วันเสาร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2552

วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2552

จากพะเยาทั้งหมดเลยครับ พื้นที่เดียวกัน อยู่ห่างกันไม่เกิด 2 ตารางกิโลเมตรครับ

สวัสดีครับพี่ๆทุกคน ไม่ได้มาโพสซะนานเนื่องจากไม่มีรูปสวยๆเลย ไปพะเยามาคราวนี้เลยมีของฝากมานิดหน่อยครับ

ก่อนอื่นขอขอบคุณพี่แมค สำหรับข้อมูลจากกำแพงเพชรที่ทำให้ข้อมูลในงานของผมสมบูรณ์ขึ้นครับ

ชนิดแรก นางอั้วหูยาว Habenaria hosseusii Schltr. ครับ มีประชากรอยู่พอสมควรครับ ส่วนใหญ่จะอยู่ที่สันเขา












pkkk2714 blogเพื่อนมาหา มาบอกปริศนาธรรมชาติ

pkkk2714 blog

ขอบคุณน้ำฝน




ตัวหนังสือของพี่สวยงามมากค่ะ

กุ้งยังเขียนไม่ได้อย่างนี้เลย

เมื่อวานกุ้งเขียนถึงพี่ค้างอยู่

ฝนเริ่มตกเสียงดังเป็นฝนหนักครั้งแรกในรอบสองเดือนที่ผ่านมา

กุ้งดีใจมากค่ะ อยู่ป่าทุกชีงิตแม้แต่มนุษย์ก็ฝากความหวังไว้กับความปราณีของฝนค่ะ

กุ้งจำต้องปิดคอมพ์ด้วยเหตุสองประการ

อย่างแรกฝนปิดสัญญาณเนต และเสี่ยงกับฟ้าผ่าลงเครื่อง

อย่างที่สองกุ้งต้องรีบเก็บน้ำฝนที่รองรับน้อาจากหลังคา

ที่ผาด่างน้ำกินตลอดปี มาจากน้ำฝนทุกหยด จากช่วงเวลาฤดูฝน ซ้ำปีนี้ฝนมีให้ไม่มากพอ กุ้งต้องตั้งใจรองน้ำฝนอย่างคนป่าเขาปฎิบัติกัน

แต่นั่นทำให้ได้เล่นน้ำฝนไปโดยปริยาย

มองน้ำฝนพุ่งถลาลงตุ่มแล้วตุ่มเล่า

ตุ่มที่อยู่ไกล กุ้งใช่กาละมังวิดน้ำฝน จากตุ่มโน้นไปใส่ตุ่มนี้ สนุกสนานกับสายฝนช่วยพรั่งพรูจากฟ้าอาบใจอาบกายกุ้ง และเมื่อคืนฝนก็ยังช่วยขับกล่อมตกพรำๆให้กุ้งสบายใจทั้งคืนค่ะ

วันเสาร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2552

เพื่อนข้างบ้าน(แต๊ก)

เวลาสองทุ่ม วันที่ 23 สิงหาคม 2552


สวัสดีค่ะ พี่เอง จำได้ไหมค่ะ บ้านเรามีเรื่องทะเลาะกันตอนเย็น ตัวน้องกับพี่สาวของพี่ค่ะ

ผมจำได้แล้วครับ

พี่ชื่อพี่กุ้งค่ะ แล้วนี่หลานชาย ชื่อแดน หลานสาวชื่อเปิ้ล อีกคนหลานเหมือนกัน...ชื่อน้องเปล เราทั้งหมดอยู่บ้านเดียวกันค่ะ


ผมชื่อแต๊กครับ ชายหนุ่มผิวเข้ม รูปร่างแข็งแรง เนื่องจากปั่นจักรยานรอบๆหมู่บ้านของเราทุกวัน

ไม่ใช่เรื่องแปลกความสามารถสูงในกีฬาโปรดปรานของชายหนุ่มเพื่อนบ้านของเรา กับหมู่บ้านใหม่ สะอาดสวยด้วยสวนหย่อมกระจายจายไปทั่วหมู่บ้าน ถนนกว้าง พอให้ทุกคนได้ออกกำลังกายได้ทุกรูปแบบ วิ่ง เดิน หรือปั่นจักรยาน

............(แผนขั้นที่หนึ่ง)



พี่กุ้งขอเข้าไปในบ้านได้ไหมค่ะ

ไม่ได้ครับ

พี่กุ้งอยากเข้าไปกราบขอโทษคุณพ่อกับคุณแม่ของน้องด้วยตัวเอง

อ๋อ พ่อแม่ผมไม่ได้อยู่ที่นี่ ผมอยู่กันสองคนกับภรรยาครับ

ถ้าอย่างนั้นเข้าไปคุยในบ้านได้ไหมค่ะ ถ้าคุยหน้าบ้าน ชาวบ้านหลังอื่นๆรอบๆนี้จะได้ยินกันหมดนะค่ะ


(จบแผนขั้นที่สอง)

ไม่เป็นไรครับ พี่ต้องการพูดคุยเรื่องอะไรครับ จะเอาประเด็นไหนบอกมาเลยครับ

พี่กุ้งขอไม่ใช้คำว่า ประเด็นได้ไหมค่ะ มันไม่มีความเป็นเพื่อนบ้านกัน

หนุ่มแต๊กตกลงทันทีอย่างสุภาพ ตามมรรยาทบทบาทละครเวทีนี้ พี่กุ้งขอเป็นคนกำกับ

พี่กุ้งขอให้แต๊กเป็นคนพูดก่อนแล้วกัน


หนุ่มแต๊กเล่าอย่างตั้งใจ เมื่อตอนเย็น ผมปั่นจักรยานด้วยความเร็ว และเมื่อใกล้หัวเลี้ยว ผมชะลอรถแล้วครับ แน่ใจว่าอยู่ถูกเลนด้วย

พี่สาวของพี่กุ้งก็มาว่าผม แล้วพูดเลยไปถึงว่า พ่อแม่ไม่สั่งสอน เป็นใครก็ทนไม่ได้ใช่ไหมครับ ผมจำเป็นต้องตอบโต้ด้วยคำพูดก้าวร้าว อย่างนั้น แล้วชายหนุ่มก็เงียบหยุดนิ่งไป


.............



จบหรือยังค่ะ จบแล้วครับ

ถ้าอย่างนั้นพี่กุ้งขอพูดบ้างแล้วกัน

พี่กุ้งมาด้วยเหตุประการเดียว คือมาขอโทษ แต่มีสามข้อด้วยกันค่ะ


..................


ข้อแรก พี่กุ้งนำความขอโทษจากพี่สาว ขอโทษเกี่ยวกับการล่วงเกินบุพการีของน้อง พี่เข้าใจค่ะ นี่คือข้อแรกสำคัญที่สุด เพราะพี่เองเพิ่งเผาศพคุณแม่ไปเมื่อสามวันก่อน ทั้งพี่และพี่สาวยิ่งกว่าเสียใจ กับคำพูดอย่างนั้น จึงเป็นความจำเป็นอย่างยิ่ง พี่กุ้งต้องมาขอโทษแก้ไขเรื่องผิดพลาด


ขอโทษข้อที่สอง ในนามของคนใส่ชุดขาวถือศิล ทุกคนในประเทศไทยต้องมามัวหมองด้วยคำตำหนิ

.....คำของน้องแต๊ก...ว่านี่หรือคนถือศิล นุ่งขาว ให้เด็กกว่ามาถอนหงอก ก้องในสมอง วนไปมา ยากจะลบลืม

พี่กุ้งต้องขออภัยอย่างสุดซึ้ง ไม่อยากให้น้องแต๊ก มองคนใส่ชุดขาวถือศิล เป็นอย่างนี้กันหมด

พี่สาวของพี่คนเดียวต้องมาทำให้คนชุดขาวถือศิลต้องแปดเปื้อน โปรดรับคำขออภัยด้วยค่ะ


ขอโทษข้อที่สาม พี่ต้องขอโทษด้วยว่า ตอนนี้ประเทศไทย สังคมก็เหมือนแตกแยกกัน พี่กุ้งไม่อยากให้เกิดความแตกแยกซ้ำบนแผ่นดินนี้อีก


สาเหตุที่พี่พาหลานทั้งสามมาด้วย เพื่อสอนหลานๆเรียนรู้ ว่าสังคมไทย วัฒนธรรมของไทย คือการนิ่งรับฟัง เชื่อและปฏิบัติตามผู้ใหญ่ในเรื่องที่สมควร เชื่อในการสร้างกุศลความคิดให้ตัวเอง สร้างกุศลความคิดให้ผู้อื่น

หลานๆทุกคนพยักหน้า อย่างเข้าใจสถานะกาณ์

......................

หนุ่มชื่อแต๊ก กล่าวอย่างคนเชื่อมั่นในตัวเองสูงของคนสมัยใหม่ ถ้าอย่างนั้นผมก็รับคำขอโทษของพี่ด้วยครับ


ผมเสียพ่อไปตั้งแต่ปี 2535 ผมไปเรียนเมืองนอก กลับมาเมืองไทย ทำงานบริษัทฝรั่ง ที่นั่นงานของผมไม่มีระบบอาวุโส ทุกคนเท่าเทียมกันหมด ไม่มีเด็กกว่า ใช้เหตุผลเป็นใหญ่ ถูก ผิด คือตัวตัดสิน ไม่มีมีการต้องเชื่อฟัง สามารถโต้เถียงกันได้ และมีผลสรุปผลประโยชน์ขององค์กรเป็นสำคัญ หวังว่าพี่กุ้งคงเข้าใจนะครับ



..................

พี่กุ้งเข้าใจแล้วค่ะ ถ้าอย่างนั้นพี่กุ้งขอลาน้องแต๊กก่อนแล้วกันค่ะ มืดมากแล้ว อ้าวหลานๆไหว้ลา... พี่แต๊ก


พี่กุ้งไม่ได้พูดนะค่ะว่า พี่สาวพี่เกือบขับรถชนน้อง ถ้าน้องแต๊กต้องตายหรือพิการไปชั่วชีวิต


พี่กุ้งไม่ได้พูดนะค่ะ ว่าการเบรกรถ ทำความเสียหายอะไรบ้างภายในรถบ้าง มีใครบาดเจ็บหรือเปล่า

พี่กุ้งไม่ได้พูดนะค่ะว่า น้องไม่ทราบว่าหมู่บ้านของเรากำลังซ่อมถนน มีการปิดถนน เลนถนนหายไปคึ่งหนึ่ง พี่สาวของพี่กุ้งต้องระวังทั้งเด็กที่ออกมาเล่นยามเย็น พี่กุ้งไม่ได้พูดนะค่ะ


................




เรื่องนี้จบลงเพราะพี่กุ้งเลือกใช้วัฒนธรรมไทย ผสมกัน

วันพุธที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2552

pkkk2714 blog มีนัดกับนักอนุรักษ์น้องเจน

pkkk2714 blog

pkkk2714 blog จรเข้เขาใหญ่

pkkk2714 blog

นกกระสาปากห่าง


ในอดีตนกปากห่างเป็นนกอพยพ แต่ประมาณ 10 ปีต้นมานี้ นกปากห่างเป็นนกประจำถิ่น(ประเทศไทย)แล้วค่ะ

เพราะอาหารโปรดของนกปากห่างคือหอยเชอรี่

หอยเชอรี่นี้มีคนเอาเข้ามาเป็นสัตว์เลี้ยงจากต่างประเทศ หรือติดมาตามต้นไม้จากต่างประเทศ

หอยเชอรี่ปรับตัวเก่ง จนทำให้เจ้าหอยโคร่งพันธุ์ไทยแท้สูญพันธุ์ ไป

เหมือนเด็กลูกครึ่งจะฉลาด กว่าเด็กไทยพันธุ์พื้นเมือง

การกินอาหารของเจ้านกปากห่าง พี่กุ้งชอบนิสัยของนกชนิดนี้มากค่ะ

พวกนกจะหากินหอยเชอรี่ตามท้องนา จนเต็ม จากนั้นจะบินมาตรงหัวคันนา ขะย้อนเปลือกหอยเชอรี่ออกมาเป็นกองโตๆ ลองสังเกตุดูนะจ๊ะ
ที่มันทำเช่นนี้ เป็นการป้องกันอันตรายเวลาเจ้าพวกนี้เดินหาหอยเชอรี่ในทุ่งนา เปลือกหอยจะได้ไม่บาดเท้า
มันเก่งมากทีเดียวค่ะ
เรื่องนี้ไม่โม้นะจ๊ะ แต่ใครจะเชื่อบ้างเอ่ย

วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2552

ผาด่างกับเพื่อนเก่าเดินป่า outdoor of thailand

รอยจำผาด่าง14

15 /2/51 พี่หน่อย และเพื่อนคนอื่นๆเริ่มเดินทางมาถึงผาด่างแล้ว พี่เปี๊ยกขับรถไปซื้อตั๋วล่วงหน้า เข้าเขตอุทยานให้เพื่อนเข้าโป่งลึก ตามหานิยามของสายน้ำเพชรบุรี เราสาระวนกับการตกแต่งสถาน ที่เพื่อนๆชมรมยิงธนู thailand outdoor จัดเลี้ยงอาหารกลางวันแก่เด็กบ้านป่าเป็นพิเศษ พี่หน่อยใช้ GPS สำรวจพื้นที่เพื่อติดตั้งสัญญาณ wireless อีกไม่นาน ผาด่างบ้านป่าแก่งกระจาน จะมีอินเตอร์เนทบริการให้ลูกค้า ไชโย…..

เสียงพูดคุยสะท้อนลอยตามน้ำและภูผาปลุกเรากลางดึก เป็นสัญญาณว่าเพื่อนอีกกลุ่มมาถึงผาด่างแล้ว ก่อนเราหลับไปอีกครั้งและตื่นเลยหลังหกโมงเช้าเล็กน้อย

16 /2/51 เพื่อนใหม่และเก่าเข้ามาทักทาย ด้วยความดีใจ ที่ได้พบกันอีกครั้ง เสียงคุยและหัวเราะเริงร่า พูดคุยทุกเรื่องเกี่ยวกับผาด่างทั้งนั้น ต่างชิงกันพูดบอก ผาด่างเปลี่ยนไป…จากเดิมมากมาย สวยกว่าแต่ก่อนมาก สวยจนจำไม่ได้ จำได้ว่าเมื่อก่อนที่เคยมามีแค่ต้นไม้ ต้นเล็กๆที่เพิ่งปลูก

ทุกคนบอกฝากให้ตื้นตันใจ….ยินดีทีจะกลับมาเยือนอีกแน่นอน เราหันไปยิ้มให้กับแสงตะวันและต้นไม้ ไม่ว่าจะ คนหรือสัตว์ต่างๆ หรือไม้ป่าในผาด่าง ต่างช่วยกันประคับประคอง อดทน รอคอย จนผ่านชะตากรรมที่ยากจะก้าวพ้นผ่านในอดีต วันนี้ธรรมชาติและสรรพชีวิตที่อาศัยแผ่นดินผาด่าง ต่างทำหน้าที่สร้างความสดใส สดชื่นประทับใจแก่ผู้มาเยือนอีกครั้ง

เด็กน้อยมาถึงกันแล้ว 150 คนพร้อมกับคุณครูด้วย เด็กบ้านป่านั่งเงียบเรียบร้อยในเต๊นท์ผ้าใบสีฟ้าลายทางเหลือง ลุง ป้า น้า อา พี่ๆชาวเมือง เริ่มเข้ามาสาทิตวิธียิงธนู เรื่องใหม่สุดพิเศษในชีวิตเด็กน้อยบ้านป่าได้เริ่มขึ้นแล้ว อีกครั้งที่ผาด่าง

การเข้าแถวชะเง้อดูเพื่อนที่ถึงคิวได้ยิงธนูก่อนและรออย่างมีความหวังใกล้ได้จับคันธนูแล้ว จากแถวตรงกลายเป็นแถวโค้งวงเหมือนคันธนูที่ถูกดึงจนโก่ง และวนเวียนเข้าต่อแถวซ้ำๆ เพื่อหวังจับลูกศรเล็งเป้าหมายวงกลมแดงสดข้างหน้า ส่งใจและลูกศรไปที่เดียวกัน

มุมไอติม เด็กวนเวียนคนละหลายๆรอบ ปากละเลียดกินไอติม และหันมองรอบๆผาด่าง มองพี่ๆจากกรุงเทพที่แต่งตัวกันสวยๆ แววตาบริสุทธิ์จดจ้องมองชุดสวยของเด็กในเมือง หนูน้อยคงอยากใส่อยากได้อย่างคนกรุงหรือเปล่า

ของฝากจากเพื่อนๆในเมือง สิ่งที่เราร้องขอ เสื้อผ้ารองเท้าเก่า ของที่เลิกใช้ เด็กป่าได้เสื้อแจก ก็เอาพาดบ่ากลับบ้าน ได้ตุ๊กตาก็อุ้มกอดอวดกันไปมาให้เพื่อนดู เสื้อตัวโตที่ได้ไปในมือเด็กน้อย หนูใส่ไม้ได้ แต่จะเอาไปให้แม่ ของเราจะเอาไปให้พี่ ให้พ่อ ของเธอแลกกับเราได้หรือเปล่า เธอได้กระติกน้ำด้วย แต่เธอได้ตุ๊กตาสีแดง สวยจัง …

บ่ายโมงกว่าแล้ว เด็กๆทยอยกันกลับไปหมดแล้ว เพื่อนๆขับรถร่วมเกือบ10 คัน เข้าป่าไปเที่ยวโป่งลึกกัน เรามองลานหญ้าที่ร้างผู้คน ไม่นานมานี่ ผู้คนทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ ชายหญิงและเด็กๆต่างวิ่งเล่น เดินกันไปมาทั่วลานหญ้าแห่งนี้ แต่เวลานี้ กลับมีแต่ผ้าสีขาวนวลผืนใหญ่ปลิวหยอกเย้ากับสายลมเล่นเท่านั้นที่ไหว สะบัดโบก พะเยิบไปมาเท่านั้น

ป้ากุ้งครับ เสียงเรียกเรา เมื่อหันไปดูเด็กชายชื่อเบส เด็กชายตาโตหูกางยิ้มกว้างคนที่ชอบยิ้มให้เราเสมอๆ เด็กชาย ลูกกำพร้าที่เพิ่งย้ายมาอยู่หมู่บ้านเดียวกับเรานั่นเอง อะไรเหรอลูก เสียงเราถาม ป้ากุ้งอ่านเรียงความของผมหรือยังครับ อ้าว เอามาให้ป้าแล้วเหรอ ผมฝากไว้กับมอส ครับป้ากุ้ง

17/2/51 มอสส่งกระดาษสี่เหลี่ยม2 ชิ้น เป็นกระดาษที่ฉีกจากสมุดเก่าๆพับอย่างประณีต ของเบสครับ ฝากไว้ให้ป้ากุ้ง ตั้งแต่เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เราแกะกระดาษสี่เหลี่ยมเล็กๆ อย่างค่อยๆกลัวกระดาษเก่าเปื่อยจะขาด แต่ใจร้อนอยากอ่านอยากรู้เรื่องราวข้างใน

ตัวหนังสือที่ปรากฎบนกระดาษเปื่อยเก่าคือความฉลาดของหนูน้อยกำพร้า พยายามช่วยตัวเองก้าวผ่านชะตากรรมลำบากของชีวิต เราสะอึก อั้นในอกเมื่อเห็นข้อความเดียงสารันทด จริงใจกับความจน แสนซื่อของหัวใจเด็ก ป2. ใจของเราพบอะไร ความเข้มแข็งที่ความลำบากยากแค้นทำร้ายหนูน้อยไม่ได้ เด็กคนนี้พยายาม พึ่งพา ฝากความหวัง สื่อสารถึงเรา ขอความช่วยเหลือ ตัวหนังสือสวยมีระเบียบเต็มไปด้วยความรัก ความห่วง ความผูกพันของคนในครอบครัวเพียง 3 คน ย่า ลุงและตัวเด็กเอง

15/9/50 เด็กคนนี้พี่กุ้งไม่เคยเห็นหน้า อ๋อ พึ่งย้ายมา อยู่แถวพุอ้อ พ่อ แม่ตายตอนยังไม่ขวบ มาอยู่กันแค่ 3 คน เสียงไอ้ยุงฝ่ายข่าวผาด่างรายงานให้เราฟัง แล้วชื่ออะไร เราถามต่อ ชื่อเบสครับป้ากุ้ง คราวนี้เป็นเด็กชายฟลุก ลูกชายไอ้ยุงเป็นฝ่ายตอบบ้าง อยู่ชั้นป 2 โรงเรียนเดียวกับฟลุก เรามองตามหลังเด็กกำพร้าที่ปั่นจักรยานกลับบ้านไปทางพุอ้อ


30/1/51 เด็กชายเบสที่เราคุ้นหน้าบ่อยๆ บางครั้งที่โรงเรียน บางทีหน้าร้านค้าผาด่าง และเห็นประจำคือหยุดกินน้ำที่ผาด่างหลังจากปั้นรถจักรยานขึ้นเนินเพื่อกลับบ้าน ป้ากุ้งครับ เสียงเรียกเรา เมื่อหันไปมอง เป็นเบส เด็กน้อยตากลมมีแววฉลาดร่าเริงนั่นเอง มีอะไรเหรอลูก ผมอยากเขียนเรียงความให้ป้ากุ้งอ่านครับ ได้ซิลูกเราตอบด้วยความยินดี ดีใจ แล้วหนูจะเขียนเรื่องอะไรครับ ผมจะเขียนเรื่อง…จน…ครับ เราเป็นฝ่ายเงียบและเด็กน้อยก็หันหลังเดินจากไปพร้อมกับรอยยิ้มเมื่อเราเริ่มพูดได้แล้ว เขียนมานะลูก ถ้าไม่เจอป้ากุ้งฝากไว้ที่ชาวผาด่างก็ได้
บ้านของเบส ยายของเบส ที่นอนของเบส

รอยจำผาด่าง violet cuckoo

13/2/51 เสียงคุณกลอฟ์ ผมเห็นแล้วครับ บินหลบบินขยับอยู่ตรงพุ่มไม้ใหญ่ข้างหน้า หลายตัวอยู่นะครับพี่กุ้ง เรากระซิบด้วยสัญญาณมือ ฝูงนกหลายชนิดบินเวียนเข้าออกที่ต้นไทร ชวนหนุ่มส่องกล้องสองตามองฝ่าพุ่มไม้หนาตาตามมือเรา นกป่าบินให้เห็นไหวๆหลังใบไม้สีเขียวพุ่มโต หรือแค่ให้กำลังใจแก่พวกเราจดจ้องมองตาม

แต่อะไรอีกเล่าที่ทำให้เราละสายตาหาเจ้านกป่า ดอกไม้ป่าสีขาวสดใสบอบบางเป็นแส้เส้นบางๆ ควงสว่านหมุนๆ….แล้วก็หมุนๆ….หมุนตั้งฉากดอกบานตรงชี้ฟ้า ไม่เหมือนดอกไม้อื่นคว่ำหน้าหรือตะแคงสู่ดิน ก่อนลงแตะพื้นเบาๆ เจ้าแห่งสายลมคอยแกล้งยั่วเรา จับดอกไม้ป่าอีกดอก หลุดจากขั้ว แล้วจับหมุนๆ…วนๆรอบตัวเอง หมุนกลางฟ้า กลางป่า ใจเรามองตามจนดอกแตะพื้นดิน อีกดอกแล้ว…กลางฟ้า ยั่วยวนให้มองตาม เป็นเช่นนี้อยู่ร่ำไป ดอกไม้สีขาวฝอยๆเจ้าร่วงเพื่อเต้นรำ ระบำ กลางฟ้า จะละสายตาจากดอกไม้ที่คอยอวดดอกฟูฝอย หรือมองหานกดี

นกขุนทองมาเป็นฝูงแล้วจากไป และไม่นานก็พาพวกพี่น้องบินกลับมาให้เราเพลิดเพลินตลอดทางไปและกลับผาด่าง นกโพระดกหูเขียวและโพระดกคอฟ้าแข่งกันสลับร้อง ให้เราแหงนคอมองหาเพื่อจดจำและเรียนรู้ว่าจำได้หรือเปล่า นกแก๊กมาหาเรามากมายแต่ไม่ยอมให้เรามองจนเบื่อตา มีบางตัวเท่านั้นที่ยืนเกาะกิ่งแห้งสูงไร้ใบ มองเราเพียงแว๊บเดียวและหันไปทอดสายตาปล่อยอารมณ์มองฟ้าและป่ากว้าง นกกกหรือกาฮัง greater hornbill บินขยับเข้าหาลูกไทร จากกิ่งนี้ ไปกิ่งโน้น ฤดูแห่งการทำรังได้เริ่มขึ้น วันนี้คู่ชีวิตเจ้าอยู่ในโพรงที่ไหนในป่าแห่งนี้

ทางเดินป่าจากต้นกร่างประมาณ 500 เมตร นกสีน้ำตาลข้างทางเธอทำให้เรายกกล้องมองหา และทำให้หัวใจเรายิ้ม นกอะไร สีน้ำตาลเข้มจนเหมือนเม็ดมะขาม แต่ปากเล็กๆสีส้มแปร๊ด วงรอบตาสีแดง ท้องเป็นลายบาร์ ต้องเป็นนกคัคคูตัวไหน ในหนังสือ violet cuckoo ตัวผู้ แต่ทำไมเราไม่เห็นเป็นสีม่วงตามในหนังสือ เราคงต้องตามหาคำตอบ

ใกล้ป้ายดงเสือดาว ลิงตัวนี้มองสบตากับเราผ่านกล้องสองตา ใช่ลิงๆแน่ๆ แต่เราไม่เคยเห็นลิงในบ้านกร่างมาก่อน เรื่องนี้ค้างคาใจเราอีกแล้ว นกหัวขวาน greater fameback ,grey- headed woodpecker สองคู่สี่ตัวสองชายสองหญิง บนต้นสะเรียงใหญ่ยืนเกาะขยับขึ้นไปกิ่งซ้าย อีกคู่เกาะกิ่งขวาสูงยืนนิ่งนาน ให้เราเรียนรู้แยกเผ่าวงษ์และจากไปเมื่อบทเรียนจบสิ้นลง

นกหลายหลากสกุล คอยขยับตัวโผไปที่ต้นโน้น ต้นนี้ให้ ร้องขับขาน แตกต่างทั้งทำนองและโทนเสียง เราไม่เบื่อ…รอ…เพื่อมองหา ไม่ว่าจะเป็นตัวซ้ำๆ เพียงหวังพบนกตัวใหม่ เจ้ายืนเกาะกิ่งไม้ไม่ไกล ตัวอ้วนสีดำแต่งแดงข้างปีกนิดๆ หันหน้ามาให้มองเห็น…..ปาก สีฟ้าของเทอคอยซ์ หันมาอีกแล้วเพื่อย้ำชัดๆ ให้เราตื่นตะลึงอ้าปากค้าง กับนกตัวดำมืดตัดแดงเข้ม แต่ปากแบนกว้างใหญ่ ของเธอ สีฟ้าใสสว่างไม่เข้ากับสีบนเรือนร่าง เสนห์ของนกตัวนี้คือปากแบนๆสีฟ้าสดนี่เอง เจ้ามาให้เราได้พบกันเป็นครั้งแรก ได้เห็นเต็มตา ไม่ใช่แค่ดูรูปในหนังสืออีกแล้ว เจ้าบินจากไป เพื่อบินกลับมาเกาะกิ่งเดิม ให้เราเป็นฝ่ายเก็บเวลาของเจ้ากับเราไว้ฝ่ายเดียว

ขอขอบคุณนกป่าทุกตัว ที่คอยสร้างความหมายให้กำลังใจ เดินค้นหาตามปีกสวย ป่าแก่งกระจานดินแดนแห่งนกร้องเพลง บนกิ่งข้างร่องห้วยแห้ง blue- breaded bee-eater กิ่งไม้สูงข้างทาง black-tigh falconet ตลอดสองฝากถนนแดงcreasted serpent eagle และเป็นฝูงใหญ่ที่พร้อมใจกันบินส่งเสียงพลังปีก hill myna, thick-billed green pigeon เหล่าพี่น้อง chestnut- bellied malkoha ,green-billed malkoha, และ great slaty woodpecker วงษ์ oriole และสุดสวยตัวนี้มาให้ชื่นชมตอนทานข้าวกลางวันข้างลำห้วย ruby-cheaked sunbird, greater necklace laughing-thrush , lesser- necklace laughing-thrush ,white-rump shama .

BUTTERFLY เรากับดอกไม้แห่งสวรรค์

BUTTERFLY เรากับดอกไม้แห่งสวรรค์
29/1/51 เส้นทางสู่บ้านกร่าง ในรถที่เรานั่งกันมา วันนี้มีมิสซิส แอลลี่ กับมิสเตอร์แพ สามีภรรยาชาว สวีเดนนั่งมาด้วย ตามทางใบไม้โทนน้ำตาลร่วงเกลื่อนทับถมเต็มข้างพื้นถนน วันนี้มีความแตกต่างจากวันก่อนๆที่ใบไม้แห้งปลิวว่อนเปลี่ยนเป็นใบเปื่อยเปียกชื้นทับเกยซ้อนติดกัน บางแห่งแฉะฉ่ำแอ่งตื้นๆในหลุมบอมน้ำฝนสีแดงข้นขังค้างเป็นหย่อมๆ

ในป่าใหญ่ ฝนได้ชะโลมมอบความหวังต่อชีวิตที่อดอยากน้ำมานาน กว่า3 เดือนแล้ว ความชุ่มชื้นปรากฎให้เราเห็นทั่วป่าพื้นดินและต้นไม้ต่างเปล่งประกายความมีชีวิตกลับคืนหน กิ่งไม้สูงที่ต่างทิ้งใบจนเหลือแต่ก้าน และกิ่งฝอย วันนี้มีปุ่มอ่อนๆรีบเร่งผลิติ่งตูมขึ้นมานิดๆ นี่แค่เพียงฝนแรกเท่านั้นเอง

เมื่อวานฝนในป่านี้ส่งสัญญาณบอกเรา เสียงฟ้าร้องและอากาศอบอ้าวในผาด่าง ฟ้าแล๊ปเป็นทางฝั่งป่าใหญ่ตะวันตก ให้ความหวังแก่ชาวผาด่าง อีกไม่นาน ฝนจากที่นี้จะเดินทางถึงชายขอบป่าบ้านของเรา ให้พวกเราจงอดทนรอต่อไป

ฝนแรกของปีนี้ได้เริ่มขึ้นและจบลงไปแล้ว เพื่อให้หมู่เหล่าผีเสื้อที่เราเห็นข้างหน้า ผีเสื้อพวกนี้ยอมบินตามกันและกันเป็นสายสั้นๆสูงๆต่ำๆเป็นเส้นลอนโค้งขนานกับพื้นดิน สีเหลืองนวลละออที่เห็นเป็นสายพันธุ์เดียวกัน ออกบินตามกันตามสัญชาตญานธรรมชาติ ผสมเกษรดอกไม้ป่า หรือรอนแรมตามหาคู่ กระจายเผ่าพันธุ์ ข้างทางอีกหมู่เหล่าผีเสื้อปีกงามล่อนเตี้ยๆ อวดขยับปีกละอองสีฝุ่นบินชิมและเพลิดเพลินชมดอกไม้ สวยงามกับภาพแสงอาทิตย์คอยส่องป่าให้เปิดสว่างนำทางพวกเจ้าเดินทาง

ผีเสื้อร่อนเป็นสายอยู่ข้างหน้า เมื่อลองหมุนตัวหันมองข้างหลังก็มีอีกกลุ่มบินอวดปีกบางสีเหลืองอ่อนร่อน ตามเราหรือตามกลุ่มผีเสื้อข้างหน้ากัน ชะเง้อมองไปไกลอีกนิดก็พบอีกและอีกกลุ่มบินพับปีกรอสายตาอยู่ พวกเธอคือใคร ผีเสื้อหนอนคูน หรือผีเสื้อเจ้าเณร

บ่ายแล้ว ยืนชะเง้อคอตั้ง มองเรือนยอดพุ่มใบสูงแผ่เป็นกลุ่มหนา สายลมกำลังทำงาน ช่วยโยกไหวพุ่มไม้สูงให้เอนไปเอนมา แสงแดดระยิบระยับรอคอยจดจ้องส่องแสงลงพื้นดิน เพื่อมอบแสงแดดอ่อนๆให้เหล่ากล้าไม้น้อยๆด้านล่าง สายลมอีกเหมือนกันคอยประคองโยกต้นน้อยๆหัดอ้าใบโตรับแสงสีทองเหลือบส้ม ลงมาเต้นรำบนใบสีเขียวสลับเงา

ลำธารในยามบ่าย เส้นทางกลับสู่ผาด่าง กลางลำธารที่เราข้ามมาในตอนเช้า ผีเสื้อมหาศาลมารวมตัวกัน บินดักรอเราที่ลำธาร พวกเธอ มาเล่นแสงแดด มากินอาหารโปรดข้างลำธาร เจ้าแห่งเวลาส่งเราเป็นแขกรับเชิญให้ชมมหัศจรรย์แห่งธรรมชาติอีกครั้ง เราฝันเอาเอง ผีเสื้อหรืออีกร่างของดอกไม้สวรรค์ เราได้เป็นชีวิตหนึ่ง ยืนร่วมกับเพื่อนผีเสื้อป่า

ไม่นานเจ้าแห่งเวลาพาผีเสื้อแสนสวยกลับไปหมดแล้ว ไปเก็บไว้ที่ใด ป่านี้กว้างใหญ่เราจะได้พบกันอีกเมื่อไร หลังฝนทุกครั้ง หรือ เมื่อใบไม้อาหารของพวกเธอแตกยอดอ่อนเต็มป่า


ปลายปีกส้มเล็ก ปลายปีกส้มใหญ่ หนอนจรกา เจ้าผีเสื้อหางพริ้ว ตัวเท่าปลายก้อยเด็กน้อยวงษ์หนอนพุทรา ผีเสื้อหางติ่งปารีส และสีฟ้า แต่ไม่ใช่ผีเสื้อสะพายฟ้า แต่เป็นผีเสื้อหนอนใบรักธรรมดานั่นเอง ผีเสื้อฟ้าพุ่ม เหลืองสยามลายขีด

ขอขอบคุณ คุณเกรียงไกร สุวรรณภักดิ์ ที่เรียบเรียงหนังสือ ผีเสื้อ ให้ได้ค้นคว้าชีวิตปีกบางเบาราวฝุ่นเหล่านี้


สถานที่ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน บ้านกร่าง , ผาด่างแคมป์ แก่งกระจาน

pkkk2714.com วิรงรอง บุตรเล็ก

รอยจำผาด่าง 9

รอยจำผาด่าง 9
นับแต่ก่อนปีใหม่ เสียงนกร้องเพลงในผาด่าง เริ้มแต่อรุณแสงเรืองรอง และเซ็งแซ่ตอนเกือบสาย ร้องจากตรงนั้นตรงนี้ ตรงซุ้มกอไผ่หลังโดม นก hill -blue flycatcher อกสีส้มหลังสีน้ำเงินสด ตากลมวาวแอบมองเรา พอเห็นเราจ้องก็กลับแอบบินต่ำๆไปทางต้นน้อยโหน่งที่กำลังออกลูกสุกเต็มต้น
นกโพระดกเป็นคู่เกาะนิ่ง และเริ่มบรรเลงร้องเพลงถ้อยทำนองเพราะกังวานก้องหุบเขาผาด่าง ให้คุณไถ่และคุณมด ถ่ายรูป ก่อนที่แสงตะวันสุดท้ายจะลับเลือน
และหมู่นกจาบคาหัวสีส้ม chesnut-headed bee-eater โผถลาโฉบจับผึ้งบนฟ้าและเกาะต้นโมกมันหน้าบ้านปีกไม้
นกอะไรเกาะอยู่ที่ต้นเตยหนามหน้าห้องน้ำฟ้าใส ขอให้เป็นเจ้าที่เราคุ้นเคย และเมื่อมองผ่านกล้องเห็นนกน้อยสีฟ้าอ่อนๆ ใส่หน้ากากสีดำ ตัวผอมยาว ใช่เพื่อนตัวน้อยๆที่เราคาดหวัง verditer flycatcher เมื่อเราขอขยับตัวเข้าไปใกล้ เจ้าก็ขยับตัวเช่นกัน เมื่อเรานิ่ง เจ้าก็ช่างใจดี สงบนิ่งเหมือนกัน และจากไปเมื่อมีเสียงคนแปลกหน้าเหยียบใบไม้แห้ง
ดอกมะม่วงบานเต็มผาด่าง นกมากหลายชนิด ร้องเรียกพวกกันและกัน และให้เราเป็นผู้ฟังและมองหาอย่างเพลิดเพลิน ทุกดอกทุกช่อกระเพื่อมน้อยๆ และอีกช่อไหวระริกเราจะมองช่อไหน ช่อนี้นกอะไร แต่ช่อนั้นไม่ไกลกลายเป็นอีกสายพันธุ์ นกตัวน้อยๆคอยกระโดด เข้าออก พร้อมอวดหนอนที่คาบไว้ และกระโดออกไปอีกช่อ แม้แต่เจ้า puff-throated babbler ก็กระโดดออกมา เล่นแสงตะวันยามเช้า เมื่อมองเห็นเรา มอบความไว้ใจไม่ตกใจ ที่เห็นหน้าเราอีกแล้ว
black- naped monarch นกสีสวยตัวโปรดที่คอยสร้างความสดชื่นมีชีวิตชีวาแก่บ้านป่าผาด่าง เธอมาเป็นคู่ ในรอบเช้า และรอบบ่าย ต้นมะม่วงในผาด่างเราคิดว่าเธอคงรู้จักทุกกิ่งมากกว่าเรา และเพราะพวกเธอ ทำให้เรารู้ว่า ปีนี้ดอกมะม่วงในผาด่างติดช่อมากเหลือเกิน
อาคารนอนรวม เรายึดเป็นที่นอนตั้งแต่ก่อนปีใหม่ pied fantail นกอีแพรด ไล่ต้อนกันส่งเสียงดังลั่น ปลุกเราตื่นนอนตอนกลางวัน เรามองตาม ตามเสียงที่พวกเจ้าคุยบอก หมุนตัวซ้ายขวา ก่อนกระโดดไปทางขวาและล่อนถลาโผบินไปอีกต้นมีพวกเจ้าคอยตามไล่ ทะเลาะอะไรกันจ๊ะ คิ้วขาวเล็กๆ เด่นชัด กางหางแพนเป็นพัด บอกว่าเจ้าเป็นใครให้เราจดจำร่วมเป็นสมาชิกของชาวผาด่าง
นกcommon morehen ปากสีแดงสด เดินเงียบๆข้างกอไผ่ตงห้วยก้านเหลืองและเมื่อมองไม่เห็นเรา ก็ค่อยๆลงน้ำว่ายไปมาเหมือนเป็ด และไม่นาน คู่ของเธอก็ว่ายเข้ามาสมทบแต่ไม่นานก็กลับแยกกันไปคนละทาง ปากสีแดงตัดกับขนสีดำทำให้เรามองอย่างเพลิดเพลินอารมณ์และท่าทีที่เธอสำราญในช่วงเวลานี้ ว่ายเข้าหาฝั่งหาอาหารและว่ายออกจากฝั่งใกล้เราเข้ามา จนเราไม่แน่ใจว่าจะทำให้เธอตกใจรึเปล่า แต่แล้วเธอก็ว่ายผ่านเราไป ต่างฝ่ายต่างมีความสุขท่ามกลางธรรมชาติเงียบสงบแห่งนี้
ก้านกิ่งสั้นๆแต่ยื่นไปในน้ำ และรออยู่ ไม่นานตัวน้อยๆอกสีส้มสนิม หลังสีฟ้า เรากระซิบบอกชายหนุ่มข้างๆเกี่ยวกับชื่อของเจ้า ชายหนุ่มเอ่ยปากชมว่านกตัวนี้สีสวย กริยาน่ารัก ปากยาวสีแดงสวยมากเลยครับ เสียงถามต่อว่า ผมเห็นอีกตัวแล้วครับ หางยาวมากและสีดำ มีขาวด้วย ปากสีเขียว แล้วชายหนุ่มก็ขยับตัว ก้าวเข้าไปเพื่อใกล้แต่นกตัวนั้นก็ขยับห่างออกไป เพื่อสอนการเรียนรู้มารยาทแห่งชีวิตธรรมชาติ ชายหนุ่มเองเริ่มเข้าใจ ปฎิบัติตัวอย่างเรียบร้อยและนุ่มนวลกว่าเดิม ได้ยินเสียงตัวเราเองบอกชายหนุ่มว่าแสงตะวันลับลาแล้วนกบั้งรอกgreen-billed malkoha เป็นตัวสุดท้ายของวันนี้ หนุ่มคนนี้มากางเตนท์ที่ผาด่าง กับเพื่อนๆ เราทั้งคู่ต่างบอกลากันและกันว่าพรุ่งนี้ต้องออกจากผาด่างตั้งแต่ตี4 เราขอให้เดินทางด้วยความปลอดภัย และหวังว่าคงไม้ลืมนกตัวน้อยๆที่มาอวดความสวยงามให้ชื่นชมแม้เป็นช่วงเวลาที่สั้นๆก็ตาม
รุ่งเช้าตามนิสัยมีกล้องคล้องคอ แม้เป็นช่วงเวลาที่เราต้องจัดบ้านเตรียมรับแขกที่จองบ้านริมน้ำไว้ และต้องแปลกใจ ชายหนุ่มคนเดิม เดินตามหาเรา และเอ่ยปากขอยืมกล้องดูนก เกือบบ่ายแล้ว ชายหนุ่มเอากล้องมาส่งคืนให้ พร้อมกับคำขอบคุณ เราถามว่าเป็นอย่างไร พบนกหลายตัวหรือเปล่า และสีสวยมากไหม ชายหนุ่มบอกว่านกสวยมากเลย เรานึกเสียดายที่ไม่มีเวลาพาชมนกด้วยตนเอง แต่นกป่าในธรรมชาติ คงสะกดมอบความน่ารักให้ชายหนุ่มคนนี้ ลุ่มหลงเดินตาม เพื่อค้นหาชีวิตน้อยๆแสนสดใสที่สร้างรอยยิ้มให้แก่ชายหนุ่มเองอย่างไม่รู้ตัว
นกวัก white-breasted waterhen จากระเบียงบ้าน บนเปลผ้าใบ สายลมกับสายน้ำพัดเข้าหาบ้านหลังนี้ที่ยืนนิ่ง เสียงบางอย่างดังใกล้ตัว และเมื่อมองหาเป็นเจ้าที่ยืนข้างเสาบ้านด้านตะวันออก เราทำเสียงดังไปหน่อยพาลให้เจ้าตกใจโผลงน้ำว่ายวิ่งอ้อมโค้งผ่านหน้าไปทางซ้ายมือ เกาะกิ่งไม้บางที่ลอยแช่น้ำ จากมุมมองนี้เจ้าคงไม่เห็นเรา แต่เรากลับพบเจ้าชัดกว่าเดิม ยืนอย่างสบายอารมณ์ และเริ่มทำความสะอาดตัว ซุกไซร้ขนปีกทั้งซ้ายและขวา ก้มลงจิกใต้กลุ่มขนจนแน่ใจว่าสะอาดพอแล้วก็หมุนหันหน้า ให้เรามองให้ชัดกว่าเดิม และเดินใกล้เราเข้ามาอีก ใกล้อีก แต่มุดเข้าไปใต้กลุ่มใบพืชน้ำ เจ้าใกล้ชิดเรามากขึ้น แต่กอใบไม้หนาปกปิดเจ้าจากสายตา เพียงใบไม้กระเพื่อม ไหวๆว่าเจ้ายังอยู่กับเราเท่านั้นเอง
บนกิ่งแห้งๆยอดสูงเหนือน้ำ common kingfisher เสียงกระเต็นน้อยธรรมดาร้องบอกว่าเรามาแล้ว ตามองตามเสียงคงเป็นกิ่งโปรดอีกกิ่งที่เจ้าชอบยืน คราวนี้ยืนหันหน้าหาน้ำ เราเป็นคนเฝ้าชม เจ้าโผจับปลาซิว คลื่นน้ำเป็นเงาสะท้อนแสงแวววาว และวิ่งเบาๆเข้าฝั่ง ธรรมชาติช่างส่งเพื่อนให้เป็นเจ้ามาเยือนข้างกาย ยามเราเขียนหนังสือรอยจำผาด่าง เราไม่ได้เลือกกาลเวลาที่สวยงามอย่างนี้ แต่เรารู้ว่า ธรรมชาติคอยมอบเวลาพิเศษอีกครั้งเพื่อให้เราเป็นผู้จดบันทึกรอยจำ
และซ้ำๆกับห้วงเวลา ที่ตัวหนังสือกำลังพรั่งพรูจากเรื่องราวธรรมดาของธรรมชาติ แต่งแต้มตังละครตัวเก่าแต่เวลาใหม่ โดยเจ้า black-capped kingfisher เจ้ากระเต็นหัวดำบินพรืดเข้ามาเกาะตอไม้หน้าบ้าน แต่เจ้าผู้ไม่ยอมคลายตระหนก หากเห็นเราเมื่อไร เจ้าก็พร้อมปากยาวสีแดงแปร๊ด แผดเสียงร้องก้องแสบหู หันหัวสีดำเข้ม สะบัดปีกหลังสีม่วงสด ผละจากเกาะตอไม้ประจำ ตัว กลับใจบินกระเจิดกระเจิงไปทางบ้านนกร่าเริง แต่ครั้งนี้พานกกระเต็นน้อยหายไปทางเดียวกัน
ไกลจากมุมจิบกาแฟมุมใหม่ของปีนี้ นกฝูงใหญ่สีน้ำตาลใบไม้แห้งทะยอยเข้าหาต้นมะม่วง คงเป็นนกกระรางฝูงเดิม แห่งผาด่าง และค่อยๆบินเข้ามาใกล้ต้นมะม่วงอีกต้นแต่ใกล้เรา และอีกนิดกับการทะยอยกระโดดบ้าง บินต่ำๆบ้างและไม่นานกับความใจดีของธรรมชาติ นกกระรางสร้อยคอใหญ่ ก็ร่อนลงพื้นดิน วนหากินตามพื้นหญ้าแห้ง กระโดดใกล้ตัวเรา ที่ยอมนั่งนิ่งเป็นหุ่น แลกกับการชื่นชมพวกเจ้าผ่านกล้องอย่างชิดใกล้ เส้นคิ้วเล็กเรียวสีดำตีวงโค้งยาววนรอบคอแบ่งแก้มเป็นก้อนแต้มขาว มองแล้วมองอีก พวกเจ้าแสดงความสดชื่น สดใส ร่าเริงกับตะวันสาดแสงอ่อนๆยามเช้า ก่อนจากไปด้วยการบินละเลียดไปทางต้นชมพู่กับต้นขนุน เราอีกแล้วที่เสียดายชะเง้อตาม
เสียงดังตูมในน้ำ อะไรบางอย่างดังขนาดนี้และไม่ถึงอึดใจ นกเหยี่ยวโผขึ้นจากน้ำที่แตกกระจายโผขึ้นฟ้า บินวนเป็นวงกว้างและโผดิ่งลงน้ำในจุดเดิม เสียงน้ำดังตูมอีกแล้ว เหมือนเป็นภาพแห่งเวลาซ้ำและย้อนกลับ เรายกกล้องมองเห็นความชัดเจน ไม่มีเหยื่อในอุ้งตีน และคราวนี้บินวนวงรอบฟ้าเป็นวงกว้าง ก่อนทิ้งตัวอีกครั้งแต่เป็นฉากกลางอ่างน้ำผาด่าง ในครั้งนี้เจ้าดิ่งตัวหัวปักตั้งฉากลงพื้นน้ำที่รออย่างสงบ เสียงตูมสนั่น สรรพชีวิตหยุดเคลื่อนไหว เวลายอมหยุดนิ่งพร้อมกับร่างเหยี่ยวหายไปในน้ำและไม่ถึงอึดลมหายใจ มีแต่เจ้าแห่งลมเท่านั้นที่รอคอยช่วยยกพยุงปีกให้เจ้าเหยี่ยวตัวนี้ทะยานจากน้ำเข้าหาฟ้าสีแดงส้มของตะวันยามเย็น เหยี่ยวยังบินร่อนเป็นวงกลมใกล้เรามากกว่าที่คิด และร่อนหายไปทางทิศเหนือหน้าผาผาด่าง ทิ้งความเงียบและความหวาดผวากลัวไว้เบื้องหลังและเบื้องล่าง เราพบใจต้วเองตื่นเต้นกับการแสดงสด ปฎิบัติการล่าโหด โดยมีหน้าผาสูงตั้งฟ้าและท้องน้ำหน้าบ้านของเราเป็นเวทีชีวิต
Brown shrikeนกอีเสือสีน้ำตาล ตัวสีน้ำตาลอ่อน ใส่แว่นตาสีดำ พบกันคราวนี้ เจ้าย้ายไม้เกาะไปเรื่อย บางครั้งเราพบกันลานหญ้า แต่บางทีเจ้าบินมาเกาะกิ่งต่ำต้นขนุน ในปีที่ผ่านมานี้ เรากับเจ้ามักไม่พบกันบ่อนนัก ทั้งที่ปีก่อนๆ มักพบเจอตัวกันเสมอ แทบทุกครั้งที่เดินผ่านซุ้มกอไผ่ เหมือนกันกับพวก soothy- headed bulbul ที่เรามักไม่เห็นมาเกือบ2-3 เดือนมาแล้ว เราสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเจ้าจากหายไปไหนกัน
มาถึงเรื่องที่เราไม่อยากเขียน แต่เป็นอีกชีวิตที่เลือกมาอาศัยให้ที่นี่เป็นบ้าน ร่วมร้อยบันทึกเจ้าเพื่อต้อนรับการเป็นสมาชิกใหม่แห่งบ้านป่าผาด่าง นกแก๊ก ตัวผู้ ผู้หลงบ้านมาจากไหน คู่ของเจ้ารอการกลับไปของเจ้าอยู่ที่แห่งใด ผู้เลี้ยงดูเจ้าหรือที่มนุษย์ใช้เรียกเป็นความเจ้าของชีวิตสัตว์โลกด้วยกันว่า เจ้าของ เค้าคือใคร ทำไมเลี้ยงให้เจ้าพิการหากินเองไม่ได้ แม้วิธีเกาะกิ่งไม้เจ้ายังอ่อนด้อยประสบการณ์ มาที่นี่ เราไม่อยากใช้คำว่าเลี้ยงดู เพราะคำนี้มันยิ่งใหญ่มาก ที่จะต้องดูแลรับผิดชอบหนึ่งชีวิตไปทั้งชีวิต ทั้งเป็นชีวิตที่ไม่ได้พูดภาษาเดียวกัน หรือแม้แต่ภาษาท่าทาง การกิน หลายๆอย่างล้วนเป็นอุปสรรคหนักใจ การกักขังไม่ใช่สิ่งทีเราจะปฏิบัติกับชีวิตอาภัพของเจ้าเช่นกัน แม้แต่นกแก๊กในสายพันธุ์พี่น้องของเจ้าก็ไม่ยอมรับ คอยไล่จิกตีเมื่อมีโอกาส เจ้าต้องร้องเสียงหลงกลัวลนลานยอมแพ้หนีตาย ชีวิตนี้ของเจ้าในผาด่าง เรายังมองไม่เห็นความสุขของเจ้าจะมีได้อย่างไร เจ้าทองเหลืองหมาเกเร

รอยจำผาด่าง 6

November

1/11/50 ท้ายรถมีเครื่องทำกาแฟสดนอนอยู่ในกล่อง เมื่อรถจอดหน้าผาด่างข่าวลือเรื่องเครื่องทำกาแฟ ทำให้ชาวผาด่างจดจ่อมารุมขอดู พี่หน่อยพี่เปี๊ยกช่วยกันสาธยายว่าเครื่องทำงานอย่างไร ด้วยกริยางกๆเงิ่นๆ จับผิดลองถูก สนุกสนาน หยิบช้อนตวง ใส่กาแฟตรงไหน แค่ไหน ทุกคนถูกชักชวน บังคับให้ลองดื่ม

พี่หวัดลองเป็นคนแรก เราถามว่าเป็นยังไงรสชาด พี่หวัดยิ้มแก้มป่องบอกแต่ว่าเหมาะ เหมาะ คนนั้นคนนี้ชิมกาแฟคนละแก้ว เราลองทำกาแฟเย็น ทุกคนบอกว่า หวานเกินไป เราถามใหม่ ตอบให้ถูกใจไม่ได้เหรอ

ทุกคนลองขานชื่อกาแฟ มอคค่า เอสเปสโซ่ น้องเก๋กับน้องมดหยิบกระดาษปากกา จดชื่อและลองเรียกชื่อ แต่สำเนียงออกเหน่อๆ มดกลัวจำไม่ได้กลัวเรียกผิดจังเลย เราอมยิ้ม

วันนี้ผาด่างมีกาแฟสด ในวันเสาร์และอาทิตย์ มีน้องมดเป็นพนักงานประจำห้องกาแฟ น้องมดดีใจคงเป็นเพราะ ผาด่างจัดจ้างให้น้องมดเป็นรายได้พิเศษที่แน่นอนเพิ่มขึ้น นอกเหนือจากพนักงานทำความสะอาดบ้านปีกไม้ชมฟ้า

2/11/50 เสียงตามสายโทรศัพท์ คุณนกร่าเริงย้ำกับเรา อยากทานยำเห็ดโคน พรุ่งนี้ที่ผาด่างกำหนดการจัดส่งอาหารเย็น เราบอกย้ำกับชาวผาด่าง ต้องตั้งใจทำให้พิเศษ เพราะนี่คืออาชีพของชาวผาด่างทุกคน อาหารต้องสะอาด อร่อย ตรงเวลา รักษาคุณภาพ บริการด้วยความจริงใจ ต้องเหมาะสมกับที่ลูกค้าเลือกเรา

3/ 11/50 เมื่อเราพร้อมอาหารมาถึงบ้านกร่าง กล่องใส่จาน ข้าวสวย น้ำพริกมะขาม กับผักสด ยำเห็ดโคน ปลานิลทอด และต้มจืดตำลึง พร้อมของหวานลูกตาลลอยแก้ว ถูกจัดเรียง คุณกุ้ง กระถินไม่มีเหรอ ไหนบอกว่าจะมี เราบอกคุณว่า เพี้ยไฟลง จับช่อไหนเด็จช่อไหนก็มีแต่เพี้ย เลยเปลี่ยนเป็นผักบุ้งสดกับมะเขือเปาะแต่ปลอดภัยไม่มีสารเคมีแน่นอน

3/ 11/50 คุณนกกระแตแต้แว๊ด บ้านกร่างยามเย็นแสงอาทิตย์ใกล้ลับยอดไม้สูงเบื้องหลังเรา ส่งให้เราได้พบเป็นครั้งแรกที่รู้จักคุณ ยิ้มกว้างสดใส เสียงดังจริงใจแน่นอน คุณกุ้งใช่ไหมค่ะ ให้ความคุ้นเคยกันเอง คุณชมเราว่าเขียนหนังสือสวยน่าอ่าน เราจำไม่ได้ว่า เราขอบคุณหรือเปล่า ใจเราได้แต่นึกว่าเราควรพูดให้ดีกว่าและมากกว่าคำขอบคุณ แต่เรายังหาประโยคนั้นไม่ได้เสียที

3/ 11/50 เมื่อเราเก็บของเตรียมกลับผาด่าง น้ำใจจากคุณนกร่าเริง ให้พิเศษแก่เรา 200 บาท บอกว่าช่วยค่าน้ำมัน เราพนมมือไหว้ขอบคุณในน้ำใจผู้หญิงคนนี้

4/11/50 เพลงจากนาฬิกาปลุก เรียกเราตอนตีห้า เรากับหลานจ๊อบ ลุกจากที่นอน รีบเดินกันมา ที่ครัวผาด่าง หลายชีวิตงัวเงียอยู่ในครัว แต่ต้องตระเตรียมอาหารเช้าแก่ลูกทัวร์ของสมาคมดูนก 23 คน ข้าวห่อใบไม้มีผักสด น้ำพริกมะขาม และหมูโคว้เป็นอาหารกลางวัน
น้ำสัปปะรดปั่นสดๆ แกงส้มชะอมไข่ ผัดวุ้นเส้น ผัดตับพริกฝรั่ง ต้มจืดตำลึง กาแฟร้อนเป็นอาหารเช้า พี่หวัดปูใบตองเป็นผ้ารองจาน และเดินเก็บดอกไม้สีเหลืองดอกเล็กๆมาประดับจาน มีเรายืนมอง เป็นความน่ารักสดชื่นรับกับตะวันยามเช้าที่ลอดแสงบางๆเข้ามาในห้องอาหาร

4/11/50 บ้านกร่างเป็นจุดที่คนรักนกมุ่งมา เพื่อตามหานกป่าแสนสวยตัวน้อยๆ คุณติ๊ก bird leader เป็นผู้หญิงคุณขอให้แยกลูกทัวร์เป็น 2 กลุ่ม เราลังเลไปกับคุณติ๊กหรือจะไปกับคุณป๋อง พญาไฟแห่งราชบุรี ยากเหลือเกินที่จะตัดสินใจ

4/11/50 เราเดินเสมอเพื่อทันคุณป๋อง และกล่าวแนะนำตัวเอง สวัสดีค่ะคุณป๋อง พี่กุ้ง pkkk2714 คุณหันมาและกล่าวด้วยเสียงและแววตาตื่นเต้น สวัสดีครับ ผมชอบสำนวนของพี่เวลาพี่ตอบกระทู้ พร้อมยื่นมือมาขอเชคแฮนด์กับเรา ดีใจจริงๆที่ได้พบกับเรา

จากเรื่องราวที่อ่านและเห็นแต่ในห้อง blue planet คำชื่นชมที่คุณมีต่อเราอย่างจริงใจ กลับทำให้เราประหม่าและเปลี่ยนเป็นประทับใจคุณมากกว่าและมากกว่าซ้ำๆ บนเส้นทางกม.15 เมื่อถึง กม.18 ทุกคำที่คุณพาพวกเราเดินดูนก

ห้วงเวลาเรื่องเล่า กับเรื่องราวประทับใจของนกที่คุณเคยพบ เรื่องภรรยาและลูกๆของคุณทั้งครอบครัวที่แสนจะรักนก เรื่องเพื่อนๆชาวต่างชาติ และคอยตั้งscope ให้เด็กน้อยในกลุ่มและพวกเราได้มองเห็นชีวิตมีปีกแสนงดงามที่สุดในโลกตลอดทางธรรมชาติ

เมื่อกลุ่มของเราทันสมทบกับกลุ่มคุณติ๊ก เราเพลิดเพลินกับการมองหานก แต่เราก็คอยมองหาคุณป๋อง เมื่อไม่เห็นในกลุ่ม เรามองยาวผ่านต้นไม้ใหญ่ที่โค้งหาทางเดินอย่างคุ้นเคย ผ่านลำห้วย2 มีน้ำใสจนสุดตาในทิศที่คาดว่าคุณคงกลับไปกม15 แล้ว เราถามน้องนัทเจ้าหน้าที่ของสมาคม นัทให้คำตอบว่าคุณป๋องกลับไปแล้ว

ไม่มีคำลาหรือคำขอบคุณ ตรงที่ใจต่างหากซึมซับรับรู้ว่า เรามีเพื่อนรักษ์นกอีกคนแล้ว เป็นเพื่อนที่ธรรมชาติ ส่งให้เราพบกัน มีมิตรภาพความรักนกเป็นบ่วงคล้อง คำแนะนำที่ก้องในใจเราเพื่อสอนคนรักนกทุกคน อย่าบอกว่าใครเจอนกมากกว่ากัน ความหมายที่คนดูนกเข้าใจในอย่างลึกซึ้ง

เย็นแล้วเรารีบจ้ำกลับมาที่จอดรถ เพื่อเตรียมต้มกาแฟร้อนๆแจกเพื่อนๆชาวดูนก ที่เหน็ดเหนื่อยและอ่อนล้าจากการเดินตามหานก ทุกคนนั่งกับพื้นหญ้าสีเขียวเหยียดขาเป็นวงกลมหันหน้ามองดูกันและเริ่ม check list นก พร้อม ผ่อนคลายจิบกาแฟ

4/11/50 ที่นี่บ้านกร่างยามเย็น คุณพินิจและภรรยา น้ำเสียงอ่อนโยนให้กำลังใจชาวผาด่าง และสุดท้ายก่อนเราขึ้นรถ คุณบอกว่า หากมีอะไรให้ช่วยเหลือคุณยินดีเสมอ คุณค่าของคำนี้ เหมือนละอองฝนที่พรมจากฟากฟ้า ชุ่มชื่นใจกลางป่าแก่งกระจาน

6/11/50 แดดบางๆสาดต้องดงใบไม้ส่องแสงส้มแวววาว มีเงากลุ่มช่อต่างสายพันธุ์พาดทับ และต่างรอ ไม่นานสายลมอ่อนๆเคลื่อนเข้ามา จับขยับใบใหญ่เขียวสว่างพร้อมเงาช่อใบมืดดำก็แกว่งไกว โยกไหวเต้นรำและร้องเพลง หวิวๆไปด้วยกันกับสายลม

6/11/50 เมื่อมาถึงผาด่าง พี่กุ้งมาแล้ว กำลังรออยู่ เสียงไอ้ยุง ร้องทักด้วยเสียงดังก่อนเราก้าวขาลงจากรถ หนูรับซื้อเต่าจากชาวบ้านไว้2 ตัว อีกแล้วเหรอ แล้วจะปล่อยที่ไหนกัน เสียงเราถามต่อ ในผาด่างอย่างเคย แค่คราวนี้ รอให้จ๊อบเขียนวาดลวดลาย สักยันต์ คาถาอาคม ไว้บนกระดองเต่า บางทีถ้าชาวบ้านจับได้อีก เห็นยันต์บนกระดองจะไม่กล้ากิน ให้ทำเหมือนที่วัด หนูเคยเห็นหลวงพ่อทำแบบนี้
หนุ่มจ๊อบเตรียมสีกับพู่กันไม่นานก็เสร็จ ลายสักยันต์กระดองเต่า เราบอกว่าขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกหน่อยนะ แต่เต่าที่เห็นทั้งคู่ไม่ยอมโผล่หัว ให้พวกเรายืนล้อมเห็นหน้าตา เก๋บอกว่าต้องใช้ไม้แยงก้น กิ่งไม้วิเศษแยงก้นเจ้าเต่าตัวใหญ่ก่อนเป็นลำดับแรก แล้วเราก็เห็นหน้าตาเป๋อเหรอโผล่หน้าจากกระดองรีบหุบเข้าไป
อีกครั้งกับเจ้าตัวเล็ก แต่หนูเต่าตัวนี้ดื้อมากมีแต่มองพวกเราที่ยืนรอเก้อ เราถามเก๋ว่าผิดด้านหรือเปล่า ไปจิ้มเอาด้านหัวหรือเปล่า เดี๋ยวโดนตาบอดหรอก เก๋ว่าไม่ผิดหรอก แล้วเจ้าเต่าตัวนี้ก็เลิกเอียงอาย ยื่นหน้าออกมามองพวกเรา แล้วหลบหน้ากลับเข้าตัว ซ่อนหัวจากพวกเรา และไม่ยอมโผล่หน้าให้เห็นอีกเลย

ดอกไม้สีขาว แกนกลางสีม่วงเข้มห้อยระย้า เป็นช่อ พวงยาวข้างบ้านและหน้าบ้าน เอื้อมมือออกไปจนใกล้แตะได้ สวยหวานจนอดชื่นชมความงามของเธอไม่ได้ร้องบอกชี้ชวนหนุ่มจ๊อบ มีผึ้งหลวงบินเข้าออกตอมเกษร ในใจหวังให้มีนกน้อยบินมาดมชื่นชมเกษรอย่างผึ้งที่เวียนวน และสุดท้ายมือเราละจากไม่ได้สัมผัส เกรงความงามจะช้ำเพราะมือเราเอง

7/11/50 บ้านนกเงือกยามเช้าเสียงนกแก๊กร้องลั่น เรากับจ๊อบหน้าที่ต้องแล้วรีบทิ้งเรือน เดินมาห้องกาแฟ เผื่อให้นกเงือกคู่เดิมอาจบินมาแวะพักที่เรือนนี้ ตามทางเดิน นกขมิ้นปากเรียวร้องแซ่ๆแหบๆ ยิ่งใกล้ห้องกาแฟ เสียงแหบก็ดังขึ้นและถี่ขึ้น นกสีเหลืองสดตัวยาวแต่งแถบสีดำยืนร้องบอกตำแหน่งที่ไหสักแห่งในผาด่าง ต้นประดู่มุมจิบกาแฟยามเช้าทุกเช้า วันนี้ มีนกขมิ้นปากเรียว 2 ตัวยืนอยู่บนหัวของพวกเราชาวผาด่างและร้องขับขานเสียงแห่งไพร แก่งกระจานให้พวกเราฟัง หนุ่มจ๊อบเดินกลับไปเอากล้อง เวลายามเช้ากับตะวันสีส้มและนกสีเหลือง ก่อนยามสายมาเยือน ทั้งคนและนกจากเราไป

ก่อนเที่ยง เราลองสั่งกาแฟสดมากินเอง เก๋จ๋า พี่กุ้งขอกาแฟเย็น เอสเปสโซ่ 1 ที่ แต่ชิมแล้วไม่หอมหรือแรงของเอสเปสโซ่ เราบอกอี๊ด ลองสั่งมาอีกแก้ว แล้ววิจารณ์ด้วย เหมือนเดิม อี๊ดส่ายหัวแล้วมองหน้าเรา ไม่อร่อย เก๋คนชงกาแฟเริ่มหน้าเสีย


7/11/50 ก่อนบ่ายมีนักท่องเที่ยวแวะเข้ามา จอดรถที่ผาด่าง ลงรถมา 7 คน เรายกมือไหว้ สวัสดีค่ะ พวกคุณยิ้มตอบ หลายคนเหลือบไปเห็นผีเสื้อปีกสีฟ้านอนตายอยู่ในขวดโหลแก้วใสๆ คุณมองแล้วถามว่าอะไร เราเล่าว่า ผีเสื้อตัวนี้ เราไม่รู้ว่าเค้าเกิดที่ไหน แต่เค้าเลือกตายที่ผาด่างค่ะ เก็บร่างเค้าไว้อย่างนี้หลายเดือนแล้วแต่ไม่เน่า บางขวดลูกค้าก็ขอไป บางคนก็โขมยไป ลูกค้าหันหน้าเดินเข้าซุ้มกาแฟสดผาด่าง เอสเปสโซ่3 แก้ว เราไม่ได้ยินเสียง ชื่นชมรสชาดกาแฟ แต่ไม่พิลึกๆอยู่ในใจคนเดียว น้ำผึ้งมะนาว คุณชมแล้วชมอีกว่าชื่นใจมาก ทั้งหมดเดินดาเข้าชมร้านของฝากจากผาด่าง เสียงถามไถ่ว่าเสื้อรูปวาดนกแสนสวยใครเป็นคนทำ และออกไอเดีย เสื้อผ้า เราบอกว่าทุกอย่างที่นี่ ธรรมชาติบอกสอนเราทั้งนั้น ลูกค้าคนหนึ่ง มอบค่าบางคำไว้ในใจของคนผาด่าง เสื้อของคุณผมไม่ต่อราคา ผมให้เพราะคุณเป็นคนรักธรรมชาติ

7/11/50 เมื่อพบกันอีกทีเราถามว่าเป็นยังไงบ้าง จ๊อบอวดภาพถ่ายนกตีทองที่ใช้รังเดิมโพรงเดิมเลี้ยงลูกอีกรุ่นแล้ว นกตัวกลมร้องเพลงเก่งสีจัดจ้านหายเข้าไป และบินออก ก่อนบินหายไป และกลับมาเข้าโพรงอีกรอบและอีกรอบ ยอดเดินมาตามหนุ่มจ๊อบ บอกว่าเห็นนกอีเสือเกาะใกล้ต้นขนุน ให้ตากล้องผาด่างไปเก็บภาพ ตกบ่าย เก๋บอกว่า พี่จ๊อบ นกเขียวก้านตองหน้าผากสีส้มวนเวียนลงกินลูกตะขบหน้าร้าน แล้วนกกาฝากอกส้มก็มา เสียงรายงานจากชาวผาด่างทำเอาหนุ่มจ๊อบมึน

จ๊อบลองกาแฟเย็นเอสเปสโซ่หน่อย ให้เก๋ลองชงอีกทีและเปลี่ยนปริมาณด้วย จ๊อบตอบตกลง เรามองเก๋หยิบซองกาแฟเริ่มทำอีกครั้งตามใจเรา คำตอบที่ตามหามาแล้ว เก๋หยิบกาแฟมอคค่า รสอ่อนสำหรับคนรักรสชาดเบาๆ เราบอกเก๋ เอสเปสโซ่อีกซองอีกสีนะ ไม่ใช่ซองนี้ เก๋บอกว่า อ้าวหนูจำผิดเหรอ หนูนึกว่าซองสีนี้เสียอีก พวกเราหัวเราะเสียงดังแต่น้อยกว่าคนทำผิด เก๋หัวเราะดังกว่าพวกเราทั้งหมด ความซื่อของเก๋สาวบ้านป่าคนนี้ ทำให้เรามีความสุข ดีใจโล่งใจ ที่ชาวผาด่างชงกาแฟสดอร่อยเหมือนชาวเมืองแม้จะผิดรสผิดชนิดก็ตามที

22/11/50 รถตู้สีขาววิ่งมาจอดหน้าร้านผาด่าง มีคนไทยเป็นชายก้าวลงมาจากรถ เป็นคนขับรถ อีกคนเป็นไกด์ สอบถามเกี่ยวกับที่พักของผาด่าง และมีชาวต่างประเทศอีก 4 คน ทั้งหมดยกเว้นคนขับรถ เดินตามพี่เปี๊ยกไปเพื่อชมบรรยากาศและบ้านพักในผาด่าง หน้าร้านผาด่างมีแดดอ่อนๆแต่งแต้มโดยมีใบจากต้นมะม่วง และใบไม้ต้นประดู่ แผ่เงาเป็นร่มผืนกว้าง ทุกอย่างดูสดชื่นเหมาะกับการพักผ่อนพูดคุยเรื่องสบายใจ ไม่นานทุกคนเดินกลับมาและสั่งกาแฟร้อนคนละแก้ว ช่วงนี้เรามีโอกาสคุยกับ ไกด์หนุ่ม
คุณเล่าให้ฟังว่า ทำงานกับมูลนิธิหัสดินทร์ ที่พึ่งก่อตั้งได้ 3 เดือนเอง เป็นโครงการรักษาช้างป่วยจากการโดนทารุนจากควานช้างหรือจากการเร่ร่อนตามถนนคอนกรีต เหยียบแก้ว ขวดลิโพขวดกระทิงแดงตามป่าที่ชาวบ้านกินทิ้งไว้ตามไร่สับปะรดช้างเหล่านี้ต้องเจ็บป่วยอยู่นานและสุดท้ายตายอย่างทรมาน และปัญหาของช้างไทยทั่วประเทศอีกมาก

ก่อนจากกันเมื่อถึงเวลาเราต้องเดินทางเข้าบ้านกร่างตามสัญญากับตัวเอง เมื่อรถวิ่งผ่านด่านสามยอด จิตใจเราเปลี่ยนไป ใจที่ตั้งรอทักทาย อยากมองอยากเห็นใบไม้ทุกใบ สายลม แสงแดด เก็บเกี่ยวทุกช่วงเวลาที่เรามีป่าอยู่เคียงข้างอีกหน นกเขาเขียวหากินกรวดบนถนนแต่ต้องกระโดดหลบหนีเราหายไปป่าหญ้า ป่าหนามข้างทางมีสายตาเราลอดพงชะเง้อหา นกจับแมลงป่าบินตัดหน้าทำกริยาคล้ายๆนกเขาเขียว และสีสนิมเราถามจ๊อบว่าเห็นรึเปล่า ครับผมเห็นแต่ไม่รู้ว่าเป็นนกอะไร คล้ายๆนกจับแมลง ที่โป่งสุดถนนดำรอยเชื่อมกับถนนลูกรัง เสียงกระพือปีกหนักๆ นกเงือกบินบอกว่าเราอยู่ตรงนี้ ตรง ต้นไทรใหญ่ข้างซ้ายมือ บ้านเก่าของน้ำเพื่อนชาวป่า เราจอดรถมองหาเห็นเจ้าขยับตัวย้ายกิ่ง และพาให้เราเห็นลูกไทรสีแดงทุกพวงทุกช่อแดงสด นกสารพัดบินเข้าบินออกและหายซ่อนตัวตามใบที่ซ้อนทับกัน มองเห็นแค่ใบไม้ไหวๆแก่วงๆ นกแก้ว นกเขียวคราม แต่ย้อนแสงเหลือเกิน เราบอกตัวเอง ไว้ขากลับตอนเย็นเราจะมาใหม่ พวกเธอจะมาหรือเปล่า
รถค่อยๆวิ่งข้ามด่านตรงบ้านกร่าง สายตาเราจรดจ้องกิ่งไม้ตายแห้งยอดสูงโปร่ง ตามสัญญากับคุณป๋อง(พญาไฟแห่งราชบุรี) กิ่งไม้ที่คุ้นเคย เหยี่ยวแมลงปอขาแดง ไม่พบความหวังยังมีอีกครั้ง ขากลับอีกแล้วเราจะมองหาเพื่อคำสัญญา

รถจอดนิ่งตรงทางน้ำผ่า คุณป๋อง(พญาไฟแห่งราชบุรี) เสียงจากอดีตดังแว่วอีกครั้งทางเดินระแวกนี้ คนดูนกมักพบนกแต้วแล้วeared pitta มองหน้าหนุ่มจ๊อบ เราเลือกที่จะรอตรงนี้ หรือไป กม18 หนุ่มจ๊อบขอเลือกไปตามหาเพื่อน Blue Pitta

กลางถนน นกตัวนี้ยืนรอเราอยู่ Blue Pitta ตัวไม่เต็มวัย ทั้งตัวสีน้ำตาลใบไม้แห้ง อายุยังน้อย แค่ไม่กี่วัน วันนี้หัดหากินเองแล้ว นกตัวนั้นเดินกระโดดเบาๆ บนดินที่นิ่มนุ่มไปด้วยน้ำฝน เธอเลือกอยู่ตรงนั้น เสียงน้ำจากลำธารช่วยกลบเสียงกระซิบ รำพันดีใจของเราอาหลาน แสงแดดใสๆช่วยสอดส่องตามให้เห็นธรรมชาติลีลาของชีวิตเดียงสาต่อโลก กำลังกระโดดโลดเล่นหากินกลางป่าเงียบ มีเพียงเรา2คนกับ1นกน้อยที่ตามหา ใจของพวกเราอาหลานกำลังเดินตามเธอไปทุกฝีก้าวที่เธอกระโดดเดินไปข้างขวา และอีกนิดหายไปในพงหญ้าบางๆข้างลำห้วย ขาหยุดนิ่ง ตาของเราไม่ยอมหยุดจ้อง ควานหาตามลงไปในพงหญ้า แหวกหา แล้วเธอก็ขยับตัว ตาของเรากับนกน้อยสบตากันเพื่อบอกลา ก่อนจะบินเตี้ยเลียดข้ามลำธารหายไปในกลุ่มป่าใบไม้หนาข้างหน้า

เรามุ่งมั่นมาหา ไม่ต้องรอ ไม่ต้องเฝ้า โผถลาลงมาหามาบอกว่าอยู่ตรงนี้ มีเวลาเพื่อจดจำ เราขอบอกเจ้าว่า ขอบใจที่ให้เราได้พบเจอและขอย้ำความทรงจำด้วยอักษรอีกครั้งกับห้วงแห่งความระลึกผูกพัน สายลมเบื้องบนยอดไม้สูงซัดใบไม้ร่วงกราวใหญ่และส่งเสียงอย่างสบายใจก่อนเงียบนิ่ง เหมือนบอกว่า จงรอให้กาลเวลาพาทุกอย่างมา เพื่อพาทุกอย่างให้จากไป เท่านั้นเอง

FC นกตัวนี้บินไปเพื่อบินกลับมาเกาะที่เดิม ทั้งตัวเป็นสีน้ำตาลสนิม เธอเป็นครูของผมครับ กว่าครึ่งชั่วโมงที่หนุ่มจ๊อบถ่ายรูปของเธอ แสงแดดจับกิ่งใบไม้และไม่เพียงเท่านั้นแสงแดดจับแววตาใส ขนปีกทั้งตัวไล่สลับสีโทนกลุ่มน้ำตาลสนิม หมุนตัวอาบแสงอาทิตย์ให้ขนปีกกลับกลายเป็นแดงส้ม สายลมอารมณ์ดีแกล้งพัดขนอ่อนใต้โคนหางปลิวบางๆยั่วสายตาให้หลงเฝ้ามอง

28/11/50 ข้างบ่อไผ่ตง ดอกสาบเสือหรือดอกเสือหมอบ ดอกสีขาวบานหาตะวัน บางแห่งในผาด่างขึ้นเป็นดงเป็นกอพุ่มใหญ่ ดอกไม้ป่าขาวเล็กๆจืดชืดไม่สวยหรืองามเด่น เกิดเป็นดอกสาบเสือไม่เคยต้องโยกโอน ไหวระริก ระเริงกับสายฝนที่โปรยสายน้ำจนฉ่ำฟ้าและพื้นดิน ทำไมดอกน้อยเหล่านี้ถูกสาบให้กลายเป็นสัญลักษ์ต้นหนาว ชาวบ้านป่าแถบนี้เชื่อว่า หากดอกสีขาวสาบเสือบาน วสันต์กาลจากไปแล้ว เรากระชับเสือหนาวห่อตัวให้แน่นขึ้น มองเธออย่างขอบใจก่อนเดินลัดลานหญ้าไปห้วยก้านเหลือง

28/11/50 กระต่ายสีน้ำตาลตัวใหญ่ดวงตาที่ลืมค้างไว้แป๋วแหว๋วนิ่งเบิกมองฟ้าเบื้องบน เลือดแข็งค้างเลอะตามตัวเป็นหย่อม ในป่าผาด่างมีรอยอาลัยอยู่ในดินแดนแห่งนี้เสมอ บางอย่างที่สำคัญอาจต้องเรียนรู้เข้าใจธรรมชาติผ่านเรื่องราวความเจ็บปวด แต่ธรรมชาติเลือกวิธีสอนคุณค่าแห่งความเข้าใจผ่านเสียงหัวเราะและรอยยิ้มได้อีกเช่นกัน

29/11/50 Olive- backed sunbird นกกินปลีอกเหลือง ทำรังอีกแล้ว คราวนี้ห้อยรังอวดชาวผาด่างตรงต้นมะม่วงโต๊ะกาแฟ มีแม่นกนั่งจุ้มปุ๊กหน้ารัง หนุ่มจ๊อบถ่ายรูปแม่นกเฝ้ารังด้วยอารมณ์รื่นเริงและมีเราชี้ชวนให้เด็กน้อยในผาด่างได้เห็นชีวิตน้อยๆกำลังกำเนิดในผาด่างอีกครั้ง กล้วยน้ำหว้าหวีงอมๆ เราเอาไปวางไว้หน้ารังนก(รังไม้)ขนาดใหญ่ บนต้นมะขาม ผลกล้วยมีร่องรอยถูกกัดแทะหลายรอย คงเป็นฝูงนกปรอดหัวสีเขม่า กับเจ้ากระรอกแสนซน2-3ตัว ขนุนสุกคาต้นมีร่องรอยถูกกัดโหว่ เราตัดแบ่งมากินไม่ทั้งลูก เหลือแบ่งไว้เผื่อสัตว์ป่าแห่งผาด่างอีกครั้ง เราบอกตัวเอง

นอกหน้าต่างในผาด่าง สิ่งที่กว้างใหญ่ สว่างตา สวยงามรออยู่เสมอ และหมายความว่าเราได้ยอมให้สายลมพัดเข้ามา เป็นเพื่อนยามพักผ่อน บางทีส่งเสียงครางและหยอกเย้ากับผ้าม่านผืนนั้น

ดอกไม้สีขาว แกนกลางสีม่วงเข้มห้อยระย้า เป็นดอกช่อกลุ่มและรวมกันเป็นพวงยาวข้างบ้านและหน้าบ้าน เอื้อมมือออกไปจนใกล้แตะได้ สวยหวานจนเอ่ยชมความงาม ร้องบอกชี้ชวนหนุ่มจ๊อบ มีผึ้งหลวงบินเข้าออกตอมเกษร ในใจหวังให้มีนกตัวน้อยๆบินมาชื่นชมเกษรอย่างผึ้งที่เวียนวน และสุดท้ายเราละถอย เสียดายเกรงความงามจะช้ำเพราะมือเราเอง

เรามีบางอย่างเป็นสิ่งดี และทำให้เราพึงใจอย่างเพียงพอ หากเราไม่มองหาสิ่งที่ดีกว่ามาแทนอีกเท่านั้นเอง







นกไต่ไม้ใหญ่ Giant Nuthatch ละลายตัวเองให้บางๆนะ คุณสายหมอก เรากำลังไต่ไม้ลงไปหาคุณพรเลิศ ครั้งแรกที่เราจะได้พบกับคุณพรเลิศ เราตื่นเต้นไม่น้อยกว่าคุณหรอก

ดอกไม้ในสายหมอก ลมจ๋า ขอลมพัดแรงๆหน่อย พวกเราเหล่าหญ้าบนดอยสูงต้องโอนเอนกระซิบบอกต่อกันว่า คุณพรเลิศของเรามาถึงดอยผ้าห่มปกแล้ว

กล้วยไม้ป่า มอส ไลเคน ต้นไม้ใสเสื้อ คุณไม่เดินผ่านเราไปเฉยๆ คุณมองจ้องพวกเรา และในแววตานั้น พวกเราเป็นประกายเจิดจ้า

เห็ด ขอนไม้ผุ เรากลายเป็นเห็ดสีน้ำแสนสวย คุณพยายามจดจำเรา เข้าใจในวิถีธรรมชาติของเรา

ดอกชมพูพิมพ์ใจ คุณรู้จักชื่อ และชมว่า เราเป็นดอกไม้แสนสวย พวกเราและดอกไม้บนดอยผ้าห่มปกตั้งใจเตรียมเร่งดอก กลีบทุกสีทุกช่อเพื่อบานให้คุณได้พบความชื่นใจ

จานสี มีสีของพวกเราในจานสีใบนั้น


ขอบคุณคุณพรเลิศและเพื่อนๆที่มาเยี่ยมพวกเรา เราระลึกถึงคุณเสมอเพื่อนผู้แสนดีต่อสรรพชีวิตที่มีเหลือน้อยมากแล้วในประเทศเล็กๆแห่งนี้

รอยจำผาด่าง 4

21/8/50 เรารู้สึกตัว ตอนรถกระดอนเด้ง เข้าใกล้อาณาเขตผาด่างแล้ว เกือบตีหนึ่งตอนที่เรามุดมุ้งเข้านอนที่บ้านนกเงือก อากาศเย็นสบายดีจังแล้วเราก็หลับสนิทไปอีกครั้ง

22/8/50 โรงเรียนด่านโง เด็กๆหันมามองเรา เอาเราเป็นศูนย์กลางของการจดจ้อง จนเรารู้สึกว่าเวลาหยุดนิ่งกระมัง ดวงตามีแววตื่นเต้น กระตือรือร้น อยากรู้จัก อยากจะรับทุกอย่างที่เรามีและสามารถรับได้ เราจะเริ่มอย่างไร จะสอนอะไรน้องๆเหล่านี้ ดวงตาแป๋วแหวว เดียงสา ตามติดตา ใครจะอยากลืมดวงตาเหล่านั้น
และนาทีที่เราเริ่มคุย พูดและฟังทุกสิ่งที่พวกเราทั้งครูและนักเรียนบ้านป่าแห่งนี้ ได้รู้และค้นพบจากธรรมชาติ

เสียงถามของตัวเอง และได้ยินเสียงตอบสนั่นลั่นห้อง ผมเห็นเม่น หนูเห็นอีเสือ ผมเห็นนกกก หนูด้วยค่ะ หนูเห็นตั้งหลายหน มากมายที่สุดเป็นหมูป่า เก้ง และกวาง ผมกับพ่อเห็นกระทิง ของผมเห็นเสือดำ แต่เค้าไม่เห็นผม ผมกลัวมากครับ

เราเดินรอบสนามโรงเรียน เก็บใบไม้ ดอกไม้ ดูตั๊กแตนแตกตื่นกระโดดโหย่งๆกระจายยามพวกเราก้าวย่ำดงดอกหญ้า แอบศึกษาบ้าน รังแมงมุมที่ตกใจมุดหนีไปใต้ใบไม้ข้างล่าง และที่เราตื่นเต้นที่สุดคงเป็นมือ 2 ข้างของเราที่มีมือน้อยๆ สลับขอจับตลอดเวลา และแสนพิเศษเลิศล้ำ เด็กน้อยเก็บขี้กระต่ายเม็ดเล็กๆ กำใส่มือจนชื้น วิ่งมาอวดเรา

วันนี้เป็นก้าวแรก คงไม่ดีมากนักในผลงาน ยังขาดอะไรอีกมากมาย ที่เรายังต้องปรับปรุง แต่นั่นทำให้เราเข้าใจแล้วว่า ใจของเรา ไม่ยอมให้ครั้งนี้เป็นครั้งแรก และครั้งสุดท้าย ให้เราได้สอนเรื่องราวธรรมชาติอย่างนี้อีก เราจะไม่มีความลับ จะบอกความหมาย ความรักที่ธรรมชาติ สร้างไว้ให้พวกเราและได้รับทุกคน ขอแค่เห็นและเข้าใจสิ่งที่ซ่อนอยู่ อย่างเปราะบาง

23/8/50 หลายคนในเวปไซด์ บอกเล่านกเริ่มอพยพกลับมา เริ่มที่ใจอีกแล้ว ใจเริ่มต้นมองหา คงมีบ้างนะที่กลับมาผาด่าง เรามองจากระเบียงริมน้ำ จะมีตัวไหนหนอที่เป็นสัญญาณของการกลับคืน ที่ฝากหวังผูกไว้กับการรอคอย แต่ทุกอย่างกลับเงียบเหงา แม้แต่นกน้อยประจำถิ่น ก็ร้างลาไร้เงาไม่ร้องเพลง

ต้นก้านเหลืองริมน้ำใบดกหนา เอนย้อยยื่นเอียงเข้าหาพื้นแผ่นน้ำ ใบใหญ่โบกพัดทักทายผาด่างที่ยืนตรงอยู่ฝั่งตรงข้าม เหยี่ยวเล็กสีเทาก็ขยับโผบินให้เราดีใจไปทางทิศตะวันออก แม้เราจะแยกชนิดไม่ออก แต่นั่นคือความหมายของชีวิตที่จากกันไกลทั้งเวลาและดินแดน วันนี้เดินทางรอนแรมอพยพกลับถึงบ้านแล้ว และอีกหนึ่งชีวิต forest wagtail ยืนเกาะบนกิ่งไม้เตี้ย ทางเดินบ้านริมน้ำ ลีลาเด้าลมหมุนตัววนรอบตัวเอง อวดสีขนเหลืองจืดๆสลับดำ เหมือนบอกว่า จำกันได้ไหม เราเคยอยู่ที่นี่ เมื่อปีที่แล้ว ดีใจไหม เราเองก็ดีใจ เรากลับมาแล้ว ที่นี่เป็นบ้านของเราเหมือนกัน เราเหนื่อยเหลือเกิน ขนปีกเราอาจโทรมซีดไปบ้างจาการเดินทางที่ลำบากและยาวไกล อาหารและอากาศที่ผาด่าง อีกไม่นานคงช่วยเราสวยสดชื่นเป็นดาราหน้ากล้องเหมือนเดิม

24/8/50 ตอนบ่าย 2โมง หลานสาวส่งห่อพัสดุเรา ของอากุ้งค่ะ ทุกคนในบ้าน บางคนชำเลืองดูเรา จะเป็นอย่างไรแวบแรก ที่เราเห็นพัสดุ แต่บางคนยืนจ้องมองตรงๆ ตัวดีใจของเราจะใหญ่และดีดดังขนาดไหน สิ่งที่เรารอคอย บินข้ามฟ้า นอนอยู่ในห่อกระดาษแน่นหนาสีขาวในมือ
ตัวหนังสือด้วยลายมือทุกหน้า สีของกาลเวลาบนเนื้อกระดาษ และภาพเขียนสีน้ำแต่ละหน้า ไม่ใช่แค่ความจริง ไม่ใช่แค่ความฝัน นี่คือสุดทางที่ไขว่คว้า กับการตามหาบางอย่างที่ไกลเกินความจริงจะไปถึง ชะตาชีวิตแค่ความฝันอยากครอบครองทุกหลับและตื่นจากเดือนเป็นปี ความสุขนี้ฝังอยู่และให้มากพอแล้ว

Edith Holden ชีวิตหญิงสาวคนหนึ่ง คือเพื่อนในทุกความหมายแห่งจินตนาการ

1 January ,1906, –31 December, 1906, เรื่องราวถูกบันทึกทุกครั้งเมื่ออาทิตย์จบแสงลง ความคิดธรรมดา ตัวหนังสือธรรมดา เรียบง่ายซื่อจริงใจกับเพื่อนรอบตัว เพื่อนคือ ดวงดาว แสงแดด พื้นป่า สายลม ลำน้ำ หรือ ฤดูกาลที่เปลี่ยนไปและหมุนวน ต้นไม้ ต้นหญ้า ดอกไม้ นกน้อย แมลงปอ ล้วนเป็นเพื่อนใกล้ชิด คุ้นเคย เธอเขียนเล่าบอก และวาดภาพเพื่อนของเธออย่างเฝ้ารักและหลงใหล

Edith Holden สิ้นลมและพาความลับของเธอไปด้วย เธอผู้เป็นทั้งเจ้าของและผู้เดียวที่ได้เห็น รู้จักหนังสือเล่มนี้
อะไรทำให้เธอซ่อนเร้น กักขังความสวยงามของหนังสือเล่มนี้ ฝากลืมไว้กับกาลเวลานาน 70ปี หนังสือแสนสวยนอนอยู่ในกล่องไม้ลิ้นชักเหมือนรังดักแด้ มีเพียงความมืดมิดเป็นยามเฝ้า และความเงียบเป็นเพื่อนคุย

วันหนึ่ง เจ้าแห่งกาลเวลาเปิดประตู หน้าต่าง และปล่อยให้แสงลอดผ่านผ้าม่านเก่าๆเข้ามา ในโต๊ะลิ้นชักหนังสือแสนเศร้านอนนิ่ง ถูกเปิดออก ขับไล่ความเหงา เดียวดาย ความสิ้นหวังจากไป

Edith Holden พร้อมเพื่อนๆในธรรมชาติ ตัวหนอนหนังสือยืนเรียงแถว บอกเล่าเรื่องราวความผูกพันธ์ ความรัก ความใกล้ชิด งดงาม สดใส ทุกหน้าทุกตัวอักษร ของสรรพชีวิตเมื่อ100 ปีก่อน

หน้าต้นไม้ ใบไม้ร่าเริง เมื่อกระดาษหน้านั้นถูกแสงแตะต้อง ทุกกิ่งตาเริ่มงอกเป็นตุ่มผ่านน้ำค้างข้ามคืนกลายเป็นดอกตูม รอชูช่อบานหลากสี

ไม้ดอก ไม้ผลงอกงามและร่วงหล่นตามฤดูแต่ละหน้า ที่เปิดชม

นกส่งเสียงทักทาย กระโดดโลดเต้นไปตามหน้ากระดาษ ตามราศี ตามกิ่งไม้

และสดชื่นยามมองภาพ เหล่าแมลง เหล่าผีเสื้อออกลายสะบัดสีสวยสดจ้า บางเกาะนิ่ง และพากันขยับเบาๆ ด้วยปีกบาง ล้นหัวใจคนรักธรรมชาติทั่วโลกกว่า2,000,000เล่ม

28/8/50 ผีเสื้อตัวนี้
ร่างที่นอนนิ่งสิ้นใจ ข้างประตูบ้านฟ้าใส ปีกขยับพลิกกลับไปมาเบาๆ คงเป็นสายลมเพื่อนของเธอ มาชวนไปโบยบินเล่นล่อนกลางฟ้าเหมือนเคย








29/8/50 ฟ้าเริ่มสางแล้ว หูเราตั้งใจ ฟังเสียงนกกระเต็นน้อยธรรมดา ใจมึนงงทำไมเจ้ายังไม่มา ข่าวคราวเจ้ามาแล้ว เสียงนกมากมายส่งเสียงคุยกันลั่นรอบบ้าน แต่ไม่มีเสียงเจ้าเราเฝ้าได้ยิน

บ่ายแล้วเรามานั่งมองเก้าอี้ตัวนี้ จากมุมที่เห็นราวเชือกชัดเจน ใจเราลอยไปตามท้องน้ำ เธอ…ตัวนี้บินเข้ามาเกาะ สีดำตัดเหลืองสดและคิ้วสีขาวเด่นชัดเจน ส่งสายตามองเรา เราบินมาจากที่ไกลแสนไกล มุมนี้น่าสบายจังเราขอพักหน่อยนะ เธอเคยได้ยินข่าวเราที่สวนรถไฟใช่ไม๊ เราคงอยู่ตรงนี้ไม่นานและต้องบินต่อเข้าบ้านกร่าง ขอมอบความสุขเล็กๆน้อยๆแก่เธอเป็นการตอบแทนแลกกับอาหารและที่พักเหนื่อย แมลงและแมงมุมที่นี่เยอะดีจัง

และไม่นานกับความเพลิดเพลิน จนเราตั้งตัวไม่ทัน เสียงร้อง เสียงนี้ เรารีบกระโดดลงเรือน ตามเสียงทั้งวิ่งทั้งเดิน และที่…ห้วยต้นก้านเหลืองบ้านของนกกระเต็นน้อย เธอเกาะกิ่งโดดเด่นมองเราอยู่ เราต่างมองกันนิ่งและนาน ก่อนผละบินไปเกาะราวเชือกจนสั่นไหว สบตากันอีกครั้ง ก่อนบินหายไปในคุ้งป่าไผ่มุมมืด เราสัญญาจะยังไม่ตามถ่ายรูป เธอคงเหนื่อย ต้องพักฟื้นขนที่หลุดโทรมแต่งไซร้ขนใหม่ สักพักอาทิตย์หน้าเราจะกลับมากับกล้องตัวเดิมที่เธอคุ้นเคย อ้อ… ปลาซิวและกุ้งฝอยในลำน้ำนี้มีมากพอเพียงตลอดช่วงเวลาที่นี่เป็นบ้านเธอ

เสียงอะไรตรงพงหญ้าดังเรียกเรา ให้มองจากระเบียงลงไป นกกวักตกใจที่เห็นเราโผล่หน้าไปมองเธอ รีบว่ายน้ำออกไป แต่กลับไม่เร็ว หรือเกะกะพงหญ้า ไม่ใช่ซิ ขาของเธอ ขาเธอพิการ เธอหันมามองเราอย่างหวาดกลัว และตะเกียดตะกายว่ายขาเดียวขึ้นฝั่งกระเพลกๆลากขาไปตามใบไม้แห้งชื่นๆหายไปในเงามืด ใจเราเดินตามดวงตานกกวักขาเป๋ ด้วยความสงสาร เธอต้องระวังตัวด้วยนะ ที่ผาด่าง เราเคยเห็นตัวเอี้ยหากินแถวนี้ เหยี่ยวรุ้งอีก เจ้าเหยี่ยวตัวนี้ มักเกาะอยู่แถวตามบ้านนี้ด้วย ยิ่งในช่วงเหล่าเหยี่ยวอพยพกลับ เหยี่ยวหลายร้อยตัวมักหยุดพักที่ผาด่าง ก่อนบินเคลื่อนย้ายกลับไป จำคำเราไว้ด้วย


30/8/50 บนเปลระเบียงบ้าน เราอ่านหนังสือเตรียมไปสอนหนังสือ เด็กนักเรียนบ้านป่า นกตัวนี้ทำเอาเถาวัลย์แกว่งไกว หนังสือถูกปิด สายตามองตามไปทุกเส้นสาย ที่ไหวกระเทือน สีแดง แดงสดที่อก ประกายเจิดจ้าแดงเต็มหลัง ขนมันแวววาวสะท้อนเล่นแสงที่ลอดส่องต้นไม้สูงพุ่มโต ทุกครั้งที่โดดเกาะย้ายไปตามกิ่งไม้กินน้ำหวานจากดอกเถาวัลย์ลิง

ตามสัญญา ในห้องเรียน เรื่องต้นไม้ต้นหนึ่งเป็นบ้านของสัตว์ป่า ถูกเล่าเป็นเรื่องราว เงื่อนไขให้จำชื่อในวิชาภาษาอังกฤษ เราไม่รู้ว่าใครสนุกกว่ากัน แต่นี่เป็นครั้งที่สอง คำสัญญาในครั้งที่สาม ว่าเราจะพบกัน นั่งเรียนธรรมชาติด้วยกันบนเสื่อผืนใหญ่ใต้ต้นไม้ วันพฤหัสหน้า

เมื่อเรากลับมาผาด่าง หนุ่มจ๊อบหลานชายเล่าให้ฟังว่า งานวาดภาพทำไม่เสร็จ เพราะตัวนี้ สัญญาตามสัญญา ตัวนี้ที่อาให้ผมตามหา ตัวโปรดของเราทั้งคู่ นกหลอกให้ผมเดินตาม เค้าหล่อมาก แต่เมื่อเราเห็นภาพ ไม่ใช่ผู้ชายแต่ในภาพเป็นผู้หญิง หนุ่มจ๊อบบ่นเสียดาย เราปลอบใจว่า ตัวเมียทุกตัวในโลกนี้เป็นผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงดู นกหล่อสวยเจ้าเสน่ห์ทุกตัวไม่ใช่หรือ

อีกตัวอีกครั้งเธอกลับมาหา มาเกาะใกล้บ้าน และโผผละบินไปรอบๆบ้าน หนุ่มจ๊อบหันมาหยิบกล้องและอยู่ด้วยกัน จนสายฝนลงมาและพาให้เราจากกัน เป็นความหมายว่าเราได้อยู่ด้วยกันที่ผาด่าง ณ บ้านหลังเดียวกัน 2 วัน2คืน เราไม่หวังว่าอังคารหน้าเมื่อเรากลับมาผาด่าง เธอจะอยู่หรือบินเข้าบ้านกร่างตามสายลมแห่งสัญชาตญาณผู้อพยพ พอใจเสมอในห้วงเวลาและมิตรภาพที่ธรรมชาติมอบให้

รอยจำผาด่าง 3

29/7/50 บ้านกร่าง ยามเย็น แสงแดดอ่อนตัว ต้นไม้ใหญ่สูงแผ่เงากว้าง ผืนหญ้าเขียวสะพรั่งที่เราชอบถอดรองเท้า เดินย่ำให้จักจี้เท้า บางทีเตะน้ำค้างเล่นยามอรุณรุ่งเช้า แต่วันนี้ช่างต่างกับวันที่เคยเงียบเหงา หมู่เต๊นท์หลากสี หลายขนาด กางบนแปลงหญ้า คนมากมายเดินไปเดินมา เด็กน้อยๆวิ่งเล่นบนสนามหญ้า ทุกชีวิตต่างถิ่นที่มาพักเยือนป่าแห่งนี้ ต่างตระเตรียมเตรียมทำอาหารมื้อเย็นก่อนความมืดมาเยือน เรากับคุณจ๊อบหลานชาย เ ดินตามหากลุ่มเพื่อนของทริปสมาคมดูนก และไม่นาน เมื่อเราพบกัน ความรู้สึกที่เป็นดั่งประทัดแตกก็ประดังกันเข้ามา เสียงร้องด้วยความดีใจ เสียงหัวเราะด้วยความสนุก เพื่อนชาวดูนกต่างเล่าเรื่องสวยงามของชีวิตน้อยๆและสิ่งที่พบในป่าแห่งนี้ เราฟังหลายเรื่องราวแห่งวันวานยามไม่ได้เดินก้าวตามหานกไปด้วยกัน แต่เวลานี้เป็นของพวกเรา เท้าที่ก้าวมารวมกัน ก้าวจากนี้ เดินต่อไปจากวันที่เหลืออยู่ เพื่อไปด้วยกันฟังเสียงหัวเราะร่วมกัน ได้ยิ้มและหรือชี้ไม้ชมนกให้กันและกันอีกสักครั้ง
ทางเดินขึ้นเนิน กล้องสองตาหยิบจากกระเป๋าคล้องคอ แม้แสงอาทิตย์ที่เรารู้ว่า อีกไม่นานคงจากไป นกน้อยคงหาที่แอบหลบภัยนอนหลับพักผ่อน เสียงนก puff- throat babbler เสียงนี้ที่คุ้นจากผาด่าง ไม่ไกลจากที่เท้ายืนอยู่ สองตัวเดินบนทางเดินข้างหน้าและบินหายเข้าพุ่มไม้เตี้ยๆข้างทาง เพื่อนๆต่างยกกล้องมองหากัน มีแต่เสียงร้องไพเราะว่าอยู่ตรงไหนเท่านั้นเอง
บนลานหญ้าที่หญ้าป่าขึ้นเองเป็นผืนวงกว้าง รายรอบไปด้วยป่ามุมสูง และมุมป่าต่ำเป็นรัศมีวงกลม360องศา ภาพป่ากว้างไกลสุดสายตาจะพาไป นก striped tit -wabler บินหลอกพวกเรา เต้นเย้าให้ใบไม้ไหวชวนวนหา และ blue- bearded bee-eater เกาะนิ่งบนกิ่งไม้ที่โดดเด่น ไม่ไกลและไม่สูง เสน่ห์คอสีฟ้าขนเคราฟูพอง สีฟ้าอ่อนปนสีเหลืองแต่งแต้มด้วยสีเขียวอ่อนๆสวยงามงดงามไม่เบื่อตา รอยยิ้มและเสียงพรรณาของตัวเองที่เจ้าคงได้ยิน แม้จะเคยเห็นเจ้าก็หลายครั้ง ใจที่ไม่ยอม พร่ำบ่นเมื่อเจ้าและคู่พร้อมใจกันบินหายไปสู่ป่าเบื้องล่าง ทิ้งให้คนนี้บอบช้ำจากใจเสียดาย
ฝั่งป่าใหญ่ทิศตะวันออก ลมน้อยๆพัดพาความสบายใจมายืนข้างกายในยามเย็น ต้นไม้รูปร่างยิ่งใหญ่โดดเด่นกางกิ่งยาวสีน้ำตาลนวล อมขาวครีม คดหยักยื่นไปซ้ายแตกกิ่งน้อยใหญ่และห้อยลง ละค่อมบังต้นไม้ที่เล็กกว่าเบื้องล่างและกิ่งใหญ่ขวามือต่างทำหน้าที่ได้อลังการไม่ด้อยกว่ากิ่งตรงข้ามเลย เรามักหันกล้องจ้องหาชีวิตมีปีก อาจยืนนิ่งเกาะอยู่กิ่งใดกิ่งหนึ่ง รอคอย… ไม่นานจนใจจะท้อ เสียงร้องของเพื่อนๆ นกแก๊ก ตรงโน้นมีนกแก๊ก oriental pied hornbill บินมาพร้อมเสียงร้อง บินมาแล้วจากทิศเหนือ1..ตัว2..ตัว3 ตัวและ4.. บินและเกาะบนกิ่งไม้ใหญ่ที่ใจฝันไว้ ทุกกิ่งที่เรามีความหวัง และทะยอยบินไปทิศใต้ พวกเราที่ยืนนับ (24 ตัว ) เพื่อนๆต่างร้องพร่ำพูดวลีรัก หลงใหลชีวิตปักษาปีกขนสวยเหล่านี้
ใจเราดึงดันไม่อยากให้แสงสุดท้ายลาฟ้า และนาทีแสงลางเลือน นกกก3 ชีวิต ครอบครัวเล็กๆ แต่ตัวใหญ่ราชาราชินีแห่งปักษาแก่งกระจาน บินผ่านฟ้า เสียงกระพือปีกลอยตามสายลมให้พวกเราที่ยืนเบื้องล่างได้ยินเสียง คล้ายบอกว่า ลาก่อนนะ พรุ่งนี้ที่นี่ เราจะพบกันไม๊ เสียงจากคนรักษ์นกตะโกนฝากบอกฟากฟ้า พรุ่งนี้เราทุกคนจะกลับมา มาพร้อมกับตะวัน
เมื่ออาหารเย็นผ่านไป ทุกคนพร้อมไฟฉาย มารวมตัวกัน เพื่อค้นหาชีวิตนกกลางคืน พวกเรายืนเป็นวง บนถนนในป่าแก่งกระจาน ฟังคุณเป้งสอนและแนะนำเกี่ยวกับวิธีและข้อละเว้นท่ามกลางความมืด เสียงจั่กจั่นป่า เ สียงกบเขียดผสมแก่งกันขับร้องปนเป หิ่งห้อยส่องแสงน้อยนิดวับแวม หนอนกระสือตัวจิ๋วพาเราพบความพิศวง ปลายหางคือไฟฉาย ทุกชีวิตต่างทำหน้าที่มอบความหมายของค่ำคืนแต่งแต้มแสงเสียงและเงาชีวิตป่าไพร แต่ฟ้าที่มีเมฆฝนลอยกระจาย เห็นดาวน้อยแค่ไม่กี่ดวง บางดวงกระพริบนิดๆ แต่นั่นกลับถูกตีความหมายว่ายังมีหวัง เมฆคงไม่ถึงเวลาหลั่งสายฝนลงมา
เงาชีวิตมีปีกถูกเพ่งมองหา บินเป็นเงาดำบนฟ้ากว้างหรือจุดเข้มยืนนิ่งที่ปลายกิ่ง แม้ทั้งหมดที่ได้รับรู้ คือความมืดเห็นความมืดกว่าเท่านั้นเอง ฟ้ายังร้องย้ำเตือนสลับฟ้าแลบสีทองแดง เส้นหยักยาวสะท้อนแสงเป็นสีเงินแวบมุมฟ้า กลุ่มเมฆฝนลอยเตือนเคลื่อนปิด บดบังแสงจันทร์เต็มดวง ใจเริ่มแกว่งพะว้าพะวง กลัวฝนที่อาจเทลงมาให้เต๊นท์นอนเปียกปอน แล้วจะนอนอย่างไร สุดท้ายคุณเป้งยอมพากลุ่มเราเดินย้อนกลับทางเก่าเข้าที่พัก
30/7/50 ลำธารใสน้อยๆเป็นอุปสรรคก้าวข้าม เพื่อนบางคนถอดรองเท้าถุงเท้าเดินลุยน้ำใสเหยียบหินก้อนน้อยเรียงรายก้นลำธาร เรามองหาทางซ้ายและตัดสินใจเลือกทางขวา หินก้อนโตหลายขนาดนอนแช่น้ำ ลดลั่น กระจายห่างๆกัน พอก้าวยาว และก้าวสั้น มีบางส่วนโผล่พ้นน้ำ เราเลือกและเหยียบจนมั่นคง กระโดดไปหาอีกก้อนและอีกก้อน ก่อนกระโดดยาวไปอีกฝั่ง ป่าฝั่งนี้เงียบสงบ ส่งกลิ่นไอเย็นของดินชื่นใจ ทางเดินเล็กๆ มีไม้ป่ายืนรอเราเดินผ่าน2ข้างทาง นกเขียวก้านตองปีกสีฟ้าพากันมากับฝูง blue- winged leafbird หลบซ่อนสีกลมกลืนกินแมลงใต้กลุ่มใบไม้สีเขียว ดวงตาที่เห็นคือสิ่งแตกต่างว่านี่คือนกไม่ใช่ใบไม้ โพระดกหูเขียวแต้มจุดแดงที่คอและปากสีเข้มคือความแตกต่างกับโพระดกคอลาย(ปากสีนวล)green- eared barbet , lined barbet คุณเป้งสอนไว้ นกแก๊กร้องลั่นไม่ไกล เพื่อนๆตื่นเต้น คาดหวังยกกล้องส่องหา ไม่ว่าจะเดินตามเสียงมุมไหน ร้องซ้ำเรียกเราวนเวียน ผืนป่าข้างหน้ากลับแกล้งยืนบังซ่อนเจ้าไว้ ใกล้ใจแต่ไกลตัวอีกแล้ว
ไม้ป่าพุ่มออกดอกกระจายสีแดงเข้ม เต็มต้น ฝูงนกเขียวคราม asian fairy bluebird ตัวผู้สีม่วงสดตัดดำสนิทเพิ่มความเข้มหล่อ ตาแดงฉาน ตัวเมียเขียวน้ำเงินหม่น ไม่สดงดงาม แต่เธอคือผู้เลี้ยงดู ปกป้อง และกำเนิดสายพันธุ์นกสีสวยหล่อทุกตัวมิใช่หรือ อีกหลายสีหลายชนิดบินเข้าบินออก กินดอกไม้สีแดงจนต้นไม้ไหวกระเทือน พวกเราส่องกล้อง เรียนรู้คุณค่าของชีวิตปักษา นกน้อยที่พากันขยับบินไม่อยู่นิ่ง ย้ายโผไปอีกกิ่ง ยืนเกาะพักชั่วครู่ บ้างยืนคลอเคลียกับคู่ อวดพวกเราที่ยืนชม ต่างเพลิดเพลินกับห้วงเวลาเดียวกัน สถานที่เดียวกัน
เราเดินตามหารังนกพญาปากกว้างอกสีเงิน ไม่ว่ากี่รังเป็นแค่ รังร้างห้อยกลางลำธาร แม้เพื่อนจะบ่นเสียดาย ใจเราเริงร่ายินดี ชีวิตใหม่แม้ไม่กล้าแกร่งเต็มที่ วันนี้กำลังหัดโบยบินที่ไหนสักแห่งกับพ่อแม่ของเจ้า เราเดินตามเสียงนกอกสีแสด orange- breasted trogon ตัวเมียคาบหัวตั๊กแตนโผล่ปลายหางบานบางสีเขียวสะท้อนแสง ตัวผู้ร้องเสียงหวานแจ้วหลอกให้เราหันมาชมเจ้า ตัวเมียบินหนีข้ามฟากของลำธารน้อยเข้าป่าพง
เดินตามหานกกระเต็นน้อยสามนิ้วหลังดำ ตามเพื่อนผู้บอกเล่า ว่าเมื่อวานได้เห็นได้พบตัว เสียงร้องลั่นไพร ใครกันเล่า ชะเง้อแหนงคอมองหาตามเสียง บนต้นไม้สูงดิ่ง กิ่งเถาวัลย์ห้อยแกว่ง กล้องสองตาและใจเรา “นกอะไรหนอ” ดวงตาดำกลมเดียงสาเบิกกว้างตื่นกลัว กระรอกน้อยสีน้ำตาลอ่อนในวงรัดแข็งแรงของมัจจุราชสีเขียว เสียงร้องให้เราช่วยเจ้าหรือ จะช่วยเจ้าอย่างไร ขาหมดแรง ที่ยืนค้ำตัวคือคุกเข่าก้มหน้าหลับตา แต่ภาพดวงตาคู่นั้นกลับเป็นตะปูตอกลงในใจเรา เสียงเพื่อนๆ โดนกินแล้ว กลืนแล้ว เสียงกระรอกอีกตัว คงเรียกหาคู่ ชีวิต….จากไปแล้ว
เลือกที่จะหลับตา ไม่มองป่าสองข้างทาง ไม่อยากมองหาชีวิตน้อยปลายปีก ไม่อยากให้ความเศร้าอยู่กับเรา และไม่นานเมื่อรถมาถึงผาด่าง โชคดีที่มีงานมากมายสุมรอเราอยู่ การต้อนรับ ดูแล บริการช่วยให้เราลืมชีวิตกระรอกน้อย เราและพี่เปี๊ยกพาเพื่อนๆเดินชมผาด่าง บ้านป่าที่เราเลือกอยู่กับชีวิตมีปีก
บนระเบียงบ้านริมน้ำ เพื่อนต่างนอนบนเสื่อ บ้างนอนในเปลสนามพูดคุยเสียงสดชื่น ปล่อยใจไปตามสายลมสายน้ำที่พัดพาความเย็นสบายให้พวกเรา รอยยิ้ม ดวงตา เรื่องเล่าที่ชิงกันพูด ล้วนบอกความสุขสบาย ณ ที่แห่งนี้
ใต้ต้นตะขบหน้าร้านค้าผาด่าง นกกาฝากก้นเหลือง yellow –vented flowerpecker ยืนแอ่นอกร้องเพลงเป็นนานสองนานทั้งที่โดยธรรมชาติ นกกาฝากมักไม่หยุดนิ่ง ให้เห็นเต็มตัวเต็มตากันง่ายๆ เจ้าแห่งกาลเวลานำพาเจ้า ยืนอวดอกสีนวลลายไข่ปลาสีดำและขนอ่อนสีเหลืองแปร๊ดที่ก้น ให้ทุกคนได้เห็นได้ถ่ายรูปเป็นของฝากจากผาด่างด้วย สำหรับเราแสนพิเศษ นกตัวนี้เป็นสมาชิกใหม่ที่เราเองพึ่งพบเห็นเจ้า ที่ผาด่างเป็นครั้งแรกอีกด้วย
อาหารมื้อกลางวัน ล่าช้าเพราะแขกมากมายหลายโต๊ะ เข้ามาทาน เราถามหาผู้ช่วย พี่หวัดหายไปไหน เสียงพยุงตอบว่า ไปเก็บพริก แล้วตาโมนเล่า ตาโมนไปเก็บมะขาม ลูกค้าสั่งซื้อน้ำพริกมะขามกลับกรุงเทพ พยุงคนเดิมตอบกลับมาขณะที่ในมือกำลังสับหมู คุณอรเดินถือจานข้าวมาในครัวขอเติมข้าวอีกนิด เพราะอร่อยแกงป่า ไม่ยอมหยุดทานแม้จะอิ่มและเผ็ดมากในสไตล์ผาด่างก็ตาม
เวลาที่ต้องล่ำลากัน เสียงบอกพร้อม ยกมือไหว้ สวัสดี ลาก่อน พบกันใหม่อีกนะ ในมือของเพื่อนๆ คุณประพัทธ์มีถุงน้ำผึ้งป่าเป็นของฝากทางบ้าน คุณอรคนพูดเก่งมีน้ำพริกมะขามกับน้ำพริกแกงป่า ผ้าไหมพันคอปักดอกกุหลาบช่อโตฝีมือหญิงชาวบ้านป่าอยู่ในกระเป๋าน้องทิพย์ ลูกค้าชาวต่างประเทศพักนอนบ้านฟ้าสดใส่เสื้อยืดเป็นฝีมือเพนธ์นกในธรรมชาติของหนุ่มจ๊อบ ทุกอย่างล้วนเป็นของฝากจากธรรมชาติ ที่ทำเองจากใจ ชาวบ้านป่า และอีกหลายๆคน ต่างช่วยกันอุดหนุนผลผลิตจากชาวผาด่าง รอยยิ้มความสุขที่ชาวผาด่างได้รับคือน้ำใจที่เพื่อนๆและแขกผู้มาเยือนต่างฝากไว้ให้เป็นความทรงจำ


สิงหาคม AUGUST

08/08/50 เราตัดสินใจจากที่นอนตอนเสียงไก่ป่าบินลงจากคอน เดินมาหน้าผาด่าง มองไกลสุดป่าตะวันตกเบื้องหน้า ฟ้ามัวเมฆสีเทาลอยละลิ่ว ตลอดคืน เราไม่กล้าหลับ เสียงลมจากป่าใหญ่ปลุกเราให้ตื่นมาพบกับความกังวลทั้งคืน ต้นไม้ใหญ่ในผาด่างร้องครวญครางราวกับจะขอความปราณีให้ลมหยุดฟาด หยุดกระชากเสียที ใจเราสะดุ้งสะท้านกลัวเจ้าแห่งลม ส่งเสียงคำรามกระหน่ำรอบฝาบ้าน

ที่โต๊ะกาแฟ ชาวบ้านต่างมาซื้อของก่อนพากันหายเข้าไปในไร่หรือเข้าไปเก็บของป่า แต่ละคนบอกว่าไม่ได้นอนกันเลย ลมแรงมาก กลัวหลังคาบ้านจะเปิด สังกะสีจะลอย และต้นไม้ใหญ่จะโค่นล้มทับบ้านกัน และบางคนเล่าว่าพืชผักเสียหายทุกอย่าง ต้นกล้วยล้มระเนระนาด ใบกล้วยแตกเป็นเส้นแส้ยับเยิน พายุลมมาอีกแล้ว แรงจนเรารีบวิ่งหลบใต้ชายคามองต้นไม้ใหญ่ใบเขียวพุ่มงามตรงหน้าด้วยความเป็นห่วง ไม้ต้นนี้เราปลูกตั้งแต่เป็นต้นกล้าเล็กกว่าปลายนิ้วก้อย จนอายุ10 ปี เมื่อย้ายบ้านมาอยู่ผาด่างเราไม่ได้ถอนแค่เสาเรือน หลายสิบต้นไม้ใหญ่แสนรัก เราจ้างรถแบ๊กโฮขุดยกถอนรากหอบหิ้วกันมาปลูกที่ผาด่าง ห้วงวินาทีที่เราต้องยืนมองที่ต้นไม้เบื้องหน้าเหมือนยากจะทนทาน อาจต้องล้มลงอย่างยอมแพ้แก่เจ้าแห่งพายุกำลังจับกิ่งจับก้านบิดหวดโยกโยน ซ้ำและซ้ำอย่างไร้ความปราณีเป็นระลอกแล้วระลอกเล่า เราภาวนาเสียงดังฝ่าสายลมออกไป ขอพายุฝนดีกว่าไม่เอาพายุลมอย่างนี้

09/08/50 วันนี้ลมซาแผ่วลงแล้ว แต่ยังมีซัดมาเป็นระลอกบ้าง เราเองผ่อนคลายเหมือนลมเช่นกัน พวกแม่ครัวช่วยกันทำอาหารแต่เช้าเป็นพิเศษ เงินบริจาก 6,000 บาท ที่คุณอ้วนมอบให้ผาด่างจัดทำอาหารเลี้ยงเด็กมื้อกลางวัน ก่อนสิบเอ็ดโมงเรามีนัดกับครอบครัวคุณอ้วน ที่โรงเรียนด่านโง แก่งกระจาน เด็กน้อยต่างชะเง้อชะโงกหน้าหาครูโบ๊ท เมื่อเห็นรถวิ่งเข้าไปจอดในโรงเรียน ตามหน้าต่างห้องเรียนและประตูห้อง มีใบหน้ายิ้มร่าอย่างดีใจ ยกมือไหว้สวัสดีครับ สวัสดีค่ะ เสน่ห์ที่เป็นธรรมชาติจนเราหลงใหล ยิ้มปากกว้างส่งกลับคืนเป็นการขอบคุณจากใจให้เด็กน้อยทุกคน เด็กๆตื่นเต้นอยากให้เวลาทานอาหารมาถึงไวๆ เพราะคิดถึง ครูโบ๊ท หนุ่มนักเรียนจากอเมริกา อายุแค่19 ปี ขอเป็นครูสอนเด็กบ้านป่า ช่วงตัวเองปิดเทอมกลับมาเยี่ยมพ่อแม่ที่เมืองไทย
เมื่อเวลาทานอาหารมาถึง หลายอย่างชุลมุนโกลาหล เกิดและจบเพียงแค่ในช่วงมื้อเที่ยง แต่เป็นเวลาที่ทุกคนต่างเล่นเป็นผู้รับและเป็นผู้ให้ มิตรภาพถูกยื่น รับ แลกคืนให้กันและกันตลอดเวลา รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ น้ำใจ เมตตา หวังดี สุดท้ายคือจริงใจที่มีอยู่เต็มห้องอาหาร
เด็กน้อยแค่ 150 คน ครู 6 คน ภาพแต่ละภาพที่เราเห็นและร่วมแสดงเป็นตัวประกอบ ครอบครัวผู้เอื้อครอบครัวอารีย์มีรอยยิ้มปลื้มเต็มหน้าตลอดเวลาคอยตักข้าว ตักอาหารให้เด็กน้อยอย่างทั่วถึงเอาใจใส่ ดูแลคอยเติมข้าว ถามไถ่เมื่ออาหารพร่อง ทุกก้าวที่หนุ่มคนนี้เดินไปถึง จากดวงตาที่เห็นเรา ความผูกพันของเด็กโรงเรียนนี้มีให้ครูโบ๊ท อย่างซื่อใสใจจริง แม้เวลาที่เป็นครูเป็นนักเรียนกันแสนสั้น เพียงแค่ 5 วันเท่านั้นเอง
ความซาบซึ้ง และสวยงาม ที่ทุกคนร่วมแสดงจิตบริสุทธ์ เกิดกลางป่าแก่งกระจานและตกตะกอนเป็นความทรงจำให้ใจเราเรียนรู้ ความดีคือการสละเพื่อให้อีกครั้ง ภาพ เด็กน้อยตื่นเต้นอยากเป็นดาราหน้ากล้อง ภาพเดี่ยว ดวงตาสดใสมอบให้ กล้องทุกตัว ภาพหมู่ อวดยิ้มกว้างพร้อมฟันผุฟันเก ภาพคุณแม่ปูเดินอย่างไร ลูกปูก็เดินได้ดีงดงามฉันนั้น ภาพ .มือดำปื้อของเด็กๆต่างยื้อยุดครูหนุ่ม และเมื่อต้องกล่าวอำลา หนุ่มคนนี้จะต้องกลับไปเรียนต่อที่อเมริกา เด็กบ้านป่าและครูโบ๊ท ต่างขอและให้สัญญาฝากกันและกันไว้ ณ.โรงเรียนแห่งนี้
ยากที่ตัดใจลา น้องโบ๊ท ขอตัวเดินเข้าไปลาเด็กๆตามห้องเรียนอีกครั้ง ความดีงามไม่มากพอหรือ ทำไมต้องตอบแทนให้ความเศร้าเป็นเพื่อนติดตัวยามเดินทางจากลาด้วยเล่า

10/ น้องมดเด็กดีแห่งผาด่างแคมป์ หลายปีที่น้องมดเป็นลูกจ้างตั้งแต่กำเนิดผาด่าง งานก่อสร้าง แบกปูน แบกไม้ เทปูน ผสมปูน ขุดต้นไม้ ปลูกต้นไม้ 4 ปีผ่านไป จากเด็กประถม 6 เป็น เด็กสาว ม.4 ตอนเย็นหลังเลิกเรียน น้องมดรับจ้างทำความสะอาดบ้านพัก เสาร์อาทิตย์รับจ้างทำงานในไร่สับปะรด น้องมดได้รับทุนเรียนดีทุกปี รายได้จากการทำงานในผาด่างและที่ไร่ น้องมดไม่เคยต้องขอเงินจากแม่ของน้อง เสียงโทรศัพท์ วันนี้ คุณอ้วนย้ำเรื่องทุนการศึกษาให้น้องมดเด็กสาวกำพร้าพ่อ ให้เราดูแลจัดการอย่างเป็นพิเศษ
และยังมอบเงินให้เราสานต่อจากจุดเริ่มต้นที่ครูโบ๊ท์เริ่มไว้ โครงการช่วยเหลือจัดหาจัดจ้างครูสอนเด็กน้อยบ้านป่า
ผาด่างแคมป์ แก่งกระจาน รับอาสาสมัคร ชาย อายุ 20 ปีขึ้นไป การศึกษามัธยมศึกษาปีที่ 6 - ปริญญาตรี มีใจรักธรรมชาติ มีไฟแห่งการเสียสละ ฝันอยากเป็นครูสอนเด็กบ้านป่า1 คนต่อ1 เดือน สอนได้ทุกวิชาแต่ วิชาที่ต้องการ คือ พละ ดนตรี ภาษาอังกฤษ และสิ่งแวดล้อม( นก ) เงินเดือนประมาณ 5,000 บาท อาหารกลางวันฟรีทานที่โรงเรียน มีบ้านพัก
(ผาด่างแคมป์ ) โครงการนี้มีระยะเวลาแค่ 6 เดือน
โรงเรียน ด่านโง ตั้งอยู่ที่โครงการพระราชดำริห้วยแม่เพรียง อ. แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ห่างจากผาด่างแคมป์ 2 กิโล
มีตั้งแต่ชั้นอนุบาล-ประถม 6
นักเรียนทั้งหมด 150 คน
คุณครู 7 คน

เป็นที่น่าสังเกตุ คุณครูกับจำนวนนักเรียน บางครั้งและหรือบ่อยครั้ง ต้องให้เด็กหยุดเรียน เพราะคุณครูเดินทางเข้ามาอบรมบ่อยๆ หรือเดินทางเข้าจังหวัดเพื่อติดต่อกิจในราชการ
ทักษะที่วิชาที่คุณครูขาดแคลนต้องการเสริม กีฬา ศิลปะ ดนตรี ภาษาอังกฤษ สิ่งแวดล้อม(นก)



13/ เรากำลังจะเป็นคุณครู ครูสอนสิ่งแวดล้อม( นก ) โรงเรียนด่านโง เด็กที่นี่ มีบ้านเป็นป่ากันชนอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ผืนป่าที่อุดมมั่งคั่งด้วยทรัพยากรที่ประเมินค่ามิได้ แม้จะผ่านการถูกทำลาย ด้วยฝีมือมนุษย์ อย่างต่อเนื่องจากอดีตถึงปัจจุบัน วันนี้ผืนป่ายังถูกทำลายลงอย่างช้าๆ จากนักท่องเที่ยวหรือจากพ่อแม่ของเด็กน้อยบางคนเหมือนกัน ป่าถูกกระทำซ้ำๆ ทรุดโทรมลงไปทีละน้อยทีละน้อย แต่หัวใจสำคัญที่สุดแผ่นดินแห่งนี้เป็นบ้านของนกป่ามากกว่าสี่ร้อยชนิด (นกผู้ให้กำเนิดป่า) การสร้างความรักษ์ธรรมชาติลงในหัวใจของเด็กบ้านป่า เป็นแรงผลักดันมุ่งมั่นตั้งใจให้ความสำคัญเร่งด่วนที่สุดกับพื้นที่ตรงนี้ เด็กน้อยทุกคนที่นี่อีกไม่นาน อาจต้องดำเนินชีวิตเดินเข้าป่าตามรอยพ่อแม่ที่เป็นพรานตัดไม้ หรือพรานล่าสัตว์ แต่วันนี้เวลาที่รอคอยเกิดขึ้นแล้ว เรามีโอกาสสุดพิเศษ ให้เด็กน้อยเรียนรู้ความจริงแห่งวิถีกำเนิด แท้จริงแล้ว ธรรมชาติเฝ้ารอและคาดหวังให้พวกเขารู้ความจริงว่า ธรรมชาติสร้างพวกเขามาเพื่อทำหน้าที่ปกป้องธรรมชาตินั่นเอง

วันพุธที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2552