วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2552

รอยจำผาด่าง 9

รอยจำผาด่าง 9
นับแต่ก่อนปีใหม่ เสียงนกร้องเพลงในผาด่าง เริ้มแต่อรุณแสงเรืองรอง และเซ็งแซ่ตอนเกือบสาย ร้องจากตรงนั้นตรงนี้ ตรงซุ้มกอไผ่หลังโดม นก hill -blue flycatcher อกสีส้มหลังสีน้ำเงินสด ตากลมวาวแอบมองเรา พอเห็นเราจ้องก็กลับแอบบินต่ำๆไปทางต้นน้อยโหน่งที่กำลังออกลูกสุกเต็มต้น
นกโพระดกเป็นคู่เกาะนิ่ง และเริ่มบรรเลงร้องเพลงถ้อยทำนองเพราะกังวานก้องหุบเขาผาด่าง ให้คุณไถ่และคุณมด ถ่ายรูป ก่อนที่แสงตะวันสุดท้ายจะลับเลือน
และหมู่นกจาบคาหัวสีส้ม chesnut-headed bee-eater โผถลาโฉบจับผึ้งบนฟ้าและเกาะต้นโมกมันหน้าบ้านปีกไม้
นกอะไรเกาะอยู่ที่ต้นเตยหนามหน้าห้องน้ำฟ้าใส ขอให้เป็นเจ้าที่เราคุ้นเคย และเมื่อมองผ่านกล้องเห็นนกน้อยสีฟ้าอ่อนๆ ใส่หน้ากากสีดำ ตัวผอมยาว ใช่เพื่อนตัวน้อยๆที่เราคาดหวัง verditer flycatcher เมื่อเราขอขยับตัวเข้าไปใกล้ เจ้าก็ขยับตัวเช่นกัน เมื่อเรานิ่ง เจ้าก็ช่างใจดี สงบนิ่งเหมือนกัน และจากไปเมื่อมีเสียงคนแปลกหน้าเหยียบใบไม้แห้ง
ดอกมะม่วงบานเต็มผาด่าง นกมากหลายชนิด ร้องเรียกพวกกันและกัน และให้เราเป็นผู้ฟังและมองหาอย่างเพลิดเพลิน ทุกดอกทุกช่อกระเพื่อมน้อยๆ และอีกช่อไหวระริกเราจะมองช่อไหน ช่อนี้นกอะไร แต่ช่อนั้นไม่ไกลกลายเป็นอีกสายพันธุ์ นกตัวน้อยๆคอยกระโดด เข้าออก พร้อมอวดหนอนที่คาบไว้ และกระโดออกไปอีกช่อ แม้แต่เจ้า puff-throated babbler ก็กระโดดออกมา เล่นแสงตะวันยามเช้า เมื่อมองเห็นเรา มอบความไว้ใจไม่ตกใจ ที่เห็นหน้าเราอีกแล้ว
black- naped monarch นกสีสวยตัวโปรดที่คอยสร้างความสดชื่นมีชีวิตชีวาแก่บ้านป่าผาด่าง เธอมาเป็นคู่ ในรอบเช้า และรอบบ่าย ต้นมะม่วงในผาด่างเราคิดว่าเธอคงรู้จักทุกกิ่งมากกว่าเรา และเพราะพวกเธอ ทำให้เรารู้ว่า ปีนี้ดอกมะม่วงในผาด่างติดช่อมากเหลือเกิน
อาคารนอนรวม เรายึดเป็นที่นอนตั้งแต่ก่อนปีใหม่ pied fantail นกอีแพรด ไล่ต้อนกันส่งเสียงดังลั่น ปลุกเราตื่นนอนตอนกลางวัน เรามองตาม ตามเสียงที่พวกเจ้าคุยบอก หมุนตัวซ้ายขวา ก่อนกระโดดไปทางขวาและล่อนถลาโผบินไปอีกต้นมีพวกเจ้าคอยตามไล่ ทะเลาะอะไรกันจ๊ะ คิ้วขาวเล็กๆ เด่นชัด กางหางแพนเป็นพัด บอกว่าเจ้าเป็นใครให้เราจดจำร่วมเป็นสมาชิกของชาวผาด่าง
นกcommon morehen ปากสีแดงสด เดินเงียบๆข้างกอไผ่ตงห้วยก้านเหลืองและเมื่อมองไม่เห็นเรา ก็ค่อยๆลงน้ำว่ายไปมาเหมือนเป็ด และไม่นาน คู่ของเธอก็ว่ายเข้ามาสมทบแต่ไม่นานก็กลับแยกกันไปคนละทาง ปากสีแดงตัดกับขนสีดำทำให้เรามองอย่างเพลิดเพลินอารมณ์และท่าทีที่เธอสำราญในช่วงเวลานี้ ว่ายเข้าหาฝั่งหาอาหารและว่ายออกจากฝั่งใกล้เราเข้ามา จนเราไม่แน่ใจว่าจะทำให้เธอตกใจรึเปล่า แต่แล้วเธอก็ว่ายผ่านเราไป ต่างฝ่ายต่างมีความสุขท่ามกลางธรรมชาติเงียบสงบแห่งนี้
ก้านกิ่งสั้นๆแต่ยื่นไปในน้ำ และรออยู่ ไม่นานตัวน้อยๆอกสีส้มสนิม หลังสีฟ้า เรากระซิบบอกชายหนุ่มข้างๆเกี่ยวกับชื่อของเจ้า ชายหนุ่มเอ่ยปากชมว่านกตัวนี้สีสวย กริยาน่ารัก ปากยาวสีแดงสวยมากเลยครับ เสียงถามต่อว่า ผมเห็นอีกตัวแล้วครับ หางยาวมากและสีดำ มีขาวด้วย ปากสีเขียว แล้วชายหนุ่มก็ขยับตัว ก้าวเข้าไปเพื่อใกล้แต่นกตัวนั้นก็ขยับห่างออกไป เพื่อสอนการเรียนรู้มารยาทแห่งชีวิตธรรมชาติ ชายหนุ่มเองเริ่มเข้าใจ ปฎิบัติตัวอย่างเรียบร้อยและนุ่มนวลกว่าเดิม ได้ยินเสียงตัวเราเองบอกชายหนุ่มว่าแสงตะวันลับลาแล้วนกบั้งรอกgreen-billed malkoha เป็นตัวสุดท้ายของวันนี้ หนุ่มคนนี้มากางเตนท์ที่ผาด่าง กับเพื่อนๆ เราทั้งคู่ต่างบอกลากันและกันว่าพรุ่งนี้ต้องออกจากผาด่างตั้งแต่ตี4 เราขอให้เดินทางด้วยความปลอดภัย และหวังว่าคงไม้ลืมนกตัวน้อยๆที่มาอวดความสวยงามให้ชื่นชมแม้เป็นช่วงเวลาที่สั้นๆก็ตาม
รุ่งเช้าตามนิสัยมีกล้องคล้องคอ แม้เป็นช่วงเวลาที่เราต้องจัดบ้านเตรียมรับแขกที่จองบ้านริมน้ำไว้ และต้องแปลกใจ ชายหนุ่มคนเดิม เดินตามหาเรา และเอ่ยปากขอยืมกล้องดูนก เกือบบ่ายแล้ว ชายหนุ่มเอากล้องมาส่งคืนให้ พร้อมกับคำขอบคุณ เราถามว่าเป็นอย่างไร พบนกหลายตัวหรือเปล่า และสีสวยมากไหม ชายหนุ่มบอกว่านกสวยมากเลย เรานึกเสียดายที่ไม่มีเวลาพาชมนกด้วยตนเอง แต่นกป่าในธรรมชาติ คงสะกดมอบความน่ารักให้ชายหนุ่มคนนี้ ลุ่มหลงเดินตาม เพื่อค้นหาชีวิตน้อยๆแสนสดใสที่สร้างรอยยิ้มให้แก่ชายหนุ่มเองอย่างไม่รู้ตัว
นกวัก white-breasted waterhen จากระเบียงบ้าน บนเปลผ้าใบ สายลมกับสายน้ำพัดเข้าหาบ้านหลังนี้ที่ยืนนิ่ง เสียงบางอย่างดังใกล้ตัว และเมื่อมองหาเป็นเจ้าที่ยืนข้างเสาบ้านด้านตะวันออก เราทำเสียงดังไปหน่อยพาลให้เจ้าตกใจโผลงน้ำว่ายวิ่งอ้อมโค้งผ่านหน้าไปทางซ้ายมือ เกาะกิ่งไม้บางที่ลอยแช่น้ำ จากมุมมองนี้เจ้าคงไม่เห็นเรา แต่เรากลับพบเจ้าชัดกว่าเดิม ยืนอย่างสบายอารมณ์ และเริ่มทำความสะอาดตัว ซุกไซร้ขนปีกทั้งซ้ายและขวา ก้มลงจิกใต้กลุ่มขนจนแน่ใจว่าสะอาดพอแล้วก็หมุนหันหน้า ให้เรามองให้ชัดกว่าเดิม และเดินใกล้เราเข้ามาอีก ใกล้อีก แต่มุดเข้าไปใต้กลุ่มใบพืชน้ำ เจ้าใกล้ชิดเรามากขึ้น แต่กอใบไม้หนาปกปิดเจ้าจากสายตา เพียงใบไม้กระเพื่อม ไหวๆว่าเจ้ายังอยู่กับเราเท่านั้นเอง
บนกิ่งแห้งๆยอดสูงเหนือน้ำ common kingfisher เสียงกระเต็นน้อยธรรมดาร้องบอกว่าเรามาแล้ว ตามองตามเสียงคงเป็นกิ่งโปรดอีกกิ่งที่เจ้าชอบยืน คราวนี้ยืนหันหน้าหาน้ำ เราเป็นคนเฝ้าชม เจ้าโผจับปลาซิว คลื่นน้ำเป็นเงาสะท้อนแสงแวววาว และวิ่งเบาๆเข้าฝั่ง ธรรมชาติช่างส่งเพื่อนให้เป็นเจ้ามาเยือนข้างกาย ยามเราเขียนหนังสือรอยจำผาด่าง เราไม่ได้เลือกกาลเวลาที่สวยงามอย่างนี้ แต่เรารู้ว่า ธรรมชาติคอยมอบเวลาพิเศษอีกครั้งเพื่อให้เราเป็นผู้จดบันทึกรอยจำ
และซ้ำๆกับห้วงเวลา ที่ตัวหนังสือกำลังพรั่งพรูจากเรื่องราวธรรมดาของธรรมชาติ แต่งแต้มตังละครตัวเก่าแต่เวลาใหม่ โดยเจ้า black-capped kingfisher เจ้ากระเต็นหัวดำบินพรืดเข้ามาเกาะตอไม้หน้าบ้าน แต่เจ้าผู้ไม่ยอมคลายตระหนก หากเห็นเราเมื่อไร เจ้าก็พร้อมปากยาวสีแดงแปร๊ด แผดเสียงร้องก้องแสบหู หันหัวสีดำเข้ม สะบัดปีกหลังสีม่วงสด ผละจากเกาะตอไม้ประจำ ตัว กลับใจบินกระเจิดกระเจิงไปทางบ้านนกร่าเริง แต่ครั้งนี้พานกกระเต็นน้อยหายไปทางเดียวกัน
ไกลจากมุมจิบกาแฟมุมใหม่ของปีนี้ นกฝูงใหญ่สีน้ำตาลใบไม้แห้งทะยอยเข้าหาต้นมะม่วง คงเป็นนกกระรางฝูงเดิม แห่งผาด่าง และค่อยๆบินเข้ามาใกล้ต้นมะม่วงอีกต้นแต่ใกล้เรา และอีกนิดกับการทะยอยกระโดดบ้าง บินต่ำๆบ้างและไม่นานกับความใจดีของธรรมชาติ นกกระรางสร้อยคอใหญ่ ก็ร่อนลงพื้นดิน วนหากินตามพื้นหญ้าแห้ง กระโดดใกล้ตัวเรา ที่ยอมนั่งนิ่งเป็นหุ่น แลกกับการชื่นชมพวกเจ้าผ่านกล้องอย่างชิดใกล้ เส้นคิ้วเล็กเรียวสีดำตีวงโค้งยาววนรอบคอแบ่งแก้มเป็นก้อนแต้มขาว มองแล้วมองอีก พวกเจ้าแสดงความสดชื่น สดใส ร่าเริงกับตะวันสาดแสงอ่อนๆยามเช้า ก่อนจากไปด้วยการบินละเลียดไปทางต้นชมพู่กับต้นขนุน เราอีกแล้วที่เสียดายชะเง้อตาม
เสียงดังตูมในน้ำ อะไรบางอย่างดังขนาดนี้และไม่ถึงอึดใจ นกเหยี่ยวโผขึ้นจากน้ำที่แตกกระจายโผขึ้นฟ้า บินวนเป็นวงกว้างและโผดิ่งลงน้ำในจุดเดิม เสียงน้ำดังตูมอีกแล้ว เหมือนเป็นภาพแห่งเวลาซ้ำและย้อนกลับ เรายกกล้องมองเห็นความชัดเจน ไม่มีเหยื่อในอุ้งตีน และคราวนี้บินวนวงรอบฟ้าเป็นวงกว้าง ก่อนทิ้งตัวอีกครั้งแต่เป็นฉากกลางอ่างน้ำผาด่าง ในครั้งนี้เจ้าดิ่งตัวหัวปักตั้งฉากลงพื้นน้ำที่รออย่างสงบ เสียงตูมสนั่น สรรพชีวิตหยุดเคลื่อนไหว เวลายอมหยุดนิ่งพร้อมกับร่างเหยี่ยวหายไปในน้ำและไม่ถึงอึดลมหายใจ มีแต่เจ้าแห่งลมเท่านั้นที่รอคอยช่วยยกพยุงปีกให้เจ้าเหยี่ยวตัวนี้ทะยานจากน้ำเข้าหาฟ้าสีแดงส้มของตะวันยามเย็น เหยี่ยวยังบินร่อนเป็นวงกลมใกล้เรามากกว่าที่คิด และร่อนหายไปทางทิศเหนือหน้าผาผาด่าง ทิ้งความเงียบและความหวาดผวากลัวไว้เบื้องหลังและเบื้องล่าง เราพบใจต้วเองตื่นเต้นกับการแสดงสด ปฎิบัติการล่าโหด โดยมีหน้าผาสูงตั้งฟ้าและท้องน้ำหน้าบ้านของเราเป็นเวทีชีวิต
Brown shrikeนกอีเสือสีน้ำตาล ตัวสีน้ำตาลอ่อน ใส่แว่นตาสีดำ พบกันคราวนี้ เจ้าย้ายไม้เกาะไปเรื่อย บางครั้งเราพบกันลานหญ้า แต่บางทีเจ้าบินมาเกาะกิ่งต่ำต้นขนุน ในปีที่ผ่านมานี้ เรากับเจ้ามักไม่พบกันบ่อนนัก ทั้งที่ปีก่อนๆ มักพบเจอตัวกันเสมอ แทบทุกครั้งที่เดินผ่านซุ้มกอไผ่ เหมือนกันกับพวก soothy- headed bulbul ที่เรามักไม่เห็นมาเกือบ2-3 เดือนมาแล้ว เราสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเจ้าจากหายไปไหนกัน
มาถึงเรื่องที่เราไม่อยากเขียน แต่เป็นอีกชีวิตที่เลือกมาอาศัยให้ที่นี่เป็นบ้าน ร่วมร้อยบันทึกเจ้าเพื่อต้อนรับการเป็นสมาชิกใหม่แห่งบ้านป่าผาด่าง นกแก๊ก ตัวผู้ ผู้หลงบ้านมาจากไหน คู่ของเจ้ารอการกลับไปของเจ้าอยู่ที่แห่งใด ผู้เลี้ยงดูเจ้าหรือที่มนุษย์ใช้เรียกเป็นความเจ้าของชีวิตสัตว์โลกด้วยกันว่า เจ้าของ เค้าคือใคร ทำไมเลี้ยงให้เจ้าพิการหากินเองไม่ได้ แม้วิธีเกาะกิ่งไม้เจ้ายังอ่อนด้อยประสบการณ์ มาที่นี่ เราไม่อยากใช้คำว่าเลี้ยงดู เพราะคำนี้มันยิ่งใหญ่มาก ที่จะต้องดูแลรับผิดชอบหนึ่งชีวิตไปทั้งชีวิต ทั้งเป็นชีวิตที่ไม่ได้พูดภาษาเดียวกัน หรือแม้แต่ภาษาท่าทาง การกิน หลายๆอย่างล้วนเป็นอุปสรรคหนักใจ การกักขังไม่ใช่สิ่งทีเราจะปฏิบัติกับชีวิตอาภัพของเจ้าเช่นกัน แม้แต่นกแก๊กในสายพันธุ์พี่น้องของเจ้าก็ไม่ยอมรับ คอยไล่จิกตีเมื่อมีโอกาส เจ้าต้องร้องเสียงหลงกลัวลนลานยอมแพ้หนีตาย ชีวิตนี้ของเจ้าในผาด่าง เรายังมองไม่เห็นความสุขของเจ้าจะมีได้อย่างไร เจ้าทองเหลืองหมาเกเร

ไม่มีความคิดเห็น: