วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2552

นับนกแก่งกระจาน ครั้งที่2







March 20, 2009

เสียงปลุกเรียกของสาวยุง คนขยันแห่งผาด่างดังมาจากเนินเขาด้านทิศตะวันออก พี่เปี๊ยกน้องชายชื่อป้อมโทรมา บอกว่าขโมยขึ้นบ้านให้โทรกลับบ้านด่วน เราตกใจรีบลุกจากที่นอนบ้านภูสีหมอก คิดในใจว่าบ้านหลังไหนกันเล่า หากเป็นบ้านหลานๆและลูกน้องเย็บผ้า ของอะไรเล่าที่เจ้าหัวขโมยจะเอาไป จักรเย็บผ้าหรือ โอ้ย…. หนักจะตาย

ถัดมาบ้านของเราเอง อะไรที่จะเอาไป ทีวี เครื่องเสียง ของอย่างอื่นๆเราเอามาด้วยทุกครั้งที่เดินทางกลับผาด่าง เสียดายเหมือนกัน โอ… ทำไมชีวิตเราต้องวนเวียนซื้อเครื่องไฟฟ้าอีกแล้วหรือนี่








หรือบ้านพี่สาวที่เรียงรายติดๆกัน แล้วทำไม พี่เรา หลานเราไม่โทรมา กลับกลายเป็นน้องชายแฟนโทรมา ซึ่งอยู่ถัดไปอีกซอย…..กว่าเราจะเดินมาถึงหน้าผาด่างเรื่องโจรงัดบ้านก็ครบทุกหลังความกังวลเกาะกินสมอง พร้อมๆเซ็งเหนื่อยหน่ายกับปัญหารุมเร้า





พรุ่งนี้อีกเล่า มีการนับนกแก่งกระจานครั้งที่ 2 ที่ผาด่างแห่งนี้ พี่เปี๊ยกส่งยิ้มให้เราหลังจากวางโทรศัพท์ บอกว่าบ้านน้องชายโดนงัดบ้านแต่ไม่ได้อะไรไป ป้อมน้องชายวิ่งตามโจรไปแต่ไม่ทัน ความเครียดหายไปทันที….หน้าตาชาวผาด่างเปลี่นเป็นสดชื่นและ…..คุย…..คุย… คุย…ไม่หยุดก่อนแยกย้ายไปทำงานตามรายงานการประชุม






บ่ายๆน้องๆคณะทำงานสมาคมนกเดินทางมาถึง เราต่างแลกยิ้มคุยกันและกัน ทุกคนกับตัวเราผ่อนคลาย อาจเป็นเพราะเรากับน้องทำงานร่วมกันมานาน และน้องๆก็เคยเข้ามาในดินแดนแห่งนี้แล้ว



ดินแดนผาด่างสวยงามตามธรรมชาติอันแสนจะธรรมดา แต่ยิ่งใหญ่ในความทรงจำหากคนนั้นหยั่งความงามธรรมดา ของสิ่งที่ตั้งเป็นอยู่และนำมาดัดแปลงใช้ในกิจวรรจประจำวันอยู่จริงแค่ตรงนั้นถูกที่ถูกเวลา

March 21, 2009
กิจกรรมนับนกแก่งกระจานครั้งที่2 จัดโดยสมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย
เช้าของวันสดชื่นและหน้าที่ปลุกเราทำงานกันแต่เริ่มเช้าเป็นพิเศษ หลังจากทุกคนแยกย้ายกันไปทำงานเราพากลุ่มเด็กป่าของเรา







เด็กป่าเหล่านี้เสนอตัวเข้าร่วมกิจกรรมนับนกแก่งกระจานครั้งนี่ด้วย เราเลือกเดินไปหาลำห้วยแห้งเด็กเดินหน้าไปก่อนเราและตั้งใจมุ่งหานกป่า ในลำธารแห้งนกให้เรารอและไม่นาน นกปรากฎกายขึ้นด้วยความร้อนอยากอาบน้ำเต็มที แล้วเจ้าเด็กป่าเกือบ10 คน ก็อยากเห็นนกอาบน้ำในชีวิตของพวกเค้า ชาวอนุรักษ์ชื่อกุ้งแห่งผาด่าง พามาลำห้วยแห้งและที่นี่มักเป็นความลับ






กุ้งแห่งผาด่างมักพาคนดูนกมาที่นี่เสมอ ถ้าโชคดี นกอย่างพวกเราก็ปรากฎกายมากหน่อย แต่เราพวกนกป่าได้ยินคำว่าบังไพรเหมือนกัน แต่เรายังไม่เคยเห็นที่นี่ เธอจะทำหรือเปล่านะ พวกนกอย่างเราเดาใจเธอไม่ออกเลย สุดท้ายนก puff-throated babbler เลือกลงอาบน้ำอย่างเร็ว ละบินหายไปฝั่งตรงข้าม และบินลงเล่นอีกและรีบบินหนีไปอีกฝั่งของป่าเงารก





เด็กๆรีบยกกล้องมองสีลักษณะเด่น และเปิดหนังสือเบริด์ไกด์ ประกอบดีใจเรียกชื่อนกซ้ำๆเพื่อช่วยความจำ นกกางเขนดงร้องและบินเกาะกิ่งเตี้ยร้องเพลงให้เด็กเดินตามหา ทางเดินลำห้วยแห้งสลับทางขึ้นดินเนิน เราต้องใช้มือเกาะเกี่ยวเถาวัลย์ขึ้นไต่ แต่เด็กๆใช้ความคล่องแคล่ว และทิ้งเราไว้กับเถาวัลย์ตามลำพัง






นกจับแมลงหัวจุกดำ ตัวผู้ นกกินปลีแก้มสีทับทิมทั้งคู่ชีวิต ทำเอาเด็กตื่นเต้น เด็กทุกคนสลับพูดสลับถามตามทางเดินกับเราบ่อยมาก พวกนกปลูกต้นไม้พวกนี้หรือป้ากุ้ง เราชอบและรักคำนี้มากๆ เด็กๆรู้คำตอบกลไกความลับการเข้าใจการช่วยเหลือพึ่งพากันและกันของธรรมชาติแล้ว ต้นไม้กับสัตว์ป่า ป่ากับน้ำ






เรามอบเวลากับช่วงนี้ไม่นาน กลัวเด็กป่าจะเบื่อ เราอ้างเรื่องกินและเด็กทุกคนต่างเห็นด้วย หลังทานข้าวเที่ยงและเด็กขออนุญาติวิ่งไปว่ายเล่นน้ำในอ่างผาด่างกัน

ตอนบ่ายคุณ woodsman เป็นแขกเยือนบนเรืองภูสีหมอก เรื่องราวทุกเรื่องเราคุยกันอย่างมีมิตรภาพจริงใจ และนั่นทำให้เราเป็นสุข เราอบอุ่นและรู้สึกถึงความจริงใจอย่างแท้จริง คุณแนะนำเรื่องการคิดและทำใจ เหมือนคุณหยั่งรู้ว่าเราป่วยหรือเศร้าใจในเรื่องอะไร





ทุกเรื่องที่แลกเปลี่ยนสายตาเราทั้งคู่มองไปทางเดียวกันที่ลำห้วยก้านเหลืองมีเสียงเด็กป่าตะโกนเล่นน้ำกันแว่วสลับเข้ามา แดดตะวันตกสอดแทรกแยงตาเราทั้งคู่ เวลาเดินเร็วเสมอหรืออย่างไร ความสุขกับเพื่อนดีๆในดินแดนผาด่าง





เวลาลงทะเบียนคนนับนกแก่งกระจานเกิดขึ้นแล้วหน้าผาด่าง ที่ระลึกจากชาวผาด่าง หนุ่มม่อนกับไผ่ ช่วยกันทำพวงกุญแจโลโก้ผาด่างจากไม้มะขาม100 อัน ไม่พอแจกเพื่อนนับนกคราวนี้








ทุกคนแยกย้ายไปตามบ้านพัก และหามุมกางเตนท์ของตัวเอง อาหารเย็นผ่านไปอย่างสนุกสนาน ผ่อนคลาย สีหน้าท่าทางทุกคนร่าเริงสดใส สดชื่นเป็นกันเองแม้แต่ตัวเราก็ไม่เครียดไม่เกร็ง นั่นคือวันที่ดีจริงๆเชียว





เวลาเสวนาในโดม อาคารหลังคาสังกะสีโล่งสูงคลุมด้วยใบจาก โดมนี้ไร้ฝาสามด้านด้วยกันเพื่อเปิดมุมมองสู่ธรรมชาติ ให้ธรรมชาติได้ร่วมรับฟังการเสวนากับพวกเราทั้งหมด หนึ่งร้อยกว่าชีวิต

ปัญหาการระบาดความนิยมเลี้ยงขังกรงนกปรอดหัวจุก เปิดโลกของนกปรอดหัวจุกว่าอยู่ในห้วงของความอันตรายและรุนแรงขนาดไหน




คนรักนกนักดูนกควรต้องรู้และทำงานตามกำลังของตัวเอง กรุณาอย่าโยนหน้าที่นี้ให้คนอื่นและตัวเองโพสต์เขียนความคิดเห็นเชิงสงสารและเวทนา เราได้ยินเสียงตัวเองตอบออกไปให้เพื่อนๆที่มารวมอยู่ในห้องได้ฟังและได้ยิน





ได้ยินเสียงตัวเองบอกเล่าเกี่ยวกับผาด่าง ปัญหาของป่ากับชุมชนรอบราวป่า

เรื่องราวของป่าตะวันตกป่าผืนใหญ่มรดกของประแทศกำลังถูกแย่งชิงเพื่อผลประโยชน์ของคนมากมาย ความต้องการของคนต้องการตัดถนนผ่านป่าทุ่งใหญ่นเรศวร






ทำไมคนทุกคนต้องเอาความต้องการของตัวเองเป็นใหญ่กว่าธรรมชาตินะ เราฟังปัญหาและคิดตามเรื่องแย่ๆนี้ในใจ

ข่าวดีก็มีของการเสวนา การปล่อยละมั่งคืนสู่ธรรมชาติ ตอนแรกเราคิดไปเองว่า ละมั่งหมดไปจากแผ่นดินสยามและนำละมั่งจากต่างประเทศเข้ามา ด้วยการซื้อขาย หรือแลกเปลี่ยนกับสัตว์ป่าของเรา



เสียงของตัวเองที่รีบถามผู้ทำงานโครงการนี้ แต่เสียงของคุณตอบมาชัดเจนมาก ว่าเป็นตระกูลละมั่งของไทยแน่นอน นั่นทำให้เราสบายใจ







เสียงโฆษก คุณวิชา ณ รังสี เสริมบางช่วงเกี่ยวกับการส่งเสริมสร้างเด็กวัยประถมอนุรักษ์ผืนป่าก่างกระจาน เป็นเรื่องที่เราต้องควรนำมาพิจารณาด้วย ทุกความคิดเห็นมีสิ่งดีบางแง่มุมติดมาเสมอ


March 21, 2009

ตีห้า ก่อนเวลาทานข้าว คนหลายคนเต็มหน้าห้องอาหาร เพื่อทานอาหารเช้า และรับข้าวห่อ ก่อนทุกกลุ่มแยกย้ายกันเข้าป่าแก่งกระจานเพื่อดูนก







เจ้ามอสบอกเราว่า เมื่อคืนเจ้าอบเหยียบตะปู เราถามอบว่าเดินไหวหรือเปล่า อบพยักหน้าอย่างไม่ยอมถอยจากกิจกรรมนี้ จากรองเท้าแตะเราให้อบพยายามใส่รองเท้าเดินป่าของพี่เปี๊ยก แต่เท้าของอบใหญ่กว่า ใส่ไม่ได้เลย

อบบอกใหเเรสบายใจว่า ป้ากุ้ง...อบเดินได้….ใส่รองเท้าแตะนี่แหละ






ตกเย็นเมื่อทุกคนกลับมาถึงผาด่าง เสียงผู้ใหญ่หนึ่งในเบิรด์ รีดเดอร์ กล่าวชม เด็กชายอบชาวป่า…คนนี้เก่งมากๆ แทบดูไม่ออกเลยว่าเท้าเจ็บ เดินได้ทั้งวันไม่บ่น หรือมีอาการท้อแท้








เราบอกให้พี่เปี๊ยกขับรถพาอบไปโรงพยาบาลแก่งกระจานเพื่อฉีดยากันบาดทะยัก





ตกเย็นจริงๆแล้ว พระอาทิตย์แตะขอบฟ้าฝั่งตะวันตก…..ทุกคนจากผาด่างไปแล้ว





งานที่ธรรมชาติมอบหมายให้เราทำ ดูแลแผ่นดินผาด่าง ปกป้องป่าแก่งกระจานสร้างเคลือข่าย นักอนุรักษ์รุ่นเล็กรุ่นใหญ่ เสริมสร้างรายได้ให้ชุมชนตามกำลังเล็กๆของเรา







ช่วยเป็นตัวกลางรับบริจากสิ่งของช่วยเหลือชาวบ้าน ยามหน้าหนาวกับคนแก่
เป็นตัวกลางช่วยเหลือส่งของบริจากให้กับโรงเรียน ของใช้แล้ว เสื้อผ้า เครื่องดนตรี จานชามช้อน และหนังสือดีๆเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมการเรียนการสอนธรรมชาติกับเด็ก

แม้แต่สารานุกกรม หนังสือราคาแพงแต่ประโยชน์ประเมินมูลค่าไม่ได้จำนวนมากมายมุ่งสู่โรงเรียนด่านโงจากนักท่องธรรมชาติหวังเติมคุณค่าให้เด็กป่า

โครงการเดินท่อสปริงเกอร์ปลูกผักของเด็กๆที่ปลูกและกินกันเอง

โครงการสร้างบ่อทำปุ๋ยอินทรีย์





ช่วยเสริมข่าวสารให้คนบ้านป่ามีข้อมูลข่าวสารอย่างเป็นธรรม ให้โอกาสการศึกษาเด็กยากจนให้ทุกการศึกษาช่วยค่าใช้จ่ายทุกเดือน สนับสนุนโครงการอยู่อย่างพอเพียงของในหลวง





แผ่นดินป่าแก่งกระจานอยู่ในตำบลห้วยแม่เพรียง และหมู่บ้านของเรา ชื่อด่านโงตั้งอยู่ ตำบลห้วยแม่เพรียงป่าแก่งกระจาน ติดปากทางซื้อขาย ตั๋วเข้าอุทยานลำดับที่สองชื่อด่านสามยอด





อบต. ห้วยแม่เพรียง เป็นผู้จ่ายค่าบำรุงป่ายามป่าและนักท่องเที่ยวเดือดร้อนจากท่อน้ำแตก ถนนลำบากขึ้นเขาโหดเกินไป กับเหล่านักท่องธรรมชาติบางคน บางกลุ่ม และค่าใช้จ่ายกับปัญหาอื่นๆอีกมากมายของป่าแก่งกระจานใหญ่ที่สุดในประเทศ และคนในต.ห้วยแม่เพรียงโครงการในพระราชดำริ
เรายืนอยู่ตรงนี้ เราและชาวผาด่างจะไม่ทำให้ผาด่างคือธุรกิจอย่างเดียว

ชาวผาด่างเห็นตัวตนที่แท้จริงของตัวเองแล้ว ธุรกิจกับการช่วยเหลือสังคมสามมารถทำพร้อมๆกันไปได้กับชีวิตชาวผาด่างที่เดินตามกาลเวลากำหนดและให้ความสุขเป็นกำลังใจเป็นที่ยึดมั่นของทุกคนช่วยป่าใหญ่ที่น่าสงสาร





สำคัญที่สุด เราต้องตระหนักให้ได้ ต้องไม่คาดหวังว่าความสำเร็จอยู่ตรงไหน

เราตอบตัวเองได้ทุกครั้งที่ถามว่า…….ไม่มีตอนจบหรอก หากเรายังอาศัยผืนแผ่นดินนี้

อะไรคือแรงสะท้อนตัวหนังสือเหล่านี้ คือความซื่อต่อความคิดและการกระทำของตัวเอง เราไม่สามารถเก็บการกระทำที่เราแน่ใจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่า ธรรมชาติกำหนดทางเดินและงานให้ทำเป็นระยะเวลายาวนานตั้งแต่ก้าวเท้าแรกยืนบนดินแดนผาด่าง












วันพุธที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2552

red-wiskered bulbul


ภาพนกปรอดหัวโขน red-wiskerd bulbul ครั้งไปเยือนทุ่งใหญ่นเรศวร ตามขอของน้อง
ตามด้วยเรื่องบ่น อีกยาวๆ

เมิ่อก่อนเป็นนกที่พบได้ทางไต้ และทางเหนือค่ะ
สถานะอดีตมีมาก เริ่มจากมนุษย์คนไทยภาคใต้นิมยจับขังใส่กรงจัดประกวดร้องแข่งกัน

สถานะปัจจุบัน มีการล่าจากทางภาคเหนือและทุกภาคมาขาย
เพราะความนิยมจับสัตว์ชนิดนี้ทั่วประเทศไทย ใส่กรงเพิ่มากขึ้น และเร็ว จนน่าตกใจ ทำกำไร

มีการแข่งขันประกวดเสียงร้อง ทำกำไร
มีหนังสือขาย วิธีการเลี้ยง เพื่อแข่ง เพื่อเพาะพันธุ์ขาย เท่ากับการส่งเสริม ทำกำไร

มีการตัดตอน แต่งยีนส์พันธุกรรม ให้เหลือแต่สีขาวทั้งตัวและแดงแต้มใต้ตา
ราคาขายครั้งแรกตัวละ 100,000บาท ทำกำไร

เมื่อสองสามวันก่อน มีการจัดประกวดนกกรงหัวจุกโลกที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ
ได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายท่องเที่ยวและรัฐบาล
นกตัวนั้นถูกขายออกไปให้ชาวต่างชาติ ในราคาประมูล 500,000 บาทค่ะ ทำกำไร


วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2552

ค่ายเด็กด่านโง ผาด่างแคมป์ 28-1 มีนาคม 2552



ลิขิตวิถีผาด่างเริ่มขึ้นอีกครั้ง 28-1 มีนาคม 52 เด็กป่าโรงเรียน ด่านโงเริ่มมาถึงหน้าผาด่าง ไม่นานเสียงเด็กดังมากขึ้น หมายถึงจำนวนเด็กกำลังมาเติมเต็มตามนัดหมาย






ทุกคนมากับรอยยิ้ม เสียงหัวเราะอย่างคุ้นเคย ไม่มีเด็กคนไหน เก็บตัวแยกแปลก เป็นสิ่งดีทำทำให้ผู้ใหญ่อย่างเราสบายใจ



เราเตรียมทุกอย่างสำหรับการต้อนรับเด็ชายหญิงตัวน้อยๆเหล่านี้ไว้ดีเท่าแขกพิเศษสุด หนูน้อยชาวป่าควรต้องรู้ว่า เราตั้งใจเพียงไรเพื่อให้รู้ว่า พวกเค้าคือกลุ่มคนสำคัญและพิเศษมากๆ


คุณอ้วนและน้องโป๊ด ผู้สนับสนุนให้โอกาส บริจาคเงินตลอดมาเพื่อให้กิจกรรมอนุรักษ์ป่าและสัตว์ป่า ซึมซับติดแน่นกับเด็กบ้านป่าโรงเรียนด่านโง ตลอดเวลา…2 ปีเต็มๆ เด็กและชาวผาด่างผูกพันกัน ทั้งที่โรงเรียน ในชีวิตประจำวันของผาด่าง ในป่าแก่งกระจานหลายต่อหลายครั้ง








ช่วงเวลาชีวิตผูกพันธุ์กันนานวันขึ้น เรื่องราวของพวกเรา ธรรมชาติช่วยส่งของขวัญให้เราได้รู้จัก….. อาจารย์ผู้มีความรู้ ทางปักษาชีววิทยาหลายท่าน เหล่ามวลแมลง และพฤกษศาสตร์ แต่พิเศษยิ่งกว่านั้น ทุกท่านล้วนมากคุณธรรมเป็นสิ่งใหญ่สำคัญกว่าความรู้ทั้งหมด เราคนขลาดความรู้น้อยนิดกับพลังใจทุ่มเท






อาจารย์ทุกท่านไม่เคยทอดทิ้งยามเรามีปัญหา รับโทรศัพท์เราทุกเรื่อง มาวันนี้ทุกท่านกรุณามาช่วยเรา นี่มากกว่าความคาดฝันยิ่งใหญ่กว้างไพศาลดั่งมหาสมุทรจนกลัวตัวเองจะผยอง หรือนี่คือการ เกิดปาฏิหารญ์ เราอยากทำเรื่องอย่างนี้ให้เกิดซ้ำๆไป ไม่มีเบื่อ เพื่อเด็ก เพื่อป่า เพื่อสรรพชีวิตในป่า เราไม่รู้ตอนจบจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และจะเป็นอย่างไร




เราทำวันอย่างนี้ทำไม กับเด็กป่า เพื่อจูงใจให้หัวใจของเด็กชาย หญิง รักป่าใหญ่แห่งนี้ บ่อยๆ ซ้ำ คำตอบไม่เคยเปลี่ยน แต่มีสิ่งที่แปลกแยกออกมา และเริ่มบรรจุสู่หัวใจของเรา ความเดียงสา การขาดโอกาส เด็กบางคน หัวใจเว้าแหว่ง บางคนขาดวิ่น




แต่พวกเขาเอาความเจ็บปวดเป็นพลังเย็บหัวใจตัวเองด้วยใจที่เหลือ และยืนหยัด กล้าแข็ง เสียงเรียกป้ากุ้ง คุยกับเราทำทุกอย่างให้เราเห็น พลังเจิดจ้า ร่าเริง เสียงใส ดังและดัง สนิทใจ อิสระเต็มที่กับห้วงเวลานี้ในผาด่างแคมป์




พี่วัชระ ผูกเรื่องร้อยธรรมชาติ โยงใยจากปากนก ตีนนก ตัวผู้ตัวเมียสร้างเย็บรัง เด็กน้อยตาแป๋ว อ้าปากหวอ รอคอยอยากรู้ เรื่องพิศดาล อัศจรรย์ ของชีวิตสัตว์ป่าอีกตัว และอีกตัว อาจารย์อมรนั่งมองเด็กๆอยู่ด้านหลังอย่างไม่รู้เบื่อ ยิ้มไปเมื่อเด็กเดียงสาตอบคำถามผิดแต่ฟังแล้วตลกดีมาก





ตอนบ่าย พวกเด็กต้องเรียนเรื่องแมลง เรานึกถึงยามบ่าย วิชาแมลงกับอากาศยามบ่าย เด็กๆ ต้องมีง่วงเหงาหาวนอน และรอให้บ่ายที่เดินไปอย่างช้าๆนั้นคลายมนต์อันน่าเบื่อ









แต่เราคิดผิดพลาดไปหมดทุกสิ่งตรงข้ามกับที่เราคิด ปรากฏว่า บ่ายวันนั้นแมลงออกมาโลดแล่นให้เด็กจินตนาการจับแมลงใส่กระดาษ เสียงสดใส หัวเราะร่าเริง แต่เป็นระเบียบ สนุก แจ่มใส ตื่นเต้น กับแมลงของตัวเองแต่ละตัว เด็กยืนเล่าชีวิตแมลงของตัวเอง


และอาจารย์เกรียงไกรช่วยต่อเติมปีกขา ตา หนวดซึ่งทำงานเป็นชีวิตมหัศจรรย์ให้เด็กตื่นเต้น เข้าใจและงุนงงกับแมลงตัวน้อยๆ ทุกชีวิตต่างมีสิ่งแสนพิเศษ ธรรมชาติสร้างเอกลักษ์เฉพาะ อย่างไม่ยอมลืมกันและกัน เด็กน้อยกับแมลงของเค้า ตอนนี้กลายเป็นเพื่อนกันแล้ว

เวลาพาเด็กน้อยมาถึงแล้ว กาลเวลาให้พบกับเพื่อนอาวุโส TWS เพื่อนกลุ่มนี้





เปลี่ยนมิติชีวิตเด็กๆชายหญิงกลายเป็น หมาไน หมาป่า หมีใหญ่ ที่มีเล็บราวมีดโกน เสือตัวโตหาล่าเหยื่อ ช้างและลูกช้าง พากันปกป้องลูกน้อยจากเสือหิว






และบางทีพวกเค้าเป็นกลายร่างเป็นเก้ง กวาง และสารพัดสัตว์ หากินแยกฝูง รวมฝูง แล้วแต่ชะตาชีวิตธรรมชาติของนิสัยสัตว์ตัวนั้น บางครั้งแอบซ่อน ปกป้องลูกน้อย เสียงหนีอย่างสุดกลัวสมจริงปนสนุกหัวเราะยิ้มร้องไห้ สารพัดหายในพงหญ้าแห้งสูงผาด่างเป็นที่หลบภัย






เมื่อเกมจบลงพร้อม ตะวันทอแสงแดงและกลับกลายเป็นลับลา เหล่าสัตว์ป่าของเราต่างคันคะเยอจากหญ้าแห้ง และโหยหิวข้าวแล้วทุกคนกลับมาเป็นเด็กดี ยืนเข้าแถวตักอาหารเย็นไปทานกัน
เด็กๆชอบเกมที่เล่นต่างเล่าและคุยกันไปในขณะที่ตักข้าวเข้าปาก













หัวเราะดังข้ามฟากให้ เพื่อนTWS ได้ชื่นใจช่วยร่วมสร้างเวลาไม่สามารถเรียกเวลาธรรมดาได้เลย น่าจะเป็นห้วงแห่งวิถีสัตว์ป่ามายาหรรษา เด็กป่าเหล่านี้ เป็นสัตว์ป่าอย่างที่พวกเค้าเคยเป็นหรือเปล่า








ยามค่ำคืนหมู่ดาวออกมาฉายแสง รอนักเรียนของเรา ดาวทุกดวงอวดแสงสว่างประกายกากเพชรเกลื่อนฟากฟ้า ทั้งสุภาพนิ่งระยิบระยับ เด็กป่าเห็นดาวมาแต่เกิดในยามค่ำคืน ยิ่งเป็นเดือนมืด ดาวไม่เคยทิ้งป่าแก่งกระจานและฟากฟ้า








กาลเวลากำหนดวันนี้ให้เด็กป่าให้ได้จดจ้องมองหา จำชื่อแสงดาวไล่เรียง
เสียงถามไถ่เซ็งแซ่ไม่ยอมเมื่อยคอ


อาจารย์อมร ยืนสอนข้างๆ พี่เกรียงไกรคนโปรดของเด็กชายเดียว ครูวัชระ ใช้เลเซอร์พอยท์ชี้ไปที่ดาวและบอกชื่อ กลไกความลับของหมู่ดาวดารดาษ ดวงดาวกระพริบนิดๆหรือคือการทักทาย



เด็กป่าพากันหลงแหงนหน้าเดินวน….มนตราราตรี การเรียนรู้ครั้งแรกอีกแล้วหรือนี่ สัญชาตญาณความอยากรู้ปลุกให้เด็กรับทุกอย่างและเพลิดเพลินของหน้าที่ดาวแต่ละดวง ทั้งหมดพากันยอมรับจักวาลนี้เข้าสู่สมองและหัวใจ





ยามเช้าตาเราไม่ลืม ฤทธิ์ยาสะกดให้เราไร้แรงต้าน ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากหลับไหล เราไม่รู้ว่ากิจกรรมยามเช้าของวันที่ 1 มีนาคม 52 เกิดอะไรขึ้นและดำเนินอย่างไรในผาด่างแคมป์ แต่จากรูปภาพ ตากล้องของผาด่าง บอกเล่าเรื่องราวได้ละเอียดหมดทุกย่าง






บริเวณใกล้เคียงและในผาด่างเป็นโลกของการตามหานกป่าชายทุ่ง
นกออกบินหากินยามเช้า ละเลียดน้ำค้างตามยอดหญ้า โผบินจากพุ่มไม้ เด็กหันหาตามเสียง อาจารย์อมร อาจารย์พรเลิศ อาจารย์เกรียงไกร






ป้าหน่อยของเด็กๆ พากันเดินตามกันตามหาชีวิตที่มีปีก มีฟ้าสีฟ้ากว้างและภูเขาป่าใหญ่ โอบล้อมเป็นวงกลมมหึมา แสงอาทิตย์อ่อนๆคลอเคลียผิว ให้รู้สีกว่าแสงแดดคือเรา เราคือแสงแดด






เมื่อเรามาถึงโดม เด็กๆกำลังสนใจวาดบางอย่างลงในกระดาษวาดเขียนแผ่นใหญ่ มีอาจารย์พรเลิศ แนะนำเทคนิคการวาดอย่างง่ายๆ เด็กหญิงและชายค้นพบว่าการวาดธรรมชาตินั้นแสนง่าย และควรจำกัดความให้ตัวตนได้ตระหนัก ภาพวาดไม่ใช่ภาพของใครจะสวยกว่ากัน แต่ความสวยงามนั้นจะต้องวาดจากจิตใจ และไม่สนใจภาพไหนจะสวยกว่าภาพของตัวเอง











เมื่อเทคนิกเบื้องต้นผ่านไป กาลเวลาพาเรานำหน้าเหล่าเด็กชายหญิง ไปหาลำห้วยก้านเหลือง เรารู้ทีเดียว หมู่ก้านเหลืองและร่มเงาใบไม้อ่อนเริ่มแตกใบใหญ่พอแผ่คลุม และพื้นหญ้าเขียวนุ่มตรงนั้น….รอเท้าน้อยๆเหยียบย่ำหรือ นั่งทับก็อาจเป็นได้










อาจารย์นำสารสั้นๆบอกให้เด็กๆพึงพอใจมุมธรรมชาติเบื้องหน้า หรือเบื้องหลังก็ได้และวาดธรรมชาตินั้นด้วยหัวใจ
เด็กป่าชอบทำเหมือนเมื่อเราพากันเข้าป่า







บางคนโลดแล่นวิ่งหาหรือ เดินหามุมส่วนตัวของตัวเอง บางคนวนไปมาและเจอธรรมชาติที่ใจสั่งแล้วใช่แล้ว ตรงนี้ ใช่แน่นอน ธรรมชาติมอบความงามสู่หัวใจเด็กทุกคนพร้อมกัน แต่มีอย่างหนึ่งแน่นอน ภาพทุกภาพไม่เหมือนกัน








ไม่มีความงามไหนจะงามกว่ากันหรือเหมือนกันได้ เป็นการระเบิดธรรมชาติผาด่างผ่านกระดาษจากใจเด็กน้อย และให้เราเท่านั้นชื่นชมมองภาพ ผาด่างสวยงาม full -felled with my heart.


เราไม่ควรเก็บเรื่องอย่างนี้ไว้เพียงคนเดียว เรื่องทั้งหมดนำมาซึ่งความสุขและไม่ยอมจางหาย เราอยากส่งเรื่องดีเช่นนี้ให้เวบไซด์ สำหรับคนบางคนเผอิญเข้ามาและได้อ่าน







บางทีบางตอนอาจสร้างความสบายใจแก่ผู้อ่านก็เป็นได้ เราไม่ควรคาดหวัง เพราะนั่นคือความอวดดี แต่ที่มากกว่านั้น และสมควรทำ คือการตอบแทนน้ำใจงามผู้บริจาคเงินนี้ ได้รับความสุขและเป็นการขอบคุณ สุดสติแห่งความดีของเราจะกล่าวเขียนได้




รอยจำลึกเสน่ห์หา เด็กชายมอส ป้ากุ้ง เมื่อคืนผมเรียนเรื่องดาว ผมชอบ สนุกมากๆเลย อาจารย์บอกชื่อเว๊ปไซด์เกี่ยวกับดาว แต่ผมไม่รู้เรื่อง ป้ากุ้งหาชื่อเว๊บไซด์ให้ผมด้วยนะ




เด็กชายเดียวตัวผอมดำแกรนเดียวเดินเท้าเปล่าร้องไห้มาหาเรา ฮือ….ฮือ…ฮือ…..เพื่อนวิ่งตามหลังมาเป็นพรวน ช่วยกันบอกเรื่องบู๊ตีต่อยในเต๊นท์นอน เราโอบกอดเด็กเดียวตัวผอม มันกระทืบเท้าบนอกผม


เด็กชายเดียวร้องไปบอกไป แล้วชี้ไปที่เพื่อนคนนั้น คู่ชกร้องบอกว่า ก็ไอ้เดียวมันเตะไข่ผมก่อน เราถามเดียว……เดียวพยักหน้า เราพูดไม่มากคำแล้วสองคนก็สวมกอดกัน





เพื่อนๆพากันกอดไหล่เดินกลับไปเตนท์นอน เราได้กอดเด็กชายเดียวแล้ว เด็กคนนี้บางครั้งอยากพูดอยากคุยกับเรา แต่บางทีกลับปลีกตัวเงียบๆ หลบเราออกบ่อย




เด็กชายพ่อแม่เลือกทิ้ง…เรื่องของเดียวซับซ้อนแต่ชื่อของเด็กน้อย สมชื่อจริงๆ

เสียงในห้องครัวเล่าขานกันดังด้วยความดีใจ ใครเปียแชร์ได้หรือ เสียงดังเชียว แม่ม๊วยรีบตอบ น้องมดได้รับทริปจากบ้านปีกไม้ ตั้ง 470 บาท พี่ผู้หญิงคนหนึ่งที่พักบ้านนั้น อะไร อะไร ก็เรียกหาน้องมด







น้องมดพี่ฝากของกินไว้ในตู้เย็นน่ะ น้องมด พี่จะซื้อของ ซื้อ…. เรียกหาแต่น้องมด น้องมดยืนยิ้มตื้นใจในความเมตตาของแขกที่เข้ามาพักผาด่าง ทุกคนในผาด่างต่างดีใจไปกับน้องมดด้วย


สุดท้าย…..เรื่องราวของวันนั้น ธรรมชาติส่งความหมายแสนดีซ้ำซ้อนลงไป เราเก็บความประทับใจลงในความทรงจำฝั่งของความสุข เพื่อนใหม่มากๆจากห้อง tws มอบเงินช่วยเหลือ






โครงการนี้ เป็นจำนวนเงินมาก และไม่คาดถึงทีเดียว
น้องนกยูงรู้จักผ่านกันแค่ตัวหนังสือไม่นาน ยินดีมอบเงินผ่านฝากเพื่อน tws เน้นบอก ช่วยพี่กุ้ง….ช่วยเด็กป่า

อาจารย์พรเลิศ พูดพร้อมบอกเขียนนามหญิงงามใจบุญ ไม่เคยรู้จักผาด่าง ไม่รู้จักเรา
แต่อาจเคยอ่านบางตอนของเด็กป่า ฝากเงินมาช่วยเราอีกคน


คุณกรแก้ว ไพรสณฑรางกูร จำนวน 2,000 บาท
ชาวผาด่างจะใช้เงินนี้ด้วยความรอบคอบ และให้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณะมากที่สุดค่ะ
เพิ่มรูปภาพ



เงินไม่ใช่ความหมายความดี แต่เงินคือคำตอบว่าเรื่องราวทุกตัวหนังสือนี้เราทำถูกต้อง และสุดท้ายหลายท่านผู้ใจบุญช่วยกันประคองให้เรากล้าเดินไปบนถนนเส้นนี้ ความดีที่สุดยกให้เพื่อการปกป้องอนุรักษ์ป่าแก่งกระจาน ความตั้งใจ ให้เด็กป่าคือนักอนุรักษ์ป่าแก่งกระจานตลอดไป






ในนามชาวผาด่าง กุ้งขอขอบคุณ อาจารย์ เกรียงไกร สุวรรณภักดิ์






ในนามชาวผาด่าง กุ้งขอขอบคุณ อาจารย์ พรเลิศ ละออสุวรรณ





ในนามชาวผาด่าง กุ้งขอขอบคุณ อาจารย์ ปันยา ไชยคำ ผู้คอยให้กำลังใจ และพากุ้งเดินเป็นบนเส้นทางธรรมชาติค่ะ






ในนามชาวผาด่าง กุ้งขอขอบคุณ อาจารย์ สุรพล ณ ดวงแข อดีตเลขาธิการมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่า และพรรณพืชแห่ง ประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ก่อนปิดมูลนิธิอย่างมีปริศนา







ในนามชาวผาด่าง กุ้งขอขอบคุณ อาจารย์ วัชระ อยู่สวัสดิ์ อดีตกรรมการสมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย






ในนามชาวผาด่าง กุ้งขอขอบคุณ อาจารย์ อมร ลิ่วกีรติยุตกุล กรรมการสมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย