วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ขนมของแม่ ดอกไม้ของฉัน กับรถอย่างพ่อ


เคยไปสัตหีบกับเพื่อนๆ ลงรถแล้วต่อกิจกรรมไปกาญจนบุรีทางรถไฟ


กับเพื่อนอีกกลุ่ม

ขอแม่จะบอกว่ามี2ทริป ติดเรียงกันไป มั่นใจว่าคงได้ไปที่เดียว


จะบอกเพื่อนก็กลัวเพื่อนอีกกลุ่มจะเสียใจ หากเราเลือกที่ใดที่หนึ่ง


ตัดสินใจโกหกแม่ ว่าไปสัตหีบเพียงที่เดียว


พอกลับมากเล่าให้ฟังว่าสนุกอย่างไรบ้างมีนั่งรถไฟด้วย


ผ่านไป 3วัน พ่อเรียกลงมา ถามว่าไปไหนแน่


เราเงียบอย่างเดียว


พ่อบอกว่าการไปสัตหีบไม่มีรถไฟวิ่ง


คำตอบที่ชัดเจนอย่างนี้


นึกถึงแล้วไม่เสียใจที่โกหกพ่อแม่


แต่ดีใจทำให้รู้ว่า ผู้ใหญ่ฉลาดกว่าเราเสมอ แม้โลกจะเปลี่ยนไป


สอนให้รู้ว่าการโกหก นำความอับอายตัวเองและพี่น้อง พ่อแม่ ที่จ้องมองอยู่


.....................................................................................................................................




ผ่านจากทางสวนผลไม้ ลัดเลาะถึงทางเดินเรียบทางรถไฟ บางขุนเทียนดาวคะนอง

สองคนแม่และลูกสาววัย 8 ขวบแม่มีขนมรังนกจะเอาไปขายท่ารถเมล์


ลูกสาวใจจรดจ่อตู๊กตาหน้าร้าน รู้ว่าไม่ได้เป็นเจ้าของ

แต่ขอตามแม่ไปดูตุ๊กตาตัวนั้น


เด็กหญิงเดินบ้างวิ่งบ้างไปมาข้างถนนเหล็ก


บางทีหยิบหินใต้รางเขี้วงออกไปหาทุ่งหญ้า


บ้างก้อนปาใส่น้ำดังตุ๋มหรือทรงตัวยืนเอนไปมาบนราง


รอแม่คนสวยเดินอย่างช้าๆถือหม้อขนมอย่างระมัดระวัง


แม่เป็นคนเรียบร้อยจะนั่ง จะยืน จะเดินคือแม่พลอย ของสี่แผ่นดิน


พี่ๆเล่าให้ฟังว่าเมื่อก่อนแม่เป็นลูกคนรวย


แต่สำหรับเรา จำความได้รู้จักแต่ความจน


ภาพของพี่ๆเล่าให้ฟัง นึกไม่ออกว่าความรวยเป็นอย่างไร


เป็นเพียงลูกสาวมอมแมมของแม่ ผมยาวเหยียดสีดำปลายยุ่ง




แม้แม่จะพยายามหวีถักเปียให้น่ารัก ก็ไม่เคยเกิน 10นาที

มีความจนอยู่ในหัวใจ เรียกตัวเองได้เต็มปากว่าเป็นเด็กยากจน

วิ่งเล่นตามสวนผลไม้ของชาวบ้าน สนามเด็กเล่นคือร่องสวน

ลุยโคลน จับปลา วิดปลา เก็บผลไม้ ผจญภัยสร้างเรื่องราวจินตนาการ

แต่ละวันแต่ละเรื่องไม่ซ้ำกัน

บางวันปลาที่จับได้ มาเอากะทะในบ้าน

เอาน้ำมันหมูหัดจุดเตาทอดปลาเอง สุกบ้าง ไม่สุกบ้าง กินกันเอง

วันนี้มีคำตอบ ทำไมแม่ให้อิสระลูกคนนี้มากเหลือเกิน

เพราะแม่เป็นลูกสาวคนเดียว แม่ถูกบังคับให้เป็นกุลสตรี

เมื่อแม่มีเรา เราจึงเป็นตัวแทนความอิสระที่แม่ไม่เคยมี

......................................................................................................................................................


..ที่บ้าน ตั้งแต่คุณยาย คุณแม่ พี่สาว

ตัวเราจะมีกิจกรรมให้รำไทยมาตั้งแต่เด็ก


วันนี้คุณยายวัย 100ปีกับ 10 วันจากไปแล้ว


ฉิ่งซึ่งอายุแก่กว่าตัวเราเป็นมรดกค่ะ

ยายจะสอน รำเทพพนม


บังคับคุกเข่า

นั่งจับมือบิดให้โค้งงอเหมือนเราเป็นตุ๊กตา

โตอีกหน่อย รำวงมาตรฐาน

หลังจากนั้น หาเรื่องเต้น เรื่องรำเอง

เหมือนกับมอบความอมตะของตระกูลให้แล้ว

เมื่อแสงแห่งชีวิตเปิด

ที่เหลือก็เป็นเรืองของเรา เดินทาง รำ เต้นเองต่อไป


เพลงระบำเทพบันเทิง (ร้องแขกเชิญเจ้า)

เหล่าข้าพระบาท ขอวโรกาสเทวฤทธิ์อดิสร

ขอฟ้อนกรายรำร่ายถวายกร บำเรอปิ่นอมรปะตาระกาหลา


ผู้ทรงพระคุณยิ่งบุญบารมี เพื่อเทวบดีสุขสมรมยา

เถลิงเทพสิมาพิมาณสำราญฤทัย(สร้อย)


สุรศักดิ์ประสิทธิ์ สุรฤทธิ์กำจาย ทรงสราญพระกาย


ทรงสบายพระทัยถวายอินทรีย์ต่างมาลีบูชา


ถวายดวงตาต่างประทีบจำรัสไขถ้อยคำอำไพต่างธูปหอมจุณจันทน์


ถวายดวงจิตอัญชลิตวรคุณที่ทรงการุณย์ผองข้ามาแต่บรรพ์ ถวายชีวัน รองบาทจนบรรลัย (สร้อย)

…………………………………………

วัยเด็กธรรมชาติจะให้ความทรงจำ ลึก ถึงลึกมากฝังอยู่ในหัวใจ

ตอนเล็กๆอนุบาล แม่กับพ่อส่งไปอยู่อ่างฬิลา จังหวัดชลบุรี

เป็นโรงเรียนประจำมีแค่อนุบาล- ประถมอยู่กับพี่ๆทั้งหมด 4 คน


เรายังจำความไม่ได้เท่าไหร่ รู้แต่ว่ามีนอนกลางวัน


เราแกล้งหลับแต่เปลือกตากระพริบๆ


ครูก็เดินมาตีหนึ่งเพียะ ก่อนหลับไปเลยเร็วกว่าความเจ็บจะหายด้วยซ้ำ


ตื่นมาทุกเช้าเราจะวิ่งไปคลุกคลีกับคนงานแก่ๆ ข้างใต้ถุนโรงเรียน

เราเรียกว่าตาฮก เราชอบไปคุยกับแกเล่นกับคนแก่


มากกว่าจะเล่นกับเพื่อนๆวัยเดียวกัน


ตาฮกจะเก็บลูกจันทร์สีเหลืองกลมแป้นไว้ให้เราเสมอ


เพราะว่าเราชอบกลิ่นหอม


และวางไว้บนโต๊ะเรียน


จำได้แม่นยำว่ามีคืนหนึ่งคือคืนพิเศษอาภัสรา หงษ์สกุลได้เป็นนางงามจักรวาลคนแรกของไทย


จะมีเทปให้คนไทยได้ดู ครูบอกว่าสัญญาจะปลุกเราให้ได้ดูตื่นเต้นมาก

แต่ก็หลับเพราะครูตีอีกแล้ว


ครูเล่าว่ามาปลุก มาเรียกให้ตื่นมาดูอาภัสรา เด็กหญิงคนนี้ก็ไม่ยอมตื่นเลย


ไม่เคยได้ดู นางงามจักรวาลคนนี้ ทำไมจึงสวยและได้ตำแหน่งมาค่ะ


.................................


แม่มักจะพูดถึงลูกคนนี้ด้วยความโอ่นิดๆค่ะว่าเราเป็นเด็กชอบทานผัก


แม่ชอบถามว่า วันนี้จะกินอะไร ลูกขอผัดผักคะน้าและแม่มักรู้ใจ ทำให้กินบ่อยมาก


แม่รู้ไปหมด ว่าผักโปรดของเราคืออะไรคะน้า กระหล่ำปลี แตงกวา กับ ถั่วฝักยาว


แม่ส่งให้กัดกินเล่น ต่างผลไม้ค่ะ ชะอม ผักกระเฉด ตำลึงจิ้มน้ำพริก


มีผักบุ้งเราลังเลนิดๆ แม่บอกว่า กินแล้วสายตาจะดี


เท่านั้นเรากินผักบุ้งให้ดวงตาเราเสมอ


แม่โปรดทำน้ำสลัดผัก และชอบแกะสลักผักประดิษฐ์วางให้สวยงามทานพร้อมไข่ต้ม


และเราคือลูกมือในครัวจ้องมองแม่ทำโน่นทำนี่ เมื่อไรผักสวยๆนี้เราจะได้กินเสียที



..........................................................................................................................................................





วันนี้ แม่ของลูก ทานข้างต้มกับปลา หรือฝักทองแฉะๆ



การเลี้ยงดูแลแม่เหมือนเด็ก 14ปี และค่อยถอยร่นลงมา


ตอนนี้แม่เหมือนเด็ก2เดือนครึ่ง จากเดือนที่แล้ว 3 เดือนค่ะ



แม่กำลังถอยหลังจากเราไป

………………………………………………………….........................................................………..


.






จดหมายจากลูกหมูถึงแม่เสือ


หาเหตุผลให้ตัวเองทำไมแม่เราเลี้ยงเราต่างจากแม่คนอื่น



แม่ให้เราซักชุดนักเรียนเอง รีดผ้าเอง ถุงเท้านักเรียนตั้งแต่ประถม 2



ไม่ซักไม่ทำก็ไม่ว่า แต่วันไปโรงเรียน เป็นปัญหาของเรา ไม่ใช่ของแม่



ยามอายุเท่านี้ คิดกลับไป หาเหตุผลให้ตัวเอง




แม่เกิดปีเสือ เลี้ยงลูกให้ยืนด้วยตนเอง ไม่ก้าวก่ายความคิด



ยามวัยรุ่นแต่งตัวอะไรก็ช่าง




ฟังเพลงบ้าบอเปิดลำโพงดังแค่ไหนไม่เคยบ่น



เรียนไม่เคยถามเกรด ดี หรือไม่ดี




ไม่เคยร้องขอให้เราเป็นอะไร อยากคิด หรือทำอะไร



ถ้าประสพความสำเร็จก็ชื่นชม



แต่ถ้าไม่ ไม่เคยทับถมให้เสียใจ



วันนี้แม่ของเรามั่นใจมาตั้งแต่วันที่เราเรียนจบ



กับคำพูดตัวเองบอกว่าจะไม่ขอเงินแม่ใช้อีกแล้ว




แม่รู้ว่าเราแกร่งเหมือนแม่



นี่คือความเป็นอมตะของแม่



เราจะส่งผ่านความเป็นอมตะนี้แก่ลูกหลานของเราต่อไป



.......................................................................................................................................





ถ้าคิดถึงแม่ พี่กุ้งจะนึกถึง ตอนตัวเอง อายุ 21 ปี

ผ่าตัดนอนอยู่ โรงพยาบาล หมอให้ทานอาหารอ่อน
ข้าวต้ม

แต่พี่กุ้งทานไม่เป็น ทานแล้วกลืนลงคอไม่ได้ คนในบ้านทุกคนรู้ และมีหน้าที่ เอาข้าวมาส่งทั้งมือกลางวันและเย็น เช้าพี่กุ้งไม่ยอมทาน

ตอนนั้นบ้านพี่กุ้งยากจน นอนห้องรวมธรรมดา



มีวันหนึ่งทุกคนในบ้าน ไม่มีใครว่าง ไม่มีอาหารมาส่ง



จนบ่ายสองโมงแม่พี่กุ้งมาเอง เอาบะหมีมาให้ พี่กุ้งกินบะหมีแห้งปูแล้วก็ถามแม่ว่า แม่มายังไง ขาหักเข้าเฝือกอยู่ค่ะ



แต่แม่ขึ้นลิฟท์ไม่เป็น



แม่เดินขึ้นบันไดมาลูก


พี่กุ้งนอนป่วยอยู่ช้น 4 ของตึกโรงพยาบาลจุฬาค่ะ



ถ้าให้นึกถึงแม่ พี่กุ้งจะชอบนึกถึงตอนนี้


แล้วตามมาด้วยแรงอัดบางอย่างแน่นอึดอัดในหัวใจค่ะ


..............................................................................................................................................




ตอนยังเด็ก แม่ชอบเล่าให้ฟัง ว่า พี่ชายคนที่สอง แม่กับพ่อไปจุดธูปขอกับ เจ้าพ่อศาลพระกาฬ

................................................................................................................................................. .




ตัวเองกับดอกไม้ลั่นทม(ลีลาวดี)

อายุประมาณ 14 ปี แม่ชอบพาไปวัด




แม่ไปขอหวยกับหลวงพ่อ มักพาลูกคนนี้ไปด้วยเสมอ




ใต้กุฎิวัดมีบันไดขึ้นและมีต้นลีลาวดีอยู่ ตัวเองจะนั่งใกล้ประตู

แต่ตาจดจ้องมองไปที่ดอกขาวเหลือง แล้วค่อยๆ ขยับลงมาจากประตู นั่งบันได

และถัดลงมาทีละขั้น สองขั้น




มองไปทางผู้ใหญ่ไม่มีใครสนใจ

สักพักก็มาอยู่ใต้ต้นดอกไม้สวย


เที่ยวเก็บดอกไม้ที่ร่วงหล่นดารดาษเต็มพื้น เอาขึ้นมาดมกลิ่นหอม


จับทีละกลีบ และหมุนวน ดอกไหนช้ำก็ไม่เอา




ไปๆมาๆ ขอสายสินท์เก่าๆของหลวงพ่อ มาร้อยดอกไม้แสนรักเป็นสร้อยห้อยคอ


ตอนนั้นยังมีชื่อเดิมว่าดอกลั่นท,


ทำให้เชื่อว่า ดอกไม้นี้ไม่ได้เกิดมาเพื่ออื่นใด

แต่เกิดมาให้คนวนเวียนเมียงมอง และอยากจับสักดอกขึ้นมาหอมให้ลึกสุดหัวใจ

……………………………………………………………..........................................................................…..






กินขนมวัยเด็กหรือค่ะ

จำความได้ แม่ทำท๊อฟฟี่น้ำตาลขาย

ใส่ถาดกวนแล้หยิบปั้นเป็นชิ้นเล็กห่อในกระดาษว่าวหลากสี แดง เหลือง ชมพู ส้ม เขียว ขาว ฟ้า

ไปขาย กินได้กินไป




แล้วต้องเอาไปขายเพื่อนที่โรงเรียนด้วย


ทำขนมรังนก เก็บกินจากเศษมัน เศษเผือกหักหล่นล่วงในกระจาด




ขนมสังขยาแม่ชอบทำให้ทานบ่อยที่สุด




ยายทำขนมหม้อแกงเผือก ราดด้วยหอมเจียว อบในเตาถ่านสังกะสีหอมอร่อยมาก




ปั้นสิบ กระหรี่ปั๊บ ให้กิน เหลือจากปัดเศษจำนวนส่งร้าน




พี่ชาย2คน แก่กว่า 1ปีตามลำดับ


ไปรับไอติมใส่กระติก สะพายด้วยตะกล้าหวาย เหลือจากขายจึงจะได้กิน




ผลไม้วิ่งเล่นและเก็บกินในสวน ลิ้นจี่เขียวอมแดง เกือบหวานแล้ว


มะม่วง ชมพู ละมุด กระท้อน แต่ต้องยังไม่สุกดีนะ เจ้าของสวนเขาหวงตะโกนไล่ทุกที


ได้ตังกินขนมทีไรรอแต่รถกระดิ่งผลไม้ซื้อกินแต่ผลไม้รถเข็น


ไม่ซื้อขนมขบเคี้ยวไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร


ท๊อฟฟีเป็นอะไรที่เบื่อมาก่อนค่ะ


หม้อแกงเพชรบุรีไม่เคยซื้อกินเหมือนกันขนมปั้นสิบ


บอกยายตอนยายอายุ 90ปี ให้บอกสูตรขนม


ยายบอกว่าถ้าจะทำ ยายต้องเป็นคนทำด้วยกัน


ไม่งั้นไม่ยอมบอกสูตร




นั่งก็ไม่ได้ เอาแต่นอน ตามองไม่เห็น หูตึง ลิ้นก็ไม่รู้รสชาด








....................................................................................................

ตุ๊กตาของฉัน…ตุ๊กตาของกุ้ง มันเป็นตัวที่ห้อยอยู่หน้าร้านขายของเด็กเล่น แค่ยืนมองก็มีความสุขแล้ว ข้างๆถุงตุ๊กตา


มีถุงสร้อยไข่มุกปลอม มีถุงสร้อยมีเพชรสีสดโตๆ กำไลสวยหลาบแบบๆที่เราเป็นเจ้าของด้วยสายตาอย่างเพลิดเพลิน


แม่กับพ่อของเราไม่เคยซื้อให้เรา และเราก็จำไม่ได้ว่า เคยเรียกร้องหรือเปล่า เวลาไปโรงเรียนเพื่อนๆมักเอาตุ๊กตามาอวด แล้วเริ่มมีตุ๊กตากระดาษ และชุดสวยๆให้เปลี่ยนด้วย เด็กหญิงแทบทุกคนมีกัน


แต่เรามีตุ๊กตากระดาษที่ไม่เตยซื้อ เริ่มจากตัวแรก ตุ๊กตากระดาษ

พี่สาววาดให้ตอนนั้นเราอยู่ป 2 . พร้อมวาดชุดสวยให้ตุ๊กตาเราด้วย

มีชุดไทย มีชุดไปทำงาน ชุดไปเที่ยว แต่หลังจากนั้น เราวาดออกแบบชุดของเราเอง

เหมือนสมองติดอาวุธ เรามีบ้างอยากซื้อตุ๊กตากระดาษสำเร็จรูป แต่ความอยากนั้นหายไป และเรารักตุ๊กตากระดาษเก่าเปื่อยเน่า ในสายตาเรา โอ…..มันสวยไม่สร่าง สวยที่สุด สวยเป็นความทรงจำ


ต่อมาไม่นานเราเริ่มวาดตุ๊กตากระดาษให้ตัวเองอีกหลายตัว ทุกตัวมีชื่อ มีเสื้อผ้ากระดาษให้ตุ๊กตาสวยของเราได้เปลี่ยนมากมายหลายชุด เมื่อขึ้น ป5. เพื่อนๆไม่เล่นตุ๊กตากระดาษกันแล้ว แต่เรายังคงชอบวาดออกแบบเสื้อ กางเกง กระโปรง ของผู้หญิง ชะตาลิขิต ออกแบบเสื้อผ้าบนกระดาษ มองแม่ แต่ง ตัวสวยๆ เหล่านี้ กลายเป็นอาชีพเลี้ยงเราและครอบครัว จนถึงวันนี้

เสื้อผ้าของเรา

แม่.......... ลูกคนนี้ ไม่เคยมีตุ๊กตาเลย เสื้อผ้าสวยๆ ในวัยเด็ก ได้แต่เห็นคนอื่นแต่งตัวสวยๆ เสื้อผ้าน่ารัก



ตอนเริ่มจำความได้ลางๆ เสื้อชุดสีขาวลูกไม้ทั้งตัว ใส่งานเผาศพคุณตา 2505

ใส่ชุดถ่ายภาพตอนเป็นเด็กน้อย สวมกระโปรง รองเท้า ขัดมัน มีถุงเท้าสวยมากๆ

พอจำความได้จริงๆ ชุดสวยอย่างนั้นไม่เคยเห็นอีกเลย



เงินในกระเป๋ากระโปรงไปโรงเรียนมีนิดเดียว เมื่อเทียบกับเพื่อนในห้องเรียน

กุ้งมองแม่แต่งตัวสวยๆ ทุกวัน ถ้าแม่ออกจากบ้าน รองเท้าส้นสูง กระโปรงเสื้อผ้าสวยงามมาก



กุ้งมีความฝันให้แม่เป็นคนจูงมือกุ้งไปโรงเรียน อย่างเด็กๆคนอื่น แม่ของเพื่อนบางคนมีแต่งตัวสวยแต่ไม่กี่คน

ส่วนมากแต่งตัวธรรมดา ใส่ผ้าถุงก็มีเยอะ มาส่งลูกที่โรงเรียน กุ้งอยากอวดแม่แสนสวย เสื้อสวย รองเท้าส้นสูง และหิ้วกระเป๋าคุณนาย แม่ของกุ้งทาปากสีแดง ทาเล็บมือเล็บเท้าเป็นสีชมพู

บางวันเล็บเป็นสีแดงสด สวยกว่าแม่ของเพื่อนๆ โชว์อวดกับเพื่อนๆ นี่ไงแม่ของเรา เหมือนดาราเลยจ๊ะ

โรงเรียนอยู่บางโพ ไปโรงเรียน เพื่อนๆถามกันว่า บ้านเธออยู่ไหน บางคนบอกว่า อ๋อ ปากซอยนี้เอง ท้ายซอยบ้าง ถัดไป 3ซอย ไกลสุดบางกระบือ ศรีย่าน

แต่ของเราตอบไปว่า บางขุนเทียน เพื่อนๆเหวอ…. อีกแล้ว ไม่รู้จักบางขุนเทียน ทำไมการดำรงชีวิตประจำวันของเราแตกต่างกับเพื่อนเสียจริงๆ

เราต้องตื่นแต่ตี 5 ออกจากบ้าน 6 โมงเช้า ไปกัน3 คน พี่เก่ง พี่กาจกับน้องกุ้ง ขึ้นรถเมล์ 2 ต่อ ต้องไปแต่เช้ารถจะได้ไม่แน่น ได้นั่งต้นทางลงเกือบปลายทาง ผู้ใหญ่ขึ้นรถในสมัยนั้น (คนไทยยังไม่เป็นโรคเหม่อลอย) ชอบถามเราว่าโรงเรียนอยู่ที่ไหน พอบอกว่าโรงเรียนอยู่บางโพ บ้านอยู่ บางขุนเทียน ผู้ใหญ่ชอบชมว่าเก่งจัง ตัวแค่เนี๊ยะ โรงเรียนห่างบ้านตั้งไกล คงเห็นพี่น้องเราแต่งตัวมอซอด้วยละมั้ง

ตอยอยู่ ป2. พ่อเธออาชีพอะไร เพื่อนๆชอบถามกัน เงินเดือนเท่าไหร่ ส่วนมากพ่อเป็นทหาร เพราะรอบๆบางโพเป็นกรมทหาร มีเพื่อนบางคนบอกว่าตอนนี้พ่อของเราไปรบเวียดนาม กุ้งก็บอกว่า เรามีพี่ชายไปรบเวียดนามเหมือนกัน เพื่อนๆงง อีก ทำไมเธอมีพี่แก่จัง

แล้วพ่อเธออายุเท่าไหร่ ส่วนมากตอบว่า 30 ต้นๆไม่มีเกิน 40 ปี ของกุ้งบอกว่าพ่อเราเกือบ 50 แล้ว เพื่อนๆค่อนแคะว่า เท่าปู่เราเลย โอ้ย…เท่าตาของเราด้วย ไม่เชื่อหรอก ทุกคนเออออเห็นด้วย


คำถามใหม่ .......บ้านเธอมีพี่น้องกี่คน หลายคนบอก 1คน 2 คน 3 บ้าง ไม่เกิน 4

มาถึงตัวกุ้ง บอกเพื่อนๆว่า ลูกพ่อ 2 ลูกแม่1 ลูกพ่อแม่ 6 รวมแล้วเป็น 9



วิถีชีวิตเราแตกต่างเพื่อนตัวน้อยๆจริงหรือ

..........................................................................................................................................................

แม่เป็นอัลไซเมอร์ค่ะ

กุ้งจะต้องเป็นคนพาแม่อาบน้ำ สระผมเช็ดตัวแต่งตัวทาแป้งหอมๆ

แต่ถ้าหน้าหนาว จะพาแม่ไปสระผมที่ร้าน บางทีเดินทางไปทำธุระต่อ

แต่นัดเด็กที่บ้านให้ออกมารับแม่ทางร้านสระผมจะมีเบอร์โทรที่บ้าน

บอกว่าคุณแม่สระผมเสร็จแล้ว ให้ส่งคนมารับได้

วันหนึ่งเราอยู่ที่ร้านกับพี่สาว

บ่ายสองโมง คนที่บ้านโทรมา ถามว่าพาคุณยายไปสระผมหรือเปล่า เราบอกว่าเปล่า

อ้าวหนูก็นึกว่าพี่กุ้งพาคุณยายไปสระผม

เรากับพี่สาว ทำอะไรไม่ถูก แม่เราหลง จะไปตามกันที่ไหน

ถามกันไปถามกันมาไม่เห็นตั้งแต่ สิบโมงเช้า สี่ชั่วโมงแล้ว

แม่จะกินอย่างไร อยู่ที่ไหน ถามใครแม่ก็คงไม่รู้เรื่อง ลูกของแม่ แม่ยังจำชื่อไม่ได้เลย

จะเริ่มตามหากันด้วยวิธีไหน

โทรตามบ้านญาติ แต่ละคน มีแต่ตกใจตามๆกัน

ป้าอุบล เพื่อนสนิทของแม่ตั้งแต่ยังเด็ก ความทรงจำฝังรากลึกก่อนมีลูก

จำเพื่อนในวัยเด็กได้

พี่สาวกดโทรศัพท์ ไปหาป้าอุบล เพื่อนของแม่

ป้าอุบลบอกว่า วันนี้แม่มาหา พวกเรายิ้มปากกว้างส่งให้กันสองคนพี่น้อง

ป้าอุบลบอกเพิ่มเติม แต่แม่กลับไปเมื่อกี้นี้เอง

เมื่อพี่สาววางหูโทรศัพท์ บอกข่าวร้ายกับข่าวดีจบ งามวงษ์วาน คือเป้าหมายลงพื้นที่

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พี่สาวรับสายบอกป้าอุบลโทรมา

แม่ของเรา เดินออกไปแล้ว แต่ถนนมันเปลี่ยนไป เยอะ กลับบ้านไม่ถูก เลยกลับมาหาป้า

พี่สาวบอกว่าป้าช่วยให้แม่รออยู่ที่นั่น เดี๋ยวไปรับแม่เอง

วันนั้นคือวันสุดท้ายที่บอกตัวเอง จะไม่ยอมให้เรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นอีกเด็จขาด

วางแผนหลายชั้น คือระบบการป้องกันแน่นหนา

.........................................................................................................................................

1 ชุดเสื้อผ้าของแม่ จะเป็นชุดยาวติดกัน เป็นผ้าดอก สวมหัว

กุ้งมักจะซื้อสีฟ้าลายดอกโต สีสดใส แม่เดินไปไหนจะได้เห็นชัดๆ

สีฟ้าเป็นสีโปรดของแม่ สิ่งที่ต้องำเพิ่ม เราเอาผ้าสีขาวตัดกว้างเท่าซองจดหมาย

จ้างร้านปักเสื้อนักเรียน

เขียน ชื่อ นามสกุล บ้านเลขที่ ทุกอย่างและเบอร์โทรศัพท์ที่บ้าน

แล้วนำมาเย็บติดแปะไว้กับทุกชุดของแม่

เหมือนกับเสื้อนักเรียน แต่เน้นตัวหนังสือจะโตและชัดมาก

2 พ่อสั่งไว้ก่อนตายว่า ให้เขียนที่อยู่ตัวใหญ่ใส่กระดาษ พับให้เล็ก

ไปหาร้านช่างทำกรอบพระ

อัดกระดาษไว้ในกรอบพระ ใ ช้เสตนเลสเส้นโตหนาเป็นสร้อยห้อยพระ รุ่นกันแม่หาย

ใส่คล้องคอแม่ไว้ เราเขียนไว้ว่า สำคัญ

ตั้งแต่นั้นแม่ถูกชาวบ้านเรียกว่า ป้าสำคัญ

2.1 ไปร้านแถวหลังกระทรวงทำป้ายอลูมิเนียม (แบบทหารออกรบ )จ้างตอกชื่อแม่ นามสกุล

ที่อยู่ เบอร์โทร ทั้งภาษาไทยภาษาอังกฤษ แขวนพร้อมป้ายชื่ออัดกรอบพระ กลัวว่าป้ายพลาสติกน้ำอาจซึมเข้าไปได้

3 สร้อย ทอง แหวน ต่างหู กุ้งจะถอดเก็บเพราะเป็นอันตรายกับตัวแม่เอง

4 คิดต่อร้านของชำหน้าบ้าน ข้างบ้าน ป้อมยาม ถ้าเห็นผู้หญิงคนนี้ให้กันเอาไว้อย่าให้เดินไปไหนพ้นรัสมีซอย

5ไม่ให้แม่พกเงินติดตัว แต่จะไปบอกกับร้านชำว่า ถ้าแม่มาซื้อของ ให้ไป แล้วมาเก็บสตางค์ที่บ้าน

วิธีนี้ ร้านชำจะคอยเรียกเราบ่อยๆ เพื่อจ่ายเงิน เราก็ได้ข้อมูลว่า แม่ออกจากบ้านกี่หน

ถ้าเป็นร้านขายยา แม่มักไปซื้อ ยาแก้ปวด จะให้ทางร้านจัดวิตมินให้แทน แล้วมาเก็บเงินกันทีหลัง

.............................................................................................................................................................





พ่อ ลูกจะซื้อรถเบนซ์ แวน5 ประตู


แน่ใจเหรอลูก ว่าจะซื้อ


ทำไมค่ะ พ่อ กุ้งพอมีเงินและไม่เป็นหนี้


ถ้าซื้อรถเบนซ์ แปลว่าเราเปิดตัวว่า เราเป็นคนมีเงินนะ


คำพูดของพ่อเป็นจริงทุกอย่าง


สังคมอีกแบบเข้ามาหาเรา


เราดีใจกับสังคมแบบนั้น


......................................





วันนี้พ่อจากไปแล้ว


รถคันนั้นก็ขายไปแล้ววันนี้


เราชอบนั่งรถคันนี้มากกว่ารถเบนซ์


........................................






























ไม่มีความคิดเห็น: