วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2550

บันทึกเล่าความหลังจากแลนก....เพชรบุรี

4/3/50 บันทึกเล่าความหลังจากแลนก….เมืองเพชร

ใกล้ฟ้าสาง รถกำลังพาเรามุ่งหน้าไปจังหวัดเพชรบุรี แสงไฟของรถ2ข้างทาง สาดจ้าเข้าตา ต้องผ่อนคลายด้วยการหลับตาไปพลางๆ ได้ยินเพลงที่เปิดขับกล่อม I love you ,lean on me เดินทางคราวนี้ ได้พบคุณอร เพื่อนดูนกที่เคยย่ำเท้าเคียงข้างเคยส่งเสียงหัวเราะ ร่วมกันเวลาพบนกสวยตัวถูกใจ


I wouldn’t let you go แล้วเนื้อเพลงประโยคนี้แว่วมาเบาๆ จะเป็นนกตัวไหนหนอที่เราจะร้องขอ หรือจะไม่มี ครั้งนี้เราวาดภาพความสุขกลางวิมาน พอประมาณ ดูนกครั้งนี้คงไม่พบนกสวยงามสีสวยให้ชมหรอก เพราะเคยเปิดในเวบไซด์ นกชายน้ำสีจืด รูปร่างสีเหมือนกันไปหมดแยกชนิดยาก แล้วเราจะมีความสุขอะไรมากเล่า แต่การตัดสินใจมาคงเพระอยากเข้าใจอยากรู้จัก นกชายเลนบ้าง เขียนมาแล้วก็บอกตัวเองได้ว่าเหตุผลยังไม่พอ ยังไม่พอ


เมื่อมาถึงเขาย้อย แยกจากถนนใหญ่มาตามทางลูกรัง ทุ่งนากว้างยามเช้าแสงอาทิตย์เรื่อๆ ขณะลงรถ ภาพที่ทำให้เราตื่นตา จนหัวใจพองโต นกกระยางฝูงใหญ่บินข้ามหัวไป ในระยะใกล้ตาไม่สูงมากจนเห็นแข้งนกและเล็บเท้าสีดำสลับเหลืองสดชัดเจน ฝูงแล้วฝูงเล่า บินเป็นระลอก ๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เรากับนกกระยางออกบินและออกเดินบนเส้นทางเดียวกัน มอบเช้าที่สดชื่นมอบให้เรา ความลับของนกกระยาง ไม่มาตัวเดียว ไม่นอนตัวเดียว มากับเพื่อนๆพี่น้องของเธอ



เสียงคุณวัชระ เจ้าหน้าที่ของสมาคมส่งเสียงชี้ชวนให้ดูนกเหยี่ยวฝูงใหญ่ ในชีวิตเกิดมาก็ไม่เคยได้รู้ว่าเหยี่ยวอยู่รวมกันหรือเห็นเหยี่ยว เป็นฝูงมากมายขนาดนี้ เกาะตามต้นตาลยอดสูงจนใบตาลหักลู่ ทิ้งคลาบมูลขาวไว้ทั่วใบทั่วต้น เราถามคุณวัชระทำไมเหยี่ยวพวกนี้ยังไม่บินออกหากินเหมือนนก ที่หากินแต่เช้า มัวแต่เกาะตามต้นไม้ไม่หิวหรือไร เหยี่ยวดำ เป็นเหยี่ยวขนาดใหญ่ จึงต้องอาศัยลมร้อนช่วยในการบินล่อนวนหาเหยื่อและลมร้อน มักเกิดตอนสายๆ (และต้องให้เหยื่ออิ่มอาหารเช้าก่อนจะได้อ้วนพลี) ก่อนวงเล็บเปิดเป็นคำตอบของคุณวัชระแต่ในวงเล็บเป็นของเราเอง



หลังจากลาทุ่งเขาย้อยเดินทางสู่วัดเขาตะเครา อากาศเริ่มร้อนและแดดแรง บางช่วง ถนนเป็นลูกรังหรือเป็นหลุมเป็นบ่อ เจ้าของรถเริ่มขับแบบถนอม สองข้างทางพบเห็นร่องรอยอดีตของป่าชายเลนกระจัดกระจายทั่วเป็นพื้นที่กว้างสุดตา ซากตอไม้สีขาวเตี้ยๆผุๆ ยืนแช่น้ำทักทายสายตาเรา ป่าโกงกางที่เหลือเป็นแค่หย่อมเล็กๆยืนกางขากางกิ่งก้าน


ทำไมธรรมชาติจึงกำหนดให้มีแต่มนุษย์คอยย่ำยีเข่นฆ่าธรรมชาติ… หรือเพื่อเป็นบทเรียนให้ลูกหลานเข้าใจความทรมานความสูญเสียเมื่อเพื่อนธรรมชาติที่ดีที่สุดตายจากไป



เสียงตัวเองที่ร้องขอโปรดจอดรถ ด้วยนกกาน้ำ นกในฝันบินผ่าน นำสายตาให้ได้พบอีกตัวและอีกหลายๆตัว นกสีดำขนาดใหญ่เท่าเป็ดเทศยืนตั้งฉากเกาะตามตอไม้ผุเตี้ยๆ กางปีก บางตัวยืนหุบปีกกลางแดดจ้า แทบทุกตอในแอ่งน้ำตื้นๆเจ้ากาน้ำเกาะจับจองยืนอวดตัว ตาดำสนิทมองเราและบินผละไปเมื่อเราใกล้เกินกว่าจะไว้ใจ และโผลงเกาะตอไม้ห่างออกไปไกลจากเรา เพื่อสอนว่าอย่ามาใกล้เกินไป



ตื่นเต้นตื่นตาครั้งใหญ่กับนกกระสานวล ที่ตัวโตสูงสีเทาอ่อนๆเดินเก้งๆก้างๆ และต้องเดินไขว้ขาเพื่อทรงตัวลดแรงลมพัด อีกครั้งกับอีกตัวที่ทำให้สายลมร้อนคลายลง นกกุลาทำให้ทั้งรถสะเทือนจากการขยับตัวเฮไปรวมทางทิศที่นกยืนอยู่ ตาที่หลี่ปลือจากความง่วงนอน กลับเป็นประกายสดใส ทั้งรถมีแต่เสียง ตรงไหนค่ะ ตรงไหนครับ อื้อฮือ สวยจัง เท่จัง ชอบจัง
นกกุลายืนหากินในน้ำแฉะท่ามกลางนกกระยางแต่ลักษณะเด่นปากยาวดำโค้งลง คอยาวๆก็เป็นสีดำแต่ลำตัวเป็นสีขาวสะอาดไม่มีเปื้อนขี้เลนแม้ย่ำโคลนมาทั้งชีวิต



แหลมผักเบี้ยชื่อนี้คุ้นหูบ่อยมากเป็นที่ๆกล่าวขานกันในความพิเศษ เมื่อมาถึง เราแอบตื่นเต้นนิดๆ มองลอดหน้าต่างรถออกไป เห็นรถที่เข้ามาดูนก2-3 คัน แล้วคนไปไหนไม่เห็นคนดูนกเลยแล้วความเข้าใจก็ตามมาทีหลังเสมอ ดูนกที่แหลมผักเบี้ยควรต้องอยู่แต่ภายในรถ ขับรถไปช้าๆเนิบๆตามถนนแคบ วนไปวนมาเรื่อยๆ ส่องกล้องดูนกไปพลาง นกหลากหลายชนิดเดินหากินแบบสบายผ่อนคลายไม่มีอาการ ตื่นกลัวไม่มีทีท่าสนใจรถหรือเสียงเครื่งยนต์ที่เข้าใกล้ แต่จะตื่นบินหนีไปทันทีหากเห็นคนยืนหรือแอบย่องเบาๆเข้าไป
กลับถึงบ้าน


ภาพทุ่งนากับนกเหยี่ยวดำฝูงใหญ่บินผ่านอาทิตย์สีส้มแดง ดวงโตที่เริ่มโผล่พ้นขอบฟ้า และยามเย็นทุ่งนาเกลือทะเลสีโคลนกว้างสุดสายตามีเรายืน หันหลังให้พระอาทิตย์กำลังลาลับท้องฟ้า หลากหลายภาพที่ซ้อนเรียงกันเข้ามาในความทรงจำ สมาคมพาเราเดินตามไปบนรอยทรายเดียวกันกับนกน้อยชายเลน ฝูงนกชายเลนตัวสีขาวสลับน้ำตาลย่ำเท้าไปบนหาดทราย อีกฝูงลอยตัวหมุนๆวนๆ ในน้ำทะเล บางตัวหากินเดี่ยวปากคุ้ยหาอาหาร และมีบ้างยืนเอียงๆน้อยมองด้วยหางตาระแวงภัย พบนกวันนี้ คงไม่ทำให้หัวใจเรายิ้มเท่าพบคนรักษ์นกที่บ้านปากทะเล กลุ่มคนรักษ์นกกลุ่มเล็กๆมักส่งภาพนกชายเลนลงในเวบไซด์เสมอ และเรามักมองภาพนั้นด้วย……ความไม่เข้าใจ



กลุ่มคนรักษ์นกตั้งกล้องในระยะที่ฝูงนกยืน มองดูด้วยความห่างอย่างมั่นใจว่าปลอดภัย กล้องถ่ายภาพตัวโตราคาแพงเป็นแสน แต่ง่ายที่จะบอบช้ำจากพื้นที่ที่แสนจะเค็มอย่างนี้ ทั้งผู้ชายผู้หญิงต่างทาครีมกันแดดจนหน้าขาว ยืนใต้เพิงสังกะสีเก่าผุเอียงๆจับกลุ่มเงียบๆ เพื่อหลบรังษีลมแดดร้อน


นาเกลือที่บ้านปากทะเลในวันที่เรามาหลังจาก ที่เห็นแค่ในภาพถ่าย สายลมแรงที่พัดพาทรายเข้าตาเข้าตัวตลอดเวลา และไม่นานความชื้นจากทรายเม็ดน้อยกลาย เป็นความเหนียวตัว ไม่มีน้ำทะเลสีฟ้าสวย ไม่มีชายหาดสีขาว ไม่มีเงาไม้ให้พักพิงและที่ทำให้หัวใจท้อแท้คง เป็นเปลวแดดที่ร้อนแสบผิวจาก ดวงอาทิตย์ที่แผดเผาน้ำทะเลเหือดแห้งเป็นเม็ดเกลือ


หรือธรรมชาติป้องกันตัวเองด้วยการสร้างนักอนุรักษ์ ที่มีหัวใจใคร่รู้ มอบเพื่อนคือความนับถือ และ สุดท้ายยิ่งใหญ่ในความหมายคือรักธรรมชาติเป็น



บนเส้นทางที่เราเดินค้นหาวิถีแห่งธรรมชาติกับสมาคม เส้นทางที่ค้นหากลับไม่ใช่เท้าเราที่ก้าวเดินแต่เป็นหัวใจที่ซึมซับเรียนรู้ความเรียบง่ายอ่อนโยนของ ธรรมชาติที่ร้อยเรียงผูกเงื่อนแห่งการพึ่งพาของ สรรพชีวิตสรรพสิ่งในห้วงจักรวาลไว้อย่างแยบยลตราตรึงประทับใจ


ทางสมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย ขอขอบคุณสมาชิกทุกท่านที่ร่วมเดินทางมาในครั้ง นี้แล้วเจอกันในทริปหน้ากับการดูนกทุ่ง ที่อ่างเก็บน้ำบางพระ พบกับคุณวิชา นรังศรี




ไม่มีความคิดเห็น: