วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2552

รอยจำผาด่าง 3

29/7/50 บ้านกร่าง ยามเย็น แสงแดดอ่อนตัว ต้นไม้ใหญ่สูงแผ่เงากว้าง ผืนหญ้าเขียวสะพรั่งที่เราชอบถอดรองเท้า เดินย่ำให้จักจี้เท้า บางทีเตะน้ำค้างเล่นยามอรุณรุ่งเช้า แต่วันนี้ช่างต่างกับวันที่เคยเงียบเหงา หมู่เต๊นท์หลากสี หลายขนาด กางบนแปลงหญ้า คนมากมายเดินไปเดินมา เด็กน้อยๆวิ่งเล่นบนสนามหญ้า ทุกชีวิตต่างถิ่นที่มาพักเยือนป่าแห่งนี้ ต่างตระเตรียมเตรียมทำอาหารมื้อเย็นก่อนความมืดมาเยือน เรากับคุณจ๊อบหลานชาย เ ดินตามหากลุ่มเพื่อนของทริปสมาคมดูนก และไม่นาน เมื่อเราพบกัน ความรู้สึกที่เป็นดั่งประทัดแตกก็ประดังกันเข้ามา เสียงร้องด้วยความดีใจ เสียงหัวเราะด้วยความสนุก เพื่อนชาวดูนกต่างเล่าเรื่องสวยงามของชีวิตน้อยๆและสิ่งที่พบในป่าแห่งนี้ เราฟังหลายเรื่องราวแห่งวันวานยามไม่ได้เดินก้าวตามหานกไปด้วยกัน แต่เวลานี้เป็นของพวกเรา เท้าที่ก้าวมารวมกัน ก้าวจากนี้ เดินต่อไปจากวันที่เหลืออยู่ เพื่อไปด้วยกันฟังเสียงหัวเราะร่วมกัน ได้ยิ้มและหรือชี้ไม้ชมนกให้กันและกันอีกสักครั้ง
ทางเดินขึ้นเนิน กล้องสองตาหยิบจากกระเป๋าคล้องคอ แม้แสงอาทิตย์ที่เรารู้ว่า อีกไม่นานคงจากไป นกน้อยคงหาที่แอบหลบภัยนอนหลับพักผ่อน เสียงนก puff- throat babbler เสียงนี้ที่คุ้นจากผาด่าง ไม่ไกลจากที่เท้ายืนอยู่ สองตัวเดินบนทางเดินข้างหน้าและบินหายเข้าพุ่มไม้เตี้ยๆข้างทาง เพื่อนๆต่างยกกล้องมองหากัน มีแต่เสียงร้องไพเราะว่าอยู่ตรงไหนเท่านั้นเอง
บนลานหญ้าที่หญ้าป่าขึ้นเองเป็นผืนวงกว้าง รายรอบไปด้วยป่ามุมสูง และมุมป่าต่ำเป็นรัศมีวงกลม360องศา ภาพป่ากว้างไกลสุดสายตาจะพาไป นก striped tit -wabler บินหลอกพวกเรา เต้นเย้าให้ใบไม้ไหวชวนวนหา และ blue- bearded bee-eater เกาะนิ่งบนกิ่งไม้ที่โดดเด่น ไม่ไกลและไม่สูง เสน่ห์คอสีฟ้าขนเคราฟูพอง สีฟ้าอ่อนปนสีเหลืองแต่งแต้มด้วยสีเขียวอ่อนๆสวยงามงดงามไม่เบื่อตา รอยยิ้มและเสียงพรรณาของตัวเองที่เจ้าคงได้ยิน แม้จะเคยเห็นเจ้าก็หลายครั้ง ใจที่ไม่ยอม พร่ำบ่นเมื่อเจ้าและคู่พร้อมใจกันบินหายไปสู่ป่าเบื้องล่าง ทิ้งให้คนนี้บอบช้ำจากใจเสียดาย
ฝั่งป่าใหญ่ทิศตะวันออก ลมน้อยๆพัดพาความสบายใจมายืนข้างกายในยามเย็น ต้นไม้รูปร่างยิ่งใหญ่โดดเด่นกางกิ่งยาวสีน้ำตาลนวล อมขาวครีม คดหยักยื่นไปซ้ายแตกกิ่งน้อยใหญ่และห้อยลง ละค่อมบังต้นไม้ที่เล็กกว่าเบื้องล่างและกิ่งใหญ่ขวามือต่างทำหน้าที่ได้อลังการไม่ด้อยกว่ากิ่งตรงข้ามเลย เรามักหันกล้องจ้องหาชีวิตมีปีก อาจยืนนิ่งเกาะอยู่กิ่งใดกิ่งหนึ่ง รอคอย… ไม่นานจนใจจะท้อ เสียงร้องของเพื่อนๆ นกแก๊ก ตรงโน้นมีนกแก๊ก oriental pied hornbill บินมาพร้อมเสียงร้อง บินมาแล้วจากทิศเหนือ1..ตัว2..ตัว3 ตัวและ4.. บินและเกาะบนกิ่งไม้ใหญ่ที่ใจฝันไว้ ทุกกิ่งที่เรามีความหวัง และทะยอยบินไปทิศใต้ พวกเราที่ยืนนับ (24 ตัว ) เพื่อนๆต่างร้องพร่ำพูดวลีรัก หลงใหลชีวิตปักษาปีกขนสวยเหล่านี้
ใจเราดึงดันไม่อยากให้แสงสุดท้ายลาฟ้า และนาทีแสงลางเลือน นกกก3 ชีวิต ครอบครัวเล็กๆ แต่ตัวใหญ่ราชาราชินีแห่งปักษาแก่งกระจาน บินผ่านฟ้า เสียงกระพือปีกลอยตามสายลมให้พวกเราที่ยืนเบื้องล่างได้ยินเสียง คล้ายบอกว่า ลาก่อนนะ พรุ่งนี้ที่นี่ เราจะพบกันไม๊ เสียงจากคนรักษ์นกตะโกนฝากบอกฟากฟ้า พรุ่งนี้เราทุกคนจะกลับมา มาพร้อมกับตะวัน
เมื่ออาหารเย็นผ่านไป ทุกคนพร้อมไฟฉาย มารวมตัวกัน เพื่อค้นหาชีวิตนกกลางคืน พวกเรายืนเป็นวง บนถนนในป่าแก่งกระจาน ฟังคุณเป้งสอนและแนะนำเกี่ยวกับวิธีและข้อละเว้นท่ามกลางความมืด เสียงจั่กจั่นป่า เ สียงกบเขียดผสมแก่งกันขับร้องปนเป หิ่งห้อยส่องแสงน้อยนิดวับแวม หนอนกระสือตัวจิ๋วพาเราพบความพิศวง ปลายหางคือไฟฉาย ทุกชีวิตต่างทำหน้าที่มอบความหมายของค่ำคืนแต่งแต้มแสงเสียงและเงาชีวิตป่าไพร แต่ฟ้าที่มีเมฆฝนลอยกระจาย เห็นดาวน้อยแค่ไม่กี่ดวง บางดวงกระพริบนิดๆ แต่นั่นกลับถูกตีความหมายว่ายังมีหวัง เมฆคงไม่ถึงเวลาหลั่งสายฝนลงมา
เงาชีวิตมีปีกถูกเพ่งมองหา บินเป็นเงาดำบนฟ้ากว้างหรือจุดเข้มยืนนิ่งที่ปลายกิ่ง แม้ทั้งหมดที่ได้รับรู้ คือความมืดเห็นความมืดกว่าเท่านั้นเอง ฟ้ายังร้องย้ำเตือนสลับฟ้าแลบสีทองแดง เส้นหยักยาวสะท้อนแสงเป็นสีเงินแวบมุมฟ้า กลุ่มเมฆฝนลอยเตือนเคลื่อนปิด บดบังแสงจันทร์เต็มดวง ใจเริ่มแกว่งพะว้าพะวง กลัวฝนที่อาจเทลงมาให้เต๊นท์นอนเปียกปอน แล้วจะนอนอย่างไร สุดท้ายคุณเป้งยอมพากลุ่มเราเดินย้อนกลับทางเก่าเข้าที่พัก
30/7/50 ลำธารใสน้อยๆเป็นอุปสรรคก้าวข้าม เพื่อนบางคนถอดรองเท้าถุงเท้าเดินลุยน้ำใสเหยียบหินก้อนน้อยเรียงรายก้นลำธาร เรามองหาทางซ้ายและตัดสินใจเลือกทางขวา หินก้อนโตหลายขนาดนอนแช่น้ำ ลดลั่น กระจายห่างๆกัน พอก้าวยาว และก้าวสั้น มีบางส่วนโผล่พ้นน้ำ เราเลือกและเหยียบจนมั่นคง กระโดดไปหาอีกก้อนและอีกก้อน ก่อนกระโดดยาวไปอีกฝั่ง ป่าฝั่งนี้เงียบสงบ ส่งกลิ่นไอเย็นของดินชื่นใจ ทางเดินเล็กๆ มีไม้ป่ายืนรอเราเดินผ่าน2ข้างทาง นกเขียวก้านตองปีกสีฟ้าพากันมากับฝูง blue- winged leafbird หลบซ่อนสีกลมกลืนกินแมลงใต้กลุ่มใบไม้สีเขียว ดวงตาที่เห็นคือสิ่งแตกต่างว่านี่คือนกไม่ใช่ใบไม้ โพระดกหูเขียวแต้มจุดแดงที่คอและปากสีเข้มคือความแตกต่างกับโพระดกคอลาย(ปากสีนวล)green- eared barbet , lined barbet คุณเป้งสอนไว้ นกแก๊กร้องลั่นไม่ไกล เพื่อนๆตื่นเต้น คาดหวังยกกล้องส่องหา ไม่ว่าจะเดินตามเสียงมุมไหน ร้องซ้ำเรียกเราวนเวียน ผืนป่าข้างหน้ากลับแกล้งยืนบังซ่อนเจ้าไว้ ใกล้ใจแต่ไกลตัวอีกแล้ว
ไม้ป่าพุ่มออกดอกกระจายสีแดงเข้ม เต็มต้น ฝูงนกเขียวคราม asian fairy bluebird ตัวผู้สีม่วงสดตัดดำสนิทเพิ่มความเข้มหล่อ ตาแดงฉาน ตัวเมียเขียวน้ำเงินหม่น ไม่สดงดงาม แต่เธอคือผู้เลี้ยงดู ปกป้อง และกำเนิดสายพันธุ์นกสีสวยหล่อทุกตัวมิใช่หรือ อีกหลายสีหลายชนิดบินเข้าบินออก กินดอกไม้สีแดงจนต้นไม้ไหวกระเทือน พวกเราส่องกล้อง เรียนรู้คุณค่าของชีวิตปักษา นกน้อยที่พากันขยับบินไม่อยู่นิ่ง ย้ายโผไปอีกกิ่ง ยืนเกาะพักชั่วครู่ บ้างยืนคลอเคลียกับคู่ อวดพวกเราที่ยืนชม ต่างเพลิดเพลินกับห้วงเวลาเดียวกัน สถานที่เดียวกัน
เราเดินตามหารังนกพญาปากกว้างอกสีเงิน ไม่ว่ากี่รังเป็นแค่ รังร้างห้อยกลางลำธาร แม้เพื่อนจะบ่นเสียดาย ใจเราเริงร่ายินดี ชีวิตใหม่แม้ไม่กล้าแกร่งเต็มที่ วันนี้กำลังหัดโบยบินที่ไหนสักแห่งกับพ่อแม่ของเจ้า เราเดินตามเสียงนกอกสีแสด orange- breasted trogon ตัวเมียคาบหัวตั๊กแตนโผล่ปลายหางบานบางสีเขียวสะท้อนแสง ตัวผู้ร้องเสียงหวานแจ้วหลอกให้เราหันมาชมเจ้า ตัวเมียบินหนีข้ามฟากของลำธารน้อยเข้าป่าพง
เดินตามหานกกระเต็นน้อยสามนิ้วหลังดำ ตามเพื่อนผู้บอกเล่า ว่าเมื่อวานได้เห็นได้พบตัว เสียงร้องลั่นไพร ใครกันเล่า ชะเง้อแหนงคอมองหาตามเสียง บนต้นไม้สูงดิ่ง กิ่งเถาวัลย์ห้อยแกว่ง กล้องสองตาและใจเรา “นกอะไรหนอ” ดวงตาดำกลมเดียงสาเบิกกว้างตื่นกลัว กระรอกน้อยสีน้ำตาลอ่อนในวงรัดแข็งแรงของมัจจุราชสีเขียว เสียงร้องให้เราช่วยเจ้าหรือ จะช่วยเจ้าอย่างไร ขาหมดแรง ที่ยืนค้ำตัวคือคุกเข่าก้มหน้าหลับตา แต่ภาพดวงตาคู่นั้นกลับเป็นตะปูตอกลงในใจเรา เสียงเพื่อนๆ โดนกินแล้ว กลืนแล้ว เสียงกระรอกอีกตัว คงเรียกหาคู่ ชีวิต….จากไปแล้ว
เลือกที่จะหลับตา ไม่มองป่าสองข้างทาง ไม่อยากมองหาชีวิตน้อยปลายปีก ไม่อยากให้ความเศร้าอยู่กับเรา และไม่นานเมื่อรถมาถึงผาด่าง โชคดีที่มีงานมากมายสุมรอเราอยู่ การต้อนรับ ดูแล บริการช่วยให้เราลืมชีวิตกระรอกน้อย เราและพี่เปี๊ยกพาเพื่อนๆเดินชมผาด่าง บ้านป่าที่เราเลือกอยู่กับชีวิตมีปีก
บนระเบียงบ้านริมน้ำ เพื่อนต่างนอนบนเสื่อ บ้างนอนในเปลสนามพูดคุยเสียงสดชื่น ปล่อยใจไปตามสายลมสายน้ำที่พัดพาความเย็นสบายให้พวกเรา รอยยิ้ม ดวงตา เรื่องเล่าที่ชิงกันพูด ล้วนบอกความสุขสบาย ณ ที่แห่งนี้
ใต้ต้นตะขบหน้าร้านค้าผาด่าง นกกาฝากก้นเหลือง yellow –vented flowerpecker ยืนแอ่นอกร้องเพลงเป็นนานสองนานทั้งที่โดยธรรมชาติ นกกาฝากมักไม่หยุดนิ่ง ให้เห็นเต็มตัวเต็มตากันง่ายๆ เจ้าแห่งกาลเวลานำพาเจ้า ยืนอวดอกสีนวลลายไข่ปลาสีดำและขนอ่อนสีเหลืองแปร๊ดที่ก้น ให้ทุกคนได้เห็นได้ถ่ายรูปเป็นของฝากจากผาด่างด้วย สำหรับเราแสนพิเศษ นกตัวนี้เป็นสมาชิกใหม่ที่เราเองพึ่งพบเห็นเจ้า ที่ผาด่างเป็นครั้งแรกอีกด้วย
อาหารมื้อกลางวัน ล่าช้าเพราะแขกมากมายหลายโต๊ะ เข้ามาทาน เราถามหาผู้ช่วย พี่หวัดหายไปไหน เสียงพยุงตอบว่า ไปเก็บพริก แล้วตาโมนเล่า ตาโมนไปเก็บมะขาม ลูกค้าสั่งซื้อน้ำพริกมะขามกลับกรุงเทพ พยุงคนเดิมตอบกลับมาขณะที่ในมือกำลังสับหมู คุณอรเดินถือจานข้าวมาในครัวขอเติมข้าวอีกนิด เพราะอร่อยแกงป่า ไม่ยอมหยุดทานแม้จะอิ่มและเผ็ดมากในสไตล์ผาด่างก็ตาม
เวลาที่ต้องล่ำลากัน เสียงบอกพร้อม ยกมือไหว้ สวัสดี ลาก่อน พบกันใหม่อีกนะ ในมือของเพื่อนๆ คุณประพัทธ์มีถุงน้ำผึ้งป่าเป็นของฝากทางบ้าน คุณอรคนพูดเก่งมีน้ำพริกมะขามกับน้ำพริกแกงป่า ผ้าไหมพันคอปักดอกกุหลาบช่อโตฝีมือหญิงชาวบ้านป่าอยู่ในกระเป๋าน้องทิพย์ ลูกค้าชาวต่างประเทศพักนอนบ้านฟ้าสดใส่เสื้อยืดเป็นฝีมือเพนธ์นกในธรรมชาติของหนุ่มจ๊อบ ทุกอย่างล้วนเป็นของฝากจากธรรมชาติ ที่ทำเองจากใจ ชาวบ้านป่า และอีกหลายๆคน ต่างช่วยกันอุดหนุนผลผลิตจากชาวผาด่าง รอยยิ้มความสุขที่ชาวผาด่างได้รับคือน้ำใจที่เพื่อนๆและแขกผู้มาเยือนต่างฝากไว้ให้เป็นความทรงจำ


สิงหาคม AUGUST

08/08/50 เราตัดสินใจจากที่นอนตอนเสียงไก่ป่าบินลงจากคอน เดินมาหน้าผาด่าง มองไกลสุดป่าตะวันตกเบื้องหน้า ฟ้ามัวเมฆสีเทาลอยละลิ่ว ตลอดคืน เราไม่กล้าหลับ เสียงลมจากป่าใหญ่ปลุกเราให้ตื่นมาพบกับความกังวลทั้งคืน ต้นไม้ใหญ่ในผาด่างร้องครวญครางราวกับจะขอความปราณีให้ลมหยุดฟาด หยุดกระชากเสียที ใจเราสะดุ้งสะท้านกลัวเจ้าแห่งลม ส่งเสียงคำรามกระหน่ำรอบฝาบ้าน

ที่โต๊ะกาแฟ ชาวบ้านต่างมาซื้อของก่อนพากันหายเข้าไปในไร่หรือเข้าไปเก็บของป่า แต่ละคนบอกว่าไม่ได้นอนกันเลย ลมแรงมาก กลัวหลังคาบ้านจะเปิด สังกะสีจะลอย และต้นไม้ใหญ่จะโค่นล้มทับบ้านกัน และบางคนเล่าว่าพืชผักเสียหายทุกอย่าง ต้นกล้วยล้มระเนระนาด ใบกล้วยแตกเป็นเส้นแส้ยับเยิน พายุลมมาอีกแล้ว แรงจนเรารีบวิ่งหลบใต้ชายคามองต้นไม้ใหญ่ใบเขียวพุ่มงามตรงหน้าด้วยความเป็นห่วง ไม้ต้นนี้เราปลูกตั้งแต่เป็นต้นกล้าเล็กกว่าปลายนิ้วก้อย จนอายุ10 ปี เมื่อย้ายบ้านมาอยู่ผาด่างเราไม่ได้ถอนแค่เสาเรือน หลายสิบต้นไม้ใหญ่แสนรัก เราจ้างรถแบ๊กโฮขุดยกถอนรากหอบหิ้วกันมาปลูกที่ผาด่าง ห้วงวินาทีที่เราต้องยืนมองที่ต้นไม้เบื้องหน้าเหมือนยากจะทนทาน อาจต้องล้มลงอย่างยอมแพ้แก่เจ้าแห่งพายุกำลังจับกิ่งจับก้านบิดหวดโยกโยน ซ้ำและซ้ำอย่างไร้ความปราณีเป็นระลอกแล้วระลอกเล่า เราภาวนาเสียงดังฝ่าสายลมออกไป ขอพายุฝนดีกว่าไม่เอาพายุลมอย่างนี้

09/08/50 วันนี้ลมซาแผ่วลงแล้ว แต่ยังมีซัดมาเป็นระลอกบ้าง เราเองผ่อนคลายเหมือนลมเช่นกัน พวกแม่ครัวช่วยกันทำอาหารแต่เช้าเป็นพิเศษ เงินบริจาก 6,000 บาท ที่คุณอ้วนมอบให้ผาด่างจัดทำอาหารเลี้ยงเด็กมื้อกลางวัน ก่อนสิบเอ็ดโมงเรามีนัดกับครอบครัวคุณอ้วน ที่โรงเรียนด่านโง แก่งกระจาน เด็กน้อยต่างชะเง้อชะโงกหน้าหาครูโบ๊ท เมื่อเห็นรถวิ่งเข้าไปจอดในโรงเรียน ตามหน้าต่างห้องเรียนและประตูห้อง มีใบหน้ายิ้มร่าอย่างดีใจ ยกมือไหว้สวัสดีครับ สวัสดีค่ะ เสน่ห์ที่เป็นธรรมชาติจนเราหลงใหล ยิ้มปากกว้างส่งกลับคืนเป็นการขอบคุณจากใจให้เด็กน้อยทุกคน เด็กๆตื่นเต้นอยากให้เวลาทานอาหารมาถึงไวๆ เพราะคิดถึง ครูโบ๊ท หนุ่มนักเรียนจากอเมริกา อายุแค่19 ปี ขอเป็นครูสอนเด็กบ้านป่า ช่วงตัวเองปิดเทอมกลับมาเยี่ยมพ่อแม่ที่เมืองไทย
เมื่อเวลาทานอาหารมาถึง หลายอย่างชุลมุนโกลาหล เกิดและจบเพียงแค่ในช่วงมื้อเที่ยง แต่เป็นเวลาที่ทุกคนต่างเล่นเป็นผู้รับและเป็นผู้ให้ มิตรภาพถูกยื่น รับ แลกคืนให้กันและกันตลอดเวลา รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ น้ำใจ เมตตา หวังดี สุดท้ายคือจริงใจที่มีอยู่เต็มห้องอาหาร
เด็กน้อยแค่ 150 คน ครู 6 คน ภาพแต่ละภาพที่เราเห็นและร่วมแสดงเป็นตัวประกอบ ครอบครัวผู้เอื้อครอบครัวอารีย์มีรอยยิ้มปลื้มเต็มหน้าตลอดเวลาคอยตักข้าว ตักอาหารให้เด็กน้อยอย่างทั่วถึงเอาใจใส่ ดูแลคอยเติมข้าว ถามไถ่เมื่ออาหารพร่อง ทุกก้าวที่หนุ่มคนนี้เดินไปถึง จากดวงตาที่เห็นเรา ความผูกพันของเด็กโรงเรียนนี้มีให้ครูโบ๊ท อย่างซื่อใสใจจริง แม้เวลาที่เป็นครูเป็นนักเรียนกันแสนสั้น เพียงแค่ 5 วันเท่านั้นเอง
ความซาบซึ้ง และสวยงาม ที่ทุกคนร่วมแสดงจิตบริสุทธ์ เกิดกลางป่าแก่งกระจานและตกตะกอนเป็นความทรงจำให้ใจเราเรียนรู้ ความดีคือการสละเพื่อให้อีกครั้ง ภาพ เด็กน้อยตื่นเต้นอยากเป็นดาราหน้ากล้อง ภาพเดี่ยว ดวงตาสดใสมอบให้ กล้องทุกตัว ภาพหมู่ อวดยิ้มกว้างพร้อมฟันผุฟันเก ภาพคุณแม่ปูเดินอย่างไร ลูกปูก็เดินได้ดีงดงามฉันนั้น ภาพ .มือดำปื้อของเด็กๆต่างยื้อยุดครูหนุ่ม และเมื่อต้องกล่าวอำลา หนุ่มคนนี้จะต้องกลับไปเรียนต่อที่อเมริกา เด็กบ้านป่าและครูโบ๊ท ต่างขอและให้สัญญาฝากกันและกันไว้ ณ.โรงเรียนแห่งนี้
ยากที่ตัดใจลา น้องโบ๊ท ขอตัวเดินเข้าไปลาเด็กๆตามห้องเรียนอีกครั้ง ความดีงามไม่มากพอหรือ ทำไมต้องตอบแทนให้ความเศร้าเป็นเพื่อนติดตัวยามเดินทางจากลาด้วยเล่า

10/ น้องมดเด็กดีแห่งผาด่างแคมป์ หลายปีที่น้องมดเป็นลูกจ้างตั้งแต่กำเนิดผาด่าง งานก่อสร้าง แบกปูน แบกไม้ เทปูน ผสมปูน ขุดต้นไม้ ปลูกต้นไม้ 4 ปีผ่านไป จากเด็กประถม 6 เป็น เด็กสาว ม.4 ตอนเย็นหลังเลิกเรียน น้องมดรับจ้างทำความสะอาดบ้านพัก เสาร์อาทิตย์รับจ้างทำงานในไร่สับปะรด น้องมดได้รับทุนเรียนดีทุกปี รายได้จากการทำงานในผาด่างและที่ไร่ น้องมดไม่เคยต้องขอเงินจากแม่ของน้อง เสียงโทรศัพท์ วันนี้ คุณอ้วนย้ำเรื่องทุนการศึกษาให้น้องมดเด็กสาวกำพร้าพ่อ ให้เราดูแลจัดการอย่างเป็นพิเศษ
และยังมอบเงินให้เราสานต่อจากจุดเริ่มต้นที่ครูโบ๊ท์เริ่มไว้ โครงการช่วยเหลือจัดหาจัดจ้างครูสอนเด็กน้อยบ้านป่า
ผาด่างแคมป์ แก่งกระจาน รับอาสาสมัคร ชาย อายุ 20 ปีขึ้นไป การศึกษามัธยมศึกษาปีที่ 6 - ปริญญาตรี มีใจรักธรรมชาติ มีไฟแห่งการเสียสละ ฝันอยากเป็นครูสอนเด็กบ้านป่า1 คนต่อ1 เดือน สอนได้ทุกวิชาแต่ วิชาที่ต้องการ คือ พละ ดนตรี ภาษาอังกฤษ และสิ่งแวดล้อม( นก ) เงินเดือนประมาณ 5,000 บาท อาหารกลางวันฟรีทานที่โรงเรียน มีบ้านพัก
(ผาด่างแคมป์ ) โครงการนี้มีระยะเวลาแค่ 6 เดือน
โรงเรียน ด่านโง ตั้งอยู่ที่โครงการพระราชดำริห้วยแม่เพรียง อ. แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ห่างจากผาด่างแคมป์ 2 กิโล
มีตั้งแต่ชั้นอนุบาล-ประถม 6
นักเรียนทั้งหมด 150 คน
คุณครู 7 คน

เป็นที่น่าสังเกตุ คุณครูกับจำนวนนักเรียน บางครั้งและหรือบ่อยครั้ง ต้องให้เด็กหยุดเรียน เพราะคุณครูเดินทางเข้ามาอบรมบ่อยๆ หรือเดินทางเข้าจังหวัดเพื่อติดต่อกิจในราชการ
ทักษะที่วิชาที่คุณครูขาดแคลนต้องการเสริม กีฬา ศิลปะ ดนตรี ภาษาอังกฤษ สิ่งแวดล้อม(นก)



13/ เรากำลังจะเป็นคุณครู ครูสอนสิ่งแวดล้อม( นก ) โรงเรียนด่านโง เด็กที่นี่ มีบ้านเป็นป่ากันชนอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ผืนป่าที่อุดมมั่งคั่งด้วยทรัพยากรที่ประเมินค่ามิได้ แม้จะผ่านการถูกทำลาย ด้วยฝีมือมนุษย์ อย่างต่อเนื่องจากอดีตถึงปัจจุบัน วันนี้ผืนป่ายังถูกทำลายลงอย่างช้าๆ จากนักท่องเที่ยวหรือจากพ่อแม่ของเด็กน้อยบางคนเหมือนกัน ป่าถูกกระทำซ้ำๆ ทรุดโทรมลงไปทีละน้อยทีละน้อย แต่หัวใจสำคัญที่สุดแผ่นดินแห่งนี้เป็นบ้านของนกป่ามากกว่าสี่ร้อยชนิด (นกผู้ให้กำเนิดป่า) การสร้างความรักษ์ธรรมชาติลงในหัวใจของเด็กบ้านป่า เป็นแรงผลักดันมุ่งมั่นตั้งใจให้ความสำคัญเร่งด่วนที่สุดกับพื้นที่ตรงนี้ เด็กน้อยทุกคนที่นี่อีกไม่นาน อาจต้องดำเนินชีวิตเดินเข้าป่าตามรอยพ่อแม่ที่เป็นพรานตัดไม้ หรือพรานล่าสัตว์ แต่วันนี้เวลาที่รอคอยเกิดขึ้นแล้ว เรามีโอกาสสุดพิเศษ ให้เด็กน้อยเรียนรู้ความจริงแห่งวิถีกำเนิด แท้จริงแล้ว ธรรมชาติเฝ้ารอและคาดหวังให้พวกเขารู้ความจริงว่า ธรรมชาติสร้างพวกเขามาเพื่อทำหน้าที่ปกป้องธรรมชาตินั่นเอง

ไม่มีความคิดเห็น: