วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2552

แล้วเราก็มีวัฒนธรรมต่างกัน

เวลาสองทุ่ม วันที่ 23 สิงหาคม 2552


สวัสดีค่ะ พี่เอง จำได้ไหมค่ะ บ้านเรามีเรื่องทะเลาะกันตอนเย็น ตัวน้องกับพี่สาวของพี่ค่ะ

ผมจำได้แล้วครับ

พี่ชื่อพี่กุ้งค่ะ แล้วนี่หลานชาย ชื่อแดน หลานสาวชื่อเปิ้ล อีกคนหลานเหมือนกัน...ชื่อน้องเปล เราทั้งหมดอยู่บ้านเดียวกันค่ะ


ผมชื่อแต๊กครับ ชายหนุ่มผิวเข้ม รูปร่างแข็งแรง เนื่องจากปั่นจักรยานรอบๆหมู่บ้านของเราทุกวัน

ไม่ใช่เรื่องแปลกความสามารถสูงในกีฬาโปรดปรานของชายหนุ่มเพื่อนบ้านของเรา กับหมู่บ้านใหม่ สะอาดสวยด้วยสวนหย่อมกระจายจายไปทั่วหมู่บ้าน ถนนกว้าง พอให้ทุกคนได้ออกกำลังกายได้ทุกรูปแบบ วิ่ง เดิน หรือปั่นจักรยาน

............(แผนขั้นที่หนึ่ง)



พี่กุ้งขอเข้าไปในบ้านได้ไหมค่ะ

ไม่ได้ครับ

พี่กุ้งอยากเข้าไปกราบขอโทษคุณพ่อกับคุณแม่ของน้องด้วยตัวเอง

อ๋อ พ่อแม่ผมไม่ได้อยู่ที่นี่ ผมอยู่กันสองคนกับภรรยาครับ

ถ้าอย่างนั้นเข้าไปคุยในบ้านได้ไหมค่ะ ถ้าคุยหน้าบ้าน ชาวบ้านหลังอื่นๆรอบๆนี้จะได้ยินกันหมดนะค่ะ


(จบแผนขั้นที่สอง)

ไม่เป็นไรครับ พี่ต้องการพูดคุยเรื่องอะไรครับ จะเอาประเด็นไหนบอกมาเลยครับ

พี่กุ้งขอไม่ใช้คำว่า ประเด็นได้ไหมค่ะ มันไม่มีความเป็นเพื่อนบ้านกัน

หนุ่มแต๊กตกลงทันทีอย่างสุภาพ ตามมรรยาทบทบาทละครเวทีนี้ พี่กุ้งขอเป็นคนกำกับ

พี่กุ้งขอให้แต๊กเป็นคนพูดก่อนแล้วกัน


หนุ่มแต๊กเล่าอย่างตั้งใจ เมื่อตอนเย็น ผมปั่นจักรยานด้วยความเร็ว และเมื่อใกล้หัวเลี้ยว ผมชะลอรถแล้วครับ แน่ใจว่าอยู่ถูกเลนด้วย

พี่สาวของพี่กุ้งก็มาว่าผม แล้วพูดเลยไปถึงว่า พ่อแม่ไม่สั่งสอน เป็นใครก็ทนไม่ได้ใช่ไหมครับ ผมจำเป็นต้องตอบโต้ด้วยคำพูดก้าวร้าว อย่างนั้น แล้วชายหนุ่มก็เงียบหยุดนิ่งไป


.............



จบหรือยังค่ะ จบแล้วครับ

ถ้าอย่างนั้นพี่กุ้งขอพูดบ้างแล้วกัน

พี่กุ้งมาด้วยเหตุประการเดียว คือมาขอโทษ แต่มีสามข้อด้วยกันค่ะ


..................


ข้อแรก พี่กุ้งนำความขอโทษจากพี่สาว ขอโทษเกี่ยวกับการล่วงเกินบุพการีของน้อง พี่เข้าใจค่ะ นี่คือข้อแรกสำคัญที่สุด เพราะพี่เองเพิ่งเผาศพคุณแม่ไปเมื่อสามวันก่อน ทั้งพี่และพี่สาวยิ่งกว่าเสียใจ กับคำพูดอย่างนั้น จึงเป็นความจำเป็นอย่างยิ่ง พี่กุ้งต้องมาขอโทษแก้ไขเรื่องผิดพลาด


ขอโทษข้อที่สอง ในนามของคนใส่ชุดขาวถือศิล ทุกคนในประเทศไทยต้องมามัวหมองด้วยคำตำหนิ

.....คำของน้องแต๊ก...ว่านี่หรือคนถือศิล นุ่งขาว ให้เด็กกว่ามาถอนหงอก ก้องในสมอง วนไปมา ยากจะลบลืม

พี่กุ้งต้องขออภัยอย่างสุดซึ้ง ไม่อยากให้น้องแต๊ก มองคนใส่ชุดขาวถือศิล เป็นอย่างนี้กันหมด

พี่สาวของพี่คนเดียวต้องมาทำให้คนชุดขาวถือศิลต้องแปดเปื้อน โปรดรับคำขออภัยด้วยค่ะ


ขอโทษข้อที่สาม พี่ต้องขอโทษด้วยว่า ตอนนี้ประเทศไทย สังคมก็เหมือนแตกแยกกัน พี่กุ้งไม่อยากให้เกิดความแตกแยกซ้ำบนแผ่นดินนี้อีก


สาเหตุที่พี่พาหลานทั้งสามมาด้วย เพื่อสอนหลานๆเรียนรู้ ว่าสังคมไทย วัฒนธรรมของไทย คือการนิ่งรับฟัง เชื่อและปฏิบัติตามผู้ใหญ่ในเรื่องที่สมควร เชื่อในการสร้างกุศลความคิดให้ตัวเอง สร้างกุศลความคิดให้ผู้อื่น

หลานๆทุกคนพยักหน้า อย่างเข้าใจสถานะกาณ์

......................

หนุ่มชื่อแต๊ก กล่าวอย่างคนเชื่อมั่นในตัวเองสูงของคนสมัยใหม่ ถ้าอย่างนั้นผมก็รับคำขอโทษของพี่ด้วยครับ


ผมเสียพ่อไปตั้งแต่ปี 2535 ผมไปเรียนเมืองนอก กลับมาเมืองไทย ทำงานบริษัทฝรั่ง ที่นั่นงานของผมไม่มีระบบอาวุโส ทุกคนเท่าเทียมกันหมด ไม่มีเด็กกว่า ใช้เหตุผลเป็นใหญ่ ถูก ผิด คือตัวตัดสิน ไม่มีมีการต้องเชื่อฟัง สามารถโต้เถียงกันได้ และมีผลสรุปผลประโยชน์ขององค์กรเป็นสำคัญ หวังว่าพี่กุ้งคงเข้าใจนะครับ



..................

พี่กุ้งเข้าใจแล้วค่ะ ถ้าอย่างนั้นพี่กุ้งขอลาน้องแต๊กก่อนแล้วกันค่ะ มืดมากแล้ว อ้าวหลานๆไหว้ลา... พี่แต๊ก


พี่กุ้งไม่ได้พูดนะค่ะว่า พี่สาวพี่เกือบขับรถชนน้อง ถ้าน้องแต๊กต้องตายหรือพิการไปชั่วชีวิต


พี่กุ้งไม่ได้พูดนะค่ะ ว่าการเบรกรถ ทำความเสียหายอะไรบ้างภายในรถบ้าง มีใครบาดเจ็บหรือเปล่า

พี่กุ้งไม่ได้พูดนะค่ะว่า น้องไม่ทราบว่าหมู่บ้านของเรากำลังซ่อมถนน มีการปิดถนน เลนถนนหายไปคึ่งหนึ่ง พี่สาวของพี่กุ้งต้องระวังทั้งเด็กที่ออกมาเล่นยามเย็น พี่กุ้งไม่ได้พูดนะค่ะ


................




เรื่องนี้จบลงเพราะพี่กุ้งใช้วัฒนธรรมไทย

ถ้าพี่กุ้งคิดอย่างวัฒนธรรมฝรั่ง...พี่กุ้งจะหาตอนจบได้อย่างไรค่ะ

คนคิดอย่างวัฒนธรรมฝรั่ง ช่วงบอกวิธีด้วยค่ะ






ไม่มีความคิดเห็น: