วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2550

เยือนดินแดนเมืองแดดทำเกลือปากทะเล เดินย่ำทรายกับ BCSTตามดูนกชายเลน

เยือนดินแดนเมืองแดดทำเกลือปากทะเล เดินย่ำทรายกับ BCST ตามดูนกชายเลน

บนรถที่กำลังมุ่งหน้าสู่ทิศใต้ เสียงของเพื่อนร่วมเดินทางไปดูนกพูดคุยกันเบาๆ ถึงประสบการณ์ การดูนกและความประทับใจในเรื่องราวความหลัง ฟ้าเริ่มสางแล้ว ดวงอาทิตย์โผล่ขอบฟ้าตามหาดวงจันทร์เริ่มขึ้นอีกครั้ง นกเริ่มออกโบยบินบนฟากฟ้าเป็นสัญญาณของวันนี้เราจะพบกันที่เดิม ปากทะเล แหลมผักเบี้ย เพชรบุรี

เมื่อเรามาถึงปากทะเล แดดที่เห็นอ่อนๆใต้เงาตามป่าชายเลน แต่หลังป่าชายเลนแดดจัดจ้ายืนสาดแสง รอพวกเราทุกคน เราพบคุณพินิจ และภรรยาของคุณ แทบไม่มีเวลาแนะนำตัว คุณทั้งสองพาเราเดินผ่าทุ่งน้ำป่าชายเลนสู่ชายหาดทะเลโคลน

ตรงนี้เสียงของคุณพินิจและภาพนกในกล้องสโคป คุณตั้งใจอธิบาย อย่างละเอียด พยายามให้ง่ายต่อการเข้าใจนกชายเลนสีขาวที่บินและถลาลงเกาะพื้นทราย ตอนแรกที่เรามองหา มองไม่เห็นอะไรเลย นอกจากท้องฟ้าเจิดจ้า และหาดโคลนสีมัวๆ คุณยกมือชี้ว่าอยู่ตรงไหน เราถึงกับร้องอ๋อ นกชายเลน sanderling ขนาดตัวและสีกลมกลืนกับแสงแดดที่ส่องตาพร่ามัว นกน้อยถูกกลบหายกลืนหายไปกับชายโคลน

เมื่อเราเข้าใจวิธีการมองหา เรากลับพบว่า อีกตัว และอีกตัวไม่ไกล ข้างๆ เจ้าตัวน้อยที่เดินเด้าะๆ เหมือนจังหวะเต้นรำไปตามหาดโคลน แต่ตัวใหม่ใกล้ๆกลับกลายเป็นอีกชนิด สีที่ใกล้เคียง ขนาดที่ไล่เลี่ย ต่างกันที่คิ้วแตกหรืออะไรแว่วๆ เข้ามา

กลางแดดหาดสีโคลน เรามองคุณพินิจและเลยมองตามปลายนิ้ว ที่คุณชี้ และอีกมือของคุณที่ยกป้องแดด หันหน้าไปทางทิศที่ตะวันยืนสาดแสงจ้าแยงตา ตรงนั้นนกชายเลนหลายฝูงและมากมายหลายชนิด นกเกือบทั้งหมดเดินอยู่ตรงขอบหาดทรายที่เป็นคลื่นพับตื้นๆและทะยอยซัดหาชายฝั่งอย่างเงียบๆ ตอนนี้ พวกเราต้องรอ เพียงแค่รอน้ำขึ้น ประมาณตอนเที่ยงวันไว้ เราตื่นเต้นกับความหวัง นกเป็นร้อยๆที่ห่างไกลริบๆ จะมาใกล้ตา


เสียงของคุณพินิจ ยังคงดังแจ่มใส บนฟ้ามีเหยี่ยว เสียงใครขัดจังหวะ คุณพินิจมองตามและพูดถึงเหยี่ยวแดง2-3 ตัวที่กำลังบินกางปีกกว้าง เสียงบอกเล่าว่าที่เห็นมีทั้งเหยี่ยววัยอ่อน เต็มวัย อพยพ เรายกกล้องส่องไปบนฟ้า หูฟังได้ยินคำว่า window และ window เสียงนั้นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นให้ความรู้เพื่อเข้าใจชีวิตที่มีฟ้าเป็นเพื่อน


แสงแดดไม่เพียงเผาตัวเราแต่คอยคุเผาความอดทนให้มอดลง เมื่อเรามองหน้าคุณพินิจ คุณยืนกลางแดดสีแดง ย้ำๆ กับคำความหมาย การจำแนกนกชายเลนไม่ยากเลย และสนุกอีกด้วยแต่ต้องมีความตั้งใจ ให้สังเกตความสูงของขานก ความยาวของปาก ความสูงของลำตัว และเช่นกันให้ดูที่ความยาวของลำตัวก็จะสามารถแยกชนิดอีกเหมือนกัน และในตระกูลใกล้เคียงกัน ให้เราจับคู่เหมือนหรือจับคู่คล้ายแต่ให้จำแนกหรือแยกจดจำเพียงหนึ่งเดียวของนกชายเลนชนิดนั้น และเมื่อใดที่เราพบหนึ่งในคู่เหมือนเราก็จะทราบทันที ว่าเราพบตัวใด ไม่ยากเลยนะครับ


เราพบตัวเองหนีไปนั่งหลบแดด โดยมีแสลนซีดๆ มอๆ เก่าเปื่อยเป็นรูโตๆ ของชาวประมงเป็นฉากกั้นแดดไฟ เกือบทุกคน มองหาเงากันและกันเพื่อหลบหนีจากความร้อน แต่คุณพินิจยังยืนอย่างร่าเริงและส่งเสียงให้ความรู้ และเอาใจใส่ปรับแสลนเปื่อยผืนนั้นให้ทำงานได้มากกว่าเดิม


เสียงสดใสอย่างดีใจของคุณพินิจที่กล้องพบนกมีห่วงขา และวนเวียนให้พวกเราได้เห็นวงแหวนสีเขียววงนั้น ห่วงสีเขียวอยู่ตรงขอบขาล่างสุด คุณเล่าถึงความจำเป็นที่ต้องทำงานใส่ห่วงขานก วิธีการให้ความระมัดระวัง ห่วงสีคือคำตอบ นกบินไปไหนมาบ้าง และสามารถรอดบินกลับมาที่เดิม ตามตารางเวลาและบอกได้ถึงเส้นทางที่บินได้อีกด้วย และอายุปีของนก ค้นพบความมหัศจรรย์ว่า นกบางตัวอายุของนกมากถึง40 ปี


เมื่อใกล้เที่ยงชายขอบน้ำทะเลยังห่างไกลเสียเหลือเกิน ชาวประมงเดินผ่านไป เสียงถามตามหลังชายประมงคนนั้นว่า ลุง วันนี้น้ำทะเลจะขึ้นมาประมาณกี่โมงครับ ชายประมงเงยหน้าบอกว่า วันนี้ น่าจะประมาณบ่าย2โมงหรือเกือบบ่าย3 โมง แน่นอน คุณพินิจปรึกษากับอาจารย์อมร และพาพวกเราเดินกลับไปที่จอดรถตู้ แต่เรารู้อย่างหนึ่งในใจ ว่านักดูนกทุกคนไม่เคยยอมแพ้ถ้าตะวันไม่จากฟ้า



หลังจากมื้อเที่ยงผ่านไป ข้างหน้าเรือประมงจอดเรียงรายกัน เรือแทบทุกลำเป็นสีฟ้าสดเกือบเหมือนกันหมด แต่งแต้มกับสีส้ม หรือแดง จนดูเหมือนคู่แฝดไปทั่วสะพานปลา เจ้าของเรือแค่ต้องจดจำของตัวเองเพียงลำเดียว หรือเหมือนนกชายเลน เหมือนๆ กันแต่ไม่เหมือน


ท่าลงเรือเมื่อเรือเริ่มเลื่อนออกจากท่า สายลมสดชื่น วิ่งสวนผ่านปะทะหน้าเราไป ต้นโกงกางยืนเป็นป่าเข้าแถวรอเรือวิ่งผ่าน เหมือนถามว่า พวกคุณจะไปไหนกัน และนกยาง Chinese egret ยืนนิ่งสง่างามบนกิ่งโกงกางข้างหน้าไม่แม้มองชำเลืองมองพวกเรา สะพานคนเดินที่ทอดยาวอย่างโดดเดี่ยวเหมือนไม่มีที่สิ้นสุดตามแนวป่าชายเลน นกเหยี่ยวแดงกางปีก brahminy kite ล่อนวนจากไกลมาใกล้ เสียงเราบอกว่า นั่นไง เราเห็น windowแล้ว ไม่นานนักหาดทรายก็อยู่ในสายตา และเมื่อใกล้เข้าหาดทรายนั้นก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ


พวกเราเดินตามเงาและรอยทรายกันและกันเป็นแถว มีกำแพงหินเตี้ยๆนอนทอดตัวยาว หินคมแปลกปลอมแต่ละก้อนไม่ใช่หินของทะเล คงเป็นผลงานคิดค้นควบคุมธรรมชาติอีกอย่างของมนุษย์ บนโขดหินมีนก ชายเลนเดินอยู่หลายตัว


บทเรียนเริ่มอีกครั้ง นกคัวนี้ ในกล้องสโคป นกชายเลนสีขาวคุณให้สังเกตที่ เธอยืนจับคู่ของเธอ และไม่นานนกยางดำ pacific leef egret ก็โผล่ออกจากซอกหินยืนรับลมรอเมฆก้อนสีเข้มที่มุ่งเข้าหาทุกชีวิตบนหาดทรายผืนน้อย ละอองฝนเย็นๆไหลซึมลงใต้พื้นเม็ดทราย สุดท้ายเมื่อฝนเดินทางจากไป ฟ้าสีใสๆกลับเข้ามาแทนที่พร้อมกับนกชายเลน


ฝูงนกน้อยน้อยชายเลน rufous –necked stint เริงร่า บินเป็นฝูงขนาดใหญ่ บินวนตีโค้งลงหาชายหาด และทิ้งตัวลงเกาะพื้น แต่แล้วที่เราเห็น นกทั้งหมดแต่ไม่ทั้งหมด เพียงบางส่วนที่ลงโฉบหาพื้นทราย ส่วนใหญ่กลับโผบินขึ้นฟ้า บินล่อนเป็นวงแหวนเหิรบินวนรอบฟ้า ก่อนถลาลงหาด เพียงส่งเพื่อนๆลงพื้นดิน แค่บางส่วน ที่เหลือทำอย่างเดิมอีก2-3ครั้ง


เราเริ่มมองอย่างสนใจว่าครั้งไหน จึงจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เจ้าตัวน้อยๆพวกนี้จะได้ลงพื้นกันครบหมดทุกตัว เมื่อสิ้นสุดการเฝ้าหาคำตอบ บางตัวเดินหาอาหารแต่จะไม่ยอมห่างไกล จากฝูงมากนัก บ้างยืนแต่งตัวไซร้ขน นานและนาน บางตัวนั่งฝังตัวกับพื้น แทบจะจมหายไปกับเม็ดทราย ที่สังเกตเห็นคือขนบางๆสีขาวปลิวเล่นกับสายลม


เสียงของคุณพินิจ ดูที่โคนปากนะครับเป็นสีชมพู common redshank เปิดหน้า..หนังสือประกอบด้วยครับ และอีกตัวปากจะโค้งลงเล็กน้อยเห็นกันหรือเปล่าครับ spotted redshank มาดูที่สโคปตัวนี้ก็ได้ครับหมุนปรับเล็กน้อยถ้ามองเห็นไม่ชัด หมุนตรงนี้นะครับ


แหลมผักเบี้ย บ่ายมากแล้ว ตะวันเริ่มอ่อนแสง รถตู้ที่พาพวกเรามาค่อยๆจอดลง และคุณพินิจเน้นบอกพวกเราว่าให้เดินตามเกาะกลุ่มและย้ำว่าอย่าแตกออกจากกลุ่ม เพราะนกจะตื่นและบินหนีไป ที่นี่มีนกยืนนิ่งรอพวกเราอยู่หลายตัวมากมายหลายชนิดและเป็นนกขนาดใหญ่ บางตัวรอเราอยู่ตามตอไม้ในบ่อโครงการ และบางตัวยืนนิ่งขาเดียวอยู่ที่ขอบน้ำเรียงระเบียบเป็นแถว


คุณพินิจสอนการสังเกตชนิดของกาน้ำ Indian comorant ตาสีฟ้าและมีจุดขาวรอบๆวงตา เสียงที่ย้ำกับภาพที่เห็น ชัดเจนในใจเรา เมื่อถอยเท้าเดินจากกล้องเพื่อให้เพื่อนคนอื่นๆได้เห็นดวงตาสวยสีเขียวเข้มอมฟ้า วงตามีจุดขาวนั้นบ้าง


คุณพินิจกล่าวว่าเวลาอย่างนี้ เหมาะกับการพาชมนกชายเลนอีกสักครั้ง และรีบพาต้อนพวกเรามาที่ชายเลนอีกครั้งก่อนตะวันจะลับฟ้า ชายหาดโคลนข้างหน้าเรา มีนกชายเลนกำลังเดินหากิน


เสียงคุณพินิจคอยบอกแนะย้ำถึงคุณค่าวิถีชีวิตน้อยๆ ที่มีความสำคัญกับดรรชนีของโลกเรา และฝากความห่วงใยนกทุกตัวกับพวกเราว่า หากมีใคร อยากย้อนกลับมาดูนก ขอให้เคารพกติกา ชาวนาเกลือ เพราะหลายๆครั้ง ชาวนาเกลือค่อนข้างไม่พอใจ คนดูนกที่ขาดความเข้าใจวิถีชีวิตคนทำเกลือก้าวล้ำเส้นมารยาท และผลร้ายกลับตกอยู่ที่นก ชาวบ้านไล่ยิงนกเพื่อหยุดการเข้ามาเฝ้าชมนกของชาวดูนก


เมื่อ พระอาทิตย์เจียรจากฟากฟ้าเป็นเวลาที่พวกเราทุกคนยกมือไหว้สวัสดี ขอลาก่อน และขอบคุณคุณพินิจและภรรยา เสียงคุณพินิจยังดังเวียนวนคล้ายเหยี่ยวแดงปรากฏตัวบินวนบนฟ้ากว้าง เสียงที่ชัดเจนไม่เคยสนใจคลื่นความร้อน ใจไม่รับรู้ไอลมอ้าวละอุเต็มใจมอบสอนคุณค่าชีวิตนกชายเลน เต็มที่ส่งความหมายความสำคัญของชีวิตนกชายเลน แดดที่คอยจ้องแผดเผาทำได้แค่เผาตัวเอง



วันนี้ธรรมชาติส่งนกทุกตัวปรากฏตัวเกาะตอไม้นิ่งรอคุณ และยืนเด่นชัดให้คุณเห็นแทบทุกหาดที่คุณย่ำทรายก้าวไป และกำลังใจที่คอยโบยบินร่อนเล่นลมเพื่อมอบให้คุณตั้งแต่อรุณเบิกฟ้าจนแสงตะวันสุดท้ายลับลา


สมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย ขอขอบคุณ วิทยากรนำดูนก คุณพินิจ แสงแก้ว คุณอมร ลิ่วกีรติยุตกุล และน้องๆอาสาสมัครที่ช่วยเหลืองานทางสมาคมฯ มาด้วยดีตลอดมา ขาดไม่ได้ในครั้งนี้คือสมาชิกทุกท่านที่ให้การสนับสนุนกิจกรรมดูนกของสมาคม มาตลอด เจอกันทริปหน้าครับ ปูเสฉวน รายงาน28 กันยายน 50



ไม่มีความคิดเห็น: