วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2551

ความเมินเฉย



ความเมินเฉย

เราตัดสินใจละไม่เขียนความหมายที่ผ่านไปทุกวัน ทุกวัน แม้ไม่ได้ปลดปล่อยใจให้ไกลท่องไปในท้องฟ้าเวิ้งว้าง แต่ฟ้าเองรู้ว่าในใจของเราขณะนี้ท้องฟ้าไม่มีสีฟ้า ไม่มีก้อนเมฆนุ่มๆ ใจไม่ชวนชมท้องฟ้า ฟ้าเป็นฝ่ายร้องถามและจ้องมาที่เรา แต่เราไม่ใส่ใจ แค่มองเพื่อจ้องและปล่อยสายตาค้างไว้


สายตาเหม่อนิ่งเงียบ เปลี่ยนไปที่ท้องน้ำด้านหน้า เหมือนเดิม ท้องน้ำหัวเราะกระเพื่อมเบาๆและลมหยอกล้อเป็นคลื่นเข้าหาเราหวังปลอบใจ แต่ที่ได้กลับไป ใจของเรากลับนิ่งเฉยตอบสนองคืนท้องน้ำ ใจไม่แม้แต่แสร้งทำหัวเราะ…หรือ ยิ้ม ใจไม่เห็นความสวยงามของผิวน้ำระริกเต้นไหว


ใจเลิกสนใจเพื่อนสรรพชีวิตรอบข้าง รู้สึกตัวเองกำลังจมลึกสู่อาณาจักรความซึมเศร้า เรื่องที่บังคับให้ต้องทำคือ ละทิ้งความสนใจทุกอย่างรอบข้าง สายตาและดวงใจทำได้อย่างเดียวคือเหม่อลอย เดียวดาย หดหู่ แข็งแกร่งกับอารมณ์เศร้าซึม


เพื่อนนกชายขอบป่า นกน้อยหลายตัวร้องเพลงของตัวเองเพื่อเรียกความสนใจ เราเดินผ่านไปอย่างเมินเฉย มือนี้จับโลกหยุดนิ่ง ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปและจบลงแต่ละวันโดยไม่มีเรา และวันใหม่ที่เดินทางมาในตอนเช้าและจากไปในยามเย็นอย่างไม่มีจิตวิญาณร่วมรับรู้ โลกของเรากับคนอื่นถูกแบ่งแยกเป็นสัดส่วนและเด่นชัดไม่มีใครอยู่ในนี้ เราจับทุกอย่างทุกคนและทุกตัวโยนออกไป กักตัวเองในโลกที่เงียบเหงา วังเวงและนิ่งนาน


นานแล้ว สองเดือนที่ผ่านไป บางครั้งเหมือนเราได้เดินออกมาแล้ว แต่เราอาจแน่ใจเสียทีเดียว ใช่…อย่าเพิ่งแน่ใจ แต่มีบางอย่างเป็นสัณญานที่ดีเกิดขึ้นในตัวเรา เรากำลังถูกพาตัวเองกลับมาหรือ เราจะกลับมาได้หรือเปล่า และจะต้องกลับเข้าไปอยู่ในนั้นอีกหรือไม่


มีความห่วงเกิดขึ้นในบางเวลา คิดถึงหน้าที่ความรับผิดชอบและอยากกลับมาทำงาน ความสดชื่นน้อยๆก็ตามมามากขึ้น ได้ยินเสียงหัวเราะของตัวเอง ดีใจที่ได้ฟังตัวเองหัวเราะอย่างมีความสุข ค่อยๆพาตัวเองออกมาพบความจริงบ่อยขึ้น สามารถสร้างเหตุผลปลดปล่อยความยึดติด อนุญาติให้ตัวเองพบความสุขแค่ครึ่งทางแต่เต็มไปด้วยความพอใจมากขึ้น การรักษาเริ่มได้ผล คุณหมอไม่เพิ่มยาแล้ว และทิ้งช่วงนัดพบหมอเนิ่นนานขึ้น



May 7, 2008 มือเราจับเจ้าสี่ขาขนนุ่มๆขึ้นมาและจ้องเข้าไปในแววตาสีเทาลึกสุด ดวงตาที่จ้องตอบมาไม่มีอะไรเลยนองจากแวว สีน้ำเงินขุ่นปนความลึกเป็นเส้นดิ่งบางๆหลายๆเส้นเอียงชนสะท้อนกลับไปกลับมา



ไม่มีชื่อ เจ้าจะชื่ออะไรดีน่ะ ทุกคนช่วยกันตั้งชื่อ หลายชื่อถูกตั้งและลองเรียกเป็นเสียงออกมา ซีซาร์ คินเต้ แต่สีหน้า และความเงียบของทุกคนเป็นเหตุผลว่า ไม่รับ ยังไม่ใช่ชื่อที่เหมาะกับความน่ารักของลูกหมาสองตัวนี้แน่นอน



ชาวผาด่าง ผลัดกันอุ้ม บางครั้งเอานิ้วให้เจ้าลูกหมากัดขย้ำ เวลาแห่งความเพลิดเพลินหยอกล้อกับเจ้าลูกหมาสองตัวผ่านไปอย่างเร็วเสียเหลือเกิน ถึงเวลาของพระอาทิตย์ดวงโตสู่จุดหมายจมหายไปด้านหลังภูเขา ที่บ้านป่าแห่งนี้มีแต่ภูเขารายล้อม ไม่ว่าจะมองไปมุมไหน ภูเขายืนสลับซ้อนเรียงเป็นแนววงกลมรอบทิศทาง และภูเขาเบื้องหน้าคือคำตอบ

ลูกหมาอาศัยอยู่บ้านในป่า และลูกหมาต้องมีชื่อ “ เจ้าภูเขา ” ตัวพี่ และ “ ต้นน้ำ ” ตัวน้อง ทุกคนคงพอใจกับชื่อนี้ ชื่อถูกลองเรียกออกไป ไม่มีใครส่งเสียงคัดค้านเลย เจ้าภูเขา เจ้าต้นน้ำ แห่งบ้านป่าผาด่าง





โครงการ กองทุนลาดตระเวนเพื่อผืนป่าแก่งกระจาน เขตจักการที่3

เมื่อเราเดินทางสู่ผาด่างวันนี้ ท้ายรถ มีถุงผ้าใหญ่ๆและหนักมาก 2 ถุง และหน้าที่ของเราคือพาถุง2ใบนี้วิ่งไปสุดทางที่บ้านกร่าง เจ้าหน้าที่อุทยานหลายคนกำลัง รอพบบางอย่างที่นอนพับเป็นระเบียบอยู่ในนั้น

ของในถุงถูกดึงออกมาผ่านมือส่งไปในมือเจ้าหน้าที่อุทยานยืนล้อมมุงดู เสื้อยืดสีขาว พิมพ์ผีเสื้อตัวใหญ่และในลายปีกกว้างของผีเสื้อตัวนั้นมีหลากหลายความหมายของสรรพสิ่งสรรพชีวิตที่ถูกร้อยเกี่ยวเป็นวัฏจักรของความสัมพันธ์เกื้อชีวิตของกันและกัน เป็นก้าวแรกเล็กๆ ของผู้คนมากมายที่เมื่อเข้ามาเที่ยวป่าแห่งนี้เกิดสำนึกรักธรรมชาติ คิดตั้งใจตอบแทนธรรมชาติผืนป่าใหญ่ ป่าแก่งกระจานแห่งนี้ ต้นกำเนิดแม่น้ำเพชรบุรี และแม่น้ำปราน สร้างครอบครัวทั้ง สังคมสัตว์ป่า สังคมของพืชมานานหลายร้อยปี ไม่แค่สัตว์ป่าเท่านั้นที่ดำรงเผ่าพันธุ์อยู่ได้ สังคมมนุษย์ ได้เกิดขึ้นตามเส้นทางสายน้ำป่าที่ไหลไปอย่างซื่อสัตย์ปีแล้วปีเล่ากลายเป็นรากวัฒนธรรมที่ลึกซึ้งผูกพันธ์ เห็นคุณค่าความสำคัญเกิดความจำเป็นต้องช่วยกันอนุรักษ์ปกป้องป่าแห่งนี้อย่างจริงจังมุ่งมั่น เป็นระบบ ระเบียบ และต้องยืนยาว มีอีกหลายโครงการที่เกิดก่อนและช่วยประสานกันทำก่อนเราจะเข้ามา และโครงการเหล่านั้นคือแม่แบบให้เราที่มาทีหลังได้ดูและหัดทำตาม

เรามีเจ้าหน้าที่อุทยานเป็นผู้ดูแล ปกป้องต้นไม้ใหญ่น้อย พิทักษ์เฝ้าดูแลสัตว์ป่าแทนพวกเรา ซึ่งเป็นเพียงผู้ชื่นชมและห่วง หวงผืนป่านี้เมื่อหันหลังจากลาป่าแก่งกระจานเสมอ โครงการสำคัญนี้ถูกดำริจากอาจารย์อมร คณะกรรมการ สมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติ ที่มองเห็นความจำเป็นที่อยากช่วยเหลือสร้างรายได้แก่เจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อย และสานทอถักจากคุณจิน สมาชิกของสมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติ ผู้เข้าใจและ ยื่นมือช่วยเหลือให้กำเนิด ด้วยการบริจาคเป็นถุงเงินก้อนแรก เราเป็นผู้ประสานและผลิตเสื้อยืดสร้างรายได้แก่เจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยของอุทยาน เงินคือรายได้เมื่อจำหน่ายเสื้อยืด ต้นกล้าได้ถูกปลูกแล้วจากเราชาวผาด่างและสมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติ ต้นกล้านี้กำลังเติบโต และกำลังเป็นดอกออกผลหล่อเลี้ยงเจ้าหน้าที่เฝ้าป่าแห่งนี้ตลอดไป


ไม่มีความคิดเห็น: