วันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2551

แด่เดินดงหัวส้มผู้จากไป พร้อมกับจาบคาเคราน้ำเงินนกป่าตายทั้งเป็นในรังดินป่าแก่งกระจาน



November.27 ,2008 เช้านี้จิตใจเราแจ่มใส ดีใจที่จะได้กลับเข้าไปหา….บ้านกร่างเพื่อนรักของเราอีกครั้ง เราถามตัวเองว่าจะมีวันไหน ที่เราจะเบื่อบ้านกร่าง เราภาวนาขอคำตอบจริงใจของตัวเอง ความรักของเรากับบ้านกร่างยังคงเท่าเดิม ยังไม่เปลี่ยนแปลงและเรากลับละโมบเกิดขึ้นในใจ ขอภาวนา ให้เรายังเป็นอย่างนี้อยู่ซ้ำๆไป
ถนนลูกรังถูกทำใหม่ให้กว้างออกไป มีรอยล้อของรถเกลี่ยทางของทางหลวงเข้ามาขยายถนน ผนังกองดินใหม่สูงไม่มากเริ่มจับตัวแข็งและใกล้แห้งแล้ว และต้นไม้สดล้มตะแคงนอนตายตลอดสองข้างทางป่าแห่งนี้ ไม่ว่ามองไปข้างหน้า ไม่ว่ามองย้อนไปข้างหลัง เพื่อให้นักท่องเที่ยวสะดวกขึ้น กว้างขวางปลอดภัย รถเก็งวิ่งได้เร็วขึ้น ง่ายขึ้น รถกระบะวิ่งได้เร็วขึ้นกว่าเดิมมาก ฝนสุดท้ายยังคงทิ้งความชื้นในดินให้เรารู้ ด้วยแอ่งหลุมแห้งหมาด แต่ยังไม่แตกลาย






อีกไม่นานและไม่เกินเดือนหน้า เมื่อรถเดินทางมา บนถนนเส้นนี้ ท้ายรถของทุกคันจะมีตัวฝุ่นม้วนตัวก้อนยาวและฟุ้งโตใหญ่วิ่งตามท้ายรถทุกคัน ในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวเดือนธันวาแน่นอน ฝุ่นจะหมุนม้วนก่อนฟุ้งแยกกระจายตามรถทุกคันไม่ว่าวิ่งเข้าหรืวิ่งอออกอุทยาน ลิงเสนลงพื้นหนีไปแต่ให้เราเห็นและเราต้องวิ่งตาม ลิงไม่ชอบฝุ่น แต่ใจเราได้ยินว่า สัตว์ทุกตัวในป่านี้ ไม่ปราถนา ผลจากความคิดอย่างนี้นะ ป่าถามเรา เจ้าชอบไหม เราเงียบไม่ตอบ เราผลักความเศร้าออกไป

ชื่อไหมชา ผู้หญิงชาวฮ่องกง เป็นเพื่อนข้างกาย และหลานชายจ๊อบ กับพี่เปี๊ยก เบิรด์ไกด์ พวกเรามุ่งหน้าเข้าป่าแก่งกระจาน สำหรับพวกเรา คือการตามหา นกป่าแห่งบ้านกร่างและ….ทุกๆอย่างแล้วแต่ธรรมชาติกำหนดส่งมาให้มองหรือให้จับ ได้เหยียบย่ำเป็นรอยตื้นบางๆ








นกสีฟ้าอกส้ม ห้องเรียนที่เราต้องแยกแยะ hill blue fc , tickell blue fc , chainese blue fc , hainanblue fc เป็นนกที่ช่วยเราได้มากเหมือนกันกับการจดจำ และที่วนเวียนให้เราพบบ่อยๆกับgrey headed fc พวกเจ้ามักปรากฎพร้อมกับ strip tit babbler chesnut-headed babbler Asian paradise fc ทั้งตัวเมียและตัวผู้ เวลากำหนดการพบมีทั้งตอนช่วงสาย และช่วงบ่ายของวันรุ่งขึ้น





พวกเราสี่คน ใช้เวลาที่มีอย่างทะนุถนอม กินอาหารกลางวันและพักสั้นๆ เพื่อเส้นทางเดินสายใหม่ กับความปราถนา ใบไม้ที่พลิกไหวนิดๆ หรือจะเป็นนก เสียงร้องใกล้ไกล คืออำนาจสะกดพวกเราเดินอย่างเงียบเข้าไปตามเสียง…กับ….ความหวัง ทุกปลายนิ้วชี้ ของพวกเราสลับกันบอกดังแค่กระซิบ เกรงใจเกินเกรงใจ


ปากสีฟ้าของพญาปากกว้างbanded boardbill หลังลายเหลืองสดสลับแดงและดำ แสงแดดที่ส่องลงมาเพื่อให้เราถ่ายภาพของพวกเจ้าได้แค่สวยงาม แต่ไม่ใช่คำตอบคือสวยที่สุด ใจของเรากล่าวขอบคุณนกทุกตัวที่หันหลังแต่เอี้ยวบิดหัวหันมาหาเรา เจ้ามองเราและแกล้งขยับไปอีกกิ่ง เพื่อเผชิญหน้ากับเราอย่างกล้าหาญหรือ



ใบไม้สีแดงอมม่วงเข้ม นอนร่วงกระจายเกลื่อนตามก้าวเดินของเรา เราหยุดแหงนมองต้นไม้เหนือหัว ต้นไหนคือเจ้าของใบไม้สีม่วงแสนสวย แต่ต้นที่เรามองกลับไม่ใช่เจ้าของใบสวย เราเริ่มมองสูงขึ้นและไกลขึ้น เพื่อตามหาต้นที่มีใบไม้สีม่วงเข้มและไม่ไกลเสียทีเดียว ใบไม้หลายใบร่วมกันปลิว ค่อยๆร่วงและลมน้อยช่วยพัดใบมาที่เรายืน จะมาถึงเราหรือเปล่า
เจ้าลอยร่วงจากที่สูงและปลิวเป็นแนวเอนเฉียงมาทิศที่เรายืน ตาเราจดจ้อง มาซิ เราร้องเบาๆ มาใกล้ๆ มาให้ถึงนะ เราหยุดไม่ได้ ตัดสินใจ ก้าวเขยิบออกไปก้าวหนึ่งรับใบไม้สีสวยใบนั้น ในมือใบสีม่วงเข้มและด่าง หงิกบางมุม ใบไม้ส่งความเย็นเนียนมือ นานมากและเราเลือกทำ ขยำขยี้ใบไม้สวยด้วยปลายนิ้วโป้งกับนิ้วชี้นานๆ ขณะที่ก้าวเท้าเดินหานกป่าไปด้วย นานจนเราแน่ใจว่าสิ่งที่เราสัมผัสในมือไม่ใช่ใบไม้แล้ว แต่เป็นเศษผงเปียกชื้นเล็กยุ่ย เรายกนิ้วชี้กับนิ้วโป้งขึ้นดู นิ้วสีม่วงทั้งสองนิ้ว เราอยากรู้อีกว่า สีม่วงของเจ้าจะติดอยู่กับนิ้วนานแค่ไหน








เสียงของใครขอพบ black and red boardbill และไม่นาน เกินคำร้องขอจะจางไป ทุกคนเดินไปมาใต้ต้นไม้ มีพวกเจ้าอยู่ข้างบนและช่างขยันขยับไปมา ไม่นานพวกเจ้าบินสั้นๆย้ายไปอีกต้นใกล้ๆ เพื่อบังคับให้เราเดินตามอย่างว่าง่าย และสุดท้ายเมื่อเราพอใจ พวกเจ้ายังอยู่ที่เดิม พวกเราเป็นฝ่ายจากมา บทเรียนที่ได้รับ พี่เปี๊ยกบอกว่า หลายปีมาแล้ว นกคู่นี้ไม่ได้ลูก เราถามทำไม คำตอบที่ได้ เราต้องถามต่อไปว่า แล้วพี่เปี๊ยกบอกนักดูนกคนอื่นหรือเปล่าค่ะ ทุกคนที่มีโอกาสพูดคุย ผมจะบอกอย่างสุภาพเสมอ



นกไต่ไม้… velvet fronted nutatch เสียงพี่เปี๊ยกชี้ให้เราดูบนต้นไม้สูงอ้วน และที่นั่นเสียงเราละล่ำละลัก kingggg….ff… fisher เราลืมชื่อเจ้า ทำได้แต่ดีใจเรียกเจ้าผิดๆถูกๆ ในหนังสือเราท่องชื่อเจ้าและหัดเขียนจนจำได้ แต่พอพบเจ้า ปากสีแดง อกส้มๆปนน้ำตาล นกที่เราร้อยรวมไว้ห้องปราถนา แม้ชื่อเจ้าเราก็ลืม แต่พอพูดชื่อเจ้าได้เต็มปาก เจ้าก็เลือกทิ้ง…เรา บินหนีไปเข้าป่าทางซ้ายหายไป เราพบกันอีกแล้ว แต่ไม่เคยนานพอกับความสุขที่ร้องหา หรือนี่ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายของเจ้ากับเรา











November.28 ,2008 ใบไม้สีเหลืองสดเรียงเป็นแถวสองด้านร่วงจากต้น ตรงพื้นดินตรงนั้นบ้าง ตรงนี้บ้าง เราเลือกขึ้นมาเพียงหนึ่ง มือจับรูดให้ใบเรียงเรียวมนร่วงพรูใส่มือเรา และหักบดขยี้อย่างแรงๆ ใบเหลืองเล็กกรอบแตกละเอียดเป็นชิ้นเล็กๆน้อยๆง่ายเหลือเกิน สุดท้ายเรายกมือขึ้น…เป่าให้พวกเค้าเป็นอิสระลอยฟุ้งกระจายและร่วงหล่นนอนเกลื่อนสู่พื้นดินอย่างเก่า

White- browed piculet, เจ้าเคาะไม้เบาๆ และคุณเปี๊ยกเคาะกล้องแต่ออกมาเป็นเสียงเดียวกัน นกตัวนี้คอยหนีเราไปทางซ้าย เราก็ไปทางซ้าย เจ้าทำให้พวกเรานั่งลง ยกกล้องส่องหาลึกหลังใบไผ่ ทุกคนพบตัวเจ้าแล้ว เราพึมพำบอกกันแต่เจ้าคงได้ยิน ว่าเราชมเจ้า น่า
รักมากๆ และส่งยิ้มไปให้ด้วย Great slatty woodpecker, Common fameback มีให้เราพบตัวบ่อยๆ ทั้งเสียงและตัว มีไกลและใกล้






ไหมช่า เดินมาหาเราหลังจากนกป่าละทิ้งพวกเรา การพบเจอไม่มีและเวลาเดินทางกลับ มาคอยเตือนเสมอ การจากป่าแห่งนี้กำลังเข้ามาใกล้แล้ว จิตใจเศร้าจนเหมือนไม่มีความหวัง ไหมชาอยากเลือกที่จะขอพบ banded boardbill , black and red boardbill ขอเป็นที่เก่าให้ความหวานชื่นของเมื่อวานกลับมาอีกครั้งได้ไหม
เมื่อเราใกล้ถึงลำธารสอง เจ้านกblue- breaded bee-eater คุณเปี๊ยกชี้มือสูงให้พวกเราดู นกตัวนี้ยืนหันหลังให้เราและย้อนแสงนิดๆ เรามองเจ้าไม่ชัด และเจ้าไม่สนใจเอี้ยวตัวกลับหยุดนิ่งเฉย เหม่อมองสุดขอบฟ้า ไม่คอยโฉบจับแมลงตามวิถี เจ้ามองไปที่ไหน ฟ้ากว้างหรือย่างไร พี่เปี๊ยกนำสารบอกอีกเรื่อง คู่ของเจ้าตายไปไม่นาน จากการทำถนน ดินสองข้างทางถูกดันขยายทางให้กว้างขึ้น พร้อมกับชี้มือไปตรงจุดข้างถนน กองดินถูกไถปาดออกข้าง เสียงเล่ายังไม่หยุด แม่นกหลุดจากรังที่ขุดเป็นกลวงกับผนังดินกลายเป็นกองเศษดินปนผสมกับใบไม้ต้นไม้ แม่นกตายอยู่ใกล้กองดิน รังโพลงกลายเป็นสุสานฝังเจ้า เรื่องเศร้าอีกแล้วหรือ






ในป่ารกบางอย่างขยับ นกเดินดงอกส้ม พร้อมกับชี้มือให้เรามองตาม หญ้ารกและมืด เราเห็นได้แค่ ใบไม้สีเงาเท่านั้นเอง แต่เรื่องเศร้าอีกแล้ว

เจ้าหน้าที่อุทยานเล่าให้ฟังผ่านมาถึงพี่เปี๊ยก ผู้เล่าเรื่องซ้ำอีกครั้งว่า นกเดินดงตัวที่เราเห็น ปกติจะอยู่เป็นคู่ แต่คู่ของเจ้าเพิ่งตายเมื่อวาน เพราะบินชนกระจกของเรือนนอนเยาวชน เราผลักไสเรื่องเศร้านี้ออกไปสำเร็จ

แต่เมื่อจะต้องเขียน เรากลับต้องทำตรงข้าม เราดึงทุกความเศร้าของความทรงจำ ของเสียงบอกเล่าเรื่องรันทด ใบไม้สลัวๆกิ่งมืดช่วยเจ้าเดินดงหัวสีส้มหลบซ่อน เรารู้ว่าเจ้าไม่เคยหมดหวังตามหาคู่ ทั้งเจ้าและคู่ของเจ้าไม่รู้หรอกว่าความตายคืออะไร



เราตั้งใจพยายามเขียนเรื่องจริงแสนขมขื่นให้เป็นธรรมดาได้หรือ ภาพนกจาบคาเคราน้ำเงินตัวผู้เหม่อสุดปลายฟ้า ภาพนกจาบคาตัวเมียนอนตายข้างรอยดินหยักฟันปลาของล้อตะขาบเหล็กรถเกรด เราแน่ใจว่าบางทีความเศร้าช่วยทำให้เราเขียนถึงเจ้าผู้อยู่อย่างเดียวดาย ความเศร้าของพวกเจ้าทำให้เราตัน และสะอึกสะอื้นในใจอีกแล้ว การตายและการตามรัง….ควาน…เกิดขึ้นจากใคร

เราคือส่วนหนึ่งของสาเหตุนี้ด้วยใช่ไหม บางทีถ้าเราหยุดรักนก รักป่า ไม่ไปหา ไปดู ทิ้งป่า และนก และธรรมชาติไว้เฉยๆ จะดีกว่าใช่ไหม ไม่คิดหาตรรกะหรือ

ทำไมทุกก้าวเดินกับนกป่า ครั้งแรกๆคือรอยยิ้ม ร่าเริง เริงร่ากับการเดินค้นหาหา บอกกับตัวเองอย่างภูมิใจ บอกคนทั้งโลกว่า…รักนก แต่ต้องพบว่าแท้จริง เวลากำหนดพบเจ้านกสีสวยตาแป๋วกับเรามากขึ้น หลากหลายนกต้องชะตากรรมแสนเศร้า ชะตากรรมนั้นพันธนาการมัดเราเข้าบ่วงรอบแล้วรอบเล่า เจ้านกตกหม้ายอาจเสียใจไม่เป็น รักไม่เป็น ร้องโหยไห้กับการจากและสูญเสียไม่เป็น ตีอกฟูมฟายก็ไม่เป็น

คำตอบคือภาพเจ้าเกาะกิ่งบนอีกตัวอยู่กิ่งล่างใกล้เพื่อใกล้ละกัน ยามบินก็ไปหยุดรอเพื่อเพียงอยู่ข้างกัน จากเช้าลืมตาแรกเพื่อสบตากัน ยามสายหลบใต้ร่มเงาไม้ใกล้ลำธารพักคลายร้อน เมื่ออาทิตย์ลาจากไปเพื่อให้ดวงจันทร์คืนมา กิ่งไม้มุมมืดปีกชิดติดใกล้หลับใหล รักไม่เป็นได้อย่างไรกัน…. รักไม่เป็นได้อย่างไรกัน…. รักไม่เป็นได้อย่างไรกัน














ไม่มีความคิดเห็น: