วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2552

รอยจำผาด่าง 4

21/8/50 เรารู้สึกตัว ตอนรถกระดอนเด้ง เข้าใกล้อาณาเขตผาด่างแล้ว เกือบตีหนึ่งตอนที่เรามุดมุ้งเข้านอนที่บ้านนกเงือก อากาศเย็นสบายดีจังแล้วเราก็หลับสนิทไปอีกครั้ง

22/8/50 โรงเรียนด่านโง เด็กๆหันมามองเรา เอาเราเป็นศูนย์กลางของการจดจ้อง จนเรารู้สึกว่าเวลาหยุดนิ่งกระมัง ดวงตามีแววตื่นเต้น กระตือรือร้น อยากรู้จัก อยากจะรับทุกอย่างที่เรามีและสามารถรับได้ เราจะเริ่มอย่างไร จะสอนอะไรน้องๆเหล่านี้ ดวงตาแป๋วแหวว เดียงสา ตามติดตา ใครจะอยากลืมดวงตาเหล่านั้น
และนาทีที่เราเริ่มคุย พูดและฟังทุกสิ่งที่พวกเราทั้งครูและนักเรียนบ้านป่าแห่งนี้ ได้รู้และค้นพบจากธรรมชาติ

เสียงถามของตัวเอง และได้ยินเสียงตอบสนั่นลั่นห้อง ผมเห็นเม่น หนูเห็นอีเสือ ผมเห็นนกกก หนูด้วยค่ะ หนูเห็นตั้งหลายหน มากมายที่สุดเป็นหมูป่า เก้ง และกวาง ผมกับพ่อเห็นกระทิง ของผมเห็นเสือดำ แต่เค้าไม่เห็นผม ผมกลัวมากครับ

เราเดินรอบสนามโรงเรียน เก็บใบไม้ ดอกไม้ ดูตั๊กแตนแตกตื่นกระโดดโหย่งๆกระจายยามพวกเราก้าวย่ำดงดอกหญ้า แอบศึกษาบ้าน รังแมงมุมที่ตกใจมุดหนีไปใต้ใบไม้ข้างล่าง และที่เราตื่นเต้นที่สุดคงเป็นมือ 2 ข้างของเราที่มีมือน้อยๆ สลับขอจับตลอดเวลา และแสนพิเศษเลิศล้ำ เด็กน้อยเก็บขี้กระต่ายเม็ดเล็กๆ กำใส่มือจนชื้น วิ่งมาอวดเรา

วันนี้เป็นก้าวแรก คงไม่ดีมากนักในผลงาน ยังขาดอะไรอีกมากมาย ที่เรายังต้องปรับปรุง แต่นั่นทำให้เราเข้าใจแล้วว่า ใจของเรา ไม่ยอมให้ครั้งนี้เป็นครั้งแรก และครั้งสุดท้าย ให้เราได้สอนเรื่องราวธรรมชาติอย่างนี้อีก เราจะไม่มีความลับ จะบอกความหมาย ความรักที่ธรรมชาติ สร้างไว้ให้พวกเราและได้รับทุกคน ขอแค่เห็นและเข้าใจสิ่งที่ซ่อนอยู่ อย่างเปราะบาง

23/8/50 หลายคนในเวปไซด์ บอกเล่านกเริ่มอพยพกลับมา เริ่มที่ใจอีกแล้ว ใจเริ่มต้นมองหา คงมีบ้างนะที่กลับมาผาด่าง เรามองจากระเบียงริมน้ำ จะมีตัวไหนหนอที่เป็นสัญญาณของการกลับคืน ที่ฝากหวังผูกไว้กับการรอคอย แต่ทุกอย่างกลับเงียบเหงา แม้แต่นกน้อยประจำถิ่น ก็ร้างลาไร้เงาไม่ร้องเพลง

ต้นก้านเหลืองริมน้ำใบดกหนา เอนย้อยยื่นเอียงเข้าหาพื้นแผ่นน้ำ ใบใหญ่โบกพัดทักทายผาด่างที่ยืนตรงอยู่ฝั่งตรงข้าม เหยี่ยวเล็กสีเทาก็ขยับโผบินให้เราดีใจไปทางทิศตะวันออก แม้เราจะแยกชนิดไม่ออก แต่นั่นคือความหมายของชีวิตที่จากกันไกลทั้งเวลาและดินแดน วันนี้เดินทางรอนแรมอพยพกลับถึงบ้านแล้ว และอีกหนึ่งชีวิต forest wagtail ยืนเกาะบนกิ่งไม้เตี้ย ทางเดินบ้านริมน้ำ ลีลาเด้าลมหมุนตัววนรอบตัวเอง อวดสีขนเหลืองจืดๆสลับดำ เหมือนบอกว่า จำกันได้ไหม เราเคยอยู่ที่นี่ เมื่อปีที่แล้ว ดีใจไหม เราเองก็ดีใจ เรากลับมาแล้ว ที่นี่เป็นบ้านของเราเหมือนกัน เราเหนื่อยเหลือเกิน ขนปีกเราอาจโทรมซีดไปบ้างจาการเดินทางที่ลำบากและยาวไกล อาหารและอากาศที่ผาด่าง อีกไม่นานคงช่วยเราสวยสดชื่นเป็นดาราหน้ากล้องเหมือนเดิม

24/8/50 ตอนบ่าย 2โมง หลานสาวส่งห่อพัสดุเรา ของอากุ้งค่ะ ทุกคนในบ้าน บางคนชำเลืองดูเรา จะเป็นอย่างไรแวบแรก ที่เราเห็นพัสดุ แต่บางคนยืนจ้องมองตรงๆ ตัวดีใจของเราจะใหญ่และดีดดังขนาดไหน สิ่งที่เรารอคอย บินข้ามฟ้า นอนอยู่ในห่อกระดาษแน่นหนาสีขาวในมือ
ตัวหนังสือด้วยลายมือทุกหน้า สีของกาลเวลาบนเนื้อกระดาษ และภาพเขียนสีน้ำแต่ละหน้า ไม่ใช่แค่ความจริง ไม่ใช่แค่ความฝัน นี่คือสุดทางที่ไขว่คว้า กับการตามหาบางอย่างที่ไกลเกินความจริงจะไปถึง ชะตาชีวิตแค่ความฝันอยากครอบครองทุกหลับและตื่นจากเดือนเป็นปี ความสุขนี้ฝังอยู่และให้มากพอแล้ว

Edith Holden ชีวิตหญิงสาวคนหนึ่ง คือเพื่อนในทุกความหมายแห่งจินตนาการ

1 January ,1906, –31 December, 1906, เรื่องราวถูกบันทึกทุกครั้งเมื่ออาทิตย์จบแสงลง ความคิดธรรมดา ตัวหนังสือธรรมดา เรียบง่ายซื่อจริงใจกับเพื่อนรอบตัว เพื่อนคือ ดวงดาว แสงแดด พื้นป่า สายลม ลำน้ำ หรือ ฤดูกาลที่เปลี่ยนไปและหมุนวน ต้นไม้ ต้นหญ้า ดอกไม้ นกน้อย แมลงปอ ล้วนเป็นเพื่อนใกล้ชิด คุ้นเคย เธอเขียนเล่าบอก และวาดภาพเพื่อนของเธออย่างเฝ้ารักและหลงใหล

Edith Holden สิ้นลมและพาความลับของเธอไปด้วย เธอผู้เป็นทั้งเจ้าของและผู้เดียวที่ได้เห็น รู้จักหนังสือเล่มนี้
อะไรทำให้เธอซ่อนเร้น กักขังความสวยงามของหนังสือเล่มนี้ ฝากลืมไว้กับกาลเวลานาน 70ปี หนังสือแสนสวยนอนอยู่ในกล่องไม้ลิ้นชักเหมือนรังดักแด้ มีเพียงความมืดมิดเป็นยามเฝ้า และความเงียบเป็นเพื่อนคุย

วันหนึ่ง เจ้าแห่งกาลเวลาเปิดประตู หน้าต่าง และปล่อยให้แสงลอดผ่านผ้าม่านเก่าๆเข้ามา ในโต๊ะลิ้นชักหนังสือแสนเศร้านอนนิ่ง ถูกเปิดออก ขับไล่ความเหงา เดียวดาย ความสิ้นหวังจากไป

Edith Holden พร้อมเพื่อนๆในธรรมชาติ ตัวหนอนหนังสือยืนเรียงแถว บอกเล่าเรื่องราวความผูกพันธ์ ความรัก ความใกล้ชิด งดงาม สดใส ทุกหน้าทุกตัวอักษร ของสรรพชีวิตเมื่อ100 ปีก่อน

หน้าต้นไม้ ใบไม้ร่าเริง เมื่อกระดาษหน้านั้นถูกแสงแตะต้อง ทุกกิ่งตาเริ่มงอกเป็นตุ่มผ่านน้ำค้างข้ามคืนกลายเป็นดอกตูม รอชูช่อบานหลากสี

ไม้ดอก ไม้ผลงอกงามและร่วงหล่นตามฤดูแต่ละหน้า ที่เปิดชม

นกส่งเสียงทักทาย กระโดดโลดเต้นไปตามหน้ากระดาษ ตามราศี ตามกิ่งไม้

และสดชื่นยามมองภาพ เหล่าแมลง เหล่าผีเสื้อออกลายสะบัดสีสวยสดจ้า บางเกาะนิ่ง และพากันขยับเบาๆ ด้วยปีกบาง ล้นหัวใจคนรักธรรมชาติทั่วโลกกว่า2,000,000เล่ม

28/8/50 ผีเสื้อตัวนี้
ร่างที่นอนนิ่งสิ้นใจ ข้างประตูบ้านฟ้าใส ปีกขยับพลิกกลับไปมาเบาๆ คงเป็นสายลมเพื่อนของเธอ มาชวนไปโบยบินเล่นล่อนกลางฟ้าเหมือนเคย








29/8/50 ฟ้าเริ่มสางแล้ว หูเราตั้งใจ ฟังเสียงนกกระเต็นน้อยธรรมดา ใจมึนงงทำไมเจ้ายังไม่มา ข่าวคราวเจ้ามาแล้ว เสียงนกมากมายส่งเสียงคุยกันลั่นรอบบ้าน แต่ไม่มีเสียงเจ้าเราเฝ้าได้ยิน

บ่ายแล้วเรามานั่งมองเก้าอี้ตัวนี้ จากมุมที่เห็นราวเชือกชัดเจน ใจเราลอยไปตามท้องน้ำ เธอ…ตัวนี้บินเข้ามาเกาะ สีดำตัดเหลืองสดและคิ้วสีขาวเด่นชัดเจน ส่งสายตามองเรา เราบินมาจากที่ไกลแสนไกล มุมนี้น่าสบายจังเราขอพักหน่อยนะ เธอเคยได้ยินข่าวเราที่สวนรถไฟใช่ไม๊ เราคงอยู่ตรงนี้ไม่นานและต้องบินต่อเข้าบ้านกร่าง ขอมอบความสุขเล็กๆน้อยๆแก่เธอเป็นการตอบแทนแลกกับอาหารและที่พักเหนื่อย แมลงและแมงมุมที่นี่เยอะดีจัง

และไม่นานกับความเพลิดเพลิน จนเราตั้งตัวไม่ทัน เสียงร้อง เสียงนี้ เรารีบกระโดดลงเรือน ตามเสียงทั้งวิ่งทั้งเดิน และที่…ห้วยต้นก้านเหลืองบ้านของนกกระเต็นน้อย เธอเกาะกิ่งโดดเด่นมองเราอยู่ เราต่างมองกันนิ่งและนาน ก่อนผละบินไปเกาะราวเชือกจนสั่นไหว สบตากันอีกครั้ง ก่อนบินหายไปในคุ้งป่าไผ่มุมมืด เราสัญญาจะยังไม่ตามถ่ายรูป เธอคงเหนื่อย ต้องพักฟื้นขนที่หลุดโทรมแต่งไซร้ขนใหม่ สักพักอาทิตย์หน้าเราจะกลับมากับกล้องตัวเดิมที่เธอคุ้นเคย อ้อ… ปลาซิวและกุ้งฝอยในลำน้ำนี้มีมากพอเพียงตลอดช่วงเวลาที่นี่เป็นบ้านเธอ

เสียงอะไรตรงพงหญ้าดังเรียกเรา ให้มองจากระเบียงลงไป นกกวักตกใจที่เห็นเราโผล่หน้าไปมองเธอ รีบว่ายน้ำออกไป แต่กลับไม่เร็ว หรือเกะกะพงหญ้า ไม่ใช่ซิ ขาของเธอ ขาเธอพิการ เธอหันมามองเราอย่างหวาดกลัว และตะเกียดตะกายว่ายขาเดียวขึ้นฝั่งกระเพลกๆลากขาไปตามใบไม้แห้งชื่นๆหายไปในเงามืด ใจเราเดินตามดวงตานกกวักขาเป๋ ด้วยความสงสาร เธอต้องระวังตัวด้วยนะ ที่ผาด่าง เราเคยเห็นตัวเอี้ยหากินแถวนี้ เหยี่ยวรุ้งอีก เจ้าเหยี่ยวตัวนี้ มักเกาะอยู่แถวตามบ้านนี้ด้วย ยิ่งในช่วงเหล่าเหยี่ยวอพยพกลับ เหยี่ยวหลายร้อยตัวมักหยุดพักที่ผาด่าง ก่อนบินเคลื่อนย้ายกลับไป จำคำเราไว้ด้วย


30/8/50 บนเปลระเบียงบ้าน เราอ่านหนังสือเตรียมไปสอนหนังสือ เด็กนักเรียนบ้านป่า นกตัวนี้ทำเอาเถาวัลย์แกว่งไกว หนังสือถูกปิด สายตามองตามไปทุกเส้นสาย ที่ไหวกระเทือน สีแดง แดงสดที่อก ประกายเจิดจ้าแดงเต็มหลัง ขนมันแวววาวสะท้อนเล่นแสงที่ลอดส่องต้นไม้สูงพุ่มโต ทุกครั้งที่โดดเกาะย้ายไปตามกิ่งไม้กินน้ำหวานจากดอกเถาวัลย์ลิง

ตามสัญญา ในห้องเรียน เรื่องต้นไม้ต้นหนึ่งเป็นบ้านของสัตว์ป่า ถูกเล่าเป็นเรื่องราว เงื่อนไขให้จำชื่อในวิชาภาษาอังกฤษ เราไม่รู้ว่าใครสนุกกว่ากัน แต่นี่เป็นครั้งที่สอง คำสัญญาในครั้งที่สาม ว่าเราจะพบกัน นั่งเรียนธรรมชาติด้วยกันบนเสื่อผืนใหญ่ใต้ต้นไม้ วันพฤหัสหน้า

เมื่อเรากลับมาผาด่าง หนุ่มจ๊อบหลานชายเล่าให้ฟังว่า งานวาดภาพทำไม่เสร็จ เพราะตัวนี้ สัญญาตามสัญญา ตัวนี้ที่อาให้ผมตามหา ตัวโปรดของเราทั้งคู่ นกหลอกให้ผมเดินตาม เค้าหล่อมาก แต่เมื่อเราเห็นภาพ ไม่ใช่ผู้ชายแต่ในภาพเป็นผู้หญิง หนุ่มจ๊อบบ่นเสียดาย เราปลอบใจว่า ตัวเมียทุกตัวในโลกนี้เป็นผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงดู นกหล่อสวยเจ้าเสน่ห์ทุกตัวไม่ใช่หรือ

อีกตัวอีกครั้งเธอกลับมาหา มาเกาะใกล้บ้าน และโผผละบินไปรอบๆบ้าน หนุ่มจ๊อบหันมาหยิบกล้องและอยู่ด้วยกัน จนสายฝนลงมาและพาให้เราจากกัน เป็นความหมายว่าเราได้อยู่ด้วยกันที่ผาด่าง ณ บ้านหลังเดียวกัน 2 วัน2คืน เราไม่หวังว่าอังคารหน้าเมื่อเรากลับมาผาด่าง เธอจะอยู่หรือบินเข้าบ้านกร่างตามสายลมแห่งสัญชาตญาณผู้อพยพ พอใจเสมอในห้วงเวลาและมิตรภาพที่ธรรมชาติมอบให้

ไม่มีความคิดเห็น: