วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2550

ดูนกแก่งกระจานกับครอบครัวMr.Hoast

เมื่อมาถึงผาด่าง ป่าแก่งกระจานก็เป็นเวลาตี1 เราก้าวเท้าลงรถอย่างงัวเงีย และรีบเดินเข้าบ้านเพื่อให้ตัวเองได้หลับยาวหลังกลับจากป่าเขาใหญ่ ขอนอนให้นานๆหลับยาวๆเถอะ แต่ใจก็รู้ดีว่ามีงานที่สำคัญรอเราอยู่ในตอนเช้า 2 เรื่อง และเป็นเรื่องแสนดี


16/7/50 เรารีบลุกจากที่นอนทันทีที่เริ่มรู้สึกตัว เมื่อเดินมาหน้าร้านผาด่าง เก๋แม่ครัวผาด่างต้มกาแฟไว้แล้ว จ๊อบกล่าวสวัสดียามเช้าตามนิสัยน่ารัก เก๋เล่าว่าฝนตกทุกวันเพิ่งมีวันนี้ที่ฟ้าใสไม่มัวซัว ไม่นานพี่หน่อยก็เข้ามาทักทายว่าเมื่อคืนมาถึงกี่โมง โปรแกรมที่เราต้องทำวันนี้ พี่หน่อยเข้าใจว่าเราคงต้องเตรียมเสบียงอาหารหลายๆอย่าง พี่หน่อยจะพาครอบครัว Flotow ไปเที่ยวที่อื่นก่อน แล้วพรุ่งนี้จึงจะเริ่มเดินทางไปบ้านกร่างและเขาพะเนินทุ่ง

เราทักทายครอบครัว Flotow หลังจากไม่ได้พบกันเกือบ 2 ปี ลุกสาวคนเล็กสูงกว่าเดิมมาก ยิ้มง่ายและไม่งอแงเหมือนเมื่อก่อน หลังจากทานอาหารเช้าและส่งครอบครัว Flotow ขึ้นรถไปเที่ยว คุณอ้วนและสามีก็เดินมาจากบ้านพัก เพื่อเตรียมกลับเข้ากรุงเทพ ฝากเราเรื่องธุระของลูกชายด้วย เกือบ9โมงเช้า คุณโบ๊ทลูกชายคุณอ้วนก็พร้อมเดินทางไปโรงเรียนด่านโง หนุ่มคนนี้อายุเพียง 19 ปี เรียนอยู่ออสเตรเลีย ช่วงนี้ปิดเทอม หนุ่มหล่อมากคนนี้ อยากใช้เวลาว่างพักผ่อนเงียบๆท่ามกลางธรรมชาติ แต่อยากมีกิจกรรมเล็กๆเพื่อสังคม ขอเสนอตัวไปสอนหนังสือเด็กบ้านป่า เราพากันไปที่โรงเรียนด่านโง ห่างจาผาด่างแค่2 กิโล แนะนำให้หนุ่มโบ๊ท รู้จักกับอาจารย์สมชาย ทันทีที่เราจากมาคุณโบ๊ท ก็เข้าสอนวิชาแรกเลยทันที


เราคาดหวังว่าคงพอจะมีเวลาบ้างเพื่อเขียนบันทึกนับนกที่เขาใหญ่ แต่ไม่นานเราพบว่าชายชาวฝรั่งเศษที่เข้ามาถามทางเราตอนเช้าก็เลี้ยวรถเข้ามาจอดหน้าผาด่างอีกครั้ง เราออกไปต้อนรับและชวนพูดคุยถึงความต้องการ แต่ชายคนนี้เก่งภาษาอังกฤษพอสมควรแต่สำนวนฟังยากมาก ตัวเราอ่อนภาษาอังกฤษเอามั๊กๆ กว่าจะรู้จุดประสงค์ว่าต้องการเช่ารถoff road เพราะเส้นทางไม่ดี บวกกับไม่มี guide พาดูนก เราเสนอตัวว่าเราเป็นเพื่อนพาดูได้แต่ไม่เก่งและไม่เสียค่าใช้จ่ายเพียงแต่จ่ายค่าเช่ารถก็พอแล้ว


ก่อนบ่ายเราและพี่เปี๊ยกขับรถไปกับชาวต่างชาติคนนี้เดินทางสู่บ้านกร่าง จากด่านสามยอด-บ้านกร่างเส้นทางเต็มไปด้วยต้นไม้และกิ่งไม้ที่ล้มกีดขวางทางไปตลอด บางช่วงไม้ใหญ่ที่ล้มต้องถอยรถถึง 2-3 ครั้ง คืนนั้นกว่าเราจะได้say good bye ก็เกือบ 5 ทุ่มแล้ว เรามองตามหลังแสงไฟท้ายรถที่วิ่งฝ่าความมืด และแหงนหน้าชมฟ้า เห็นดาวลอยเกลื่อนและหนึ่งในหมู่ดาวดวงน้อย กระพริบนิดๆเหมือนกล่าวราตรีสวัสดิ์

17/7/50 ต้นไทรลูกสุกเหลืองเต็มต้น ลูกเล็กๆร่วงจากใบบนสู่ใบล่างดังเปาะแปะๆยามนกน้อยปากจิกผลไทรกลืนกิน ลูกสาวและภรรยาแม้ไม่ชอบดูนกเหมือนคุณพ่อ แต่ก็อดตื่นเต้นไปกับสีสันลีลาท่าทางน่ารัก น่ามองตาม ของนกป่าแก่งกระจานไม่ได้ คุณพ่อแสนน่ารักก็จัดตั้งกล้องให้ลูกสาวได้ชื่นชม และต้องตื่นเต้นครอบครัวนกเงือก wreathed hornbill บินผ่านศีรษะกลุ่มของเราไป เสียงลมหนักแหวกปีก เสียงแห่งมนต์เสนห์ ตอกย้ำว่านี่คือเสียงแห่งป่าใหญ่ ต้นไม้ที่ยืนค้ำฟ้า พวกเขาเหล่านี้คือผู้ปลูกที่แท้จริง ป่านี้คือบ้าน เป็นรังแห่งความรัก ที่สร้างครอบครัว ให้กำเนิดชีวิตของลูกหลาน เราเป็นแค่ผู้มาเยี่ยมเยือนเท่านั้นเอง หาใช่เจ้าบ้านไม่


ที่บ้านกร่างเราหยุดพักเพื่อทานอาหารกลางวัน คุณ Horst Flotow ขอตัวเดินชมนกคนเดียว ช่วงที่เราจัดอาหารกลางวันและเตรียมชงเครื่องดื่มร้อนๆให้คุณและครอบครัวทาน ไม่ถึง10 นาที คุณ Horst Flotow เดินกลับมา ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มคุณเล่าว่าได้พบ นก eared-pitta คุณ Flotow ข้ามน้ำข้ามทะเลพาเมียจูงลูกมาเพื่อดูนก หรือธรรมชาติส่งมอบของขวัญให้กับคุณ เราถามตัวเองว่าแล้วตัวเราเล่าจึงยังไม่เคยได้พบเจอ แต่คำตอบที่ให้ตัวเอง เรารู้แก่ใจเสมอ


18/7/50 บนยอดเขาพะเนินทุ่ง เช้านี้สว่างจ้า หลังจากฝนพรำทั้งคืน เจ้าหน้าที่บอกว่าฝนอย่างนี้มาเกือบเดือนแล้ว ไม่เจอะเจอตะวันเลย กลุ่มเรามีแสงอาทิตย์สาดส่อง เรารีบจัดอาหารเช้าและเดินทางสู่ ก.ม 27 คุณ Flotow ย้ำความต้องการอีกครั้ง rusty-naped pitta คือเป้าหมาย เราเป็นผู้ช่วยมองหานกตัวที่ว่า ทุกครั้งที่ใบไม้ขยับหรือเสียงดังแม้แผ่วเบา ความหวังเดินไปกับเราทุกย่างก้าว ไม่เคยเลือนหายจากใจ เราตั้งมั่นและทุ่มสุดใจเสมอ แม้จะรู้ว่ายังด้อยประสพการณ์ ใจที่เตรียมรับ ไม่เสียใจหากไม่มีโอกาสชื่นชมเจ้านกป่าที่หมายพบเจอ


ช่วงเวลาที่เราเดินไปกับคุณ Flotow เดินกันไปอย่างเงียบและเงียบ หรือเพราะสื่อภาษาที่ยากเย็น เราตระหนักว่าคุณเดินทางมาไกลเพื่อดูนก ไม่อยากรบกวนเวลาอันมีค่าที่คุณจะเดินคนเดียวมองหานกที่คุณใฝ่ฝันอยากพบและได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่รายล้อมอยู่ทุกฝีก้าว มีบางช่วงที่คุณผิวปากเลียนเสียงนกในธรรมชาติ ทั้งไพเราะและร้องได้เหมือนแทบทุกชนิด สีของนก rusty-naped pitta ในหนังสือเป็นสีสนิมผสมใบไม้แห้ง และเขียวขี้ม้าอมน้ำตาล ทุกครั้งที่เรากวาดตามองหาสิ่งเคลื่อนไหวตามพื้นดินใบไม้ร่วง กลับกลายเป็นใจเราเอง ทุกที่ที่เราพบคือสีของนกrusty-naped pitta ตัวนั้นนั่นเอง


นกหลากหลายชีวิตที่โบยบินออกมาให้เห็นริมทาง ให้เราต้องก้มมองหาตามใต้พุ่มกิ่งไม้เตี้ย และหัวเราะเบาๆเป็นฝูงแกล้งให้ชะเง้อตามกิ่งยอดสูงตั้งชี้ฟ้า บางครั้งพวกเจ้าพากันร้องสนั่นลั่นป่า มีแค่ครั้งหรือสองครั้งเท่านั้นเองที่นก rusty-naped pitta กู่ร้องตอบรับว่าอยู่ตรงนี้จากร้องผิวปากของคุณ Flotow แต่เพียงพอที่ทำให้คุณมีพลังแห่งความหวังยังมีพรุ่งนี้อีกครั้งให้ได้เดินค้นหา และใจเราก็ชอบเดินตามไปกับคุณด้วย


19/7/50 เรามองตามหลังคุณ Flotow ที่เดินไปกม .27 คนเดียว ทิ้งให้เราและชาวผาด่างจัดรื้อเตนท์เตรียมย้ายกลับสู่บ้านกร่าง คุณกลับมาตรงตามเวลาที่นัดหมาย และเล่าเรื่องสมหวังให้เราฟัง นก rusty-naped pitta ออกมาตามเสียงผิวปากที่คุณร้องเรียกและตอบรับออกมาให้ต่างพบสบตากันด้วย ธรรมชาติคัดแยกเราออกมาให้เป็นเพียงผู้รับฟังเรื่องดีใจแค่นั้นอีกครั้งหรือ


20/7/50 เดินผ่านมองดูต้นไม้ในป่าใหญ่ที่บ้านกร่างสองข้างทาง เราชอบสูดไอดินชื้นแฉะ กลิ่นสาบค่างและเสียงครางของ กระรอกดง คราวนี้ที่เห็นยามใบไม้กระเพื่อม เจ้าเริ่มอยู่เป็นคู่อีกครั้งแล้ว บนยอดไม้สูงแหงนคอตั้งบ่าอีกไม่นานลูกเจ้ากระรอกดงตัวเล็กๆคงกำเนิดที่ป่าแห่งนี้อีกครั้ง


ดอกไม้ป่าดอกเล็กๆสีขาวสลับม่วง หล่นร่วงกระจายหอมตลบอบอวล เราเอามือกอบขึ้นมาแล้วสูดดมกลิ่นหอมลึกๆ หอมอยู่อย่างนั้นเป็นนาน ก่อนจะส่งให้หนุ่มจ๊อบลองดมดูบ้าง หลังจากชื่นชมดอกไม้ป่าเสียนาน เราต้องรีบจ้ำเดินตาม คุณ Flotow เสียงร้องของนกพญาปากกว้างที่คุณสอนเราให้หัดฟัง จำแนกเสียงของ banded boardbill และพญาครุฑแห่งใจเรา dusky boardbill เสียงนกกระเต็นหลังลาย banded kingfisher ที่เราพบเห็นในกล้องสองตา แต่คุณ Flotow ได้พบคือได้ยินเสียง และเสียงนกอีกมากมายที่คุณสอนเราว่าเป็นนกอะไร


orange –breasted trogon นกอกสีส้มที่ยืนเกาะกิ่งไม้เอี้ยวตัวชม้ายตาหวาน สบตาผ่านกล้องสองตา สุดแสนพิเศษ คุณ Flotow ร้องผิวปากคุยกับเจ้านกอกส้มแจ๊ด นกน้อยตะเบงเสียงตอบรับจนอกกระเพื่อม แต่แววตากังขา ใครกันส่งเสียงเหมือนเป็นพวกเหล่าเดียวกัน แต่ยิ่งมองยิ่งโก่งคอส่งเสียงตอบรับกลับไม่ใช่เพื่อนพ้องในสกุล


ตลอด4 วันที่เราอยู่และมีหน้าที่คอยดูแลจัดหาที่นอน ทำอาหารให้ครอบครัวคุณทาน ช่างเป็นช่วงเวลาสุดพิเศษมากสำหรับเรา ในนาทีแห่งเวลานี้คุณ Flotow มอบความมหัศจรรย์แห่งธรรมชาติที่เราได้เรียนรู้ ซึมซับ เข้าใจอย่างอ่อนโยน หลากหลายความหมายที่ธรรมชาติซ่อนเร้น แต่เมื่อรู้แล้วกลับไม่ใช่ความฉลาดที่ได้ กลับกลายเป็นความสุขในหัวใจที่ได้เข้าใกล้ใจธรรมชาติมากขึ้น แม้เพียงแค่มุมเล็กๆมุมหนึ่ง หรือธรรมชาติส่งคุณ Flotow ให้เรา หาใช่ นก eared – pitta หรือ นก rusty-naped pitta ที่เราดั้นด้นค้นหา หากแต่เป็นชายคนหนึ่งที่เดินข้างๆ เรา หรือ เดินนำหน้าเรา ให้เราได้เดินตาม


promise มีแต่สายฝนที่กระหน่ำเป็นละลอกตลอดครึ่งวัน หลังจากทานอาหารเที่ยง การมองสายฝนนานแสนนานจนใจเราเหม่อลอยไปที่ไกลแสนไกล โปรแกรมช่วงบ่ายที่กำหนดเดินดูนก บริเวณอาคารนอนเรือนเยาวชนเปลี่ยนไป แต่สีหน้าคุณ Flotow ไม่ได้เหงาซึม ผิดหวังเสียดาย นกที่คุณเดินค้นหาแม้ยังไม่ครบที่คุณตั้งเป้าหมาย แต่คุณคงคิดเหมือนเรา พอใจในสิ่งที่ธรรมชาติกำหนดให้เสมอ

เกือบ4โมงเย็นเราตัดสินใจหันรถกลับสู่ผาด่าง ทิ้งสายฝนที่ยังคงโปรยเป็นน้ำเย็นลงมาอย่างใจยอมแพ้ไว้ที่บ้านกร่าง เมื่อมาถึงโป่งเทียมฝนไม่ได้ตามเรามา เราหันกลับไปมองผืนป่านี้ เมฆที่บ้านกร่างยังสีเทาเข้ม ผืนป่ากว้างใหญ่สีเขียวชุ่ม ค่อยๆห่างเราออกไปทุกทีที่วงล้อหมุน ผืนป่ายืนนิ่งเหมือนรอคอยให้เรากลับไป สัญญาอีกแล้ว เรา…. จะกลับมา


ที่ผาด่าง พยุงชาวผาด่างรีบเล่าให้ฟัง วันนี้คุณอ้วนมารับคุณโบ๊ทกลับกรุงเทพแล้ว รอที่จะพบเราไม่ไหวกลัวถึงกรุงเทพมืดเกินไป มอบเงินไว้ให้ 6,000 บาท เป็นค่าอาหารกลางวันเด็กบ้านด่านโง หรือจัดเป็นทุนการศึกษาก็ได้แล้วแต่พี่กุ้งเห็นสมควร จะโทรหาพี่กุ้งเพื่อพูดคุยเรื่องการช่วยเหลือเด็กบ้านป่าอีกครั้ง เสียงที่เราร้องขออย่างจริงใจและซื่อสัตย์ วันนี้มีเสียงกระซิบตอบรับแล้ว


ไม่มีความคิดเห็น: