วันเสาร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2552

Grandmother of mine

นึกถึงยาย


จำได้แต่ว่า หน้าที่เป็นคนพับผ้าถุง พับเสื้อผ้า เสื้อไม่เน้นเท่าไหร่ แต่ผ้าถุงเน้นเป็นพิเศษ พับเป็น10 หน กว่าจะถูกใจ

ตำหมาก กรีดใบหมาก ปาดปูนแดง ตำห้ามมีเสียง ถูบ้าน และให้ถูซ้ำ ถอยหลังถูทีละแผ่น

ทำขนมไทย เวลาเข้าพรรษา ออกพรรษาข้าวต้มลูกโยนแล้วมัดด้วยตอก นิ้วมือแตกเลือดซิบ

กำหนดเวลากลับบ้าน ห้ามเกินตะวันตกดิน แม้ในช่วงมหาลัยปีสุดท้าย ยังต้องเอาตารางเรียนมาแปะไว้ตรงเชี่ยนหมากเพื่อเช็คเวลากลับ

แต่เวลาก่อนนอนยายไหว้พระเสียงดังมาก ข้างๆบ้านพี่กุ้งไม่ต้องดูทีวีค่ะ เพราะยายพี่กุ้งหูตึงจะตะโกนไหว้พระช่วงประมาณ3 ทุ่มทุกวัน และไหว้นานเป็นชั่วโมงๆ

สวดมนต์เสร็จ ก็เป็นเรื่องขอพรทันที ให้นางชื่อ.....เป็นลูกหรือหลานคนที่...... มีสามีชื่อ...... มีลูกกี่คนชื่อ..... ให้ประสพความสำเร็จในหน้าที่การงาน ......ถ้ายังเรียนอยู่ขอให้เรียนดี....... ถ้ายังไม่มีงานทำขอให้ได้งาน ......ถ้าไม่มีแฟนหรือเนื้อคู่.... ขอให้เจอและเป็น.....คนดีคนรวย จนครบหมดญาติทุกคนในตระกูล


ข้างและรอบบ้านรู้หมดค่ะว่า บ้านนี้มีลูกหลานเท่าไหร่ ใครเป็นอย่างไรบ้าง
อิทธิฤทธ์ยายของมีเป็นร้อย เดี่ยวไมโรโฟนได้ค่ะ















หวย.... หวย..... หวย....หวย กับสาวต้นห้องชื่อ เรือง จากบ้านคำข่า สกลนคร


เรืองอายุ 22 เล่นหวยไม่เป็นค่ะ เงินเดือนได้มาเท่าไหร่ ส่งให้ทางบ้าน พ่อของเรืองตายตั้งแต่เรืองอายุ10 กว่าปี มีน้องอีก 3 คน อาชีพทำนาและรับจ้างทั่วไป




ยายของพี่กุ้งพบกับเรืองตอนอายุ 85 ปี เรือง 22 ปี ค่ะ เรืองจะเรียกยายของพี่กุ้งว่าคุณยายทวด ยายของพี่กุ้งชอบเล่นหวยเอามากๆ ซื้อหนังสือให้เลขทุกสัปดาห์หรือรายปักษ์ พี่กุ้งรู้แต่ไม่สนใจ

ทราบทีละหลังว่าสาวเรืองเจ้า มีหน้าที่คอยซื้อหนังสือหวยให้
เรืองชอบไปซื้อให้ค่ะ สาเหตุ เพราะจะได้แต่งตัวสวยๆ ทาปาก ทาตา ทาเล็บ นั่งรถสองแถวในหมู่บ้าน ออกไปซื้อเสื้อผ้าของแต่งตัว มาพร้อมกับหนังสือหวยของคุณยายทวด พร้อมพวงมาลัยไหว้พระและขนมที่ยายทวดสั่งซื้อค่ะ






ได้หนังสือมายายของพี่กุ้ง เอากระดาษปากกา มาบวกเลข จนเต็มหน้ากระดาษ มีหนังสือทำนานฝันประกอบไปด้วย และซื้อเป็นหวยใต้ดิน ซื้อกับคนข้างบ้าน




ถ้าถูกหวยก็จะให้เงินทิปพิเศษกับเรืองค่ะ

บ่อยครั้ง เรืองของพี่กุ้งก็จะสอนคุณยายทวด มันไม่ดีนะค่ะ
ยายพี่กุ้งผู้หญิงแก่โบราณ เจ้าระเบียบ ก็สวนเสียงดังฟ้าผ่าดังไปสามบ้านแปดบ้าน ทันทีว่า หนอยแน่....อีขี้ข้าอย่ามาเสือก เรื่องของกู เดี๋ยวกูจะให้ลูกหลานไล่มึงออก





แต่หญิงเรืองของพี่กุ้งบอกว่า ก็หนูเห็นว่ามันไม่ดี หนูก็บอกไป คุณยายทวดไม่เชื่อหนู ก็ไม่ว่าหรอกค่ะ แล้วใครจะมาทนยายทวดได้ หนูก็ไม่อยากอยู่หรอก แต่มันเวรกรรมอะไรของหนู ต้องมาดูแลคนแก่ ปากจัด เจ้าอารมณ์ ตบอกตัวเองเบาๆ ประกอบความในใจด้วย



ใจหนูอยากไปเป็น นักร้องคาเฟ่ แต่งตัววับๆแวม ไม่ใช่มามีชีวิตอย่างนี้พูดๆๆๆจน แล้วก็กระหนุง กระหนิงทะเลาะกันเรืองอื่นต่อไป



พี่กุ้งกับลูกหลานทุกคนตั้งแต่เกิด ไม่มีใครในบ้านกล้าพูดอย่างนี้กับยายของตัวเองหรอกค่ะ






พี่กุ้งรู้สึกว่ายายของพี่กุ้งมีความสุขกับการสนทนากับเจ้าเรือง ก็เลยปล่อยๆไป และทำไมจำได้ก็ไม่รู้














พี่กุ้งมีคนทำงานบ้านมาใหม่ อายุ21ปี คนนี้พิเศษมาก ทำไมต้องเดินทางจากกรุงเทพไปรับเองก็ไม่รู้

รับมาจากบ้านป่าคำข่า พรรณนานิคม จังหวัดสกลนคร นั่งมาในรถก็บ่นมาตลอดทาง พูดๆไม่หยุดปาก
เห็นหน้าข้อยอย่างนี้ ข้อยไม่ใช่ลาวนะ ข้อยเป็นชาวภูไท ไม่ใช่ลาว เน้นอีกห้ามเรียกข้อยว่าลาว และอย่ามาคาดหวังนะว่าข้อยจะอยู่ทำงานนานนะ

ระยะทาง สกลนคร สู่กรุงเทพ 900 กว่ากิโล บนรถ มี4 คน สาวชื่อเรืองแทนตัวเองว่า ข้อย หมายถึงตัวเอง ข้อยเคยเข้ากรุงเทพแล้ว อยู่แค่ 2-3 เดือน ไปอยู่ร้านอาหาร


ข้อยเบื่องานก็กลับบ้าน เป็นอย่างนี้ 3 ครั้งแล้ว และข้อยไม่คิดหรอกว่าชีวิตข้อยจะต้องเป็นคนใช้ คนงานในบ้าน ครั้งนี้ก็เหมือนกัน อย่าหวังนะ ข้อยจะอยู่นาน และพูด…….คุยไม่หยุด พูดวนไปมา จนพี่กุ้งฟังภาษาภูไทรู้เรื่องขึ้นมาบ้าง

อีกช่วงบนรถ กับชีวิตพี่กุ้งและสาวเรืองวันแรกในชีวิต พร่ำเพ้อออกมาว่า

ตอนข้อยอยู่ ประถม 3 ครูถามเพื่อนค่อยในห้องว่า หากโตขึ้น ใครจะเป็นอะไร
เพื่อนๆในห้องค่อยยกมือตอบ กันทีละคน บางคนบอกว่าเป็นทหาร เป็นตำรวจ เป็นคุณครู พยาบาลเยอะมาก พอมาถึงค่อย ข้อยตอบครูว่า อยากเป็นคุณนายค่ะ


ทำไม ชีวิตของข้อย….ข้อยต้องมาเป็นคนงานคนใช้
เพื่อนข้อยมันก็ทำนาทำไร่ ไม่เห็นมีใครเป็นทหาร เป็นนางพยาบาล ตำรวจ เห็นเป็นแต่ยามกันหมด
ปากบ่นอย่างอื่นและวนมาอย่างนี้อีก


ตลอดทาง ตาก็มองเสาไฟที่ผ่านไปทีละต้น แล้วถามว่า นี่ถ้าข้อยเดินตามเสาและสายไฟฟ้า จะกลับถึงบ้านข้อยไหมเนี่ย
ตอนนี้ก็ผ่านมา15 ปีแล้วค่ะ
สาวภูไทคนนี้ชื่อเรืองกลายเป็นที่มาของสาวต้นห้องยายของพี่กุ้งค่ะ
คนงานคนนี้พิศดาลมาก เราขับคันนี้ไปรับมาจากบ้านป่าค่ะ งงๆ อยู่เหมือนกัน ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเราและเค้า






แต่ดีใจค่ะ เค้าไม่สนใจเรื่องรถ ไม่เกร็ง ประหม่า เป็นตัวของตัวเองเสมอ แต่ตัวเองคิดว่า เกินหรือขาด

ให้ไปซื้อน้ำเขียว ก็ได้กินสไปร์ท แทน บอกว่า เห็นขวดมันสีเขียวนะพี่

วันก่อนวิ่งมาถามว่าพี่ส่าวให้มาตามไปกินทุเรียน เราบอกว่า ไม่กินลดความอ้วน

ถ้าพี่ไม่กินหนูจะได้กินแทน ยิ้มอย่างดีใจหันหลังเดินลิ่วกลับบ้านใหญ่

เรานึกขึ้นได้ เฮ้ย!เรืองทานทุเรียนไม่เป็นไม่ใช่หรือ

โอ้ย!.....เดี๋ยวนี้หนูกินเป็นแล้ว....






คุณ นาย ภาค 2





ครอบครัวพี่กุ้งจะมี 3 หลังติดกัน บ้านพี่สาวสามีชื่อพี่แป๊ะ มีพ่อ แม่ กับยายของพี่กุ้ง ลูก2คนของพี่สาว และยายพี่กุ้ง


บ้านพี่กุ้งมีแค่ 2คนกับแฟน เพราะพี่กุ้งจะไม่อยู่บ้าน จะมีบ้านที่ต่างจังหวัด ไปๆมาค่ะ
อีกหลังเป็นบ้านให้คนทำงานอยู่ร่วมกัน แต่ทุกหลังอยู่ติดกัน อบอุ่นมาก

พี่กุ้งจะสอนเรืองสอยผ้า ปักผ้า เย็บกะดุม เรืองคุยเก่ง ชอบร้องเพลงลูกทุ่ง หมอลำจะชอบเป็นพิเศษ มีเต้นเหมือนสาวโคโยตี้ สาวโคโยตี้กับยายแก่เจ้าระเบียบ ทำให้บ้านของเรามีแต่เสียงหัวเราะ


บ่นเรื่องอยากกลับป่าคำข่าทุกวัน สลับบ่นเรื่องงาน แต่เรืองทำงานสวยพอใช้ได้ค่ะ
ชอบเปิดหนังสือแฟชั่นเมืองนอกของพี่กุ้ง และออกแบบเอง เย็บเอง มีกางเกงอยู่แบบหนึ่ง พี่กุ้งเอาแบบของเรืองมาทำขาย เกือบ 7 ปีแล้วยังขายมาจนปัจจุบันคะ


เรืองของพี่กุ้งชอบไปคุยกับคุณยายของพี่กุ้งเพราะคุยเก่งทั้งคู่ คุยกันได้ทีนานๆ

ตอนนั้นคุณยายพี่กุ้งอายุ อายุ 85 ปี เดินได้ ชอบทำกับข้าว ดูแลหลานทวดสุดรักสองคน หูก็ไม่ตึง ตาไม่บอดค่ะ ขยัน พี่กุ้งเห็นว่าเรืองชอบคุยกับคุณยาย พี่กุ้งเพิ่มเงินและให้งานพิเศษ คอยดูแลงานบ้านพี่สาวและ


คุณยายค่ะ กับคุณแม่ซึ่งขณะนั้นเริ่มเป็นอัลไซเมอร์แล้ว เพื่อเพิ่มเป็นรายได้เพิ่มขึ้นให้อีก
ตอนหลังเค้าจะแทนตัวเองว่าหนู เรืองบอกว่ายายทวดสอนค่ะ ส่วนพี่กุ้งจะเรียกคุณยาย คำว่าข้อย เรืองจะใช้พูดกับเพื่อนๆค่ะ


คุณยายพี่กุ้งพอรู้ว่าเรืองมีหน้าที่เพิ่มให้มาทำงานบ้าน ก็สอนเรืองใหม่ทันทีค่ะ แต่ตอนนั้นทั้งคู่สนิทกันแล้วนะค่ะ


วันหนึ่งยายพี่กุ้งเรียกหญิงเรืองมา สอนวิธีการพูดจาเรียกคนในบ้าน จากเคยเรียกอย่างไรเปลี่ยนใหม่หมด
เอ็งต้องเรียกข้าว่า คุณยายทวด เรียกยายทวดอย่างเดิมไม่ได้แล้ว เพราะเอ็งมาเป็นคนใช้บ้านข้า เอ็งต้องเรียกอย่างนี้


ต้องเรียกแม่ของพี่กุ้งว่า คุณยาย ต้องเรียกพี่แป๊ะหลานเขยข้าว่า คุณนายผู้ชาย เรียกพี่ไก่พี่สาวพี่กุ้ง คุณนายผู้หญิง และ…..เวลาข้าเรียกเอ็ง เอ็งต้องขานรับว่า ขา คำว่า ค่ะ ไม่ใช่พยักหน้าหรือเออไม่ได้


ถ้าข้าเรียก เดินมาพอใกล้ข้า ต้องคุกเข่าลงแล้วคลานมาหา ทำได้ไหม เรืองของพี่กุ้งเอาแต่หัวเราะเป็นม้าเลยค่ะ แล้วก็ลองเรียก คุณยายทวด แล้วบอกว่า จะเอาอย่านี้จริงเหรอ
ยายพี่กุ้งโบกมือ.....ไม่ได้...ไม่ได้ เอ็งต้องมีคำว่าค่ะด้วย


วันนั้นทั้งวัน ท่องเสียงซ้ำไปมา คุณยายทวดค่ะ คุณยายทวดค่ะ คุณยายทวดค่ะ ท่องซ้ำไปมาเวลาเย็บผ้าค่ะ
ตกค่ำวันนั้น เมื่อทุกคนกลับบ้าน หญิงเรืองก็เรียกทันทีค่ะ พี่แป๊ะ(พี่เขย)เดินถือถุงกลับข้าวเข้าบ้าน เรืองไม่รอช้าค่ะ คุณนายผู้ชาย คุณนายผู้หญิง กลับมาแล้วหรือค่ะ หมายถึงพี่เขยกับพี่สาว ต่างหันมาสำรักน้ำที่กำลังเข้าปาก


พี่แป๊ะกับพี่ไก่บอกว่าไม่เอาโว้ย เรืองบอกว่าไม่ได้ คุณยายทวดสอนหนูไว้ ให้เรียกอย่างนี้
พี่แป๊ะยืนยันโวยว่า ห้ามเรียก พร้อมกับยิ้มให้อย่างใจดี เรียกอะไรก็ได้ แต่ห้ามคุณนายผู้ชาย คุณนายผู้หญิง
งั้นหนูเรียกว่าทั่นพี่ขจรก็แล้วกันนะ และเป็นทั่นพี่ขจร ชื่องจริงของพี่แป๊ะจนมาถึงปัจจุบัน








เรืองอายุ 22 ปีผ่านไป 37แล้วค่ะตอนนี้



ในอดีตวันหนึ่ง เรืองเล่าว่าทะเลาะกับยายทวด อะไรหละ คราวนี้ เมื่อวานยายทวดเอาเงินมาให้หนู 20 บาท พอวันนี้หนูทำไม่ถูกใจ บอกว่ากูจะเอาเงินคืน ให้มึงเมื่อวาน กูจะเอาคืน อีเนรคุณ



พอเอาไปคืนให้
เสียงดังฟังชัดลอยมา อีบ้ากูให้มึง 100 บาท มึงโกงกู เสียงเรืองบอกว่า คุณยายทวดให้หนูแค่20บาทจริงๆ มึงโกหก ใครๆก็รู้หลานกูรวย อย่างกูเนี่ยนะเหรอ พกแบงค์ 20 บาท



บางวัน หญิงเรืองชอบแกล้งให้แกด่า อีเรืองกูไล่มึงออก ลูกหลานกูเดี๋ยวเค้าก็หาคนมาดูกูได้ มึงอย่ามายั่วกู รุ่งเช้าเรืองก็บีบจมูกตัวเองเข้าไปหา ทำเหมือนเป็นคนดูแลใหม่ ยายของพี่กุ้งเงียบซึมเหมือนคนละคนค่ะ




วันหนึ่ง ยายอยู่บนเตียง เรียกหลานชายคนโตเข้าไปหาให้นั่งข้างๆที่เตียง เอามือที่มีแต่หนังเหี่ยวๆ แขนลีบเล็กไม่มีแรงๆจับมือหลานชายขึ้นมาลูบไปมา พร้อมกับกระซิบ แต่ความที่หูตึงเสียงดัง เรียกพวกเราไปยืนเกาะขอบประตูฟังทุกคน



เสียงยายสั่งว่า ปรินหลานยายทวด ให้ระวังอีเรืองนะลูก อีนี่มันไว้ใจไม่ได้ อีกหน่อยมันจะแอบเป็นเมียน้อยของพ่อเรา มันชอบแต่งตัวยั่ว ชอบเรียกทั่นพี่ขจร มันร้ายมาก ให้ระวังเอาไว้นะลูก ทวดเป็นห่วง อีกหน่อยยายทวดไม่ได้อยู่แล้ว เพราะขอไว้กับเสด็จพ่อว่าขออายุ 100 ปี พวกเราพร้อมเรืองและปรินหันหน้ามาพยักหน้าเบาๆ เฮมากๆค่ะ










หมู่บ้านใหม่

เกิดขึ้นติดบ้านพี่กุ้ง พี่กับพี่สาวเห็นพร้อมกันว่า ลูกพี่สาวก็โตเป็นหนุ่มสาว แม่พี่กุ้งเหมือนเด็ก 3 เดือน
หญิงเรืองนอนข้างๆ คอยดูแลเวลาค่ำคืน ทั้งแม่และยายของพี่กุ้งค่ะ ทำให้เราพี่กับน้อง คิดซื้อบ้านให้ใหญ่กว่าเดิม และเราตกลงทุบรั้วบ้านทั้งหมดทะลุเดินได้2 หมู่บ้าน 4หลังคาเรือนค่ะ


พ.ศ. 2549 ช่วงที่เราเตรียมย้ายบ้าน ยายพี่กุ้งอายุ 99 ปีแล้วค่ะ พี่กุ้งบอกกับทุกคน การย้ายบ้านครั้งนี้ ของๆใครจัดของใส่กล่องเขียนชื่อ ย้ายกันเอาเองตามสะดวก แต่ของใหญ่ เช่นตู้ ทีวี ของใหญ่ เรานัดกันวันที่เท่านั้นเท่านี้

หญิงเรืองเก็บเสื้อผ้ายายทวดใส่กล่อง บอกว่าจะย้ายบ้าน ยายพี่กุ้งตวาดว่า อีโกหก หลานกูจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อบ้านใหม่ เรืองชี้แจงบอกอย่างไร ใครพูดก็ไม่เชื่อ สุดท้าย เจ้าเรืองแกล้งพูด จากเรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่


วันย้ายบ้าน

พวกเราอุ้มยายกันแต่เช้า พาคนแก่เข้าบ้านก่อนเอาฤกษ์ดี แต่อุ้มไม่ได้แกจะดิ้นและร้องไห้กลัวหลุดมือ ร้องไห้ร้องห่ม กูไม่ไป กูไม่ไป สุดท้ายตกลงย้ายของก่อน คนย้ายทีหลัง

เสียงของยายร้องไห้ เกาะที่นอนไว้แน่น ต้องแกะเอามือเหนียวหนึบออกจากที่นอน ติดหมอนข้างหมอนหนุนหลายใบมาก ช่วยกันแกะ อุ้มยายวางไว้บนพื้น ยกเตียง ยายร้องไห้ท่ามกลางตาบอด กูไม่ไป กูจะอยู่กับลูกหลานกูที่นี่


เสียงลากโต๊ะ สารพัดเสียง พวกเราวานชายหนุ่มกันมาหลายคน เสียงอึบ เฮ บอกให้ยก ตะโกนบอกระวังหัว ระวังขวา แล้วค่อยเอนไปซ้าย มาถึงรายการสุดท้าย
เวลาค่อน บ่ายแล้ว คือรายการสุดท้าย ยายของพี่กุ้ง จะพูดจะบอกอย่างไรแกก็ไม่เชื่อ ปลอบก็แล้ว สาบานก็ได้ วันนั้นจากแผนการง่ายๆ อุ้มเดิน ผ่านกำแพงที่เราทุบออกทำเป็นประตู กลายเป็นต้องช่วยอุ้มใส่รถ ใช้วิธีขับรถวิ่งอ้อมหมู่บ้าน

ยายของพี่กุ้ง ตะโกนจนชาวบ้านออกมาดูกัน เรากลัวแกจะพลาดตกจากมือค่ะ


หมู่บ้านใหม่


ยามหมู่บ้านตกใจ วอวิทยุกันมาดูเกิดอะไรขึ้น กับบ้านใหม่หลังนี้ ตกใจบ้านนี้ย้ายบ้านแปลกๆ มากันทางหลังบ้าน และสุดท้ายมาทางหน้าบ้านกับเสียงคนแก่ร้องไห้โวยวาย ไม่ยอมออกจากรถ ผู้ชายหลายคนเหงื่อตกค่ะ อุ้มคนแก่คนเดียว ออกจากรถ

พอวางคุณยายเบาๆบนที่นอน ที่คุ้นเคย ส่งหมอนใส่มือให้แกดม จับทีละใบ เอามือวางให้ลูบเตียง ยายตาบอดน้ำตาไหลอาบแก้มเหี่ยว





ลูกหลานเข้าไปนั่งข้างหน้า ปลอบประโลมแกให้หยุดร้องไห้ นึกถึงตอนที่พวกเราเข้าไปบอกว่า เชื่อหรือยังว่าอยู่กันทุกคน ไม่หนีไปไหนเลย จับมือดูสิ นี่กุ้ง นี่พี่แป๊ะ พี่ไก่ ปรินก็บอกว่าปรินก็อยู่ ไม่หนียายทวดหรอก หลานสาวก็เข้ามาโอ๋ เข้ามาปลอบ ปาดเช็ดน้ำตาให้ ลูกๆหลานๆ นั่งตาแดงๆ รวมทั้งเจ้าเรืองของบ้านเราด้วย

เดี่ยวนี้ พี่แป๊ะบอกว่า หญิงเรืองเป็นคนใช้ จริงๆ เดี๋ยวนี้โทรศัพท์ไปที่ทำงาน บอกใช้ให้ซื้อนั่นซื้อนี่เข้าบ้าน

เป็นคุณนายตื่นสาย ยายทวดไม่ตื่น หญิงเรืองก็ไม่ตื่นค่ะ เค้าต้องตื่นพร้อมกัน แต่เราเข้าใจค่ะ ดึกดื่น บางคืนยายทวดร้องจะถ่าย จะฉี่ ให้ใส่แพมเพิดก็ไม่ยอม ดูแลคนแก่ทีเดียว 2 คน



คุณยายของพี่กุ้งเสียตอนอายุ 100 ปีกับ 10 วันค่ะ ยายของพี่กุ้งชอบพูดบ่อยๆ ว่า ขอกับเสด็จพ่อ ไว้ 100 ปี
คุณยายเกิดเดือนพฤษภาคมค่ะ พอเดือนมีนาคมปีนั้น หญิงเรืองกระซิบกับพี่กุ้งว่า เราจะเริ่มcount down กันหรือยัง ในบ้านก็ลุ้นค่ะ ว่าที่คุณยายเคยบอกไว้จะเป็นความจริงกันหรือเปล่า




ปัจจุบันนี้ หญิงเรืองของพี่กุ้งติดหวยเอามากๆ

แต่ก็ถูกบ่อยนะค่ะ คงเป็นผลบุญ คอยดูแลคนแก่


สาเหตุจากการติดหวยมาจาก คุณยายพี่กุ้งเริ่มตาบอด เดินไม่ได้ หนังสือหวยที่ซื้อมา ต้องให้หญิงเรืองเป็นคนบวกค่ะ และความหูตึง เสียงบอกตัวเลข ให้บวกอย่างนี้ ซื้อบนกี่บาท ซื้อล่าง ซื้อโต๊ด
พี่กุ้งบอกว่าเบาหน่อยได้ไหม เสียงบอกซื้อหวยได้ยินไปถึงโรงพักแล้ว




คนไปซื้อหวยให้คุณยายก็หญิงเรืองค่ะ คงทราบแล้วนะว่าทำไมหญิงเรืองเปลี๋ยนไป๋
คุณยายทวด ถ้าตายไปอย่าลืมมาบอกเลขหนูนะค่ะ อีเรืองกูไม่บอกมึงหรอก ถ้าบอกกูจะบอกให้มึงเจ๊ง แต่เรืองก็ถูกบ่อยๆค่ะ



ยิ่งอยู่กันนาน ทำให้ทราบว่า หญิงเรืองเป็นคนตระหนี่มาก เงินเดือน ทุกบาท และถ้าถูกหวยหลายพันจะส่งให้ทางบ้านทั้งหมดค่ะ พี่กุ้งแกล้งขู่เรือง ต้องเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวเรือให้พี่นะ
หญิงเรืองทำเฉย พี่แกล้งทวงทุกวัน จนวันหนึ่ง เรืองทนไม่ได้ มากระซิบที่ข้างหูพี่กุ้งว่า หนูนะงก งกจริงๆ อย่าให้หนูเลี้ยงเลย แต่หนูก็รักพี่นะ ไม่งั้น ไม่อยู่มาตั้ง
15 ปีหรอก อดจริงๆค่ะ ก๋วยเตี๋ยวเรือ





ไม่มีความคิดเห็น: