วันศุกร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2551

รอยจำผาด่าง 4,2008,Dec


ก่อนเย็นวันที่ 4 ธันวาคม มีรถกระบะ และรถเก๋งหลายคันมาจอดนิ่งหน้าผาด่าง สอบถามถึงลานกางเตนท์ และค่าใช้จ่ายและรายละเอียดของการปรุงอาหาร พี่หวัดเป็นผู้นำพาลูกค้าเข้าบ้านพัก แต่ละหลัง และตามเตนท์ที่ลูกค้าจองไว้ แต่ลูกค้าที่นำเตนท์มาเอง มีอยู่กลุ่มหนึ่ง พี่หวัดได้ทำตามหน้าที่พาไปจัดหามุมกางเตนท์ ก่อนกลับมาเล่าเรื่องตื่นเต้นให้ชาวผาด่างฟัง


พี่หวัดบอกว่าคุณขอหลอดไฟ 1 ชุด เพื่อประกอบอาหารทานกันเอง และเสบียงของคุณเตรียมมาเยอะมาก ที่สำคัญ….เห็นตู้ลำโพงพวกคุณขนใส่ท้ายกระบะมาด้วยหวังเปิดเพลงสนั่นเต็มที่
พี่หวัดเกรงว่าเสียงจากลำโพงนั้นจะทำให้ลูกค้าหลายท่านต้องพบกับความหงุดหงิด แต่เรามั่นใจว่าทุกอย่างจะดำเนินไปตามธรรมชาติที่ผาด่างกำหนดกฎเกณท์ไว้ ไม่มีใครกล้าฝืนละเมิดธรรมชาติที่นี่หรอก


ไม่มีเสียงเพลงจากลำโพงตัวนั้น ลำโพงตัวโตที่ชาวผาด่างหวาดกลัว แต่เมื่อถึงเวลาเข้านอน เราพลิกกลับไปมานอน และเริ่มกระสับกระส่าย พยายามหลับแต่ไม่สามารถหลับลง เสียงแว่วหัวเราะลั่นจากแขกกางเตนท์กลุ่มใหญ่มาเป็นละลอกๆ เสียงนั้นเงียบหายไปในความมืดสนิท แต่ไม่นานมาอีกแล้ว เสียงแผ่วเบาคือการเริ่มต้นอีกครั้ง ก่อนเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะเบา จากคนที่หนึ่งและเป็นคนที่สอง สามตามลำดับ ก่อนจบลงด้วนเสียงหัวเราะสนั่นลั่นเคล้าเสียง
เราสามารถจำแนกได้ว่าคนกลุ่มนี้กำลังเล่นไพ่ แต่เราไม่รู้หรอกว่าไพ่ที่เค้าร่วมกันเล่นเป็นไพ่อะไร


เรื่องที่เราคิดมาก พรุ่งนี้แต่เช้าเราต้องรีบตื่น ดูแลความเรียบร้อย แขกรับประทานอาหารเช้า เราพยายามเร่งตัวเองให้หลับ หลับเจ้าต้องหลับนะ เราคิดถึงยานอนหลับของหมอ ทำไมเราลืมยาไว้ที่กรุงเทพนะ ในความมืดและความพะวงช่วงดึงเราสู่ความหลับใหลได้ในที่สุด

ยามเช้าลูกค้าตื่นเต้นกับอาหารหน้าตาน่าทาน


ขนมปังชุบไข่ทานกับน้ำผึ้งป่า หรือเหยาะซอสถั่งเหลืองลงไปนิดหน่อย ก็จะให้รสชาดที่แปลกออกไป







น้ำผลไม้สับปะรดสด





ข้าวต้มหมูร้อนๆ กาแฟหรือเครื่องดื่มโอวัลติน






บางคน บางกลุ่ม ขยับไปนั่งมุมโน้นมุมนี้สาระวนกับการถ่ายรูปเดี่ยว รูปคู่ รูปหมู่ ทุกมุมในผาด่างกลายเป็นสตูดิโอน้อยๆทั่วไปหมด

รถหลายคันของลูกค้าทยอยออกจากผาด่าง คันแล้วคันเล่า ทุกคนจากไปแล้วหรือ เราเดินไปที่ลานกางเตนท์ เตนท์แต่ละเตนท์ยังคงตั้งอยู่กับพื้นดิน บ้านหลายหลังบางหลังเสียงพูดคุยเบาๆมาก เสียงเหล่านั้นคุยกัน มีแต่สายลมและใบไม้ที่ได้ยินว่าพวกเขากับกำลังพูดถึงอะไร แต่บางหลังมีกุญแจคล้องไว้ พวกเขาเหล่านั้นไปเที่ยวที่ไหนกันนะ






ยามบ่ายแก่หลังจากเราตื่นจากนอนกลางวัน เราเดินหิวเข้าโรงครัว

ผ่านต้นหญ้าดอกเสือหมอบ ทุกกิ่งช่อออกดอกสีขาวกลุ่มเล็กกลุ่มน้อย เป็นความหมายสัญญลักษ์ของลมเหนือ…ลมนี้มีหน้าที่หอบนำความหนาวเย็นมาเยือนป่าตะวันตกผืนนี้ ปีนี้ลมเหนือมาช้าแต่สัญญาคือสัญญา ลมเหนือแห่งเหมันต์จากเทือกเขาทิเบตเดินทางมาถึงผาด่าง แก่งกระจานแล้ว

ก่อนแสงแดงของตะวันดวงโตจะถึงชายขอบป่าตะวันตก ลูกค้าเก่าและใหม่เริ่มทยอยกลับเข้าผาด่าง เสียงทักทายบอกเล่าชาวผาด่างว่าไปเที่ยวกันมาบ้าง บางกลุ่มบอกว่าไปเที่ยวน้ำตกผาน้ำหยด บางกลุ่มพี่หวัดพาไปเที่ยวเดินป่าใกล้ กับผาด่าง

และบางกลุ่มลงไปเที่ยงล่องเรือยางที่ท่าเรือ และอีกมากมายต่างมีใบหน้าเปื้อนความสุขที่ยังไม่จางหาย

อาหารมื้อเย็น บางโต๊ะใต้แสงเทียน อบอุ่นกับคู่ของตัวเอง เสียงคุยสลับเสียงจิ้งหรีดกรีดปีก บทเพลงของผาด่างเป็นเพลงของการพัก ผ่อนคลาย มีเพียงแสงเทียน และแสงไฟ แวมๆไม่เจิดจ้า ทุกโต๊ะทานข้าวแค่มองจากโต๊ะออกไปไม่เกินสามเมตร ความมืดสนิทจะอยู่ตรงนั้น โอบล้อมทุกคนในห้องอาหารเอาไว้ เราลอบมองเห็นแขกรับประทานอาหารด้วยความละเมียดละไมกับเครื่องดื่มนานแสนนาน สิ้นสุดลงด้วยการแยกย้ายกลับบ้านพักของตัวเอง เราสำรวจตัวเองทุกอย่างในห้องครัวและกลับที่พักเช่นกัน เพื่อเตรียมรับวันพรุ่งนี้ซ้ำอีกครั้ง




เราหวั่นปัญหาเดิมจะรบกวนเราอีก ตัดสินใจแต่ตอนเย็นเรามียาแก้แพ้อยู่ในกระเป๋ากางเกง เพื่อทานก่อนนอน และยานี้ได้ผล ไม่นานเราก็หลับสนิทลงได้ เสียงอะไรอีกเล่าปลุกเราขึ้นมากลางดึก เราหลับไปนานแค่ไหน ทำไมต้องตื่นเพื่อฟังเสียงหัวเราะอีกเล่า เสียงนั้นทำให้เราโกรธ และความโกรธก็กำลังเพื่มขึ้น เสียงหัวเราะดังขึ้นเท่าไหร เรายิ่งโกรธและโมโห เราพร้อมที่จะลุกขึ้นไปบอกให้เงียบเสียง




เราเป็นเจ้าของสถานที่แห่งนี้ ความโมโห และความลำพองอยู่กับเราแล้ว แต่ความสุภาพ และผลที่จะเกิดขึ้นภายหลังดึงให้เราคิดก่อนทำ เราจะบอกอย่างไรให้คุณเงียบเบาเสียงลง ความสุภาพของน้ำเสียงและภาษาต้องระดับแค่ไหนกัน พวกคุณจึงจะพอใจ เวลาผ่านไปนานมากกับการนอนตาค้าง มีความโกรธความหงุดหงิดคอยกระตุ้น

เราละเลยการฝืนหลับเพราะทราบแก่ใจว่าเป็นไปไม่ได้ ยาแก้แพ้อีกสองเม็ด ถูกกินซ้ำเข้าไป ตามด้วยน้ำ แก้วใหญ่ ตาไม่ปิด สมองไม่หลับหูคอยฟังเสียงคนเล่นไพ่ (กินเหล้าด้วยมั้งหรือไม่ใช่ ) แต่แน่นอนที่สุด ไม่มีเสียงของผู้หญิงเลย เรานอนคิดไปมา กับการเดินออกไปบอกความจริงแก่คนกลุ่มนั้น แต่ความเป็นเจ้าของสถานที่กลับดึงเราไว้

ความคิดเราเตลิดไกลออกไป เสียงหัวเราะสนั่นไปทั้งหุบเขา สลับกับความเงียบเป็นพักๆ ถ้ามีแขกพักบ้านใกล้ เป็นเหมือนเรา ตื่นตาค้างหงุดหงิด แขกในบ้านปีกไม้ หรือบ้านฟ้าสด หรือ…หลังโน้น หลังนี้

โอ… นี่เองคำตอบหน้าที่ของเรา ไม่ใช่ตัวเราเองต้องปกป้อง แต่เพื่อแขกท่านอื่นๆ ที่กำลังตกอยู่ในภาวะเช่นเรา เรามีคำตอบและงานด่วนแล้ว….ลุกจากที่นอน เดินผ่านสนามหญ้าอันมืดมิด ใช้เพียงแสงไฟฉาย นำทางพาเรามุ่งสู่ลานแสงไฟจากกองฟืนข้างหน้า เงียบมากแต่ไม่นานเสียงหัวเราะก็บอกเราว่า เรามาถูกทางแล้ว ใกล้ เข้า….ใกล้เข้าไป เราดับไฟฉายในมือตัวเอง



ภาพข้างหน้า เรามองเห็นแล้วอย่างชัดเจน ภาพลานกางเต๊นท์กลุ่มใหญ่ เตนท์ทุกขนาดถูกกางเป็นวงกลม ห่างๆกัน และเตนท์ที่อยู่ใกล้เราที่สุด มีเสียงคนนอนกรนเป็นระยะๆ ตำแหน่งที่เรายืนเห็นทุกอย่าง และเป็นไปอย่างเงียบๆนั้น เรายืนอยู่นอกรัสมีแสงไฟจากกองฟืนที่กำลังลุกโชน ใกล้จุดศูนย์กลางของลานวงกลม มีกองฟืน ท่อนไม้โตๆเป็นท่อนสั้นๆ ท่อนไม้นี้เมื่อเย็นยังเป็นขาเก้าอี้ ตรงลานซุ้มเห็ด ซากขาไม้กลายเป็นท่อนฟืน ไฟกำลังเลียกินไม้ท่อนนั้น

ท่อนฟืนกำลังให้แสงไฟนุ่มนวล ที่มากกว่านั้นเรามองเห็นกองฟืนในระยะคือไออุ่น
คนกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งเล่นไพ่ ทุกดวงตาจดจ่อกับกระดาษตัวเลข และสัญญลักษ์สีแดง หรือดำในมือ
บางคนตาจ้องแป๋วมองเพื่อนข้างๆ แต่ละคนมุ่งมั่น สงบนิ่ง สมาธิจดจ่อ จ้องไปที่กระดาษในมือ
เสียงพูดเบาๆ เริ่มจากหนึ่งเป็นสอง ตามด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ เพิ่มเป็นเสียงเฮของผู้แพ้ร่วมชะตา
เงาลางของแสงฟืนสลับไปที่หน้าของแต่ละคน ผลัดกันแล้วแต่เงากับสายลมจะพัดเปลวสว่าง
แสงก็จะกระทบใบหน้าของคนนั้น
ที่ตรงนั้น ความสุข ผ่อนคลายและกองฟืนเป็นหนึ่งเดียวกัน


แสงฟืนเจ้าแห่งความสว่าง นำเราเข้ามา
เพื่อให้เห็นกลุ่มคนเล็กๆกำลังมีความสุขกับดินแดงแห่งนี้ไม่ใช่หรือ
นี่คือ...ใช่หรือ... ภาพที่ปรากฎ คือความปราถนา เป็นแก่นเนื้อแท้ของธรรมชาติผาด่าง
เพื่อ สำหรับทุกคนที่มาเยือนสถานที่แห่งนี้ หลงลืมภาระหน้าที่การงานให้หมดสิ้น
ดาวเดือนเกลื่อนฟ้า แสงฟืนคอยปะทุเบาๆสร้างเงาบนใบหน้า....แค่บางเสี้ยว
เราผู้มีหน้าที่หยุดความสุขนี้
อีกสักนิดนะ ยืนมองไปเรื่อยๆ อีกสักครั้งเถอะ ปล่อยพวกเขานั่งล้อมวง หัวเราะร่วน
แม้พระจันทร์ยังได้ยิน ดวงดาวมองลงมาและร่วมสร้างแบ่งปันความสุขทรงจำร่วมกันและกัน
ต้นไม้ใหญ่ข้างกายยืนนิ่งให้เราพิงมองภาพนั้นนานมากๆ ก่อนตัดสินใจเดินเข้าไปอย่างเงียบๆและสุภาพ
ขอโทษนะค่ะ ช่วยกรุณาลดเสียงให้ด้วยค่ะ ทุกคนในวงตกใจสะดุ้ง หันหาตามเสียง
ผู้หญิงตัวเล็ก โผล่เงียบๆกลางป่า
เมื่อทุกคนหายตกใจและรู้ตัว ต่างช่วยกันส่งเสียง ครับๆ… อีกคน…ได้ครับ
และต่อด้วยอีกคน…. ดังไปหรือครับ …ขอโทษครับ
เมื่อเรากลับเข้าหาถุงนอน ยังคงได้ยินเสียงหัวเราะนั้นแต่เริ่มแผ่วเบาลงเรื่อยๆ และไม่นาน
ความเงียบก็เป็นเจ้าของยามค่ำคืนที่เหลือ

ไม่มีความคิดเห็น: