วันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

บ้านช้างเหยียบ




ปริศนาของเจ้าหญิง
บ้านช้างเหยียบ
ต้นตอความรู้สึกตามแรงปราถนา คอยกระตุ้นเรียกร้องให้ทำอย่างนี้ เป็นเรื่องที่รู้ซึ้งอยู่ในใจว่ามีคำตอบหลายเรื่องจะเกิดขึ้นตามปรากฏทุกก้าว และทุกเรื่องจะต้องมีความหมายและจำเป็นต้องพบทุกคำตอบ

รอ…รอ…เมื่อใดตะวันดวงโตสาดแสงแตะชายคาบ้าน เจ้าแห่งเวลาจะพาเราออกเดินทาง บันไดเรือนคือย่ำแรกที่พวกเราก้าวเท้าไปหาเพื่อนนกป่าที่รออยู่


จากบ้านกร่างมาไม่นานพวกเราปีนขึ้นเนินพงหญ้าสูงแยกตัวออกจากถนนไปขวามือลำธารสอง วิธีการเดินที่แตกต่างออกไป ทุกคนเดินยกมือสูงประกบเหนือหัว เพื่อปกปิดหน้าตา ใช้แขนเสื้อสองข้างเป็นโล่กำบังพงหญ้ารกหนา หญ้าสีเขียวนี้มีขนทั้งสูงคมยาวแหลมเรียว หากบาดเนื้อผสมกับเหงื่อ ผิวเราจะทั้งแสบทั้งคัน

หลังจากเดินในท่าไหว้ป่าเพียงไม่นาน ประตูบานหนึ่งเปิดรออยู่ พวกเราค่อยๆก้าวข้ามผ่านประตู ประตูป่าแก่งกระจานบานนี้ เผยให้เราเห็นอีกห้องหนึ่งที่เราไม่เคยเข้ามา แม้จะมองไม่ต่างกับที่อื่นของป่านี้ แต่ใจเราสัมผัสได้กับบางอย่างที่แตกต่างออกไป ความใหม่สดของห้องแห่งนี้มีกลิ่นให้เราสูดหอม มันเป็นกลิ่นชื้นเปียกของดินผสมใบไม้ มือลูบจับเถาวัลย์ที่พันพัวและโยงเยงรอบตัวเรา





รอยขอบเล็บเท้าช้างบนดินนิ่มคือเส้นทางเดียวกับเราเลือกเดิน แสงร้อนของดวงอาทิตย์ไม่อาจลงมาแตะต้องพื้นดินได้ เรือนของยอดไม้รวมใจกันแผ่ใบกว้างซ้อนและซ้อน คลุมแผ่นดินด้านข้างซ้ายขวา และด้านหน้าสุดสายตา

white – rumped shama นกกางเขนดง ร้องเพลง เพลงที่ยาวและนาน พวกเราจำเสียงหวานไพเราะของเธอได้ แต่ไม่มีใครยอมหยุดเพื่อมองหา แต่ไม่เพียงเท่านั้น เธอบินผ่านมาให้เห็นว่าเธอจะไปทางไหน บนกิ่งโค้งระย้าแกว่งไกวตามแรงโผลงเกาะคอน





ผ่านกล้อง ดวงตาเธอกับเราสบตากัน เสียงใสเริ่มร้องพูดคุยอีกครั้ง เรื่องที่กางเขนดงตัวนี้ถามเรา คำสัญญาที่เราให้ไว้แก่เธอ เธอ…เจ้าหญิงทิศที่เธอจะไป พวกเรามากมายจะคอยอยู่ไม่ห่างกายเธอ และคำถามจะเหมือนเดิม คนต้องรักษาสัญญา เรางงมาก คำสัญญาอะไรหรือ ไม่มีคำตอบ และทำไมเธอเรียกเราเจ้าหญิง…. แต่เธอบินหาย เข้าหาป่าเงาสีดำของดงหนาม

ปริศนาเริ่มขึ้นอีกแล้ว สองข้างของป่าสลัว ดินเปียกชื้น กิ่งไม้ชิ้นเล็กๆผุเกลื่อนผสมกับใบไม้ที่ทับถมรอกาลเวลาเปลี่ยนแปลงให้ซากอินทรีย์เหล่านี้กลายเป็นน้ำนมสำหรับพืชทุกชีวิตในป่า ต้นไม้หลายต้นออกลูกและทิ้งผลลงสู่ดิน นานๆจึงจะเห็นแสงแดดเล็ดลอดสาดส่องเอียงให้เป็นปล่อง เผยให้พบอีกห้องหนึ่ง เป็นห้องใบไม้สีนวลอบอุ่นและเปิดทะลุเป็นทางกว้างยั่วยวนให้อยากก้าวเดินเข้าหา แต่แล้วถนนของแสงแดดก็กลับไม่ใช่เส้นทางที่เราต้องไป เรายืนลังเลเป็นนาน ก่อนหันหลังให้อย่างเสียดาย คำถามที่ถามตัวเอง เราจะพบอะไรบ้างนะถ้าไปทางแสงแดดชี้นำ













จ๊อบหลานรักถามเราว่าไปไหนมา ด้วยน้ำเสียงห่วงปนตำหนิ หลงป่ามันง่ายมากนะครับ เราไม่ตอบอะไรเพราะรู้ว่าทำผิด แต่ถามกลับไปว่าแล้วจ๊อบเจออะไรบ้างลูก ผมเห็นแต้วแล้วหูยาว eared pitta แต่เค้ากระโดดไวมาก แสงมัวสลัวเหลือเกิน ก่อนต่อว่าเราที่หายไปอีกครั้ง เราร้องครางเบาๆ อดเห็นแต้วแล้วหูยาวและต้องโดนดุซ้ำอีกเหรอ

กล้วยไม้ช่อเล็กจากกิ่งที่เก่าหักร่วงนอนกับพื้นดิน เราหยิบเจ้าขึ้นจดจ้อง ตัวเจ้ามี กลีบสีส้มอมชมพูเล็กจิ๋วกว่าเล็บนิ้วก้อย จดจ้องความน่ารักเจ้าจนพอใจ ฝากวางดอกไม้งามกับง่ามไม้ต้นใหญ่ข้างๆ กล้วยไม้กล่าวขอบคุณเบาๆ

On the motherland . listen with your heart. บางอย่างเคลื่อนไหวเร็วมาก เสียงดังของเพื่อนร่วมทาง hooded pitta นกแต้วอกเขียว ตามมือชี้ เงาสลัวลานใบร่วงกับขอนไม้เห็ดสีส้มมีสองชีวิตกระโดกขึ้นเกาะและกระโดดหายไปในอาณาจักรใบไม้ เธอซมซานพาลูกน้อยหนีเรา ให้แค่เห็นก้นขาวๆ ช่วงเวลาสั้นกว่าวินาที แม่แต้วแล้วและลูกเคลื่อนไหวทุกครั้งจากซ้ายมือมาทางขวามือ แต้วแล้วมีเพื่อนเหล่าใบไม้นอนตาย และเพื่อนแห่งเงาสลัวต่างรวมกันช่วยพลางให้เจ้าและลูกน้อยหายไปจากการตามมองของพวกเรา

Softly and whisper ความงดงามยืนรอเราอยู่ กิ่งไม้แสนดีสูงจากพื้นเพียงหนึ่งเมตร ยื่นกิ่งเกลี้ยงออกสู่ที่โล่งเด่น แสงอาทิตย์อยู่ตรงนั้นฉายให้เด่นชัดกับหนึ่งชีวิต oriental dwart kingfisher นกตัวเล็กกลมยืนอวดเฉดสีที่ห่มร่างเธอไว้ ขนนกเงามันสนุกกับแสงตะวันส่องเป็นประกายแวววาว แต่มีมากกว่านั้นที่พบได้ ดวงตาคู่นั้น ดวงตากลมดำใสลึกล้ำ จับจ้องไปบนท้องฟ้า ดวงตานี้มีมิติมายาร่ายมนต์สะกดจับใจเราให้จับจ้องแต่ดวงตาเธอเท่านั้น



เราได้ยินเสียงอีกแล้ว นกบอกว่าตัวเธอคือเทพธิดา และเธอรอเราอยู่ แต่ตอนนี้เธอเตือนให้เราต้องถอยหลังออกไปเพื่อคนอื่นจะได้เห็นฉันบ้าง ฉันรู้ว่าเธอคือเจ้าหญิง และบางอย่างกำลังรอเธอที่ลำธาร นี่คือการเตือนใช่ไหม เราเป็นฝ่ายถามเธอ นกกระเต็นน้อยสามนิ้วเลือกบินจากไปแทนการตอบคำถามนั้น

เดินป่าครั้งนี้สบายๆไม่ลำบาก เนินเขาไม่สูง ป่าค่อนข้างโปร่ง มีเก้งมีกระจงวิ่งผ่านหาย ให้พวกเรา ตื่นเต้นอีกครั้ง ทุกคนยืนตัวนิ่งเป็นหุ่นแข็ง แต่คอยืดยาวคอยชะเง้อมองหาสัตว์ตัวนั้น



ลำธารหลายลำธารพวกเราเดินข้ามอย่างง่ายๆ บางอย่างเกิดขึ้นแล้วตามคำบอกของเพื่อนนกป่า และเป็นเรื่องตลกน่าอับอาย ตัวเราล้มถลาลงไปนอนตะแคงจมน้ำลึกแค่ข้อเท้ากลางลำธาร ตั้งแต่หัวจรดเท้าเสื้อผ้าเปียกไปหมด หินก้อนที่เราเหยียบพริกหงายเป็นอีกด้าน หินเกเรก้อนนั้น ดีใจที่แกล้งเราได้ blue- breaded bee-eater นกจาบคาอกสีน้ำเงิน ยืนเกาะยอดไม้สูงหัวเราะลั่น เจ้าหญิงจอมซุ่มซ่ามมาถึงแล้ว

I call my home. ตะวันเดินถึงสุดขอบฟ้าแล้ว นำเอาแสงสว่างจากไปด้วยกัน จากเสียงเรียกก้องป่าของ creasted jay สองตัวร้องรับกันไปมา เป็นมติของทุกคนเลือกทำเลนี้เป็นที่พักแรม ทุกคนสร้างความคาดหวังที่จะได้พบเค้าทั้งคู่เกิดขึ้นในใจ เสียงนกคู่นั้นสลับผิวปากร้องดังแล้วดังอีก แน่ใจได้ว่าเธอทั้งคู่มีสถานที่แห่งนี้เป็นบ้านทุกค่ำคืน เราเป็นแค่ผู้เดินทางผ่านมา creasted jay นกกาน้อย เจ้าของบ้านผู้ใจดีส่งเสียงเชิญชวนเราให้พักค้างแรมด้วยกัน



Sweet family ครอบครัวใหม่ ยามเช้าในป่าแสนสดใส เราเอ้อระเหยยืนแปรงฟันกลางลำธาร เสียงสายน้ำร้องจ๊อกๆ น้ำใสวิ่งไหลแตะหมู่หินอีกก้อนก็เปลี่ยนเสียงร้อง เป็นซ่าๆ บางที่น้ำใสร้องเบากว่ากระซิบ รังนกพญาปากกว้างห้อยกลางลำธารห่างจากเราไม่ถึงสองเมตร พ่อแม่ของลูกนกคงป้วนเปี้ยนแถวๆนี้ เราอยู่ใกล้ครอบครัวนี้มากเกินใช่หรือไม่

Silver-breasted boardbill ไม่คาดฝันนกพญาปากกว้าวอกสีเงินตัวผู้ลงเกาะเถาวัลย์ห่างเราไม่ถึงหนึ่งเมตร นกผู้เป็นพ่อเอาตัวเองล่อสายตาเราเบี่ยงเบนความสนใจ เรารีบถอยหลัง เสียงนกร้องดัง เจ้าหญิงจอมซุ่มซ่าม ระวังข้างหลัง แต่ไม่ทันเสียแล้ว เราสะดุดท่อนไม้ยาวแช่น้ำ หงายหลังนอนแช่น้ำอีกครั้ง เปียกทั้งตัวทั้งหัวเหมือนเมื่อวาน เราทำเรื่องให้คนอื่นหัวเราะกันตั้งแต่เช้า แต่นกคู่นี้ไม่หัวเราะ

นกทั้งคู่ต้องรีบทำงานตั้งแต่ตะวันสาดแสงแดงเริ่มจับขอบฟ้า แมลงตัวอ้วน หนอนตัวยาว ถูกทยอยป้อนลูกน้อย หลังอาหาร ผ่านไปทั้งพ่อแม่แสนสวยและรูปหล่อตระเตรียมซ่อมแซมรังยุ่ง เพื่อให้มั่งคงปลอดภัยกับชีวิตใหม่



เรามองเธอและเริ่มฟังสิ่งที่เธอทำให้เราเห็น ทำไมต้องมีหน้าที่และ ความรับผิดชอบต่อชีวิตลูกน้อย นกบอกเราว่า ธรรมชาติมอบภาระความรับผิดชอบ การสร้างและดูแลชีวิตใหม่จากรุ่นสู่รุ่น ทุกเรื่องที่ต้องทำเป็นเรื่องลำบากคือความท้อแท้ เรื่องยากจะมีความเหนื่อยล้าสาหัส สำคัญเหนืออื่นใด คือมีสัตว์ร้ายคอยกินพวกเรา และทั้งหมดนี้เป็นความอมตะ

เธอทั้งคู่พยามอธิบายต่อด้วยการแสดงทีท่าให้เราประจักษ์อีกครั้ง ด้วยความกรุณาจากธรรมชาติ เรื่องยากและลำบากนี้ มีอย่างหนึ่งที่ธรรมชาติมอบให้ เพื่อเป็นการช่วยเหลืองานสร้างชีวิต สิ่งนั้นที่ได้มาเต็มไปด้วยพลังแห่งอำนาจอยู่เหนือความทุกข์ยากทั้งปวง สิ่งมีค่านั้นถูกเก็บไว้ที่หัวใจทุกดวง พวกนกอย่างเราเรียกว่าความรัก เราไม่ต้องการถามว่ามนุษย์อย่างเธอมีหรือไม่ สำหรับชาวนกและชาวสัตว์ป่า ความรักคือสัญญาที่จะทำ....ทำเรื่องยากอย่างนี้ให้ผ่านไปทุกครั้ง

คำสัญญาอีกแล้ว สัญญาเสียงนกกางเขนดงกลับดังแว่วขึ้นมารบกวนใจเราอีกครั้ง เมื่อทบทวนย้อนนึก เราเคยให้สัญญากับชาวกางเขนดง ชีวิตเพื่อนพ้องของกางเขนดงหลายตัวถูกจับขังจองจำอยู่ในกรงของเพื่อนบ้านข้างบ้านเรา เราเคยมีจิตใจมุ่งมั่นจะช่วยเหลือพวกเธอ มันนานมากที่เรายังไม่ได้ทำ เราเลือกปิดปากตัวเองและนำเอาความเกรงใจคนด้วยกันเพิกเฉยช่วยเหลือนกป่าที่สิ้นอิสระภาพ เราเลือกที่จะรักษามิตรภาพในหมู่คนด้วยกัน ละทิ้งที่จะช่วยเหลือชาวนกกางเขนดงตามคำลั่นสัญญา

นกกางเขนดงร่ำร้องจังหวะซ้ำๆและยาวนาน ให้ช่วยเพื่อนของนก ทุกที่ที่เราไปป่า หรือแม้แต่บ้านของเราที่ผาด่าง นกกางเขนดงทั้งตัวผู้และตัวเมีย ต่างขับขานบอกเตือนให้เราฟังทุกวัน ทำไมเราฟังเรื่องปริศนานี้ไม่ออก ตอนนี้เราเข้าใจแล้ว นกร้องทวงสัญญา สัญญาที่คนให้ไว้กับนก


























ไม่มีความคิดเห็น: