วันอังคารที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2552

พ่อสามีที่น่าสงสาร

เราสองคน สามีขับรถที่ซื้อหาด้วยการใช้ชีวิตคู่ทำงานค่อยๆสร้างตัว จนพอมีเงินซื้อรถ

ธรรมดาของคนมีรถใหม่ ชอบขับรถออกนอกตัวนอกตัวเมือง ไปไกลๆ บ้านเกิดพี่เปี๊ยก อยู่ เพชรบุรีเป็นเป้าหมายที่ดีกลับการกลับไปเยี่ยมบิดา มารดา

พ่อของพี่เปี๊ยกเป็นอดีตนายตำรวจ เกษียรอายุทำงานแล้ว ความเป็นตำรวจประกอบกับเป็นคนอำเภอบ้านลาด

คนในอำเภอนี้จะเป็นคนรักสะอากดเจ้าระเบียบ

เมื่อเรามาอยู่ในฐานะลูกสะใภ้ มีสะใภ้มากมาย เลิกกันแล้วพาใหม่มา หรือเป็นสะใภ้เบอร์หลวง เบอร์น้อย

ค่ำวันนั้นเราไปถึงเพชรบุรีก็ประมาณ สามทุ่มแล้ว พี่เปี๊ยกของเอารถไปจอดบ้านเพื่อน จากสาเหตุซอยบ้านพี่เปี๊ยกเล็กเกิน รถเข้าไม่ได้

พ่อพี่เปี๊ยกมักพูดว่า ตอนลูกๆยังเล็กไม่รู้ว่าโตขึ้น ลูกๆจะมีรถปัญญาซื้อรถเก๋ง เลยไม่ได้ซื้อบ้านติดถนน

พ่อแสนดีของพี่เปี๊ยก บอกว่า เดี๋ยวพ่อขี่มองเตอร์ไซดไปรับ บ้านเพือนที่พี่เปี๊ยกจะเอารถไปฝาก


เมื่อพ่อสามีและลูกชายกลับมาถึงบ้าน พ่อสามีเดินกระเพรกๆ เข้ามา พี่เปี๊ยกกับพ่อสามีช่วยกันเล่าถึงอุบัติเหตุช่วงที่เกิดขึ้น พ่อขับรถนั่งหน้า พี่เปี๊ยกนั่งหลัง รถติดไฟแดง พ่อพี่เปี๊ยกใช้เท้าตัวเองค้ำยันพื้นถนน รอไฟแดงอีกนิด ขณะนั้นรถมอเตอร์ไซด์เหมือนกัน

วิ่งผ่านสี่แยกแล้วล้มลงคนหมุนไปอีกทาง แต่มอเตอร์ไซด์หมุนคว้างกลางแยกถนนแล้วค่อยมาหยุดกระทบเท้าพ่อสามี

ด้วยความหวังดี เราต้มน้ำ แล้วเอาผ้าชุบน้ำอุ่น ประคบเท้าให้พ่อสามี พ่อสามีบอกว่ามันร้อนนะลูก เราค้านว่าทนหน่อนนะพ่อ พรุ่งนี้จะได้ไม่บวม

รุงเช้าพ่อสามีเดินกระเพลกลงมาจากห้องนอนชั้นบน พร้อมถามว่าเป็นยังไงบ้าง เท้าบวมหรือเปล่า

พ่อสามีบอกว่า ไม่บวมหรอก แต่มันพองเป็นก้อนโตมีน้ำใสๆอยู่ในก้อนนั้นด้วย

พ่อพี่เปี๊ยกเดินในบ้านกับอาการปวดกระดูกกับแผลพองน้ำร้อน

ความโชคร้ายยังไม่หมด ตกบ่ายลูกชายคนน้องถัดพี่เปี๊ยกไป มาบ้านต่อว่าเรื่องที่นาอดีตของแม่ ตามด้วยสะใภ้น้องชายรวมตัวเรา

ทะเลาะกันเรื่องที่นามรดกพ่อแม่ พ่อกับแม่ต้องคอยห้ามเพราะเสียงดังชาวบ้านจะได้ยิน แต่ยิ่งห้ามเสยงยิ่งดัง

ภาพแม่สามีอยู่ตรงกลางคอยห้าม ภาพพ่อสามียืนกระเพรกๆ เดินไปรอบๆกางมือกันปกปอ้งไม่ให้ลูกชายกับลูกสะใภ้กระโดดเข้าตีกันเหมือนไก่ชน ได้แต่ยืนท้าวเอวด่ากัน

เรานึกถึงวันนั้นแล้ว เราได้หยุดคิดและขำทุกที เท้าพองเพราะลูกสะใภ้คนนี้หวังดีเกินเหตุ.....

ไม่มีความคิดเห็น: