วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2552

เราจะเลือกประชาธิปไตยของฝรั่ง…..หรือเลือกคำว่า….สยามเมืองยิ้มให้กลับมาในหัวใจของคนไทย (ภาค 1)




ลองมองย้อนกลับเรามีสีของตัวเองแล้วกันทุกคนและนานเท่าไรแล้ว

คุณสีแดง คุณสีเหลือง คุณสีขาว คุณสีน้ำเงิน สีของอุดมการณ์…คุณคืออะไร


ประเทศนี้กำลังพากันเดินสู่ปากเหวความแตกแยกทางความคิดโดยมีประชาธิปไตยในความหมายแตกต่างกันเป็นอาวุธในมือและจิตใจทุกคนช่างเข้มข้นยึดติดอุดมการณ์จ้องมองหาแต่ความผิดพลาดของชาวไทยเลือดต่างสี

เราจะบอกลูกหลานเราอย่างไร เมื่อเราแก่ตัวชราลง และมองเห็นอดีตสยามประเทศสิ้นด้ามขวานหัก เนื้อขวานแหลกจมกระจายเกลื่อนใต้ซากผืนดิน




ปัจจุบันเราผันตัวเองเป็นส่วนสำคัญจิตวิญาณมุ่งมั่นทำเพื่ออุดมการณ์หัวหน้า จนประเทศแตกร้าวปริหลุดแยกกัน

ก่อนเราจะได้ทำการทำลายและในอนาคต อันใกล้ทุกคนจะได้ก้าวข้ามซากของประเทศนี้ เราขอหยุดก่อน

เราควรทำอะไรก่อนจะดีไหม ถามคนบ้านใกล้ของเรา คนลาวที่ยังมีชีวิตอยู่มากมายก่อนลาวแตก ว่าเค้าคิดอย่างไรกับปัจจุบันและลาวในอดีตก่อนประเทศล่มสลายจากการปกครอง….พวกเค้าสูญเสียอะไรบ้าง พวกเค้าได้บทเรียนน่าชื่นชมหรือจากสงครามน่าขื่นขม ….

…..มีความฝันอยากย้อนกลับไปหาประเทศของตัวเองหรือไม่ และย้อนกลับไปลึกไกลแค่ไหน เพื่อนำมาเป็นข้อมูลเปรียบเทียบ หากคนไทยจะทำหรือแบ่งแยกความคิดและประเทศนี้อยู่ จงถามชนชาวพม่า ถามไทยใหญ่ ถามเขมร กัมพูชา จีน อินเดีย มาเลเซีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย รัสเชีย แต่อย่าอ่านจากหนังสือประวัติศาสตร์

สมมุติเราหันหลังให้หัวหน้าอุดมการณ์ หันหน้าเข้าหาครอบครัวของเรา และสมมุติว่าครอบครัวของเราคือประเทศไทย เรามีพ่อและแม่กำลังแก่ชรา มีลูกกำลังน่ารัก และลูกอีกสองคนกำลังก้าวสู่วัยรุ่น ทั้งหญิงและชาย หน้าที่ของเราคือดูและพ่อแม่ของเรา ซึ่งวันนี้ท่านแก่มากแล้ว




สำคัญคือความกตัญญู รู้คุณ ด้วยในอดีตเมืองไทยจะปลูกฝังเป็นวัฒนธรรมประเพณีอันยาวไกลของสยามประเทศ ยามเราเด็กเราเห็นจนชาชินแม่ของเราดูและยายและย่า ปู่และตา

วันนี้เราจะเอาพ่อของเรา ไปไว้บ้านคนชรา คนแก่แล้วไร้ประโยชน์และไร้ค่าแล้วหรือ เราจำได้ทั้งพ่อและแม่ไม่เคยร้องขอให้เราช่วยท่านเลยแม้จะไร้เรี่ยวแรงจะขยับตัว

วัฒนธรรมกตัญญูนี้บ่งบอกความดีงามของบรรพบุรุษสืบต่อมาอย่างยาวนานนับ 700-800 ปี ก่อนฝรั่งจะสอนให้เรารู้จักคำว่าประชาธิปไตย




ประชาธิปไตยคืออะไร ในความหมายของท่านพุทธทาษ ท่านสอนว่า คือผลประโยชน์ของประชาชนเป็นใหญ่ ไม่ใช่ประชาชนเป็นใหญ่


เขียนมาถึงตรงนี้ เราคนไทยต่างสีควรนำไปวิเคราะห์ให้ละเอียดด้วยตนเองอีกที
จริงหรือไม่…เชื่อถือได้หรือไม่กับคำสอนนี้
ประชาธิปไตยเป็นวัฒนธรรมด้วยหรือเปล่า

ในครอบครัวหากเราเลือกจะสอนลูกหลานของเราให้รู้จักขนบธรรมเนียมประเพณีไทยอย่างดั้งเดิม มีมารยาทงดงาม พูดจาสุภาพ เป็นมิตร มีน้ำใจเอื้อเฟื้อ สอนให้ลูกกราบพระ รู้จักที่ต่ำ ที่สูง รักและเคารพพ่อแม่ พี่ดูและน้อง น้องเคารพพี่เป็นลำดับขั้นตอน และในใจหวังไว้ลึกๆ ยามเราแก่เฒ่า ลูกจะดูแลปรนนิบัติไม่ทิ้งเรา ยามเราเข้าสู่วัยชรา

สอนให้ลูกรับรู้ว่าการพูดจาไม่สุภาพต่อพ่อแม่หรือ การไม่ตั้งใจเรียนหนังสือ เอาแต่เที่ยวทิ้งภาระงานบ้านทุกอย่างให้พ่อแม่ทำ
นำเรื่องกลุ้มใจ โทมนัส นั้นคือบาปที่ลูกกำลังก่อและพ่อแม่เห็นแต่ไม่อาจเข้าไปช่วยให้ลดน้อยได้เลย
เลิกใช้คำว่า ถูกหรือผิด กับครอบครัว มีแค่บุญกับบาปเท่านั้น

ยืนหยัดเป็นครอบครัวที่จะไม่เดินตามเพื่อนบ้านที่ร่ำรวยวัตถุ มากด้วยทรัพย์สิน
ยืนหยัดเป็นครอบครัวที่จะเดินตามเพื่อนบ้านนิสัยดี คนทำดี และเอามาทำตามนั้น สอนตามนั้น ยกย่องสม่ำเสมอ


หากมองย้อนประวัติศาสตร์ เราคิดว่านี่อาจเป็นกุญแจสำหรับคนไทยทุกคน
ทำไมฝรั่งเรียกเราว่า สยามเมืองยิ้ม ก่อนที่ชาวไทยรุ่นใหม่ในยุค2475 ตัดสินใจนำประชาธิปไตยมาใช้กับประเทศไทย

สยามเมืองยิ้ม….ตีความหมายได้กว้างไกลแต่มากมายด้วยคุณค่าความงดงามของอารยะวัฒนธรรมของประเทศนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
หมายถึงดินแดนแห่งความสุข ทำไมจึงมีความสุข สำคัญต้องเป็นดินแดนแห่งความอุดมสมบูรณ์ มั่งคั่งด้วยสินทรัพย์ในดินและน้ำ เพื่อมอบให้แก่คนดี คนขยัน คนมีบุญได้เกิดมาบนแผ่นดินนี้
คนเราเมื่อมีความสุขก็เพราะจิตใจมีความสุข




ทุกคนพร้อมหันหน้าเข้าหากัน ช่วยเหลือ สุภาพต่อกัน เคารพในความเป็นผู้ใหญ่ เคารพในรุ่นพี่รุ่นน้องเป็นมิตรต่อเพื่อนบ้านและคนต่างถิ่น นี่คือความหมายที่ซ่อนอยู่ของคำว่าสยามเมืองยิ้ม

เราจะเลือกประชาธิปไตยของฝรั่ง…..หรือเลือกคำว่า….สยามเมืองยิ้มให้กลับมาในหัวใจของคนไทย

เราขอกราบขอขมาแผ่นดินนี้ พระสยามเทวาธิราช พระแก้วมรกต กระดูกปู่ย่าตายายทวด ลูกคนนี้ได้เกือบกระทำกับประเทศที่อาศัยเกิด


บรรพบุรุษของลูกตั้งแต่สมัยสุโขทัย อยุธยา รัตนโกสินทร์ ให้กระดูกเหล่าบรรพบุรุษต้องอกตรมขมขื่นกับลูกดื้อเชื่อหัวหน้าอุดมการณ์ เกือบลืมพ่อลืมแม่ ลืมสอนลูกหลานเยาวชนรุ่นใหม่

จนตัวเองและลูกหลานตาบอดไม่เห็นความยาวนานต่อเนื่องศิลปะวัตถุที่เหล่าบรรพบุรุษในแต่ละยุคร่วมกันปั้นเป็นปาติมากรรมแทนนามธรรมเสียสละอุทิศแรงใจแรงงาน


สร้างจากปีที่ 1 จนประเทศนี้ยาวนานเกือบ800 ปี ทั้ง วัดวาอาราม บ้านเรือนในแต่ละยุค แต่ละภาค ของใช้จากรุ่นสู่รุ่น อาหาร หรือขนบธรรมเนียม ประเพณีปฏิบัติ คือศิลปะแห่งอนุสาวรีย์สยามเมืองยิ้มจนถึงปัจจุบัน




ต่อนี้ไป เราขอโทษสีแดง เราขอโทษสีเหลือง เราขอโทษสีขาว เราขอโทษสีน้ำเงิน


เราจะทำทุกอย่างเพื่อประเทศมาตุภูมิ ไม่ทำเพื่อประชาธิปไตย ไม่ทำเพื่อแกนนำ ไม่ทำตามความคิดถูกหรือผิด แต่จะทำบุญทดแทนแผ่นดินนี้




อาจมีบางคนสงสัยในวลีหรือประโยคนี้ เราจะขอตอบท่านด้วยความสุภาพอ่อนน้อมจริงใจต่อประเทศเป็นสำคัญ




เราตัดสินใจเลือกยืนกับอดีตของพ่อแม่เราต่อไปและสอนลูกหลานเราให้ก้าวเดินตามเราอย่างกตัญญูต่อแผ่นดินเกิด กตัญญูต่อบรรพบุรุษ ต่อพ่อแม่ครูและอาจารย์ เพื่อนและผู้มีพระคุณ แต่ไม่ใช่หัวหน้าแกนนำทุกสีอีกต่อไป

























ไม่มีความคิดเห็น: