่างนี้ทุกปีไป



เด็กๆบ้านป่า ตื่นเต้นกับการรอและฝักใฝ่เวลาที่จะได้ของขวัญ เฝ้ามองที่จะได้จับฉลาก ชิ้นไหนโบว์สีแดง กล่องลายๆ ทำไมมีแต่สีแดงลายตาเหมือนกันไปหมด แสงเทียนสีส้มแดง จุดติดไฟรอบวง ข้างกองของขวัญ สร้างมิติเสริมเสนห์ของห้วงเวลาเป็นดินแดน….เนรมิตร

มีผลึกของความหวังและใฝ่ฝันแสนสวยงาม ทุกคนส่งเสียงหัวเราะ สดชื่นและร่าเริงมีลมหนาวๆทำให้เราต้องคอยกอดกันตลอดเวลา



ภาพแต่ละภาพ เราและจ๊อบบรรจงสร้างสีสันจากใจของเราทั้งคู่ เป็นของขวัญซ้อนของขวัญ ชาวบ้านป่าบอกว่า ไม่เคยคิดหรอกว่า คนจนคนป่าอย่างพวกเค้าจะมีความทรงจำ จำแลงสวรรค์น้อยๆกลางระเบียงบ้าน มีป่าล้อมรอบ มีน้ำเป็นสายใย มีภูเขา มีท้องฟ้าช่วยส่งมอบดาวทุกดวงร่วมกาลเวลากับพวกเราชาวผาด่าง



ก่อนตะวันจะลับไปท่ามกลางลมแรงของเหมันต์ เราเพิ่งเห็นเธอเป็นครั้งแรก เรามองตามหาพวกเธออีก พบว่าพวกเธอมีกันหลายดอก แต่ไม่มากนัก ต้องตั้งใจเอามือแหวกกลางใบบางยาว นั่นทำให้พวกเธอซ่อนกายได้ดีบานเงียบๆตามซอกหรืบพวงยาวเลื้อย ดอกของเธอเล็กแค่มดแดงเอง สีม่วงข้างในด้านนอกสีขาวเจือม่วงจางๆ




เราไม่เคยเห็นกันมาก่อน แต่บ้านใหม่ยกสูง ทำให้เราอยู่สูงเสมอกันเพื่อรู้จักกันใช่ไหม พวงยาวใบเรียวแคบของเธอละเลื้อยเล่นกับเราตอนนอนกลางวัน

ไม่รู้จักชื่อ ดอกเล็กๆสีม่วง เราอยากเอาเธอไปอวดเพื่อนในห้องtws กล้องที่เราเคยจับไม่นานและทิ้งไปพร้อมกับสร้างเรื่องกับเหตุผลยาวเหยียดงี่เง่าไร้ค่าเยอะมาก

แต่เพราะเธอแอบบานในซอกซ้อนของกลุ่มใบยาวเป็นพวง ทำไมเธอต้องโยกไปมาด้วยเล่า จากยืนจับกล้อง เป็นนั่ง และนอนบนพื้น แต่ละครั้ง เสียงดังแช๊ะ ๆ ๆ ดังไปเรื่อยๆ เธอสวยกว่าในรูปมากมาย ลมจ๋าหยุดแกล้งเล่นกันพวงใบเลื้อยหน่อยซิ ดอกม่วงเบลอๆเยอะจัง




January 14, 2009 แสงแดดยามเช้า กับกล้องในมืออีกที ดอกสีเหลืองเมื่อวานบานเต็มดินแดงเม็ดกรวดแข็ง วันนี้เราเห็นแค่ช่อเดียว กับข้างที่ดอกบานเมื่อวาน วันนี้ลีบเหี่ยวเป็นคนแก่ บอกเราว่าเมื่อวานกับวันนี้คือแตกต่างเสมอ จงทำความฝันให้เสร็จสิ้นก่อน ทันตะวันลาฟ้า

ลูกกลมๆสีแดง จำได้ จำได้ พี่หวัด หนูอยากได้ต้นนี้ไปปลูกที่บ้าน พวกเราช่วยกันแหวกป่าข้างๆ เพื่อหาต้นอ่อนเอากลับบ้านด้วยกัน เสียดาย กับเสียดาย



ผ่านไปไม่นาน เราเห็นเธอในบ้านของเราเอง เธอมาอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ และออกลูกสีแดงกลม เหมือนย้ำให้เรารู้ว่า นี่ไงฉันมาอยู่กับเธอ และไม่ใช่มีเพียงหนึ่งเธอลองมองดูเอา ว่ามีพวกเราเท่าไหร่

ล้อมรอบบ้านป่าของเธอ เธอซุ่มซ่ามอีกแล้ว หนามแหลมกับหน้าผากเธอ เลือดไหลซิบๆ แต่เรายังไม่สนใจ อยากอีกแล้วเอาลูกกลมสีแดงไปอวด เพื่อนห้องtws

ดินแดนพืชทนแล้ง ดินสีแดงดอกไม้สีแดง ไม่ก็สีส้ม ดอกกระเจี๊ยบบานเก็บกินได้แล้ว ทุกอย่างล้อมตัวเราเป็นสีแห่งความแห้งแล้ง สีตะวันยามใกล้เที่ยง สีใบไม้กรอบออกโทนร้อนแรง หรือร้อนแค้นอดอยาก



เรารักเธอทุกสีที่เธอเป็น และแสดงออกเต็มที่เปิดเผย ให้เรารู้ว่าธรรมชาติสื่ออะไรให้เราเก็บเกี่ยวเรียนรู้อีกครั้ง พลวัตรของป่าครับ เราจำคำนี้จากไหน ไม่นานเกินลืม ชายคนหนึ่งในห้อง tws เราจำได้แล้วชื่อ ประพนต์ กับความรักกีร์ตาร์ เป็นสัญลักษ์คู่กัน





ลมโบก ธงตรงเส้นสตารท์ของการเดินทาง จุดหมายปลายทางถ้ำพุไทร ห่างจากผาด่างของเราแค่ 7 กิโลเอง รถวิ่งตามลูกรัง เสียงคุยกันไป ดินแดนท่องเที่ยว ทำไมถนนเป็นลูกรัง อบตบ้านติดกันกำลังซ่อมถนนที่ดีพร้อมอยู่แล้วเพื่อพัฒนาซ้ำๆอีก

แต่ทำไมอบตของห้วยแม่เพรียงไม่ทำบ้าง พี่หวัดบอกว่า อบตห้วยแม่เพรียงของเราไม่มีเงิน เราไม่งงสักนิดกับคำนี้ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ตั้งอยู่ในตำบลห้วยแม่เพรียง ปากทางคือหมู่บ้านด่านโง หมู่บ้านกับอุทยานเกิดพร้อมกันตั้งแต่ปี 2527 ชาวบ้านด่านโงยังยากจนกวาเดิมนิดหน่อย ทำไร่ ทำงานโรงงาน ดักสัตว์ส่งร้านอาหารป่าต่างตำบล ตัดไม้เนื้อแข็ง ขุดต้นไม้แต่งสวน แกะแคะกล้วยไม้ ชาวบ้านเป็นโจรในสายตาเจ้าหน้าที่ป่าไม้ และใครคือคนรับซื้อของโจร


แผนที่บอกว่าปลายทางของเรามาถึงแล้ว ตื่นเต้นนิดๆ เรากำลังทำตัวเป็นโจรเหมือนกันกับชาวบ้าน ลอดลวดหนามที่อ้ากว้างถ่างอยู่แล้ว ฝ่าฝืนแอบเข้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เถาวัลย์ กับก้อนหินสีดำเทา someone like you to believe ให้เราเกาะเกี่ยว เหยียบแง่งหินจนมั่นใจ ทำให้ทางชันลื่นมีใบไม้สีฤดูแล้งให้เรามองและเหยียบย่ำ หนทางลื่นของเราเดินสูงขึ้นไปข้างหน้าได้ you’re waiting all around the way .

บางจุด เราหยุดพัก และพบกลุ่มดอกดินสีสวยรูปร่างคล้ายเห็ด กระจัดกระจายไม่ห่างกัน แต่ละก้าวของเราจึงต้องระมัดระวัง this time, friendship was happened in my soul absoloutly.
บางดอกตูมสีแดงกำมะหยี่เข้มมืด และบานเสมอดินเป็นสีแดงสดราวกับเลือดในตัวของเรา เสียงพรานหวัดคู่ใจบอกว่านี่เป็นอาหารโปรดของเก้ง และเลียงผา และสัตว์ป่าหลายชนิด

มีไม้ตอกตะปู ของชาวบ้านป่าคงทำไว้ เป็นห้างดักยิงพวกเจ้าส่งตลาดอาหารป่าไม่ไกลจากที่นี่ แต่บางกลุ่มของดอกดินก็เหี่ยวแห้ง เปลี่ยนสีชราดำจุดขาว
เราตีความหมายเข้าข้างตัวเอง ว่าถ้าอดอยากที่สุด แถวนี้คงเป็นที่สุดท้ายเจ้าจะเลือกอาหารเพียงมื้อเดียวกับชีวิตของเจ้า เพื่อนพ้องพี่น้องที่ร้องโหยหวนหลังเสียงดังปังก้องป่าและเจ้าไม่เคยพบกันอีกเลย


ร่องลอยที่นอนและขี้ที่แห้งแล้วและยังสดอยู่ เรามาถึงบ้านเพื่อนสัตว์ป่าของใครกัน เจ้าหนีเราไป นานแล้ว แต่รอยที่เจ้าทิ้งไว้ทำให้เรามีข้อมูลของเจ้า To keep for wonder myself.



ความมืดมิด และกลิ่นอับชื้นบอกว่าเราอยู่ในถ้ำ เทียนและไฟฉาย ฉายแสงส่องให้พบห้องที่กว้างใหญ่เพดานทรงกลม ในนี้ เส้นสายทุกเส้น
หินทุกก้อนเตี้ยและสูง คือความอ่อนหวานนุ่มนวลไม่แข็งแกร่งจริงจังอย่างผาหินภายนอก หินข้างนอก กับหินในนี้ บอกทุกอย่างคือความไม่เหมือนกัน


ในถ้ำนี้หินมลสีขาว นวลงาช้างลื่น จากกำแพงรอยน้ำไหลเป็นวงเอนอ่อนช้อย หลายเส้น เป็นเส้นโค้งบางๆ บ้าง ห้องแห่งความมืดและความสวยงามทำให้พวกเราต้องเดินและก้าวไปรู้จักพวกเธออย่างช้าๆ
ทุกย่างก้าว สุภาพและ สุภาพขึ้นไปอีกเมื่อเราย้ายไปทีละห้อง ทีละชั้น อยากเข้าใจให้มากที่สุด เท่าที่เจ้าแห่งกาลเวลากำหนดให้ มีอะไรที่จะบอกเรื่องราวเมื่อเราเดินออกไป


ห้องสีขาวงาช้างเก็บตัวเงียบ แต่แล้วแสงไฟของเรากระทบเพื่อนเจ้าของบ้านแห่งนี้ หลายกลุ่มเกาะนิ่งติดเพดานเป็นกลุ่ม ๆ ไฟและเสียงพูดคุยของเรา
ค้างคาวบินหนีไปมา ไปห้องโค้งเล็กวงโน้นและออกทางงวงช้างอีกห้องหนึ่งเสมอ เจ้าค้างคาวสีเทาดำอวดบ้านสวยสีสะอ้านให้เราฉายไฟตามหรือกลัวเราคนแปลกปลอม อีกหรือนี่

เราใช้เวลาที่มีด้วยกัน ห้องสีดำบอกเล่าว่า นี่คือสถานที่ ที่จะไม่มีดวงดาวทอแสง ห้องแห่งความมืดชั่วรัตติกาล หินที่สวยกลม นวลตาละมุนละไม คืองานของน้ำป่าในหน้าฝน ซึมไหลผ่าน เจ้าแห่งเวลาสร้างและกำหนดให้ทุกอย่างมารวมกัน
เธอเห็นรากของต้นไทรที่แหวกร่องหินจากยอดเขาลงมาในนี้ และตรงพื้นดินที่เธอเหยียบและรู้สึกได้ว่านุ่มเท้า แต่ดำคืออาหารของต้นไทร อาหารดินดำชุ่มด้วยความอุดมสมบูรณ์ ค้างคาวบินไปมาบอกเราด้วยการส่งเสียงอุลตร้าซาวด์โซนิก ว่านั่นคือมูลค้างคาว เราคือผู้สร้างดินดีนี้


ถ้ำนี้ ไม่ใหญ่มากจนต้องกลัวหลง ไฟดวงแรกจะจุดตั้งไว้เป็นเป้าหมายทางออก เราเดินหาคำถามกับความสวยงาม มือของเราแตะทาบหิน หินเล่าความรู้สึกชื้นเย็นเป็นมิตรกลับมา หินงอกหินย้อยมีไม่มาก แต่เรากับหินงอกเล็กๆที่นี่ได้ร่วงสร้างเสียงเพลงด้วยกัน เสียงไพเราะให้ตัวเองได้ซึมซับ
เราคือธรรมชาติเช่นหินสีนวลเกิดจากน้ำป่า ไหลหยดรินทีละน้อย กลายเป็นหินปูนแสนเปราะบาง เรียงเป็นตัวโน๊ต แต่เราได้คำตอบ ถ้ามีนักท่องเที่ยว ช่วยเคาะ ช่วยเคาะ สร้างเสียงเพลงหินอ่อนแอเปาะนี้จะหักพังหรือเปล่า เราทำผิดอีกแล้วหรือนี่



จากห้องนี้ tws อาจารย์ปันยา เราอดไม่ได้ที่จะแวะไปหาแม้จะเลยเวลาของการเยี่ยมแล้ว สามทุ่มก่อนเข้ากรุงเทพ เราเลือกกลับไปทางราชบุรี เราอยากรู้จักห้องนี้เพิ่มขึ้น และงานหลากหลายที่ธรรมชาติ กำหนดให้อาจาจารย์สร้างคนรักธรรมชาติ หาสิ้นสุดไม่ ก่อนกลับอาจารย์สอนมารยาทในห้องนี้ และเราคิดว่ามีบางคำเน้นให้ทราบเป็นพิเศษ และเป็นเรื่องสำคัญจะละเลยเสียมิได้

















วันอังคารที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2552

เสาน้ำเค็ม

ภาพธรรมชาติหญ้าทะเล กับนกชายเลน ทำให้นึกถึงเพื่อนเก่าคนหนึ่ง คบกันมา23 ปี เราพึ่งได้ไปเที่ยวบ้านของเพื่อนเมื่อ2ปีที่แล้ว บ้านทรงไทย2หลังโทรมเก่าแบบหมดสภาพ สังกะสีบนหลังคา ตีเพยิบตามลม ข้างบ้านต้นโกงกางขึ้นหนาแน่นแช่น้ำเป็นผนังบังแสงอาทิตย์ตะวันตก และฝั่งตะวันออกก็เป็นเช่นกัน

พี่น้องของผมพากันไปเป็นชาวประมงมีครอบครัวอยู่ที่ชุมพร พอพ่อแม่ตายหมด ไม่มีใครอยู่ทิ้งรกร้างมา 5ปีแล้ว เรานั่งกันบนระเบียงผุ ฟังน้องเล่าว่าสมัยก่อนความอุดมสมบูรณ์ของอาหารทะเล และชี้ไปที่นกชายเลนเดินอยู่ไกลๆ แต่ไม่นาน นกก็ใกล้เข้ามา น้ำขึ้นพานกมาหาเรา หมายความว่าหากน้ำลงเมื่อใด นกตัวลายๆ รูปร่างคล้ายๆกันก็จะถูกน้ำพาเดินหายไปใช่ไหม

เราเดินไปก้าวไหนก็มีแต่หญ้าทะเลเต็มไปหมด ต้นอะไรนะ อ๋อ หญ้าทะเล นี่แหละตัวช่วยยึดดินดีนัก เราถอดรองเท้าแล้วเดินบนหญ้าทะเล อยากเอาไปปลูกที่บ้าน แต่เค้าเกิดที่นี่เป็นเลือดน้ำเค็ม







ข้างบ้านมีตุ่มน้ำฝนขนาดใหญ่ 20-30 ตุ่มเรียงเป็นแถว เราลองใช้2มือผลักฝาตุ่มหนักเพราะเป็นปูนค่อยๆลากผสมผลักออกไป น้ำฝนใสนิ่งสนิท น้ำฝนนี่อายุกี่ปีแล้ว ไม่ต่ำกว่า5ปี พอๆกับพ่อผมตาย เราอดใจไม่ไหวเอาแก้วตักน้ำขึ้นดื่ม น้ำฝนยังเป็นน้ำฝนเย็นชื่นใจ ตุ่มยืนเรียงมองหน้าเราทั้งหมด และนั่นทำให้เราเกิดคำถาม เอาตุ่มยักษ์พวกนี้มายังไง จ้างใครแบก

คำตอบแสนง่าย รอน้ำขึ้นแล้วเอาตุ่มลอยน้ำมา เรารักคำตอบนี้จัง




เสาไม้…พ่อของน้องชายเดินไปตัดจากป่าและปลูกเองกับมือ รวมอายุบ้านก็ไม่ต่ำกว่า50 -60 ปี เสาบ้านแช่น้ำทะเล ฝาบ้านผุแตก วันนี้เสาบ้านแช่น้ำทะเลเกือบขาดย้ายมาอยู่กับเราเป็นส่วนหนึ่งของบ้านเรา


เพื่อนของเราคนนี้ไปอยู่ที่ไหน บางคนบอกว่า ลงภูเก็ต บางคนบอกว่าไปอยู่พังงา แต่เค้าพูดกับเราเสมอ อยากกลับบ้าน ……บ้านเก่าปากทะเล บ้านแหลม เพชรบุรี