วันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2550

รอยจำผาด่าง 8

18/12/50 ข่าวคราวเรื่องนกแก๊กหลงบ้าน อาศัยข้าวสุกอยู่ในบ้านชาวผาด่าง และถูกนกแก๊กที่อาศัยตามธรรมชาติในบริเวณราวป่าผาด่างเข้าจิกโจมตี

ชาวผาด่างคุยกันว่ามันหลงมาเกือบ1 สัปดาห์แล้ว ตากับยายคอยหาข้าวและผลไม้ให้มันกิน และหลบอยู่แต่ในบ้านไม้กล้าออกนอกบ้าน กลัวอาดัมกับอีฟราชาและราชินีแห่งผาด่างไล่รุมตีอีก

บ้างก็ว่านกแก๊กตัวนี้เป็นนกเลี้ยงของคนกรุงเทพที่มีบ้านไม่ไกลจากผาด่าง แต่หลุดบ้านหลุดกรงหลงป่ามา เราถามชาวผาด่างคนเลี้ยงนกตัวนี้ ว่า หากเจ้าของมาขอคืนจะคืนไหม ชาวผาด่างคนนั้นบอกว่า หากว่าเลี้ยงด้วยความเอาใจใส่จริง มันคงไม่ตกระกำลำบาก มีชีวิตเป็นอย่างนี้ เรายังไม่ได้คำตอบ
คำถามที่เกิดกับตัวเอง เรามีป่าเป็นฝาเรือน ให้ท้องฟ้าเป็นหลังคา สัตว์ป่าเป็นเพื่อนบ้าน เกิดอะไรขึ้นกับเหตุผลของคนบางคนที่มีการศึกษา มีความรู้เป็นพื้นฐานทางความคิด เลือกมาอาศัยอยู่รอบๆราวป่าแห่งนี้ร่วมกับชาวบ้านป่าเหมือนๆกับเรา
หากแต่ชื่นชอบกับการซื้อหานกป่ามาเลี้ยง เมื่อมีการซื้อ การล่าจะจบสิ้นลงที่วันไหน พร้อมทั้งเตรียมหาเหตุผลไว้ตอบความชอบธรรมให้ตัวเอง สงสารหากไม่ช่วยซื้อหรือรับเลี้ยง มันหากินเองไม่เป็นอดตาย บ้างก็ว่าคนอื่นฝากเลี้ยงมา
นกที่ไม่อาจช่วยเหลือตัวเองให้ดำรงชีวิตตามธรรมชาติ ไม่ต่างกับนกพิการทั้งร่างกาย และสมอง
มนุษย์ไม่ควรกล้าคาดเดาเอาเองว่าจะสามารถสอนการดำรงชีพในธรรมชาติให้กับนกตัวใดหรือสัตว์ตัวใดได้
ไม่ควรกล้ากล่าวอ้างใช้วาจาเรียกร้องความอยากได้ครอบครอง ทุกสรรพชีวิตคนและสัตว์ ต่างมีค่าเป็นเพียงหนึ่งชีวิต ในการดำรงชีวิตอย่างอิสระเสรีภาพตามวิถีป่าไพร เป็นสิทธิ์ที่ธรรมชาติให้มาอย่างเท่าเทียมกัน


19/12/50 เราเตรียมก้าวเท้าขึ้นรถ พาเด็กป่านักเรียนด่านโงเข้าป่าใหญ่ยอดเขาพะเนินทุ่ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2


เจ้าฟลุ๊คป4. ชาวผาด่างน้อย ขอเข้าป่าด้วยอีกครั้ง เรื่องยินดีอย่างนี้เราตอบรับเสมอ




ก่อนขึ้นรถ แม่ของเด็กน้อยเรียกลูกเข้าไปหา ดูแผลที่หมอทำไว้แต่หลุดรุ่งริ่ง ใช้พลาสเตอร์รุ่นสก๊อตเทปปะย้ำ อย่างเทห์ให้ลูกชาย ก่อนบอกว่าเสร็จแล้วไปได้


20/12/50 ผมเคยเลี้ยงค่าง





แต่ไม่นานเกือบ2ปีก็ตาย เป็นอะไรตายก็ไม่รู้ อยู่ดีๆก็ตาย เราถามแค่ว่า เสียใจมากรึเเหล่า ตอนเค้าตายไป ม่อนเงยหน้ามองเงาร่มใบมะม่วงที่แผ่คลุมเป็นเงา



คงย้อนนึกถึงความทรงจำเก่าๆ มันน่ารักมากเลย ตาแป้วแป๋ว เลี้ยงง่ายครับไม่ดื้อ แต่ซนบ้างเหมือนกัน เหมือนเป็นเพื่อน เป็นน้องคนหนึ่งในบ้าน ตอนที่เลี้ยงมดน้องสาวยังไม่เกิด พ่อผมก็ยังไม่ตาย นึกๆแล้วก็เสียดาย แต่ถ้าให้เลี้ยงอีก ไม่เอาแล้ว สงสารมัน เสียงหนุ่มชื่อไผ่นั่งข้างๆ เล่าบ้างว่า เลี้ยงนกเหยี่ยวไว้ที่บ้าน แต่ตอนนั้นน้องๆยังเล็ก แล้วเหยี่ยวเล็บคมมาก เลี้ยงได้ไม่นาน ก็ต้องเลิกเลี้ยงไป

ตามเวลานัดหมาย บ่ายโมงตรง ในห้องเรียนด่านโง เด็กๆที่เราพาไปเที่ยวป่าแก่งกระจานเมื่อพุธที่แล้ว และนำเรื่องของพวกเค้าไปลงที่เวปไซด์ pantip.com (ห้องดูนก) หน้าตาทุกคนเริงร่า ยิ้มกว้างเมื่อเห็นภาพต่างอิริยะบทธรรมชาติของตัวเอง















และเห็นความสุขกระจายทั่งห้องเรียน ต่างตั้งใจฟังเพื่อนสลับกันอ่านเรียงความ ที่พวกเค้าเขียนจากความรู้สึกและความคิดของเค้าเองกลางลำธารป่าแก่งกระจาน






และเมื่ออ่านมาถึงข้อความที่มีผู้อ่านส่งข้อความยินดีที่เด็กเหล่านี้ถ่ายทอดผ่านตัวหนังสือและภาพ ความสุขความยินดีภูมิใจเกิดในตัวเอง







เป็นพลังที่เรารับได้อย่างชัดเจนและเปลี่ยนเป็นความสุขที่สามารถเป็นตัวกลางคนเมืองคนดีๆที่ช่วยกันเข้ามาสร้างรอยทรงจำดีๆฝังลึกลงในวัยเยาว์ของเด็กน้อยบ้านป่าเหล่านี้ได้



เรากลับมาถึงผาด่างเกือบโมงเย็น สาวชื่อแก้มกำลังเก็บหมอนที่เอาออกตากแดด ทุกอาทิตย์ชาวผาด่างเอาหมอนผ้าห่ม,ที่นอนออกอาบแดด เพื่อไล่กลิ่นอับชื้น




เราชอบหอมกลิ่นแดดกับหมอน


ไม่รู้ว่ามีใครชอบเหมือนเรารึเปล่า หอมหมอนและกอดกดจมูกตัวเองจนหน้าจมไปกับหมอนสูดกลิ่นแดดของวัน ที่ยังติดค้างหลังตากแดดใหม่มาทั้งวัน

เดือนธันวาคม แดดแรงจัดจ้าตั้งแต่อาทิตย์เยือนฟ้าพร้อมกับใบไม้สีน้ำตาลยอมให้ลมพัดพาปลิวร่วงเกลื่อนพื้นดินในผาด่าง สวยน่ามองประทับใจกับป่าราษีธนู































ไม่มีความคิดเห็น: