วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2552

ค่ายเด็กด่านโง ผาด่างแคมป์ 28-1 มีนาคม 2552



ลิขิตวิถีผาด่างเริ่มขึ้นอีกครั้ง 28-1 มีนาคม 52 เด็กป่าโรงเรียน ด่านโงเริ่มมาถึงหน้าผาด่าง ไม่นานเสียงเด็กดังมากขึ้น หมายถึงจำนวนเด็กกำลังมาเติมเต็มตามนัดหมาย






ทุกคนมากับรอยยิ้ม เสียงหัวเราะอย่างคุ้นเคย ไม่มีเด็กคนไหน เก็บตัวแยกแปลก เป็นสิ่งดีทำทำให้ผู้ใหญ่อย่างเราสบายใจ



เราเตรียมทุกอย่างสำหรับการต้อนรับเด็ชายหญิงตัวน้อยๆเหล่านี้ไว้ดีเท่าแขกพิเศษสุด หนูน้อยชาวป่าควรต้องรู้ว่า เราตั้งใจเพียงไรเพื่อให้รู้ว่า พวกเค้าคือกลุ่มคนสำคัญและพิเศษมากๆ


คุณอ้วนและน้องโป๊ด ผู้สนับสนุนให้โอกาส บริจาคเงินตลอดมาเพื่อให้กิจกรรมอนุรักษ์ป่าและสัตว์ป่า ซึมซับติดแน่นกับเด็กบ้านป่าโรงเรียนด่านโง ตลอดเวลา…2 ปีเต็มๆ เด็กและชาวผาด่างผูกพันกัน ทั้งที่โรงเรียน ในชีวิตประจำวันของผาด่าง ในป่าแก่งกระจานหลายต่อหลายครั้ง








ช่วงเวลาชีวิตผูกพันธุ์กันนานวันขึ้น เรื่องราวของพวกเรา ธรรมชาติช่วยส่งของขวัญให้เราได้รู้จัก….. อาจารย์ผู้มีความรู้ ทางปักษาชีววิทยาหลายท่าน เหล่ามวลแมลง และพฤกษศาสตร์ แต่พิเศษยิ่งกว่านั้น ทุกท่านล้วนมากคุณธรรมเป็นสิ่งใหญ่สำคัญกว่าความรู้ทั้งหมด เราคนขลาดความรู้น้อยนิดกับพลังใจทุ่มเท






อาจารย์ทุกท่านไม่เคยทอดทิ้งยามเรามีปัญหา รับโทรศัพท์เราทุกเรื่อง มาวันนี้ทุกท่านกรุณามาช่วยเรา นี่มากกว่าความคาดฝันยิ่งใหญ่กว้างไพศาลดั่งมหาสมุทรจนกลัวตัวเองจะผยอง หรือนี่คือการ เกิดปาฏิหารญ์ เราอยากทำเรื่องอย่างนี้ให้เกิดซ้ำๆไป ไม่มีเบื่อ เพื่อเด็ก เพื่อป่า เพื่อสรรพชีวิตในป่า เราไม่รู้ตอนจบจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และจะเป็นอย่างไร




เราทำวันอย่างนี้ทำไม กับเด็กป่า เพื่อจูงใจให้หัวใจของเด็กชาย หญิง รักป่าใหญ่แห่งนี้ บ่อยๆ ซ้ำ คำตอบไม่เคยเปลี่ยน แต่มีสิ่งที่แปลกแยกออกมา และเริ่มบรรจุสู่หัวใจของเรา ความเดียงสา การขาดโอกาส เด็กบางคน หัวใจเว้าแหว่ง บางคนขาดวิ่น




แต่พวกเขาเอาความเจ็บปวดเป็นพลังเย็บหัวใจตัวเองด้วยใจที่เหลือ และยืนหยัด กล้าแข็ง เสียงเรียกป้ากุ้ง คุยกับเราทำทุกอย่างให้เราเห็น พลังเจิดจ้า ร่าเริง เสียงใส ดังและดัง สนิทใจ อิสระเต็มที่กับห้วงเวลานี้ในผาด่างแคมป์




พี่วัชระ ผูกเรื่องร้อยธรรมชาติ โยงใยจากปากนก ตีนนก ตัวผู้ตัวเมียสร้างเย็บรัง เด็กน้อยตาแป๋ว อ้าปากหวอ รอคอยอยากรู้ เรื่องพิศดาล อัศจรรย์ ของชีวิตสัตว์ป่าอีกตัว และอีกตัว อาจารย์อมรนั่งมองเด็กๆอยู่ด้านหลังอย่างไม่รู้เบื่อ ยิ้มไปเมื่อเด็กเดียงสาตอบคำถามผิดแต่ฟังแล้วตลกดีมาก





ตอนบ่าย พวกเด็กต้องเรียนเรื่องแมลง เรานึกถึงยามบ่าย วิชาแมลงกับอากาศยามบ่าย เด็กๆ ต้องมีง่วงเหงาหาวนอน และรอให้บ่ายที่เดินไปอย่างช้าๆนั้นคลายมนต์อันน่าเบื่อ









แต่เราคิดผิดพลาดไปหมดทุกสิ่งตรงข้ามกับที่เราคิด ปรากฏว่า บ่ายวันนั้นแมลงออกมาโลดแล่นให้เด็กจินตนาการจับแมลงใส่กระดาษ เสียงสดใส หัวเราะร่าเริง แต่เป็นระเบียบ สนุก แจ่มใส ตื่นเต้น กับแมลงของตัวเองแต่ละตัว เด็กยืนเล่าชีวิตแมลงของตัวเอง


และอาจารย์เกรียงไกรช่วยต่อเติมปีกขา ตา หนวดซึ่งทำงานเป็นชีวิตมหัศจรรย์ให้เด็กตื่นเต้น เข้าใจและงุนงงกับแมลงตัวน้อยๆ ทุกชีวิตต่างมีสิ่งแสนพิเศษ ธรรมชาติสร้างเอกลักษ์เฉพาะ อย่างไม่ยอมลืมกันและกัน เด็กน้อยกับแมลงของเค้า ตอนนี้กลายเป็นเพื่อนกันแล้ว

เวลาพาเด็กน้อยมาถึงแล้ว กาลเวลาให้พบกับเพื่อนอาวุโส TWS เพื่อนกลุ่มนี้





เปลี่ยนมิติชีวิตเด็กๆชายหญิงกลายเป็น หมาไน หมาป่า หมีใหญ่ ที่มีเล็บราวมีดโกน เสือตัวโตหาล่าเหยื่อ ช้างและลูกช้าง พากันปกป้องลูกน้อยจากเสือหิว






และบางทีพวกเค้าเป็นกลายร่างเป็นเก้ง กวาง และสารพัดสัตว์ หากินแยกฝูง รวมฝูง แล้วแต่ชะตาชีวิตธรรมชาติของนิสัยสัตว์ตัวนั้น บางครั้งแอบซ่อน ปกป้องลูกน้อย เสียงหนีอย่างสุดกลัวสมจริงปนสนุกหัวเราะยิ้มร้องไห้ สารพัดหายในพงหญ้าแห้งสูงผาด่างเป็นที่หลบภัย






เมื่อเกมจบลงพร้อม ตะวันทอแสงแดงและกลับกลายเป็นลับลา เหล่าสัตว์ป่าของเราต่างคันคะเยอจากหญ้าแห้ง และโหยหิวข้าวแล้วทุกคนกลับมาเป็นเด็กดี ยืนเข้าแถวตักอาหารเย็นไปทานกัน
เด็กๆชอบเกมที่เล่นต่างเล่าและคุยกันไปในขณะที่ตักข้าวเข้าปาก













หัวเราะดังข้ามฟากให้ เพื่อนTWS ได้ชื่นใจช่วยร่วมสร้างเวลาไม่สามารถเรียกเวลาธรรมดาได้เลย น่าจะเป็นห้วงแห่งวิถีสัตว์ป่ามายาหรรษา เด็กป่าเหล่านี้ เป็นสัตว์ป่าอย่างที่พวกเค้าเคยเป็นหรือเปล่า








ยามค่ำคืนหมู่ดาวออกมาฉายแสง รอนักเรียนของเรา ดาวทุกดวงอวดแสงสว่างประกายกากเพชรเกลื่อนฟากฟ้า ทั้งสุภาพนิ่งระยิบระยับ เด็กป่าเห็นดาวมาแต่เกิดในยามค่ำคืน ยิ่งเป็นเดือนมืด ดาวไม่เคยทิ้งป่าแก่งกระจานและฟากฟ้า








กาลเวลากำหนดวันนี้ให้เด็กป่าให้ได้จดจ้องมองหา จำชื่อแสงดาวไล่เรียง
เสียงถามไถ่เซ็งแซ่ไม่ยอมเมื่อยคอ


อาจารย์อมร ยืนสอนข้างๆ พี่เกรียงไกรคนโปรดของเด็กชายเดียว ครูวัชระ ใช้เลเซอร์พอยท์ชี้ไปที่ดาวและบอกชื่อ กลไกความลับของหมู่ดาวดารดาษ ดวงดาวกระพริบนิดๆหรือคือการทักทาย



เด็กป่าพากันหลงแหงนหน้าเดินวน….มนตราราตรี การเรียนรู้ครั้งแรกอีกแล้วหรือนี่ สัญชาตญาณความอยากรู้ปลุกให้เด็กรับทุกอย่างและเพลิดเพลินของหน้าที่ดาวแต่ละดวง ทั้งหมดพากันยอมรับจักวาลนี้เข้าสู่สมองและหัวใจ





ยามเช้าตาเราไม่ลืม ฤทธิ์ยาสะกดให้เราไร้แรงต้าน ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากหลับไหล เราไม่รู้ว่ากิจกรรมยามเช้าของวันที่ 1 มีนาคม 52 เกิดอะไรขึ้นและดำเนินอย่างไรในผาด่างแคมป์ แต่จากรูปภาพ ตากล้องของผาด่าง บอกเล่าเรื่องราวได้ละเอียดหมดทุกย่าง






บริเวณใกล้เคียงและในผาด่างเป็นโลกของการตามหานกป่าชายทุ่ง
นกออกบินหากินยามเช้า ละเลียดน้ำค้างตามยอดหญ้า โผบินจากพุ่มไม้ เด็กหันหาตามเสียง อาจารย์อมร อาจารย์พรเลิศ อาจารย์เกรียงไกร






ป้าหน่อยของเด็กๆ พากันเดินตามกันตามหาชีวิตที่มีปีก มีฟ้าสีฟ้ากว้างและภูเขาป่าใหญ่ โอบล้อมเป็นวงกลมมหึมา แสงอาทิตย์อ่อนๆคลอเคลียผิว ให้รู้สีกว่าแสงแดดคือเรา เราคือแสงแดด






เมื่อเรามาถึงโดม เด็กๆกำลังสนใจวาดบางอย่างลงในกระดาษวาดเขียนแผ่นใหญ่ มีอาจารย์พรเลิศ แนะนำเทคนิคการวาดอย่างง่ายๆ เด็กหญิงและชายค้นพบว่าการวาดธรรมชาตินั้นแสนง่าย และควรจำกัดความให้ตัวตนได้ตระหนัก ภาพวาดไม่ใช่ภาพของใครจะสวยกว่ากัน แต่ความสวยงามนั้นจะต้องวาดจากจิตใจ และไม่สนใจภาพไหนจะสวยกว่าภาพของตัวเอง











เมื่อเทคนิกเบื้องต้นผ่านไป กาลเวลาพาเรานำหน้าเหล่าเด็กชายหญิง ไปหาลำห้วยก้านเหลือง เรารู้ทีเดียว หมู่ก้านเหลืองและร่มเงาใบไม้อ่อนเริ่มแตกใบใหญ่พอแผ่คลุม และพื้นหญ้าเขียวนุ่มตรงนั้น….รอเท้าน้อยๆเหยียบย่ำหรือ นั่งทับก็อาจเป็นได้










อาจารย์นำสารสั้นๆบอกให้เด็กๆพึงพอใจมุมธรรมชาติเบื้องหน้า หรือเบื้องหลังก็ได้และวาดธรรมชาตินั้นด้วยหัวใจ
เด็กป่าชอบทำเหมือนเมื่อเราพากันเข้าป่า







บางคนโลดแล่นวิ่งหาหรือ เดินหามุมส่วนตัวของตัวเอง บางคนวนไปมาและเจอธรรมชาติที่ใจสั่งแล้วใช่แล้ว ตรงนี้ ใช่แน่นอน ธรรมชาติมอบความงามสู่หัวใจเด็กทุกคนพร้อมกัน แต่มีอย่างหนึ่งแน่นอน ภาพทุกภาพไม่เหมือนกัน








ไม่มีความงามไหนจะงามกว่ากันหรือเหมือนกันได้ เป็นการระเบิดธรรมชาติผาด่างผ่านกระดาษจากใจเด็กน้อย และให้เราเท่านั้นชื่นชมมองภาพ ผาด่างสวยงาม full -felled with my heart.


เราไม่ควรเก็บเรื่องอย่างนี้ไว้เพียงคนเดียว เรื่องทั้งหมดนำมาซึ่งความสุขและไม่ยอมจางหาย เราอยากส่งเรื่องดีเช่นนี้ให้เวบไซด์ สำหรับคนบางคนเผอิญเข้ามาและได้อ่าน







บางทีบางตอนอาจสร้างความสบายใจแก่ผู้อ่านก็เป็นได้ เราไม่ควรคาดหวัง เพราะนั่นคือความอวดดี แต่ที่มากกว่านั้น และสมควรทำ คือการตอบแทนน้ำใจงามผู้บริจาคเงินนี้ ได้รับความสุขและเป็นการขอบคุณ สุดสติแห่งความดีของเราจะกล่าวเขียนได้




รอยจำลึกเสน่ห์หา เด็กชายมอส ป้ากุ้ง เมื่อคืนผมเรียนเรื่องดาว ผมชอบ สนุกมากๆเลย อาจารย์บอกชื่อเว๊ปไซด์เกี่ยวกับดาว แต่ผมไม่รู้เรื่อง ป้ากุ้งหาชื่อเว๊บไซด์ให้ผมด้วยนะ




เด็กชายเดียวตัวผอมดำแกรนเดียวเดินเท้าเปล่าร้องไห้มาหาเรา ฮือ….ฮือ…ฮือ…..เพื่อนวิ่งตามหลังมาเป็นพรวน ช่วยกันบอกเรื่องบู๊ตีต่อยในเต๊นท์นอน เราโอบกอดเด็กเดียวตัวผอม มันกระทืบเท้าบนอกผม


เด็กชายเดียวร้องไปบอกไป แล้วชี้ไปที่เพื่อนคนนั้น คู่ชกร้องบอกว่า ก็ไอ้เดียวมันเตะไข่ผมก่อน เราถามเดียว……เดียวพยักหน้า เราพูดไม่มากคำแล้วสองคนก็สวมกอดกัน





เพื่อนๆพากันกอดไหล่เดินกลับไปเตนท์นอน เราได้กอดเด็กชายเดียวแล้ว เด็กคนนี้บางครั้งอยากพูดอยากคุยกับเรา แต่บางทีกลับปลีกตัวเงียบๆ หลบเราออกบ่อย




เด็กชายพ่อแม่เลือกทิ้ง…เรื่องของเดียวซับซ้อนแต่ชื่อของเด็กน้อย สมชื่อจริงๆ

เสียงในห้องครัวเล่าขานกันดังด้วยความดีใจ ใครเปียแชร์ได้หรือ เสียงดังเชียว แม่ม๊วยรีบตอบ น้องมดได้รับทริปจากบ้านปีกไม้ ตั้ง 470 บาท พี่ผู้หญิงคนหนึ่งที่พักบ้านนั้น อะไร อะไร ก็เรียกหาน้องมด







น้องมดพี่ฝากของกินไว้ในตู้เย็นน่ะ น้องมด พี่จะซื้อของ ซื้อ…. เรียกหาแต่น้องมด น้องมดยืนยิ้มตื้นใจในความเมตตาของแขกที่เข้ามาพักผาด่าง ทุกคนในผาด่างต่างดีใจไปกับน้องมดด้วย


สุดท้าย…..เรื่องราวของวันนั้น ธรรมชาติส่งความหมายแสนดีซ้ำซ้อนลงไป เราเก็บความประทับใจลงในความทรงจำฝั่งของความสุข เพื่อนใหม่มากๆจากห้อง tws มอบเงินช่วยเหลือ






โครงการนี้ เป็นจำนวนเงินมาก และไม่คาดถึงทีเดียว
น้องนกยูงรู้จักผ่านกันแค่ตัวหนังสือไม่นาน ยินดีมอบเงินผ่านฝากเพื่อน tws เน้นบอก ช่วยพี่กุ้ง….ช่วยเด็กป่า

อาจารย์พรเลิศ พูดพร้อมบอกเขียนนามหญิงงามใจบุญ ไม่เคยรู้จักผาด่าง ไม่รู้จักเรา
แต่อาจเคยอ่านบางตอนของเด็กป่า ฝากเงินมาช่วยเราอีกคน


คุณกรแก้ว ไพรสณฑรางกูร จำนวน 2,000 บาท
ชาวผาด่างจะใช้เงินนี้ด้วยความรอบคอบ และให้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณะมากที่สุดค่ะ
เพิ่มรูปภาพ



เงินไม่ใช่ความหมายความดี แต่เงินคือคำตอบว่าเรื่องราวทุกตัวหนังสือนี้เราทำถูกต้อง และสุดท้ายหลายท่านผู้ใจบุญช่วยกันประคองให้เรากล้าเดินไปบนถนนเส้นนี้ ความดีที่สุดยกให้เพื่อการปกป้องอนุรักษ์ป่าแก่งกระจาน ความตั้งใจ ให้เด็กป่าคือนักอนุรักษ์ป่าแก่งกระจานตลอดไป






ในนามชาวผาด่าง กุ้งขอขอบคุณ อาจารย์ เกรียงไกร สุวรรณภักดิ์






ในนามชาวผาด่าง กุ้งขอขอบคุณ อาจารย์ พรเลิศ ละออสุวรรณ





ในนามชาวผาด่าง กุ้งขอขอบคุณ อาจารย์ ปันยา ไชยคำ ผู้คอยให้กำลังใจ และพากุ้งเดินเป็นบนเส้นทางธรรมชาติค่ะ






ในนามชาวผาด่าง กุ้งขอขอบคุณ อาจารย์ สุรพล ณ ดวงแข อดีตเลขาธิการมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่า และพรรณพืชแห่ง ประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ก่อนปิดมูลนิธิอย่างมีปริศนา







ในนามชาวผาด่าง กุ้งขอขอบคุณ อาจารย์ วัชระ อยู่สวัสดิ์ อดีตกรรมการสมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย






ในนามชาวผาด่าง กุ้งขอขอบคุณ อาจารย์ อมร ลิ่วกีรติยุตกุล กรรมการสมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย
















ไม่มีความคิดเห็น: