วันจันทร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

เชียงใหม่

ตุลาคม October 2007

2/10 /50 วันอาทิตย์ เมื่อล้อหมุนไปทางทิศเหนือ แดดสีส้มอ่อนบอกเราว่ายังไม่สาย มีลมสบายๆ บนเส้นทางหลวงจังหวัดตาก ฟ้าให้ ฝนเป็นเพื่อนหยอกเย้า วิ่งเข้าหาเราที่หลบอยู่ในรถกระทบกระจกก่อนไหลหายไป

คืนนี้เราไปหาเพื่อนสาวชาวอีก้อ ที่ตลาดไนท์บาซาร์ ทักทายพูดคุยกันสักพัก เราขอตัวไปชม ตลาดถนนคนเดิน ที่ กาดท่าแพ คนมากมายรวมทั้งตัวเราที่เข้ามาเดินเที่ยว ลองกิน ลองชิมหลากหลายในรูปแบบของ ขนม อาหารพื้นบ้าน ท่ามกลางค่ำคืนฟ้าโปร่ง ชายหนุ่มหญิงสาวและพ่อเฒ่าแม่อุ๊ ต่างออกมาตั้งร้านเป็นเพิงชั่วคราว มีโต๊ะเตี้ยๆต้อง ยอมนั่งยองๆกับเก้าอี้ไม้เล็กๆ หรือ ยืนกินและสลับกับเดินกิน ไฟหลอดเล็กสีแดงสลัวแวมๆ บอกว่ามีร้านเล็กๆแฝงตัวหลอกเราเข้าไปเมียงมอง ก่อนจากมาเพราะหนังท้องตึงหนังตาอ่อนล้าจากการเดินทางมาทั้งวัน เราเลือกเดินชมเมือง และชมวิถีชีวิตหญิงกลางคืนตลอดข้างถนนบนเส้นทางเดินกลับห้องพัก ที่ห่างออกไปทางถนนลอยเคราะห์แค่ 2 กิโล

3/ มื้อเช้า เราไปทานโจ๊ก ที่ร้านเดิมเก่าๆ เล็ก ชื่อร้านเหมยฟ้า เจ้าของที่ดิน ตายจากไปไม่นาน มรดกที่ดิน และวัฒนธรรมพื้นถิ่น ที่ตกทอดแก่ลูกหลาน วันนี้ขายให้กับเจ้าของเบียร์ช้าง เหมยฟ้าเช่าที่ดินขายโจ๊กบนแผ่นดินผืนนี้มากกว่า20 ปี งงและสับสนพะวงกับวิถีธุรกิจสัญญาแบบใหม่ เคยชินการจ่ายเช่าที่ดินที่ใช้ความคุ้นเคย ไว้เนื้อเชื่อใจ โอนอ่อน ผ่อนปรนช่วยเหลือ เป็นความผูกพัน โจ๊กแต่ละชามคือความมั่นใจ ร้านเก่าๆคือความมั่นคง วันนี้ความหวาดวิตกกลายเป็นที่อยู่ใหม่ในหัวใจ

3/ ตกบ่าย เพ็ญนภา สาวชาวอ่าข่าหรืออีก้อ คบกันมา 20 กว่าปี เพ็ญนภาไม่เคยแต่งตัวประจำเผ่าให้เราเห็นเลย เปลี่ยน แม้แต่ชื่อ ต่างกับ ผิงผิงพี่สาวของเพ็ญนภา สาวคนนี้ค้าขายเก่ง อึดนิ่งอดทน มีความหยิ่ง หวงยึดความเป็นอ่าข่าสูงชัดเจน และเป็นสิ่งที่เราชื่นชมแต่ไม่เคยบอกเธอ

ผ้าไหมเก่าๆสีแดงลูบไล้เนียนนุ่มมือ ลายปักด้วยมือเป็นรูปนกแซวสวรรค์ และนกแอ่นฟ้าเกาะบนกิ่งไม้หงิกงอด้วยลมหนาวเย็นพัดบิด เราวนเวียนลูบคลำและยืนต่อรองราคากับผิงผิง อยู่เป็นนาน ยอมตัดใจวางผ้า แต่เมื่อเราขึ้นรถ ผิงผิงห่อผ้าโบราณผืนนั้นส่งให้กับมือ

ที่ร้านป้าบัว สาวโสดชาวลัวะคนใจดี พูดเก่ง คล่องสนุกสนาน เกือบจะเป็นชาวลัวะคนเดียวที่เลือกอาชีพค้าขายสินค้าหัตถกรรมชาวเขา และสามารถยืนหยัดอย่างมั่นคงใจกลางตลาดท่ามกลางเจ้ามือค้าผ้ารายใหญ่ วันนี้เราพบความชราในแววตาของป้าบัว หรือเราไม่ได้เจอกันนาน

4/ เสียงนกหวานเป็นจังหวะซ้ำๆ หรือเจ้าร้องเรียกหาตะวันและวันใหม่ เรารูดซิบเต๊นท์ ชะโงกหน้ามองดูป่าสนเป็นหมู่ ยืนยามเฝ้าเราทั้งคืน และรอเรากลับมาอยู่อย่างนี้ทุกครั้งไม่ว่าจะกี่หนและนานแค่ไหน นกกางเขนดงตัวเมียชะโงกมาดูเราแล้วบินหลบหายไปตรงพุ่มไม้เตี้ยข้างลำธาร ดินดำเปียกฉ่ำแฉะจากหยาดฝนทั้งคืน เรากลั้นใจแล้วสูดสายลมที่มีแต่กลิ่นใสสดเย็นสะอาดให้หัวใจลึกสุดและทำวนเวียนซ้ำๆอีกสองสามหน

อาหารเช้าที่ร้านลุงแดง และข้างกล่องเผื่อมื้อกลางวัน เสียงของลุงแดงไล่ตามมาขอให้โชคดี กลุ่มเมฆฝนที่เอาฟากฟ้าเหนืออาณาจักรดอยอินทนนท์ เป็นที่ตั้งอุ้มอมน้ำเป็นวงกว้างสุดตา ป่าผืนใหญ่รอบทิศทางข้างหน้ามีใบไม้เต็มแน่นก่ายกอดทุกพุ่มทุกกิ่งน้อยและใหญ่ กอกล้วยไม้ป่าละเลื่อย เกาะแน่นติดตามต้นทุกก้านกิ่ง สลับแบ่งปันให้กอเฟินใบยาวย้อยลงใต้และฝอยลมที่แกล้งเกาะห้อยตัว โบกไหวเล่นกับสายลมลู่ที่วิ่งผ่านไปมา เหมือนบอกเราเพื่อเยี่ยมชม เธอเห็นเราไหม เราคือฝอยลม เราอยู่ตรงนี้ เธอรู้อะไรไหม เรามีชีวิตและเราเป็นเพื่อนเธอ เสียงของเราที่ร้องบอกฝากกับแสงแดดที่พาดไปถึงเธอ เราขอบคุณ ได้ยินหรือเปล่า เราขอบคุณ

คลานเข้าหาพงไม้ พูดบอกกันเบากว่ากระซิบ แว่นตาแป๋วๆ ขนข้างปีกสีน้ำตาลลาย แอบตรงนั้นและแกล้งหลบลึกเข้าไปอีกนิด และอีกหน่อย ใจพูดพร่ำอย่าหายลับไป แต่อีกตัวก็ขยับพุ่มหญ้าให้เราหมุนกล้องตาม หลอกเราอีกครั้ง และไม่นาน เจ้าทั้งคู่ก็ทิ้งเราไว้ในพุ่มพงไม้อย่างไม่รู้ตัวและมีแต่ก้านและใบไว้ให้มองเท่านั้นเอง

บนยอดไม้นกพญาไฟคู่นี้ short-billed minivet โดดเด่นด้วยแสงสี สุริยันและจันทรา เรามองตามหาตัวเมียสีเหลืองที่ยืนเกาะกิ่งหันหลังให้เรา และตัวผู้รีบบินโชว์ตัวให้เราเห็นเด่น สีแดงไฟตัดกับใบไม้สีเขียว และขยับให้ประจักษ์ชัดอีกซ้ำๆ ย้ำความเด่น ทุกกิ่งไม้เจ้าเกาะใกล้เข้ามา สีแดงเพลิงของตัวผู้ทำให้เราลืมตัวเมียสีเหลืองสว่างตา หรือกลอุบายธรรมชาติหลอกล่อทำหน้าที่ของเพศผู้ ปกป้องเพศเมีย

ฟ้าฝนสีเทาคอยเคลื่อนคลุมบังตะวัน บางทีก็ใจดียอมเปิดให้แสงสีส้มลอดผ่าน เราได้เห็นลำแสงสีแดงส้มโปร่งวิ่งผ่านเป็นแผ่นผลึกเฉียงตัดทะแยงลงมาหาพื้นดินเป็นแสงเกือบเป็นสีเงินสีทอง และไม่ทันไรก็ต้องจากไปเมื่อเมฆแกล้งบังตะวันอีกครั้ง เป็นเช่นนี้อยู่ร่ำไป

ฝนเติมเต็มความสดชื่นตอนบ่ายและลอยเลื่อนจากไปเสียที นกน้อยตื่นเต้นรีบออกบิน สะบัดปีกหยาดฝนกระเซ็นฟุ้งผสมกับหยดน้ำใสตามช่อดอก เกษรละเอียดฝอยเท่าละออง ดีใจได้ทั้งน้ำฝนและมีนกตัวน้อยคอยตั้งหน้าตั้งตาช่วยเซาะซอนผสมเกษร นกสวย ดอกไม้งาม ละลานตา จะเลือกรักสิ่งใดกว่ากัน ไม่สนใจหาคำตอบให้ยุ่งยากใจทำไม

หลายตัวเจ้าคอยโฉบทักทาย และพูดคุยกับเรา บางทีส่งสียงร้องเพลงให้เราเพลิดเพลินกับเวลาที่เรามีให้กันและกัน แต่ละฝูงค่อยๆทะยอยมาหยุดหากินน้ำหวาน แมลง หนอน ยืนพึ่งปีกบนกิ่งเตี้ยติดดิน และคอยจิกกินข้าวที่วางล่อไว้ และอีกหลายตัวมีปีกสวยสายรุ้งเก็บแทบทุกเฉดสีไว้อวดให้เราตะลึงหลง สวยจนเราต้องอมยิ้มให้ใบไม้ ให้แสงแดด

บนกิ่งไม้สูงแห้งบาง ความรักอยู่ตรงนั้น มีเพื่อนเป็นไอหมอกห่อหุ้มและมีลมเบาๆพัดพาปีกบาง ขนอ่อนฟูปลิวไหว เราแหงนคอจ้องยอดไม้สูง เฝ้าเห็นความรักเต็มตา นานแสนนานจดจ้องจน เมื่อยคอ ต้องหยุดพักมอง เอียงคอไปซ้ายขวา และตั้งใจก้มมองพื้นนับ1-10 ก่อนจะเงยอีกหน เพื่อเก็บภาพสวยงามของนกคู่นี้ ให้กับหัวใจ

ค่ำคืนนี้ก่อนเราจากร้านลุงแดงก็เกือบ3 ทุ่ม เรื่องราวที่ผ่านจากปากลุงแดงและคุณป้า 25ปีก่อน บนยอดดอยอินทนนท์และตำนานก้าวแรกกับการดูนกของคุณลุง จนมาถึงวันนี้ สิ่งต่างๆที่ธรรมชาติให้กับคุณลุง มอบผ่านนกน้อยทุกตัว เพื่อนดูนกทั้งรุ่นเก่าและใหม่ จากรุ่นสู่รุ่น จากคนไทยและต่างชาติ คุณลุงยังคงอยู่ที่เดิม คอยแจกจ่ายความรักให้กับทุกคน ที่เลือกรักนกรักษ์ธรรมชาติ เติมน้ำใจแก่ผู้ผ่านมาเยี่ยมเยือน ช่วยเหลือยามยากก้าวข้ามความลำบากอุบายเล็กน้อยที่ธรรมชาติส่งไว้เป็นครั้งคราว และส่งยิ้มพร้อมคำอวยพรก่อนกลับบ้านเพื่อกลับมาพบกัน

5/ ต้นไผ่ที่คุณลุงแดงช่วยเราขุด เราสัญญาว่าจะปลูกปักลงบนแผ่นดินผาด่าง จะดูแลรักษา ลุงแดงบอกว่าขุดไปเยอะๆ แต่เราขอแค่2 หน่อ เป็นการทดลองก่อน เพราะอากาศที่อินทนนท์กับแก่งกระจานไม่เหมือนกัน และไผ่นี้มาจากเมืองจีน ถ้าขุดไปมากแต่ไม่ฟื้นไม่สามารถอยู่รอดได้ จะเป็นการพาต้นไม้ไปตาย

ออบหลวง สายน้ำเชี่ยวสีแดงขุ่นเข้ม สีเดียวกับสายน้ำสาระวิน หินก้อนสีเดียวกับน้ำที่เห็น หินใหญ่ขนาดโตเท่ากระต๊อบ ลดหลั่นไล่เรียงกันหลายขนาด นอนเกยทับถมระเกะระกะ มีสายน้ำไหลแรงกระแทกขอบตลิ่ง และกัดเซาะเว้าแหว่ง ต้นไม้ใหญ่หลายต้นยอมแพ้แก่ชะตาพาล้มตายจมซากตัวเอง

เจ้าแห่งลมและสายน้ำเชี่ยวกรากพากันเดินทาง ไหลวกวนคดโค้งวิ่งเข้าหารถเราที่วิ่งทวนน้ำอยู่บนฝั่ง สายน้ำแห่งนี้ทำให้นึกถึงคนๆหนึ่งที่เรารู้จักเพียงผิวเผิน ร่างถูกดึงจมติดแง่งก้อนหินมหึมามีน้ำขุ่นซัดซ่อน ก่อนปล่อยเป็นอิสระลอยร่องคืนกาย ให้ตามหาจนพบ กลายเป็นเรื่องที่ฝังลึกในใจ เมื่อใดสีแดงน้ำเชี่ยว ก้อนหินใหญ่ เพื่อนผู้จากไปคนนี้มักออกมาจากความทรงจำและแวะเวียนมาทักเราเสมอ

ทิศตะวันตกยืนรอพระอาทิตย์และพวกเราอยู่ จุดหมายของเราเย็นนี้คือเข้าสู่ ทิศที่ตั้งของประตูแม่สะเรียง ก่อนเลี้ยวซ้ายไปหาแม่เงา หน้าปากทางเข้าอุทยานแห่งชาติแม่เงาพวกเราแวะทานก๋วยเตี๋ยวกระเหรี่ยงคนละชามและซื้อก๋วยเตี๋ยวกระเหรี่ยงแบบแห้งเป็นอาหารสำรองมื้อเย็น

อุทยานแห่งชาติแม่เงา เกือบ10ปี หลายครั้งและหลายหน เราหลงไหลวนกลับมาเยือนป่าไม้สักผืนงาม เสียงนกแก้วโมงขับขานเสียงแสบสนั่นก้องอยู่บนยอดไม้สูงสีเข้มมืด แสงแห่งอาทิตย์กำลังจากไปความโพล้เพล้มัวตาทำหน้าที่ปกคลุมผืนป่า เครื่องปั่นไฟเริ่มทำงานเพื่อให้ความสว่างแก่พวกเรา ค่าน้ำมันปั่นไฟ ฟุ่มเฟือยเกินไปกับนักท่องเที่ยวแค่3 คนเท่านั้นเอง พวกเราเลือกที่จะขอจุดเทียน และตามปิดไฟ ตอนนี้อาณาจักรความมืดครอบครองป่าแห่งนี้หมดแล้ว มองฝ่าความมืดเพียงพบความมืดกว่า เสียงนกเค้าร้องไม่ไกลเป็นระยะขับกล่อมและคลอแว่วเสียงน้ำป่าหลาก ผสมกับเสียงน้ำไหลเซาะลำห้วยข้างหัวนอน สร้างสวรรค์คืนพิเศษกลางป่าไพร

6/ ก่อนล้อหมุนจากแม่เงาสู่ทิศของแม่สบเมย บนโต๊ะยักษ์ไม้สัก มองเห็นกาน้ำสีดำปื้อเปื้อนเขม่าถ่าน มีน้ำร้อนต้มสุก เจ้าหน้าที่อุทยานนำมาให้พร้อมกาแฟ 3 ห่อ เป็นน้ำใจเป็นเหตุผลใหญ่ทำให้กลับมาเยือนสายน้ำเจ้าแห่งเงาและขุนเขาป่าสัก

เราสับสนว้าวุ่นใจ ในช่วงของวินาทีที่รถวิ่งผ่านไป ไหนจะดอกไม้ป่าข้างทาง นกที่คอยบินล่อนย้ายกิ่งให้เราโผกล้องมองตาม พระอาทิตย์เริ่มเดินจากตะวันออกเพื่อตามหาเส้นทางทิศตะวันตก ฟ้าใหญ่กว้างแค่ไหน สายหมอกเหมือนไม่ยอม จะใหญ่เทียบฟ้า หมอกก้อนโตๆสลับกันสายฝนพากันโปรยละอองน้ำลงมาจากฟ้าให้ดินและป่าที่ยืนรออยู่เบื้องล่าง

บนถนนชีวิต วิถีคนกระเหรี่ยง เพื่อนชาวป่าตะวันตก เด็กกระเหรี่ยงหรือเป็นช่วงปิดเทอมเด็กน้อยจับเป็นคู่ เดินหาเป้าชีวิตเพื่อซักซ้อมบางอย่าง เวลาที่มีน้อยนิดบนเส้นทาง ได้พบได้คุยกัน คือเรียนรู้ เพื่อเข้าใจ นกสีเหลืองกับนกสีฟ้ามากที่สุด เป็นเป้าที่หาง่าย เสียงของเราที่ถามไป คำตอบตรงกับที่คิดไว้ในใจ นกสีเหลืองหัวดำๆ นกสีฟ้าบินไปแล้วกลับมาที่เดิม วันหนึ่งข้างหน้าของเด็กน้อย สักวันคงเป็นวันสุดท้ายที่เธอโยนทิ้งง่ามหนังสติ๊ก

น้ำป่ามีลำห้วยเป็นเกราะให้น้ำสามัคคีเตลิดไปทางทิศเดียวที่ต่ำกว่า มีสายลมเคลียคลอเป็นเพื่อนเดินวิ่งไปข้างหน้า มีแสงแดดแต่งแต้มเติมสีให้สายน้ำใสสดเป็นเงาแวววาว ระเริงหัวเราะเสียงดังกับต้นไม้ป่าข้างทาง แต่บางช่วงขุ่นข้นเป็นฟองน้ำตาล และดุร้ายกระฉาก ขุดดินขุดต้นไม้ถอนรากลอยพลุบโผล่ ใจเราซึมซับยอมสยบในอุบายวิถีแห่งธรรมชาติ

บ่ายแล้ว บนถนนคดเคี้ยวขึ้นและลง มีวิถีชีวิตคนชนกลุ่มน้อยตามทางบ้านป่า ชีวิตอิสระเหมือนนกที่บินโฉบเรียกเราด้วยปีกอาบแดดสะท้อนแสงแพรว แต่หลายชีวิตแค่คนอาศัยผืนดินชาติอื่นยืนหลบภัย กับคำแสนเศร้า สงคราม เดือนตุลาคมเป็นสัญญาณของปลายฝน อีกไม่นาน เมื่อเข้ากาลที่ไม้ใบเปลี่ยนสี ฤดูแห่งเสียงปืนรียกร้องคำรามข้ามฝั่งแม่น้ำเมยจะเริ่มต้นอีกครั้ง ชายหนุ่มที่อยู่ตรงนี้ อาจลักลอบกลับพม่า เพื่อจับปืนและบางทีการกลับมาฝั่งนี้อาจไม่มีให้ สำหรับคนบางคนที่เลือกหนีกลับไป

ตลาดแม่สอด ผ้าไหมของชาวยะไข่หลายผืนทำให้เราจ่ายเงินเพื่อสะสมผ้าโบราณบางชิ้น และที่ยอมใจซื้อกลับมาเป็นบางชิ้นที่เรารื้อ ออกมาจากซอกตู้เก่าๆ นกยูงสีเขียวสดตัวนี้ยังไม่ตายไปตามกาลเวลา ลวดลายละเอียดแพนหางอวดตัวเมียเขียนด้วยฝีมือช่างอินเดียโบราณ เราห่อหอบเธอกลับบ้านด้วยกัน

ไม่มีความคิดเห็น: