วันเสาร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2551

รอยจำผาด่าง December 20, 2008

December 20, 2008 เสื้อหนาว


ก่อนลากันน้องบีกับเพื่อนส่งเงินให้เราเป็นเงินสด12,200 บาทถ้วน กล่าวเบาๆว่าให้พี่กุ้งจัดจ่ายสิ่งที่เห็นสมควร วันต่อมาเราตัดสินใจนำเงินนั้นดับความหนาวเย็นของคนแก่ เงินของน้องๆยอมสละเวลาและของใช้มาให้คนยาก คนไร้โอกาส คนแก่ที่มีกองฟืนเป็นผ้าห่ม สังกะสีหันลอนสู่ฟ้า สีน้ำตาลสนิมด่างเกรอะกระด่าง มีรูนิดๆพอมองออกไปยามกลางวันจะเหมือนดาวคอยกระพริบนิดๆเป็นหลังคา และในยามฝนเยือน น้ำฝนจะไหลหยดก่อนไหลริน

เรื่องนี้เป็นของขวัญสำหรับคนทุกคนที่เป็นผู้รับและเป็นผู้ให้ แม้แต่ตัวคนเขียนไม่ใช่ทั้งสองประการแต่เป็นเพียงคนนำสารแห่งความทุกข์ยากส่งให้ผู้ที่มีจิตใจรอนแรมเสาะแสวงหาเพื่อมอบบางอย่าง ช่วยเหลือตามกำลังและมุมมองที่เข้าใจได้

December 24, 2008 นุชกับงานปักผ้า
บนระเบียงภูสีหมอก เรากับนุชนั่งกันบนพื้นระเบียง เสียงนกกระเต็นน้อยธรรมดาร้องข้ามฝั่งทางเกาะต้นก้านธูป เราไม่เคยสนใจมองหาเจ้าเลย เราเสียใจแต่ไม่หลงลืมเจ้า เสียงร้องบอกว่าเรายังมีเจ้าอยู่ใกล้ๆเหมือนเคย เราขอบใจเจ้านะกับเสียงไพเราะยามนี้

ได้เสื้อกี่ตัว ตัวนี้ปักสวยจัง แล้วอีกหลายตัวไหม ที่ค้างปักไม่เสร็จ ก่อนเน้นสำทับถึงงานด่วน ห้ามพลาด ต้องได้พรุ่งนี้นะจ๊ะ นอกนั้นปีหน้าก็ได้

….เราถามนุชว่า เมื่ออาทิตย์ที่แล้วไปแจกผ้าเช็ดตัวที่บ้านไม่เจอนุช แต่ฝากไว้ให้ด้วย ได้รับหรือเปล่า นุชบอกว่าได้แล้วขอบใจเรามาก เรากล่าวต่อไปว่า เพื่อนๆน้องบีให้เงินมา เราแบ่งเอาไปซื้อเสื้อหนาวไว้แจกคนแก่ ที่บ้านมียายๆ ตาๆ กี่คน นุชบอกว่ามีสองคน แต่แม่มีเสื้อแล้ว แต่แม่ผัวยังไม่มี ตกลงพรุ่งนี้ตอนเย็นเราจะไปหาที่บ้านนะ เอาเสื้อหนาวไปให้






แต่ต้องถ่ายรูปส่งไปให้คุณอ้วน น้องโป๊ดๆ และเพื่อนๆของน้องโป๊ด เป็นของขวัญปีใหม่ เอาไปตอนนี้ไม่ได้ จ้างชาวบ้านซักแล้วแต่ยังไม่แห้ง ถ้าไปมืดหน่อยจะได้ไหม นุชที่บ้านก่อกองฟืนทุกคืนไหม นุชบอกว่าก่อทุกวันหละ อากาศหนาวคนแก่ต้องออกมา ผิงไฟกันทุกวัน ไม่ก่อไม่ได้หรอก เราบอกว่าเยี่ยมเลย เวลาถ่ายรูปส่งไปให้น้องบีจะได้มีสีสัน สร้างภาพ นะ เข้าใจไหมจ๊ะ….. นุชหัวเราะ ยิ้มแก้มพองพร้อมมือปิด แอบฟันหน้าหลอ



December 25, 2008 เสื้อและหมวกไหมพรมซักแล้วและตากแดดบนราวลวดเป็นแถว เราเดินเข้าไปจับเสื้อหนาวมือสองของนอก ทุกตัวหนา และเบา ทุกตัวแห้งและสะอาด ได้กลิ่นแดดอีกด้วย สภาพของเสื้อหลากสี เรามั่นใจว่าจะช่วยคนแก่ได้มากทีเดียว เรามองหมวกไหมพรม อยู่อีกราวถัดไป เมื่อเข้าไปจับแห้งแล้วเช่นกัน โอกาสต่อไป สำหรับเราคือจัดหาถุงนอน มั่นใจว่าดีกว่าผ้าห่มมาก ทนทานกว่า สำคัญเป็นการหุ้มห่มตัวและไม่หนีม้วนลีบยามหลับกลับพลิกตัว เหมาะสมกับพื้นที่ป่าหนาวเย็นอย่างนี้ เรารอว่าเมื่อไหร่จะเย็นเสียที ชาวบ้านจะได้กลับบ้านหลังจากไปทำไร่ หรือไปรับจ้างทำงานเป็นรายได้วันต่อวัน


ดวงตะวันสีส้มตามหน้าที่ต้องลับไปฝากฝั่งตะวันตก ทุกคนเตรียมพร้อม เสื้อกับหมวกอยู่ในถุง มีชื่อเขียนไว้ชัดเจน และเมื่อลำแสงไฟจากรถมอเตอร์ไซด์สาดส่องวิ่งไปตามถนน ไม่นานก็หายไปทั้งสองคัน กับคน 4 คน รถกับคนวิ่งสู่ความมืดมัวของถนน มีเรายืนมองอยู่หน้าผาด่าง



เวลาของการกลับมา ที่เดิมมีเรายืนอยู่ตรงนั้น…รอด้วยใจ ถุงเสื้อใบโตพอง กลายแฟบลงเหมือนถุงเปล่า ไอ้ยุงยิ้มแก้มปริ ยิ้มไม่ยอมหยุด แจกหมดแล้วเหรอ เหลืออีก2บ้าน แต่ต้องวิ่งไปทางพุอ้อ เกรงใจพี่กุ้งจะเข้ากรุงเทพดึก พรุ่งนี้จะเข้าไปให้แต่เช้าพี่กุ้งไม่ต้องห่วง มีแม่ของเจ้าเอ็ม คนเย็บใบหญ้าคาเลี้ยงชีพ แล้วอีกคนบอกชื่อมาแต่เราจำชื่อไม่ได้แล้ว

เรามองหน้าทุกหน้า เล่าให้ฟังหน่อยเป็นยังไงกันบ้าง มองหน้าไล่เรียงตั้งแต่ยอดผู้จัดการผาด่าง ยุงแม่บ้าน คนสวน แม่ครัว ทุกตำแหน่ง และม่อนหนุ่มยาวแห่งผาด่าง สุดท้ายที่หลานชายหนุ่มยาวคราวเดียวกันกับม่อน จ๊อบรีบบอกว่า ภาพถ่ายครั้งนี้ไม่ค่อยสวยเพราะชาวบ้านไม่ค่อยยอมเปิดไฟ

ที่บ้านพี่นุช บ้านหลังแรก จัดฉากอย่างที่อากุ้งบอกไว้ แต่มีฮาด้วย อะไรเหรอลูก เรารีบถามกลับไป ไม่ก่อกองไฟอย่างเดียวแต่เผาข้าวหลามโชว์อีกด้วย แต่คุณยายซิ วันนี้อากาศมันไม่หนาว พอยายเค้าใส่เสื้อหนาวกับหมวกไหมพรม แล้วให้มายืนข้างกองไฟ ยายบอกว่า ไม่เวอร์เหรอไอ้หนุ่มด้วยสำเนียงป่าเหน่อสุดๆ

เรามองภาพที่ไล่ไปเรื่อยๆ ภาพป้าใจกับเสื้อหนาวของน้องบี พิม และน้องปลาย กับทีท่าเขินหน้ากล้อง รูปคุณตาคุณยายที่น้องพิม น้องบีห่วงมาก คู่สร้างคู่สม อายุเลย 90 ปีแล้วทั้งคู่ ทั้งคู่นั่งใกล้ชิดติดกัน แม้อากาศไม่หนาวมาก แต่คุณตาถุงเท้ายาวถึงเข่า อ้าวแล้ววันนี้ตายายไม่นอนก่อไฟนอกบ้านหรือ วันนี้ไม่ค่อยหนาวหรอกพี่กุ้ง นอนในบ้านได้ มีบรรยากาศในบ้านมาแทน นิสัยชาวบ้านประหยัดไฟ ไม่ค่อยเปิดไฟมากดวง



เมื่อมาถึงรูปนี้ เราถามอีกว่า ดูแล้วก็พอมีฐานะอยู่บ้าง ทำไมถึงเลือกให้เสื้อหนาว ไอ้ยุงรีบเล่ากลัวเราตำหนิว่าป้าแกน่าสงสาร เป็นอัมพาตตั้งแต่ สะโพกลงไปเดินไม่ได้มาหลายปีแล้ว

คุณยายคนนี้ เราจำได้ พูดเพราะยิ้มสวย เลี้ยงลูกชายขาขาดพิการต้องนั่งรถเข็น อยู่กันสองคนแม่ลูกเปิดร้านคาราโอเกะ แต่ร้านนี้มีแปลกอย่างหนึ่ง คือทางร้านไม่มีทุนจำหน่ายเหล้าขาย ไม่มีอาหารขาย ลูกค้าต้องคอยวิ่งซื้อเหล้าเบียร์และกับแกล้มมาเอง มีแต่ตู้หยอดให้ร้องเพลง กฎชุมชน ไม่ให้เสียงดังเกิน และเวลาปิดเปิดของการลงมติชุมชนบ้านป่าด่านโง



มาถึงเกือบรูปสุดท้าย ไม่เห็นมีอะไรเลย มีแต่ภาพมืดๆ มีการชิงกันเล่าเรื่องของบ้านนี้ แย่งกันเล่าอย่างสนุกกันทุกคน โดยเฉพาะหลานจ๊อบ ตอนไปถึงบ้านปิดไฟหมดเลย ตะโกนเรียกป้า ๆ อยู่หรือเปล่า เสียงคนแก่ตอบสวนความมืดออกมา .ใคร…. มาทำไม ม่อนเองลูกยายม๊วย ยายเลี้ยงผมตอนผมเล็กๆนะ จำได้หรือเปล่า แล้วไฟในบ้านก็สว่างแวมๆ ก่อนประตูสังกะสีจะเปิดแง้ม จ๊อบเล่าว่าผมกลัวมากเลย นึกถึงหนังผีตอนเด็กๆ กับตอนอากุ้งทำเหมือนผีหลอกผม

ยายคนนี้อยู่คนเดียว อายุเกือบ 70 ปีแล้ว ลูกชายคนเดียวตายไปนานแล้ว หากินตัวคนเดียว รับจ้างทำงานตามแต่ใครจะจ้างไป ปลูกหน่อสับปะรด ได้วันละ 20บาท 30 บาท แล้วแต่จะให้ (เมื่อวันที่ 20 ที่ผ่านมา บ้านเก่าๆผุๆ แต่มีกุญแจคล้องไว้ เราชื่อกุญแจ แต่เจ้าของเราให้เราคอยบอกคนที่มาหาว่า ยายไม่อยู่บ้าน ข้างบ้านมีผ้าถุงลายดอกซีดๆตากอยู่บนราว กับผ้าสีมอๆ มองไม่ออกว่าเป็นเสื้อหรือเปล่า ผ้าพวกนั้นไหวลมนิดๆ บอกถึงฐานะเจ้าของผืนดินแห่งนี้ เสียงของน้องพิมกับน้องบี ในรถเก๋งฮอนด้ารุ่นใหม่ป้ายแดง โอ้….บ้านนี้หลังคาและฝา เป็นสังกะสี กลางคืนไม่หนาวแย่หรือ จะนอนหลับยังไง )



ทุกคนจากไปจากภาพหน้าจอหลังจากเล่าเรื่อง หน้าที่ของตัวเองเสร็จ แต่เรายังมองดูภาพวนเวียนไปมาว่าจะส่งรูปภาพใด ไปให้คุณอ้วนน้องปลาย น้องบี น้องพิม แต่ละรูป กุ้งเห็นสายตาขอบคุณตื้นตันใจผ่านสายตาฝ้าฟาง และชื่นใจที่สุดคงเป็นภาพของไอ้ยุง,เจ้ายอด, ม่อน ชาวบ้านป่าเหล่านี้อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ก่อเกิดหมู่บ้านด่านโง

เห็นคนแก่เหล่านี้ตั้งแต่ตัวเองยังอายุน้อยๆ เวลาผ่านไป ความแก่ ความเจ็บป่วย ความตาย ความพลัดพราก บ้างลูกหลานทำงานในเมืองไม่มีปัญญาเหลียวแล หรือความทุกข์ยากลำบากเป็นของคู่กับหมู่บ้านนี้มาช้านาน



ยุง ยอด ม่อน จ๊อบ เป็นผู้นำของไปแจกตามคำฝากขอร้อง แต่ทุกคนเลือกบุคคลด้วยการประชุมตามประสาชาวผาด่าง ใช้ความสำคัญของความทุกข์ยากเป็นตัวชี้นำตัดสิน พี่กุ้งเห็นความสุขสวยงามในแววตาของผู้ให้ ไอ้ยุงใส่เสื้อให้ยาย ยอดกราบไหว้ด้วยความเคารพ อ่อนน้อม ม่อนหนุ่มผู้ร่าเริงเติมความสุขมีโอกาสแสนพิเศษทำหน้าที่ตอบแทนผู้หญิงที่เคยเลี้ยงมาตอนแบเบาะ วันนี้แม้ตัวเองวันนี้ยังทุกข์ยาก พ่อตายจากไปตั้งแต่อายุ12 ปี จากพี่ชายกลายเป็นพ่อของน้องทันที อีกสองคน


สุดท้ายผู้อยู่ข้างหลังกล้อง จ๊อบหลานชาย งานสารพัดเราทุ่มภาระให้ เราจะตอบแทนอย่างไร จึงจะรู้จบ คำขอบคุณใช้ไม่ได้เสียแล้ว ยิ่งนานวันคำนี้มีค่าน้อยเหลือเกินและห่างออกไปทุกที…ทุกที


กุ้งขอให้คุณอ้วน คุณพ่อ คุณแม่ และลูกคุณอ้วนทุกคน และครอบครัวญาติพี่น้องและเพื่อนๆน้องบี น้องพิมและน้องปลาย เป็นนางฟ้าแสนงามสถิตย์ในใจของเด็กๆและชาวบ้านป่าด่านโงตลอดไปนานแสนนานค่ะ












ไม่มีความคิดเห็น: