วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2551

รอยจำผาด่าง18



July 1,2008 เมฆฝนสีเทาเข้มกำลังทยอยเดินขบวนมาจากทิศทางป่าใหญ่ ลมฝนป่าเย็นสัมผัสผิวหน้าเรา ลมพัดแรงช่วยพาเมฆ หลายขนาด หลายก้อน ลมวิ่งไปในก้อนฝนเหล่านั้นกระชากเบาๆหมุนพัดเปลี่ยนรูปร่างก้อนเมฆให้ไม่เหมือนกัน แต่เลือกเป็นสีเดียวกัน ลมหอบลอยเลื่อนต่ำมาทางทิศที่เราอยู่ แต่บางอย่างเปลี่ยนไป ลมเปลี่ยนตัวเองให้แรงขึ้น แรงมากขึ้น ความเข้มแข็งของลมคำรามเสียงดังน่ากลัวจนเราสัมผัสความหวาดกลัวของตัวเอง ไม่หยุดแค่นั้นลมจับต้นไม้โยกอย่างแรง กิ่งไม้สะบัดกลับไปกลับมา ลมใหญ่แสดงพลังหอบใบไม้จากบนต้นไม้และกอบใบไม้จากพื้นดินผสมปนกับฝุ่นสีแดงฟุ้ง ฝุ่นกับใบไม้ต่างหมุนวนคว้างรอบตัวเองและกระจายเกลื่อนรอบแล้วรอบเล่า ใจของเราเริ่มมั่นใจ จ้าวแห่งลมประสงค์หอบฝนใหญ่เลยผ่านผาด่างไป





July 3,2008 จ้าวแห่งลมป่าร่วมกับพญาเมฆฝนกระทำอย่างนี้เกือบจะทุกวัน ทุกครั้งที่เมฆแห่งฝนพากันมาใกล้ผาด่าง เป็นความหวังตามด้วยความล่มสลายเปลี่ยนไป เปิดฟ้าใสสว่างคือความหมายไม่มีฝนเกิดขึ้นในวันนี้แน่นอน ลมใหญ่รุนแรงหอบเมฆสีเทาต่ำก้อนใหญ่เลยผ่านไปทางทิศตะวันออก เมฆฉ่ำน้ำฝนจากไปอีกแล้ว ต้นไม้ต่างยืนรอฝนเก้อพร้อมกับเรา ต้นไม้บอกเล่าด้วยสัญญาณของความหิวโหย เราบอกต้นไม้ว่า เจ้าต้องอดทนนะ เราจะสูบน้ำให้เจ้าบ่อยๆไม่ได้ น้ำมันลิตรละ40บาท หนึ่งวัน10 ลิตร ค่าแรงคนงานลากสายลดน้ำต้นไม้อีก ขอให้อดทน ต้นไหนจะปลิดใบร่วงจำศีลก็จงทำ


July 8 ,2008 เวลานี้คือเวลาป่าสร้างฝนหมุนกลับมา น้ำฝนจากฟากฟ้าลงสู่ป่า ต้นไม้ในป่ารู้หน้าที่และรีบทำหน้าที่ของตัวเองอมความชื้น .ให้มากที่สุดและร่วมกันปล่อยความชื้น สร้างเมฆฝนขึ้นสู่ท้องฟ้าให้โปรยปรายวนเวียนเป็นบทเรียนวัฎจักร และไม่เพียงเท่านั้นป่ายังสร้างสายธารให้น้ำฝนได้ไหลรินทยอยลำเรียงหยดน้ำให้ไหลตามเส้นทางของชายขอบภูเขาก่อนรินลงนอนขังในอ่างหรือฝายเก็บน้ำ





แต่เดือนนี้ช่างแตกต่างจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ต้นไม้หลายต้นทิ้งใบรักษาชีวิตของตัวเอง บางต้นเปลี่ยนสีใบเป็นสีส้ม สีเหลือง แต่บางต้นใบลีบเหี่ยวคาต้น สัตว์ป่าลงมาออกันตรงที่เป็นน้ำขังหรือลำห้วยที่เกือบเหือดแห้ง คนชายป่าแก่งกระจานเรียนรู้และจำยอมรับเงื่อนไขที่ธรรมชาติสอนเป็นบทเรียนปีแล้วปีเล่า น้ำฝนก่อเกิดจากป่า และในปีหนึ่งเวลาจะเป็นผู้พาน้ำฝนแก่ชาวป่าเพียงแค่3 เดือนท่านั้น


July 10 ,2008 ธรรมชาติคือจ้าวแห่งกาลเวลาผู้ยิ่งใหญ่… วิธีอธิบาย… เหตุต้นตอมนุษย์ลื้อทำลายวิถีสมดุลย์ของกฎธรรมชาติ บทลงโทษได้เวลากลับมาพร้อมกับ นำความโหดร้ายลึก บันดาลความแร้นแค้นประทุทุกหย่อมหญ้า เรื่องสำคัญที่สุด น้ำปัจจัยจำเป็นต่อทุกชีวิต จะมีให้…. แต่น้อยมากและเว้นช่วงนาน มากมายหลายวิธี อย่างจงใจมอบความ ทุกข์ยาก ระทมแสนสาหัส ลำบากต่อเนื่องไปไม่สิ้นสุด ธรรมชาติไม่สามารถยุติเรื่องการทำลายนี้ได้เลย สมดุลย์ถูกมนุษย์เปลี่ยนไปใช่หรือไม่ ฝน ลม ไฟ ความสว่าง ความมืด ร้อนหรือหนาวทั้งหมดคือความก้าวร้าว แตกหักรุนแรง

ธรรมชาติบอกแจ้งอย่างแท้จริง และบอกย้ำอีกว่า ธรรมชาติแสนสุภาพอ่อนโยนเป็นผู้ให้เหมือนแต่ก่อนจบลงไปแล้ว และจากไปนานมากแล้วเช่นกัน







July 15 ,2008 หลายต่อหลายครั้งเราแหงนหน้ามองฟ้า อ้อนวอนร้องขอกับจ้าวป่า มอบน้ำฝนสู่ผืนดินสีแดงแห้งแห่งนี้ด้วยเถิด เครื่องบินทำฝนเทียม มาทุกวันบางวันมาหลายรอยรอบ ในหลวงของแผ่นดินท่านทราบได้อย่างไรว่าป่าใหญ่แก่งกระจานปีนี้ไม่มีฝน เมื่อเครื่องบินจากไป บางครั้งมีฝนแต่เป็นฝนเทียมที่แสนบางเบา หน้าไม่เปียกฝน สองมือแบรองรับเม็ดฝนนับเม็ดได้ ฝนตกและหยุดอย่างรวดเร็ว ฝนแห้งเหือดหายไปในพื้นดินฝุ่นสีแดง ใบไม้ไม่มีเม็ดฝนเกาะแพรวพราว ทุ่งหญ้าร้อนจนเป็นสีเหลืองน้ำตาล น้ำฝนแตะแล้วเหือดแห้งหายไปทันทีทันใด ทุกวันในผาด่างรอบตัวป่าเป็นสีของฤดูแล้ง ฤดูฝนหรือฤดูแห่งชีวิตใหม่กำลังเคลื่อนผ่านไป การรอคอยน้ำฝนของชาวบ้านป่าร่วมอยู่ในวันที่กำลังจากไปเหล่านั้นด้วย


July 16 ,2008 หลายครั้งที่เรานั่งรถกลับผาด่าง บนถนนรถวิ่งผ่านไป เมฆและฝนตกชุ่มมากมายเหลือเกิน หลายต่อหลายครั้งถนนที่เปียกน้ำฝน ใบไม้ย้อยหนักอมน้ำก้มหน้า ดินข้างถนน อมน้ำเป็นสีดำเข้ม บอกเราว่าที่นี่มีฝนและเพิ่งจากไปไม่นาน แต่เมื่อเข้าเขตผาด่างร่องรอยฝนจางหายไป ฝนมีแต่ไม่ที่นี่ ฝนมาแต่ไม่ใช่ที่แห่งนี้ ฝนจากป่าแค่เดินทางผ่านผาด่างไป ตามเวลาวันของฤดูวสันต์ เป็นอย่างนี้หลายครั้งหลายหน ปลาที่ตากแดด ไม่ต้องเก็บ ผ้าที่ราวเรียงไว้ ไม่ต้องวิ่งเก็บ รู้แล้วว่า ฝนจะไม่ตกหรอก ชาชินจนใจร้าว ท้อแท้เต็มอก หลายหนที่ตั้งใจเหม่อจ้องท้องฟ้า ร้องขอภาวนากับเทพแห่งฝน จงกรุณา ให้ฝนปราณีกับผืนดินผาด่างด้วย











July 28 ,2008 เสียงชาวบ้านเปรยในร้านขายของให้เราได้ยินหลายต่อหลายครั้งที่แวะเวียนมาซื้อของที่ผาด่าง ปีนี้ฝนแล้งจังเลย ฤทธิ์ของฟ้าแล้งฝนผลสะท้อนความยากลำบากข้ามไปชัดเจนต้นปีหน้า ปีหน้าจะได้ปลูกผักกันหรือเปล่า น้ำในเขื่อนเริ่มแห้งลงและเปลี่ยนสี ตอไม้ที่เคยจมน้ำ





วันนี้ขอนไม้มะค่า ขอนไม้ใหญ่ที่เราชอบยึดเป็นที่นอน ดูสายน้ำ และท้องฟ้า ร่างต้นมะค่าหายไปจากการมองหานานเกือบปีแล้ว ในหน้าน้ำ ฝนหลากปีก่อนน้ำมากท่วมเจ้าจมอยู่ใต้บาดาลนอนนิ่งแต่สร้างประโยชน์เป็นบ้านหลบลี้ภัยของสัตว์น้ำต่างๆ ร่างของเจ้ามะค่ะถูกโค่นลง เพื่อเลื่อยขาย ทำไมเจ้ายังนอนแข็งอยู่ทั้งต้น เพราะอะไร ร่างถึงไม่ถูกตัดแยกขาย ทุกคนช่วยกันบอกเล่า ร่างเจ้าเป็นโพรงกรวง สิ้นไร้ราคา ตัดเจ้าให้ตาย จนร่างล้มคลืนลง แล้วทิ้งเจ้านอนกลวงนิ่งตากแดดในหน้าแล้ง จมน้ำในหน้าฝน ปีแล้วปีเล่า

บางคนเสนอว่า ตอไม้สวยนี้ ทำไมไม่ยกไปไว้หน้าผาด่าง เอาไปตกแต่งให้ผาด่างดูสวยงาม คำตอบในใจของเรา เจ้าสวยและมีค่าเมื่อได้นอนตายตรงที่เจ้าเกิดมา และเป็นประวัติศาสตร์หนังสือชีวิตจริง เรียนรู้วิถีของป่าแก่งกระจานผืนนี้ที่จำเป็นต้องเรียนรู้ให้เข้าใจและจดจำ






เจ้าแห่งเวลาบันทึกเรื่องตอมะค่าถูกเลื่อยยนต์ฆ่า และ เรื่องนี้ผ่านมานานร่วม20 ปี ต่อจากนี้ต่อไปตราบเท่าที่มีเรากับผาด่าง หน้าบ้านฟ้าสด บ้านฟ้าใส และบ้านที่ยังไม่มีชื่อ ทุกคนจะมองเห็นเจ้ามะค่ากลวงอย่างเต็มตา และเราภูมิใจที่มีเจ้าร่วมอยู่ในผืนดินเดียวกัน


July 29 ,2008 เก๋เดินทางไปจ่ายของที่ตลาดท่ายาง เพราะว่าพรุ่งนี้จะมีนักศึกษา จำนวน60 กว่าคน จากนครปฐุม มาเข้าค่ายสิ่งแวดล้อม แล้งฝนและเด็กเข้าค่าย วนเวียนให้ครุ่นคิด ปีนี้เข้ากลางฝนแล้ว เรายังไม่ได้รองน้ำฝนกันเลย ตุ่มน้ำหลายตุ่มน้ำเริ่มแห้งขอด ตุ่มน้ำตั้งอยู่แต่ว่างเปล่า ตุ่มยืนเรียงใต้ชายคารอการเติมเต็มจากฝนบนฟากฟ้า





พี่หวัดกับทีมลูกน้อง ช่วยกันกางเตนท์หลังใหญ่และหลังเล็ก เต็มลานหญ้า แต่ละเตนท์นำฟรายชีทคลุมกันฝนด้วย เมฆฝนก่อตัวลอยมาจากทางทิศตะวันออก หลายครั้งที่หมู่เมฆฝนมาจากทิศตะวันตกของป่าใหญ่ และครั้งนี้แตกต่างไป ขอให้เกิดฝนด้วยเถิด เราภาวนา พร้อมกับร้องบอกพี่หวัด อย่านำเอาเครื่องนอนใส่ไว้ในเต๊นท์ ไม่นานสายฝนใหญ่ก็ลงมาอาบพื้นดิน ฝน ฝน ฝนมาแล้วเรายืนใต้ชายคามองสายฝนมี่โปรยกระหน่ำ ใบไม้ทุกใบเปียกโชกชุ่มและพากันขยับเหยียดลู่ลงให้สายฝนผ่านตามร่องสู่ปลายใบและไหลรินไปหาพื้นดิน




July 30 ,2008 ชาวผาด่างต่างขะมักเขม้นทำอาหารกันแต่เช้า เมื่อใกล้ถึงกำหนดการ ทุกอย่างที่เตรียมพร้อมก็เสร็จลงก่อนกำหนดเวลา แต่ นักศึกษายังไม่มา มื้อแรกคือข้าวห่อใบไม้ผาด่าง คุณทอมหัวหน้าทีมมีกำหนดการนำคณะนักศึกษาพากันเข้าป่าบ้านกร่างและกินข้าวห่อกันที่นั่น ตอนนี้เจ้าหน้าที่อุทยานทำหน้าที่วิทยากรมารอรับนักศึกษาที่ผาด่างแล้ว คุณหน่อยกับพี่บัติเข้ามาเยี่ยมเยือนเรา ชวนเราเข้าไปดูนกด้วยกัน เราจำต้องกล่าวปฏิเสธไป ด้วยห่วงงานที่รออยู่ข้างหน้า เราแหงนหน้ามองท้องฟ้า และถามเจ้าหน้าที่ป่าไม้ว่า วันนี้ฝนจะตกหรือไม่ เสียงตอบหนักแน่นชัดเจน ตกแน่นอนร้อยเปอร์เซนต์ครับพี่กุ้ง



ถามและตอบตัวเองในใจ ถ้าวันนี้ฝนตก กิจกรรมเข้าค่ายจะยุ่งและวุ่นวายมากแค่ไหน เตนท์นอนหากเปียกเด็กๆจะย้ายไปนอนที่ไหน เด็กๆจะเล่นกิจกรรมกองไฟได้หรือเปล่า การทานอาหารมื้อเย็นที่ห้องอาหารคงต้องเปลี่ยน โยกย้ายหม้อกับข้าวและจานมาทานในหอประชุมและกิจกรรมกลางแจ้งก็ต้องยกเลิกมาทำกิจกรรมมาทำในห้องประชุมแทน ถ้าให้เลือกไม่มีฝนกับกิจกรรมแสนยุ่งวุ่นวายจะบังเกิดขึ้น ใจของเราขอเลือกข้างธรรมชาติแทน เราทนเห็นความแห้งแล้งไม่ไหวแล้ว เพราะกับปัญหาคือการแก้ไข และนั่นทำให้เราเข้มแข็งขึ้น




ตกบ่ายสายฝนก็เริ่มโปรยปรายลงมาเรื่อยๆ ฝนตกอยู่นาน และฝนไม่ได้แสดงทีท่าว่าพอแล้ว ดินที่อุ้มน้ำเมื่อวานและวันนี้มีซ้ำอีกครั้งและนานต่อเนื่อง พื้นดินกลายเป็นเฉอะแฉะ เราเดินตากฝนพาน้องๆผู้หญิงขึ้นบนเรือนหลังใหญ่ แทนการนอนเตนท์ เด็กสาวต่างตื่นเต้นกับบ้านหลังนี้ เดินขวักไขว่เปิดห้องนี้ ห้องนั้น จากนั้นเราเดินยิ้มตากฝนที่กระหน่ำหนักนำหน้ารถผู้อำนวยการเข้าพักบ้านนกเงือก เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเรากลับเข้าไปในห้องเตรียมเสริพอาหารทุกอย่างดูชุลมุนแต่เรากลับมีความสุข เพราะค้นพบว่า ฝนคอยสร้างอุปสรรคให้มากมาย แต่การคิดแก้ไข ถูกเตรียมไว้อย่างดีแก้วิกฤต ได้ทุกอย่าง เด็กหนุ่มและสาว รวมทั้งอาจารย์ และเจ้าหน้าที่อุทยาน ต่างยิ้มแย้มแลกเปลี่ยนพูดคุยกันอย่างสดชื่น และรับประทานอาหารร่วมกัน ก่อนนอนคืนนี้เรานอนฟังเสียงฝนเปาะแปะกับหลังคาและหลับลงพร้อมกับความสุข




July 30 ,2008 ในห้องอาหารสว่างไสว อากาศสดชื่นแจ่มใส เด็กๆทยอยเข้ามารับประทานอาหาร อาจารย์หญิงเดินเข้ามาหาเรา พร้อมยื่นทองเป็นสร้อยข้อมือ เล่าให้ฟังว่าเด็กนักศึกษาเก็บได้ ไม่ทราบว่าเป็นของใคร เรารับมาดูและคิดว่าน่าจะเป็นของท่าน ผ.อ ก่อนจะยื่นคืนไป ให้อาจารย์ลองโทรถามท่านผ.อ. ที่รีบกลับไปแต่เช้า หากไม่ใช่ก็ให้นำไปทำบุญ จะดีกว่าค่ะ หลังจากนั้นไม่นานเด็กๆทยอยขึ้นรถเข้าไปปลูกป่าในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และจะกลับมารับอาหารกลางวัน ไปทานกันบนรถ และจะอำลาจากผาด่างก่อนเที่ยงวัน


August 5 ,2008 ข่าวคราวของบ่อน้ำมหัศจรรย์ที่รีสรอท์ไม้มะค่า ไม่ไกลจากผาด่างมากนัก รูปนกป่าในเวปไซด์พันทิปนกป่าหลากหลายชีวิตร่วมลงอาบน้ำ ฟ้าแล้งฝนอย่างนี้ทั่วถ้วนกันไปหมด ลำธารน้อยทุกบ่อ ทุกแอ่ง ทุกอ่าง เราคอยสังเกตุน้ำป่าไหลบางๆแคบ ยิ่งกว่านั้นน้ำที่ไหลไม่มีแรงร้องหัวเราะกับก้อนหิน น้ำอ่อนแรงไหลอย่างเบาเงียบเบาเหมือนเสียงกระซิบ บางแอ่งเหือดแห้ง เหล่าเพื่อนนกหมุนเวียนกันลงอาบน้ำคลายร้อน ต่างจากทุกปี ในเดือนฝนนี้นกมีแต่ต้องตื่นแต่เช้า พึ่งปีกให้แห้งหลังฝนอาบร่างชุ่มเปียก ฝนตกข้ามหลายวัน ข้ามหลายคืน หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ฝนกุ่ม หมายถึงฝนตกติดต่อกันหลายๆวัน ปริมาณฝนไม่หนักไม่มีลมมีแต่เม็ดฝนพรำสม่ำเสมอ ชาวบ้านเรียกร้องขอฝนใหญ่ …..ให้น้ำฝนสร้างน้ำไหลเต็มลำห้วยด้วยเถิด




August 6 ,2008 นกอพยพหลายชีวิตต่างทยอยอพยพกลับมาผาด่างเร็วกว่าปีก่อน และมีหลายชีวิต อาศัยใกล้ลำธาร นกจาบคาเคราน้ำเงิน หงุดหงิดที่ลงเล่นน้ำไม่ได้ เพราะเราหลงมาในเวลาเดียวกับเจ้าจะร่อนลงอ่างน้ำ


นกจาบคาคอฟ้ายืนเกาะกิ่งกระถินแห้งตาย เป็นครั้งแรกของเจ้านกสวยสง่ากับตัวเราบนบ้านใหม่ที่ไม่มีชื่อ บ้านของเราในผาด่างเกือบใกล้เสร็จแล้ว ทุกเช้าหน้าระเบียงนกทุกตัวออกหากิน กระโดดจากกิ่งโน้น กิ่งนี้ จากไกลมาใกล้ และบางครั้งยอดสูงมากิ่งต่ำ ยืนร้องเพลงของเธอให้เราฟังใกล้ๆ การรู้ว่าเรามีชีวิตตรงนี้กับเพื่อนนก ความสุขอยู่ และวนรอบๆตัวเราและเหตุการณ์นี้ไม่ได้เป็นความลับ ทุกคนที่มาเยือนต่างรู้สึกและสัมผัสกับความสุขอย่างเดียวกับเรา




August 7 ,2008 นก blue wing pitta 2ตัวยืนไม่ไกลสีสีสดเด่นไม่อาจปิดซ่อนจากสายตาเรา เรื่องตื่นเต้นในใจเราออกมาโลดแล่นอีกแล้ว แต่ที่อ่างน้ำเจ้ามาเพียงลำพังตัวเดียว เงียบ เบา เจ้าจ่อมตัวลงในลำธารตื้น ย่อตัวลงอมน้ำและยืนยืดสะบัดขนและทำอย่างเดิมอีกรอบและหลายรอบผ่านไป เมื่อเจ้า blue wing pitta จากไป เสียงนกร้องบนศีรษะใกล้เราจัง แค่เงยคอ ก็พบพวกเจ้า นกกินปลีแก้มสีทับทิม ทั้งตัวผู้และตัวเมีย นกอยู่นานมากแต่ตำแหน่งที่มองเจ้า อาการเมื่อยคอมากๆตามมา








August 9 ,2008 นก scaly-breasted munia รวมฝูงนับสิบตัวทะยอยบินมาเกาะกิ่งรอบๆลำห้วย และค่อยๆบินถลาลงเข้าอ่างน้ำ เราพบว่านกพวกนี้เป็นนกขี้ร้อน ชอบอาบน้ำเล่นน้ำวันละหลายรอบ อาบน้ำเล่นน้ำ วนเวียนบินหนีหายไปด้านหลังพงหญ้า ไม่นานพวกเจ้าก็อดหวนกลับมาอาบน้ำกันอีก นกกาแวนมาร่วมด้วย 2 ตัว แต่ไม่นาน นกกาแวนปฏิเสธการมีเรานั่งมอง นกปรอดทอง นกปรอดเหลืองหัวจุก นกปรอดคอลาย นกปรอดสวน ตระกูลปรอดสีเขม่า และก่อนหันหลังลาจากมา นกกางเขนดงตัวเมีย นกแซงแซวเล็กเหลือบ หางบ่วงใหญ่ และเจ้า pied - fantail





เฝ้ามองนกเล่นน้ำ ฟังเสียงเครื่องบินทำฝนเทียมบินมาอีกแล้ว แดดสีแดงหายไปทันทีและมีลมพรูพัดเข้าหาเรา ลมหมุนตัวเล่นกับใบมะม่วงชวนกันแก่วงกันไปมา และขับเสียงให้เราฟัง เตือนเราว่า ลมกำลังพาฝนมาแล้ว ผิวกายสัมผัสไอเย็นของลมป่าที่มีฝน หรือว่าฝนตกสักแห่งใดแห่งหนึ่งไม่ไกลจากผาด่าง


August 12 ,2008 เราเขียนมาถึงตอนความจำอันสำคัญแล้ว นกฝูงนี้silver-breasted boardbill นกแสนรัก แสนสวย ด้วยความอยากพบมากกว่าแค่พบเห็นตามรูปภาพ เกิดตำนานเราร่วมกันกับนกชนิดนี้ ป่าแก่งกระจานมีร่องรอยเท้าของเราบนเส้นทางเดินหลายต่อหลายรอบ แต่วันนี้ จากลำธารน้ำใสตื้นๆป่าดิบชื้นบ้านกร่าง เหล่าชีวิตนกแสนรัก มิติใหม่เกิดแล้ว

ฝูงนกเจ้าของปีกสีเงินกำลังบินเข้ามาใกล้ เสียงนกพญาปากกว้างอกสีเงิน ร้องเรียกกันไม่ดังมากแต่เพียงพอให้เราได้ยิน สายตาต้องหันหาตามเสียง เจ้ามากันหลายตัว กับเพื่อนพี่น้อง ช่างมากันมากมาย ลงเกาะกิ่งฝั่งซ้ายเตี้ยๆ ลงเกาะกิ่งฝั่งขวา มีลำธารน้ำใสตื้นๆอยู่ตรงกลาง ที่นั่นนกรู้หรือไม่ว่าเรามีตัวตน เรานั่งอยู่ใกล้และทำตัวปิดบังตัวตน เจ้าไม่รู้และไม่ได้เรียกให้เราลงเล่นน้ำกับเจ้า แต่ที่เราแอบมองอย่างสุภาพและเงียบนั้น พวกเจ้าเปิดเผยการแสดงวิธีการอาบน้ำ หรือการเล่นน้ำให้เราได้ดู



เริ่มจากนกหนึ่งตัวคงเป็นจ่าฝูง ฝั่งซ้ายบินโผลงจากกิ่งที่ไม่สูงมากโฉบลงด้วยการกางปีกให้มากที่สุด ตีนนกแตะกระแทกผิวน้ำพร้อมปีกที่กางสุดๆกรีดเล่นกับน้ำใส ลำธารอารมณ์ดีร้องเพลงระริกร่วมเล่นกับฝูงนกด้วย ส่วนแสงตะวันน้อยๆลอดมาตามช่องของต้นไม้ที่เอนไหวตามแรงลม แสงแดดบางๆนี้ลงมาเกาะน้ำตามปีกของนกร่าเริง เมื่อนกกรีดรีดสะบัดปีกกระจาย หยดน้ำและแสงแดดก็กลายเป็นภาพละอองเพชรฟุ้งฝอย แค่ช่วงแสนสั้นไม่เกิน 2 วินาที ก่อนถลาบินขึ้นฝั่งตรงข้าม เปิดโอกาสให้นกที่รออยู่ฝั่งตรงข้ามบินล่อนลงแตะกระพือปีกอาบน้ำ แล้วโผขึ้นเกาะกิ่งสลับตำแหน่งฝั่งกัน ทำสลับกันทีละตัว จนหมดฝูง ขอบคุณเจ้าแห่งกาลเวลา มอบประสบการณ์ความงามจับใจ ขอความทรงจำกับหัวใจรวมเป็นหนึ่งเพื่อยึดเก็บความสุขรำลึกลึกซึ้งครั้งนี้ไว้


ไม่มีความคิดเห็น: