วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ขอเป็นต้นไม้

เราขอเป็นต้นไม้ได้ไหม
ต้นไม้ที่พร้อมจะมีแต่ให้ลูกผล เหมาะทุกชีวิตชื่นชอบผ่านมาได้ กิน หรือนำไปใช้ประโยชน์

หากกรุณาช่วยนำลูกผลเราไปเพาะปลูกให้มีลูกหลานเป็นต้นอ่อน ที่แข็งแรงพร้อมจะเป็นต้นไม้ใหญ่อย่างต้นนี้อีกให้เต็มป่าเมืองไทย

พ่อสามี จ่าหริ

ทุกเย็นหน้าบ้าน ถนนเล็กๆในอำเภอเมืองเพชรบุรี


ชายแก่คนหนึ่ง พร้อมเก้าอี้พลาสติก นั่งหน้าบ้านคอยยิ้ม หรือโบกมือทักทายเพื่อนบ้านที่เดินไปมาบนถนนยามเย็น

บ้างปั่นจักรยานอย่างช้าๆ เข็นรถขายของกลับบ้าน พ่อแม่รับลูกหลานจากโรงเรียน หรือบางคนกำลังเดินกลับบ้านหลังจากไปทำงานแต่เช้า

มีทั้งขับรถมอเตอร์ไซด์แต่งตัวใหม่ทั้งสวยและหล่อ ออกไปทำงานตอนเย็น เหมือนนกกลับรังหลังจากไปทำงาน

คนเหล่านั้นผ่านไปและผ่านมาในช่วงเวลากลับตอนเย็น

บางคนก็ทักทายตะโกนพอได้ยิน..... ทำอะไรลุง

คนแก่น่ารักคนนี้โบกมือรับ และมักตะโกนตอบกลับไปว่า..... ออกมาดูชาวบ้านเขาทำกิน

วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2552

วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2552

pkkk2714 blog เป็นครูตามแม่

pkkk2714 blog

pkkk2714 blog วันนี้พบความสุข

pkkk2714 blog

แล้วเราก็มีวัฒนธรรมต่างกัน

เวลาสองทุ่ม วันที่ 23 สิงหาคม 2552


สวัสดีค่ะ พี่เอง จำได้ไหมค่ะ บ้านเรามีเรื่องทะเลาะกันตอนเย็น ตัวน้องกับพี่สาวของพี่ค่ะ

ผมจำได้แล้วครับ

พี่ชื่อพี่กุ้งค่ะ แล้วนี่หลานชาย ชื่อแดน หลานสาวชื่อเปิ้ล อีกคนหลานเหมือนกัน...ชื่อน้องเปล เราทั้งหมดอยู่บ้านเดียวกันค่ะ


ผมชื่อแต๊กครับ ชายหนุ่มผิวเข้ม รูปร่างแข็งแรง เนื่องจากปั่นจักรยานรอบๆหมู่บ้านของเราทุกวัน

ไม่ใช่เรื่องแปลกความสามารถสูงในกีฬาโปรดปรานของชายหนุ่มเพื่อนบ้านของเรา กับหมู่บ้านใหม่ สะอาดสวยด้วยสวนหย่อมกระจายจายไปทั่วหมู่บ้าน ถนนกว้าง พอให้ทุกคนได้ออกกำลังกายได้ทุกรูปแบบ วิ่ง เดิน หรือปั่นจักรยาน

............(แผนขั้นที่หนึ่ง)



พี่กุ้งขอเข้าไปในบ้านได้ไหมค่ะ

ไม่ได้ครับ

พี่กุ้งอยากเข้าไปกราบขอโทษคุณพ่อกับคุณแม่ของน้องด้วยตัวเอง

อ๋อ พ่อแม่ผมไม่ได้อยู่ที่นี่ ผมอยู่กันสองคนกับภรรยาครับ

ถ้าอย่างนั้นเข้าไปคุยในบ้านได้ไหมค่ะ ถ้าคุยหน้าบ้าน ชาวบ้านหลังอื่นๆรอบๆนี้จะได้ยินกันหมดนะค่ะ


(จบแผนขั้นที่สอง)

ไม่เป็นไรครับ พี่ต้องการพูดคุยเรื่องอะไรครับ จะเอาประเด็นไหนบอกมาเลยครับ

พี่กุ้งขอไม่ใช้คำว่า ประเด็นได้ไหมค่ะ มันไม่มีความเป็นเพื่อนบ้านกัน

หนุ่มแต๊กตกลงทันทีอย่างสุภาพ ตามมรรยาทบทบาทละครเวทีนี้ พี่กุ้งขอเป็นคนกำกับ

พี่กุ้งขอให้แต๊กเป็นคนพูดก่อนแล้วกัน


หนุ่มแต๊กเล่าอย่างตั้งใจ เมื่อตอนเย็น ผมปั่นจักรยานด้วยความเร็ว และเมื่อใกล้หัวเลี้ยว ผมชะลอรถแล้วครับ แน่ใจว่าอยู่ถูกเลนด้วย

พี่สาวของพี่กุ้งก็มาว่าผม แล้วพูดเลยไปถึงว่า พ่อแม่ไม่สั่งสอน เป็นใครก็ทนไม่ได้ใช่ไหมครับ ผมจำเป็นต้องตอบโต้ด้วยคำพูดก้าวร้าว อย่างนั้น แล้วชายหนุ่มก็เงียบหยุดนิ่งไป


.............



จบหรือยังค่ะ จบแล้วครับ

ถ้าอย่างนั้นพี่กุ้งขอพูดบ้างแล้วกัน

พี่กุ้งมาด้วยเหตุประการเดียว คือมาขอโทษ แต่มีสามข้อด้วยกันค่ะ


..................


ข้อแรก พี่กุ้งนำความขอโทษจากพี่สาว ขอโทษเกี่ยวกับการล่วงเกินบุพการีของน้อง พี่เข้าใจค่ะ นี่คือข้อแรกสำคัญที่สุด เพราะพี่เองเพิ่งเผาศพคุณแม่ไปเมื่อสามวันก่อน ทั้งพี่และพี่สาวยิ่งกว่าเสียใจ กับคำพูดอย่างนั้น จึงเป็นความจำเป็นอย่างยิ่ง พี่กุ้งต้องมาขอโทษแก้ไขเรื่องผิดพลาด


ขอโทษข้อที่สอง ในนามของคนใส่ชุดขาวถือศิล ทุกคนในประเทศไทยต้องมามัวหมองด้วยคำตำหนิ

.....คำของน้องแต๊ก...ว่านี่หรือคนถือศิล นุ่งขาว ให้เด็กกว่ามาถอนหงอก ก้องในสมอง วนไปมา ยากจะลบลืม

พี่กุ้งต้องขออภัยอย่างสุดซึ้ง ไม่อยากให้น้องแต๊ก มองคนใส่ชุดขาวถือศิล เป็นอย่างนี้กันหมด

พี่สาวของพี่คนเดียวต้องมาทำให้คนชุดขาวถือศิลต้องแปดเปื้อน โปรดรับคำขออภัยด้วยค่ะ


ขอโทษข้อที่สาม พี่ต้องขอโทษด้วยว่า ตอนนี้ประเทศไทย สังคมก็เหมือนแตกแยกกัน พี่กุ้งไม่อยากให้เกิดความแตกแยกซ้ำบนแผ่นดินนี้อีก


สาเหตุที่พี่พาหลานทั้งสามมาด้วย เพื่อสอนหลานๆเรียนรู้ ว่าสังคมไทย วัฒนธรรมของไทย คือการนิ่งรับฟัง เชื่อและปฏิบัติตามผู้ใหญ่ในเรื่องที่สมควร เชื่อในการสร้างกุศลความคิดให้ตัวเอง สร้างกุศลความคิดให้ผู้อื่น

หลานๆทุกคนพยักหน้า อย่างเข้าใจสถานะกาณ์

......................

หนุ่มชื่อแต๊ก กล่าวอย่างคนเชื่อมั่นในตัวเองสูงของคนสมัยใหม่ ถ้าอย่างนั้นผมก็รับคำขอโทษของพี่ด้วยครับ


ผมเสียพ่อไปตั้งแต่ปี 2535 ผมไปเรียนเมืองนอก กลับมาเมืองไทย ทำงานบริษัทฝรั่ง ที่นั่นงานของผมไม่มีระบบอาวุโส ทุกคนเท่าเทียมกันหมด ไม่มีเด็กกว่า ใช้เหตุผลเป็นใหญ่ ถูก ผิด คือตัวตัดสิน ไม่มีมีการต้องเชื่อฟัง สามารถโต้เถียงกันได้ และมีผลสรุปผลประโยชน์ขององค์กรเป็นสำคัญ หวังว่าพี่กุ้งคงเข้าใจนะครับ



..................

พี่กุ้งเข้าใจแล้วค่ะ ถ้าอย่างนั้นพี่กุ้งขอลาน้องแต๊กก่อนแล้วกันค่ะ มืดมากแล้ว อ้าวหลานๆไหว้ลา... พี่แต๊ก


พี่กุ้งไม่ได้พูดนะค่ะว่า พี่สาวพี่เกือบขับรถชนน้อง ถ้าน้องแต๊กต้องตายหรือพิการไปชั่วชีวิต


พี่กุ้งไม่ได้พูดนะค่ะ ว่าการเบรกรถ ทำความเสียหายอะไรบ้างภายในรถบ้าง มีใครบาดเจ็บหรือเปล่า

พี่กุ้งไม่ได้พูดนะค่ะว่า น้องไม่ทราบว่าหมู่บ้านของเรากำลังซ่อมถนน มีการปิดถนน เลนถนนหายไปคึ่งหนึ่ง พี่สาวของพี่กุ้งต้องระวังทั้งเด็กที่ออกมาเล่นยามเย็น พี่กุ้งไม่ได้พูดนะค่ะ


................




เรื่องนี้จบลงเพราะพี่กุ้งใช้วัฒนธรรมไทย

ถ้าพี่กุ้งคิดอย่างวัฒนธรรมฝรั่ง...พี่กุ้งจะหาตอนจบได้อย่างไรค่ะ

คนคิดอย่างวัฒนธรรมฝรั่ง ช่วงบอกวิธีด้วยค่ะ






วันพุธที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ไม่คาดคิด....

วันนี้ เป็นวันที่ 12สิงหาคม เป็นวันพุธ

เราตัดสินใจไปบ้านน้องเจน

จากการสอบถามเก๋ ว่าน้องเจนมารับเงินกองทุนของเดือนนี้หรือยัง

เมื่อเก๋บอกว่า เดือนนี้ยังไม่เห็นน้อง วันนี้น้องหยุดเรียนและเป็นวันพุธโอกาสเจอน้องเจนจึงมีค่อนข้างสูง

เมื่อถึงบ้านเจน เจนดีใจวิ่งมาหาเราที่รถ พร้อมยกมือไหว้ สวัสดี เราถามเจนว่าทำไมเดือนนี้ไม่ไปรับเงินกองทุนการศึกษา

เจนไม่กล้าตอบ คงเกรงใจ เกี่ยวกับความแน่นอนของกองทุน เราต้องคอยย้ำเสมอ ให้ไปรับให้ได้นะ เจนบอกว่า วันนี้ก็ตั้งใจไปหาป้ากุ้ง แม่บอกให้ไปหา เพราะว่าวันนี้เป็นวันแม่ เราฟังแลวนิ่งไปนิดนึง เพราะไม่เคยมีลูก และลืมไปหมดรีบพาน้องเจนมาเที่ยวที่ผาด่าง

เจนตามจ๊อบไปวาดรูป เรานั่งคิดถึงประโยคของน้องเจน ว่าวันนี้จะมาหาเราเพราะเป็นวันแม่ เราควรจะรู้สึกอย่างไร กับความไม่คาดคิดกับคำไม่กี่คำ เรารู้สึกไกลเกินที่จะได้

อยู่กับน้องเจนวันนี้เรามีความสุขมาก เจนพูดเก่งขยัน และซื่อบริสุทธุ์ ทุกคำพูดคือความดีให้เราได้ยิน ทั้งต่อครอบครัว การตั้งใจเรียน และความตั้งใจต่อการอนุรักษ์ ที่เราปลูกเป็นต้นกล้าไว้ ต้นนี้ แข็งแรง และโตเร็วมากค่ะ


ขอขอบคุณคุณอ้วนและครอบครัว น้องโป๊ด น้องปลาย บีและพิม สร้างโอกาสให้กับเราได้ทำเรื่องดีอย่างนี้ประดับกาลเวลาที่ป่าแก่งกระจาน

ไม่ได้ถอดรองเท้า

เราชอบฟังพ่อสามีเล่าเรื่องตอนเป็นตำรวจ ถ่ายทอดผสมความคิดของพ่อสามี แปลกมักใช้คำพูดสุภาษิต เสียงเหน่อๆของชาวเมืองเพชร สำนวนที่เราเองไม่เคยได้ยินมาก่อน


พ่อบอกว่าก่อนเกษียรตำรวจ ตำแหน่งของพ่อเป็นจ่า มีหน้าที่ถ่ายรูปชันสูตร ตามสถานที่เกิดเหตุ

พ่อบอกว่าวันนั้นไปบ้าน เป็นบ้านไม้ยกพื้นหลังใหญ่ ในที่เกิดเหตุ แถวหนองช้างตาย ขึ้นไปบ้านที่เกิดเหตุ พ่อเสียใจไม่ได้ถอดรองเท้า

เราถามอย่างสงสัย ว่าทำไมถึงไม่ถอดรองเท้า

พ่อสามีบอกว่า เมืองเพชรมันดุลูก

มันใช้ระเบิดเขี้ยงเข้าไปในบ้าน ทั้งคนทั้งของใช้ในบ้านมันเกลือ่น เลอะ เละ เต็มไปหมด

แยกไม่ออกว่าช้นไหนเป็นคน เป็นผ้า และเลือดกระจาย

พ่อกับเพื่อนๆตำรวจ เลยไม่ได้ถอดรองเท้า
บทส่งท้าย


ตามหาคำถาม แม่ไปไหน

ต่อจากนี้ไป หากคิดถึงแม่ ภาพในอดีตหรือความทรงจำเท่านั้นหรือ

ความมหัศจรรย์มอบทางสว่างสู่ความคิด

แม่อยู่ในรอยยิ้มของพี่กาจ คอยห่วงใยทุกคน ทั้งเป็นคนรักสะอาด รักระเบียบ นิสัยนี้ช่างเหมือนแม่จริงๆ


หลานเปิ้ลผู้รับความอ่อนหวานหากมีจิตใจเข้มแข็ง


จิตใจอดทนมีเมตตากรุณา มองทุกคนเป็นคนดี เป็นผู้ให้ อยู่กับพี่ไก่ลูกสาวคนแรกของแม่

หากได้มองดวงตาของหลานปริน ดวงตาแม่อยู่ตรงนั้น

ทุกคนพูดให้ฟังตั้งแต่จำความได้ เราเหมือนแม่ที่สุดเมื่อพี่ไก่มีลูกสาว หลานเปลเหมือนกับเรา



หลานมินต์สาวสวยยิ้มสวยมารยาทงดงามไม่อ่อนหวานเท่าแม่แต่ละม้ายคล้ายทีเดียว

พี่ปื๊ดลูกชายคนโต ในความนิ่ง ปิด เงียบ ลึก นี่คือนิสัยแม่ของพวกเรา


กล้าหลานชายคนแรกของแม่ คืออัญมณี นำความร่าเริงชุ่มชื่นใจให้แม่ ในยามชีวิตลำบาก สองคนย่าหลานสามขวบจูงมือกันออกจากบ้านแต่เช้าและกลับบ้านพร้อมกันเมื่อตะวันตกดิน

ย่าเป็นครู หลานชายเป็นนักเรียนอนุบาลร่วมโรงเรียนเดียวกัน กล้าหลานชายคนนี้กับย่าเป็นสัญญลักษณ์ อาชีพคุณครูของแม่ ร่วม 20 ปี นิสัยจากการคลุกคลีกันมาก ทานอาหารรสชาดเดียวกัน การใช้ชีวิตกับสังคม

ป๊อบหลานชายเลี้ยงง่าย เป็นเด็กอ่อนโยน ไม่ดื้อ ไม่เกเร นี้คือนิสัยของแม่ยามปฏิบัติต่อยาย จนพวกเราเห็นกันอย่างชาชิน

เป็นเรื่องน่ายินดีภูมิใจที่สุด หากมองไล่เรียงลูกทีละคน หลงใหลชอบงานศิลปะ ประดิษฐ์ประดอยของใช้ การร้องรำทำเพลง ลูกทุกคนของแม่มีเลือดรักศิลปะ ชอบวาดขีดเขียน ดนตรี ร้องเพลง เต้นรำ หรือแม้แต่รำไทย

หลานหลายคนเดินตามรอย หลานเปลหลานสาวคนเล็ก อ่านโน๊ตเพลงได้ตั้งแต่อยู่อนุบาล 3




คำถาม ทำให้กังวลใจ ....ได้ถูกปลดปล่อยออกไป

การกล้าถามตัวเองการพิจารณาไตร่ตรอง แม่ไม่ได้จากลูกไปไหนเลย แม่ยังอยู่ในตัวลูกหลานทุกคน เลือดของแม่ไหลเวียนวิ่งในร่างกาย กระดูกทุกชิ้นของข้อต่อหยัดยืนผ่านฤดูกาลตามแม่

ในแววตา รอยยิ้ม ความคิด อุปนิสัย อิริยาบถ เหล่านี้คือความอมตะของแม่ฝากติดให้กับลูก หลาน ทุกคนแล้ว


ลูกขอโทษ…

รักแม่แค่ไหน ….ไม่อาจเท่าเทียบ……แม่รักลูก

วันอังคารที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2552

พ่อสามีที่น่าสงสาร

เราสองคน สามีขับรถที่ซื้อหาด้วยการใช้ชีวิตคู่ทำงานค่อยๆสร้างตัว จนพอมีเงินซื้อรถ

ธรรมดาของคนมีรถใหม่ ชอบขับรถออกนอกตัวนอกตัวเมือง ไปไกลๆ บ้านเกิดพี่เปี๊ยก อยู่ เพชรบุรีเป็นเป้าหมายที่ดีกลับการกลับไปเยี่ยมบิดา มารดา

พ่อของพี่เปี๊ยกเป็นอดีตนายตำรวจ เกษียรอายุทำงานแล้ว ความเป็นตำรวจประกอบกับเป็นคนอำเภอบ้านลาด

คนในอำเภอนี้จะเป็นคนรักสะอากดเจ้าระเบียบ

เมื่อเรามาอยู่ในฐานะลูกสะใภ้ มีสะใภ้มากมาย เลิกกันแล้วพาใหม่มา หรือเป็นสะใภ้เบอร์หลวง เบอร์น้อย

ค่ำวันนั้นเราไปถึงเพชรบุรีก็ประมาณ สามทุ่มแล้ว พี่เปี๊ยกของเอารถไปจอดบ้านเพื่อน จากสาเหตุซอยบ้านพี่เปี๊ยกเล็กเกิน รถเข้าไม่ได้

พ่อพี่เปี๊ยกมักพูดว่า ตอนลูกๆยังเล็กไม่รู้ว่าโตขึ้น ลูกๆจะมีรถปัญญาซื้อรถเก๋ง เลยไม่ได้ซื้อบ้านติดถนน

พ่อแสนดีของพี่เปี๊ยก บอกว่า เดี๋ยวพ่อขี่มองเตอร์ไซดไปรับ บ้านเพือนที่พี่เปี๊ยกจะเอารถไปฝาก


เมื่อพ่อสามีและลูกชายกลับมาถึงบ้าน พ่อสามีเดินกระเพรกๆ เข้ามา พี่เปี๊ยกกับพ่อสามีช่วยกันเล่าถึงอุบัติเหตุช่วงที่เกิดขึ้น พ่อขับรถนั่งหน้า พี่เปี๊ยกนั่งหลัง รถติดไฟแดง พ่อพี่เปี๊ยกใช้เท้าตัวเองค้ำยันพื้นถนน รอไฟแดงอีกนิด ขณะนั้นรถมอเตอร์ไซด์เหมือนกัน

วิ่งผ่านสี่แยกแล้วล้มลงคนหมุนไปอีกทาง แต่มอเตอร์ไซด์หมุนคว้างกลางแยกถนนแล้วค่อยมาหยุดกระทบเท้าพ่อสามี

ด้วยความหวังดี เราต้มน้ำ แล้วเอาผ้าชุบน้ำอุ่น ประคบเท้าให้พ่อสามี พ่อสามีบอกว่ามันร้อนนะลูก เราค้านว่าทนหน่อนนะพ่อ พรุ่งนี้จะได้ไม่บวม

รุงเช้าพ่อสามีเดินกระเพลกลงมาจากห้องนอนชั้นบน พร้อมถามว่าเป็นยังไงบ้าง เท้าบวมหรือเปล่า

พ่อสามีบอกว่า ไม่บวมหรอก แต่มันพองเป็นก้อนโตมีน้ำใสๆอยู่ในก้อนนั้นด้วย

พ่อพี่เปี๊ยกเดินในบ้านกับอาการปวดกระดูกกับแผลพองน้ำร้อน

ความโชคร้ายยังไม่หมด ตกบ่ายลูกชายคนน้องถัดพี่เปี๊ยกไป มาบ้านต่อว่าเรื่องที่นาอดีตของแม่ ตามด้วยสะใภ้น้องชายรวมตัวเรา

ทะเลาะกันเรื่องที่นามรดกพ่อแม่ พ่อกับแม่ต้องคอยห้ามเพราะเสียงดังชาวบ้านจะได้ยิน แต่ยิ่งห้ามเสยงยิ่งดัง

ภาพแม่สามีอยู่ตรงกลางคอยห้าม ภาพพ่อสามียืนกระเพรกๆ เดินไปรอบๆกางมือกันปกปอ้งไม่ให้ลูกชายกับลูกสะใภ้กระโดดเข้าตีกันเหมือนไก่ชน ได้แต่ยืนท้าวเอวด่ากัน

เรานึกถึงวันนั้นแล้ว เราได้หยุดคิดและขำทุกที เท้าพองเพราะลูกสะใภ้คนนี้หวังดีเกินเหตุ.....

เอาตรงๆเลยนะพี่ ......





เราถามเรือง เรืองสาวน้อย ดูแลทั้งยายของเราและแม่มา 15 -16 ปีแล้ว ยายจากพวกเราไป 2-3ปีแล้ว อีกไม่กี่วัน แม่ของเรากำลังจากไป เรารู้ว่าไม่นาน อีกเดือน หรืออีก สองวัน

ตัดสินใจถามเรือง ช่วยบอกพี่หน่อย เรื่องแม่ของพี่ เราหยุดชั่วขณะหนึ่งด้วยความไม่กล้าใช้ภาษาตรงๆ

เรืองเข้าใจดีว่าเราหมายความถึงอะไร และคำตอบจากเรือง เรืองเองก็เกรงใจ เลือกหยุดเว้นวรรค คำ...คำนั้น
เรืองบอกว่าเอาตรงๆเลยนะพี่

เราบอกว่า เออพูดมาเถอะ พี่ทำใจได้ ทุกคนที่ยืนฟังหันมาทางเรือง เรืองเดินมายืนใกล้ๆเรา

ตอนที่หนูดูแลยายทวด พอยายทวดไม่กินข้าว กินแต่น้ำ ได้ สามวัน ก็จากไป แต่นี่คุณยาย ยังทานข้าวได้ ทานน้ำได้


พูดเสร็จเรืองก็เดินหันหลังไปทำงานต่อ พวกเรายังงงกับตำตอบ เราถามเรืองว่า แล้วยังไงต่อ หมายความว่า....อะไร

เรืองพูดเสียงชัด ตรงเผงตามนิสัย หนูไม่รู้.............





วันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2552

บ่นเรื่องการเมือง

คนแก่อะไรไม่รู้มาระบายบอกเล่าสถานะการณ์จริง

เกี่ยวกับเรื่องบ้านเมืองแล้วก็ไป

ไม่บอกวิถีทำใจให้เลย มันทรมานมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

สรุปแล้วมีนักการเมืองทำไม

ประชาธิปไตยอาจไม่ใช่คำตอบของสังคมทุนนิยมก็ได้

นักการเมืองสามารถซ่อนความชั่วร้ายได้หลายหน้า ปลิ้นปล้อนคำพูดไปแค่ชั่วโมงหรือแค่
นาทีเอง

ทนไม่ไหวกับนายก…อ่อนแอ

พาแม่สวดมนต์

หลานสาวชื่อเปิ้ล บอกว่าหน้าที่ของอากุ้ง เขียนคำนำนะ

เขียนยังไง คำนำเป็นอย่างไร เนื้อหาเน้นอะไร ยาวหรือสั้น
เราคิดว่า เมื่อเราอ่านกันเองในพี่น้องคงไม่ต้องใช้ภาษามารยาทมากมาย แต่ต้องยืนบนพื้นความจริงของทุกชีวิตในบ้านมีทุกข์มากกว่าสุขร่วมกัน ร่วมกันมาตั้งแต่ทุกคนเกิดและจำความได้


วันนี้นั่งดูพี่สาวป้อนข้าว แม่นอนกินข้าว อ้าปากได้แค่แคบๆอย่างยากเย็น ข้าวบดต้มตักแค่ครึ่งช้อนชา ป้อนให้แม่ สลับน้ำแดงผสมน้ำมะนาว แม่จะได้ถ่ายท้องง่าย ไม่ต้องเบ่ง


เราจับมือแม่ขึ้นมาอย่างเบาเท่าที่จะเบาได้ แม้เบาที่สุด แต่อาจทำให้แม่เจ็บได้ หนังเหี่ยวนิ่มย่นติดกระดูกผอมๆ เอาเล็บมือของเราเทียบกับเล็บมือของแม่ วันนี้เล็บของแม่สีแดงกว่าเมื่อวาน หมายความว่าเลือดในร่างกายแม่ยังดีในระดับปานกลาง


เริ่มแต่วันแรกที่พวกเราเรียนรู้คำว่าโรคอัลไซเมอร์ การเรียนรู้ การปรับวิถีความคิดเกี่ยวกับอาการของแม่ ปรับกิจวัตรวิถีชีวิตประจำวันของแต่ละคนในบ้านไม่ว่าเด็กเล็กแค่ไหน อายุแก่กว่า หรือเป็นลูกหลาน ต้องเรียนรู้, ซึมซับ, ทำใจ, เข้าใจให้ได้ ไปตามอาการที่เปลี่ยนแปลงไปทุกเดือน เหมือนเวลาของเดือนนั้น จักนำฤดูที่เปลี่ยนแปลงไป(ต่างสุดคือตลอดกาลไม่หมุนวนย้อนกลับมา)

แม่กำลังจากไปและคงไม่นาน เดือนที่ผ่านมาทุกคนในบ้านเริ่มเปลี่ยนวิถีคิดเกี่ยวลมหายใจของหญิงชราในบ้าน ขึ้นอยู่กับเจ้าแห่งเวลาที่ยังยินยอมให้แม่อยู่กับเรา ไม่ใช่เดือน หากคิดได้แค่ แต่ละวันเท่านั้นเอง


ทุกวันที่อยู่กับแม่เรา ขณะนี้ ได้ค้นพบธรรมชาติของมนุษย์ ธรรมของศาสนา ร่างกายของแม่คือครูใหญ่สอนธรรมให้แก่ทุกคนในบ้านได้เรียนรู้ ปฏิบัติตามรอยจารีตประเพณีวัฒนธรรมของการกตัญญู

เมื่อนึกย้อนถึงอดีต ของแม่และพวกเราลูกหลาน ทุกคนได้รับความอมตะจากแม่ทุกคน พรสวรรค์ของแม่แก่ลูกคนนี้ คือความชอบแต่งตัว ชอบประดิษฐ์ประดอย ชอบศิลปะความงาม นี่คือความอมตะพาลูกคนนี้…พอจะยืนได้….สร้างอาชีพจากพรสวรรค์ของแม่
ความทรงจำของแม่กับลูกหลาน แต่ละคนช่างแตกต่างกัน ในกระดาษความทรงจำของทุกคนที่ทยอยส่งมา

ทุกชีวิตหากเกิดมาผูกพันธ์กับหญิงชราคนนี้ ต่างมีห้องลับเก็บความรักแสนแปลกประหลาดประทับใจกับเจ้าหญิงชรา

ยิ่งไปกว่านั้นทุกคนต่างเก็บซ่อนไว้ที่ลึกที่สุด มิดชิดจากการทำลายของอำนาจดำใดๆ ด้วยรู้ว่าเป็นเรื่องสำคัญด้วยใจของแต่ละคน อดีต ปัจจุบัน จนถึงเวลาสมควรนี้แล้ว


ทำไมนะ….ลูกหลานของแม่ช่างรักแม่ได้มากนัก ยิ่งคิดว่ารักเท่าไหร่พลังแห่งรักนั้นมันก็พรูไหลล้นออกมาไม่สิ้นสุด

สุดท้ายแล้วไม่ว่าที่ไหน เวลาใด หรือเวลานอนข้างๆแม่ เราจะสัมผัสแตะตรงไหนของร่างกายแม่ ใจให้เรานึกภาพแม่ให้ชัดในมโนสติของเรา

แม่สวดมนต์ตามกุ้งนะ

ภาพในจิตของแม่ยิ้ม พนมมือตาม

นะโม ภาพในจิตแม่สวดตาม นะโม
ตัสสะ ภาพในจิตแม่สวดตาม ตัสสะ
ภควะโต ภาพในจิตแม่สวดตาม ภควะโต
อาระโต ภาพในจิตแม่สวดตาม อาระโต
สัมมา ภาพในจิตแม่สวดตาม สัมมา
สัมพุทธ ภาพในจิตแม่สวดตาม สัมพุทธ
ทัสสะ ภาพในจิตแม่สวดตาม ทัสสะ

สวดอีกสองครั้งนะแม่ ภาพในจิตแม่ยิ้มรับ

นะโม ภาพในจิตแม่สวดตาม นะโม
ตัสสะ ภาพในจิตแม่สวดตาม ตัสสะ
ภควะโต ภาพในจิตแม่สวดตาม ภควะโต
อาระโต ภาพในจิตแม่สวดตาม อาระโต
สัมมา ภาพในจิตแม่สวดตาม สัมมา
สัมพุทธ ภาพในจิตแม่สวดตาม สัมพุทธ

ทัสสะ ภาพในจิตแม่สวดตาม ทัสสะ

นะโมอีกครั้งนะแม่ ภาพในจิตแม่ยิ้มอย่างอารมณ์ดี

นะโม ภาพในจิตแม่สวดตาม นะโม
ตัสสะ ภาพในจิตแม่สวดตาม ตัสสะ
ภควะโต ภาพในจิตแม่สวดตาม ภควะโต
อาระโต ภาพในจิตแม่สวดตาม อาระโต
สัมมา ภาพในจิตแม่สวดตาม สัมมา
สัมพุทธ ภาพในจิตแม่สวดตาม สัมพุทธ
ทัสสะ ภาพในจิตแม่สวดตาม ทัสสะ