วันอาทิตย์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2552

ปีใหม่ 2009

December 29 , 2008 และแล้ววันที่เรารอคอยมาถึง ปีใหม่ เทศกาลหยุดยาว นักท่องไพรผู้เห็นคุณค่าของป่า และผู้มาเยือนตามคำเล่าลือ เรานึกถึงปริมาณรถนักท่องเที่ยวขนคน ของกินเต็มท้ายรถขึ้นเขา
อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานรอบแล้วรอบเล่า ภาพถนนฝุ่นสีส้มฟุ้งกระจายวิ่งตามลมบิดบดดินกับล้อด้วยความเร็ว ลมพายุฝุ่นหวนฟุ้งหมุนควงตามล้อไปมารอบแล้วรอบเล่า ตั้งแต่เช้ามืดจนบ่ายเย็น

ผู้จองบ้านพักผาด่าง ต่างเก็บตัวเงียบๆอยู่ตามบ้าน เมื่อหิวจึง
จะเดินขึ้นมาทานในห้องอาหารและเดินกลับหายไปตามบ้านของตัวเอง รถนักท่องเที่ยว หลายคันแวะเวียนมาทานอาหาร และชมสถานที่
บ้างลงทะเบียนเข้ามาพักกางเตนท์ หลายกลุ่มส่วน มาก จะขออยู่ตามมุมเล็กๆเงียบๆริมน้ำ มีบ้างถามหาบ้านพักบ้างแต่เราจำต้องปฏิเสธไป เพราะแต่ละหลังถูกจองจนเต็มแน่นตลอดช่วงปีใหม่


December 30, 2008 ยอดผู้จัดการผาด่างพาลูกค้าลงไปล่องเรือแม่น้ำเพชรบุรี เมื่อขึ้นมาเล่าให้ฟังว่า ที่ศุนย์บริการอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ห่างจากผาด่างเพียงแค่ 12 กิโล
มีจำนวนนักท่องเที่ยวมากมายมหาศาล เตนท์หลายเตนท์ของนักท่องเที่ยวกางกันเต็มแน่น และรีสรอท์ริมแม่น้ำ นักท่องเที่ยวเต็มแน่นมาก
ทุกรีสรอท มีแต่นักท่องเที่ยวดารดาษไปหมด เป็นเช่นนี้ ทุกเทศกาลหยุดยาวและหยุดสั้น
เรามองหน้ายอด ที่ผาด่างนักท่องเที่ยวที่ผ่านมาน้องมาก เมื่อเทียบกับข้างล่าง เปรียบเหมือนปลายละอองเกษรดอกหญ้าฟุ้งปลิวร่วงหล่นบ้างบ้านป่าผาด่าง


เวลานี้คือเวลาของการจากลาสิ้นสุดลง อะไรหลายๆอย่างเกิดขึ้น และไม่ใช่ถูกเลือกให้ลืมเลือน แต่ถูกเก็บเพิ่มเอาไว้ในซอกเร้นลึกของหัวใจที่ซึมซับได้
วันที่เด็กชายอบกับเด็กชายเอ็มเข้ามาทำงานครั้งแรกในผาด่างหารายได้เสริม ทั้งอบและเอ็มตื่นเต้นกับนักท่องเที่ยวมาก คอยวิ่งจัดบ้าน ช่วยกางเตนท์ ล้างจาน ล้างแก้ว

December 31, 2008 อีกวันความขยันของเด็กทั้งสอง ความใส่ใจ ความเชื่อที่จะรับฟังเพื่อปรับปรุงงานบริการ เริ่มมีมากขึ้น และพวกเราทำงานกันอย่างสนุกสนาน
ก่อนเที่ยงลุงของอบขับรถกะบะรุ่นเก่าๆ เข้ามาจอดหน้าผาด่าง อบวิ่งมาหาเราบอกว่าจะกลับแล้ว เรารีบถามว่าทำไมหรือ อบยิ้มปากกว้างตาเป็นประกายตื่นเต้น บอกว่าลุงจะพาอบไปหาแม่ เรารับทราบด้วยความตื้นตันใจ


วันแรกในชีวิตของอบที่จะได้พบแม่ของตัวเอง ดวงใจของเด็กชายคนนี้คงจะรู้ซึ้งความหมายและความเต็มตื้นมากกว่าคนเขียนจะรับรู้และเขียนบรรยายบอกได้
แม่ของอบทิ้งอบไว้กับย่าตั้งแต่อบยังไม่ขวบ และพ่ออบต่างก็ย้ายไปมีครอบครัวใหม่อยู่ทางใต้ ไม่มีใครบอกได้ว่า แม่ของอบอยู่ที่ไหน นอกจากพ่อที่จะพอบอกเบาะแสว่าแม่ของอบเป็นคนอำเภอ หรือหมู่บ้านใด


เอ็มวิ่งมาหาเราอีกคน บอกว่าจะกลับบ้าน เราถามเหมือนเดิมอีก คำตอบเหมือนกันแต่รายละเอียดต่างกัน เอ็มเล่าว่า แม่ลงไปรับจ้างทำไร่ที่ท่ายาง นานๆจึงจะกลับขึ้นมา ให้เอ็มกับยายดูแลกันและกัน วันนี้ปีใหม่แม่กลับมาแล้ว เอ็มคิดถึงแม่ครับ


January 1 , 2009 ปลายเด็กกำพร้าแม่มา5 เดือนแล้ว เข้ามาซื้อของเรา ม๊อดบอกเราว่า ปลายอยากเข้ามาทำงาน เรามองเด็กผู้หญิงตัวดำ ผมเป็นกระเซิง กางเกงลายดอก รองเท้าแตะคีบราคาถูก เด็กแสนเงียบและดื้อจนพี่ญาติพี่น้องขึ้นชื่อระอาใจคนนี้หรือ พรุ่งนี้มานะลูก แต่ผมต้องหวีสะอาดเรียบร้อยนะ


January 2 , 2009 รุ่งขึ้นปลายลงจากรถจักรยาน เราเรียกมา ขอดูเล็บหน่อยลูก ก่อนบอกว่า เดี๋ยวปลายซักเสื้อยืดให้ป้ากุ้ง เป็นงานแรกนะ ซักเสื้อได้ไหม เด็กตัวดำส่ายหน้าเงียบๆ เจ้าฟลุ๊กกระทุ้งญาติตัวเอง ตอบไปซิ เงียบอยู่ได้ เราถามปลาย3-4 ครั้ง
เราเปลี่ยนคำถามใหม่ เคยซักเสื้อหรือเปล่า ส่ายหน้าคือคำตอบ และใช้ความเงียบสร้างกำแพงหนาขึ้น บังเราและเราก็ไม่เห็นปลายอีกเลย มืดแล้วหลัวครัวผาด่างปิด เราเดินใช้ไฟฉายส่องทางเดินกลับเรือนภูสีหมอก
บนเรือนข้างที่คว่ำจาน มีข้าวหลามขนากกลางอยู่ในถุงพลาสติก3 กระบอก เราถามว่ามาจากไหนเนี่ย พี่เปี๊ยกเล่าว่า ปลายลูกตาน้อยเอามาให้เมื่อตอนเย็น เราเหนื่อยมากอาบน้ำนอนและหลับไปเลยไม่ได้คิดเรื่องข้าวหลาม3 กระบอกนั้นอีก

January 3 , 2009 เมื่อมาถึงห้องครัวปลายอยู่หน้าร้านแล้ว ปลายแสดงความหมายที่เราต้องให้โอกาสกับเด็กกำพร้าแม่แสนดื้อคนนี้อีกครั้ง







ปลายเอาแก้วน้ำ 3 ใบ ไปที่โต๊ะ….. เด็กหญิงเอามือจับปากแก้ว เราบอกว่าจับอย่างนี้ไม่ได้ และจับแก้วให้ดูเป็นตัวอย่าง และให้ผ้าเช็ดมือสะอาดบอกว่า พกไว้ หนึ่งผืน เอาไว้เช็ดจาน ช้อนและแก้ว เราคอยแอบมองและเข้าไปช่วยบอกสอนการเก็บโต๊ะ อาหารและเช็ดและกวาดใต้โต๊ะ ก่อนบอกให้ล้างแก้ว






เด็กป่าชื่อปลายเปิกก๊อกและปล่อยน้ำล้างอย่างฟุ่มเฟือย เราสอนอย่างเห็นเป็นเรื่องสำคัญ….ว่าน้ำทุกหยดต้องเปิดอย่างรู้คุณค่า ปีนี้ป่าแก่งกระจานแล้งไหมลูก ลูกชาวป่าพยักหน้า เราต่อไปอีกว่า ได้ยินเสียงเครื่องบินของในหลวงทำฝนเทียมหรือเปล่าลูก พยักหน้าและเริ่มยิ้มนิดๆ









พวกเราต้องใช้น้ำฝนที่ป่าและในหลวงให้เรามาอย่างประหยัด ถ้าผาด่างใช้น้ำเปลือง แล้วพ่อปลายจะมีน้ำคอยรดพืชผักที่ปลูกไหมลูก วันนี้เรารู้สึกได้ว่าปลายมีความสุขในผาด่าง เราจะพบกันอีกไหมหนอในวันรุ่งขึ้น






January 4 , 2009 เหมือนเดิม ปลายมาถึงครัวพร้อมๆกับเรา สีหน้ายิ้มแย้มขึ้นนิดๆ ปล่อยตัวตามสบายเพิ่มขึ้นไม่เงียบและเกร็งอย่างวันแรกๆ

ที่ข้อมือช่วงบนของปลายมีนาฬิกาที่เราเห็นปลายใส่ทุกวัน เป็นนาฬิกาแบบผู้ใหญ่ๆเก่า แต่เพราะใหญ่กว่าข้อมือของเด็กตัวน้อยมากจึงต้องเลื่อนขึ้นไปให้สูงเพื่อจะได้ยึดกับวงแขนแน่นไม่หลวมแกว่งไปมา คงเป็นนาฬิกาของแม่ที่วันนี้กลายเป็นตัวแทนว่าแม่ของปลายยังอยู่ใกล้ๆในหัวใจดวงน้อย

January 4 , 2009 ลูกค้ากลุ่มใหญ่กำลังเดินทางกลับทักทายล่ำลากับพนักงานเสริพอาหารของชาวผาด่างเป็นการลากัน เมื่อมาถึงปลายเราเล่าให้ฟังถึงแม่ปลายที่เพิ่งจากไปไม่กี่เดือนด้วยมะเร็งปอด และเล่าความหมายของนาฬิกาเรือนเก่าเฉยๆเรือนนั้น







รถลูกค้าทยอยออกไปทีละคัน แต่มีคันหนึ่งหยุดลงและเปิดหน้าต่างรถเรียกเด็กหญิงปลายเข้าไปหา พร้อมกับยื่นเงินให้ สองร้อยบาท ปลายเดินกลับมายืนข้างเราเอาเราเป็นที่พักพิงดีใจกับความกรุณาเล็กๆน้อยที่นักท่องเที่ยวเมตตาปราณี






ม๊อดกับฟลุ๊กยังสนุกสนานหัวเราะและคุยกันถูกคอกับลูกค้า อย่างมีความเคารพ แต่เป็นตัวของตัวเอง ด้วยความสุภาพแจ่มใส ด้วยความคุ้นเคยและเป็นเด็กที่เติบโตมาพร้อมกับต้นกล้าในผาด่าง วันนี้ ทั้งต้นไม้และเด็กทั้งสองคนเริ่มเติบโตฝังรากแก้ว ต่างฝากความหวังกำลังใจอบอุ่นมั่นคงต่อกันและกันอย่างไม่รู้ตัว







เมื่อแขกคนสุดท้ายจากไป เราเดินไปทั่วผาด่าง ทางเดินบ้านริมน้ำ ใบไม่สีเหลืองและน้ำตาลร่วงกลาดเกลื่อนปิดพื้นดินสีเดียวกัน ต้นไม้ธรรมชาติผาด่างต่างต้องยืนตากแดดแล้งฝน เราไม่สามารถสูบน้ำรดเจ้าให้ชุ่มชื้น


ก่อนเราย้ายมาตั้งรกรากชายป่าเสื่อมโทรมแห่งนี้ ต้นไม้หลายต้นก็ขึ้นและยืนด้วยตัวเองก่อนเราไม่ใช่หรือ พวก เจ้าอดทนแข็งแรงประคองตัวเองได้ตั้งแต่เมื่อไม่มีเรา เจ้าจะอยู่อย่างนี้ เป็นเหมือนที่เคยเป็น
ลานกางเตนท์ริมน้ำ ความเงียบกลับมาครอบครองดินแดนนี้อีกครั้ง ธรรมชาติกลับเป็นเจ้าของอย่างเดิม




เราเห็นการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นในแต่ละปี นักท่องเที่ยวรู้จักเรามากขึ้น แม้เราจะไม่ได้โฆษณาอะไรมากก็ตาม เพียงแต่คอยเล่าถึงความจริงและมุมคิดของธรรมชาติและชีวิตคนที่เกี่ยวร้อยกัน เป็นชาวผาด่าง
ในแต่ละปีตัวเลขจำนวนผู้เข้ามาพักมากขึ้น คนเอ่ยถึงผาด่างมากขึ้น เมื่อคนมากขึ้น เจ้าของสถานที่แห่งนี้ ที่แท้จริงคือธรรมชาตินั่นเอง คิดหรือชอบการเปลี่ยนไปหรือเปล่า



ละเอียดอ่อนเปราะบางเหลือเกิน บ้านพักถ้าเพิ่มขึ้น ที่ของต้นไม้ย่อมน้อยลง การรบกวนธรรมชาติ ย่อมเกิดขึ้นตามมาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง








นี่คือปัญหาหรือสิ่งที่เราต้องวางแผน คิดอย่างเห็นใจธรรมชาติเจ้าของผืนดินนี้อย่างแท้จริง วางแผน สรรหาการแก้ไข และปกป้อง ประนีประนอมกับธรรมชาติ









เพื่อความเพียงพอของชาวผาด่างที่ธรรมชาติสรรสร้างไว้ให้อย่างพอเพียง









ไม่มีความคิดเห็น: